novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
หน้าหลัก
ค้นหานิยาย
ompujang003
จันทร์
อังคาร
พุธ
พฤหัสบดี
ศุกร์
เสาร์
อาทิตย์
ทุกวัน
จบแล้ว
USER SETTINGS
LOGOUT
จันทร์
อังคาร
พุธ
พฤหัสบดี
ศุกร์
เสาร์
อาทิตย์
ทุกวัน
จบแล้ว
Hi, ompujang003
Memorize – เล่มที่ 17 ตอนที่ 21
ตอนที่ 21
โดย
ProjectZyphon
เวลาอาหารเช้าของเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ยังไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างตายตัว ที่โรงอาหารจะมีเหล่าลูกจ้างประจำอยู่ ถ้าหิวก็สามารถไปกินได้เลย
ถึงอย่างนั้นสมาชิกส่วนใหญ่กลับชอบรวมตัวกันที่โรงอาหารในตอนเช้า และเวลาก็ค่อนข้างคล้ายกัน
ความสัมพันธ์กับจองฮายอนในคืนนั้นที่เริ่มต้นด้วยความรู้สึกดีๆ ในที่สุดหลังจากที่ยูนิคอร์นน้อยปรากฏตัวออกมา ก็กลับจบลงอย่างไม่ชัดเจนเท่าใดนัก
แม้จะถูกจับได้ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เพราะในความเป็นจริงแล้วยูนิคอร์นก็ยังเป็นสัตว์อยู่ดี ก็แค่หมดสนุกหรือเปล่านะ? แต่จองฮายอนก็ขอให้ผมช่วยเข้าใจหล่อนที่หล่อนไม่ยอมทำอย่างนั้น แล้วก็ลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นออกไปด้านนอก บางทีหล่อนอาจจะออกไปตามหายูนิคอร์นน้อยก็ได้
แล้วนี่เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ผมถึงได้เห็นฉากแปลกๆ พิกลหลังจากเดินเข้ามาในโรงอาหารเช้านี้กัน
ฮี้
“ยะ…อยากกินนี่เหรอ”
ฮี้ ฮี้
จองฮายอน, อิมฮันนา และแพคฮันกยอล สามคนกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ที่โต๊ะ ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่ามีสามคนกับอีกหนึ่งตัวกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ต่างหากล่ะ
ยูนิคอร์นน้อยอ้าปากกว้างทั้งที่ยืนตัวตรงครองเก้าอี้ไปเสียหนึ่งตัว ข้างๆ กันนั้นคือจองฮายอนที่กำลังป้อนอาหารเจ้ายูนิคอร์นด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ
หากมองเพียงแวบเดียวอาจจะดูเป็นภาพที่น่ารัก แต่กลับรู้สึกดูขัดแย้งพิลึก ท่าทางของยูนิคอร์นน้อยดูช่างอวดดีเสียเหลือเกิน ใบหน้าที่ใสซื่อนั้นก็มีแต่ความดื้อรั้นปรากฏอยู่
“อ้าว พี่มาแล้วเหรอครับ”
“อุ๊ย เชิญค่ะแคลนลอร์ด มาทานอาหารหรือคะ”
ทันทีที่ผมค่อยๆ เดินเข้าไป แพคฮันกยอลและอิมฮันนาก็ทำเป็นรู้ตัวเสียอย่างนั้น ผมพยักหน้าเงียบๆ แล้วนั่งลงตรงที่นั่งที่ยังว่างอยู่ ผมส่งสายตาถามไปหาจองฮายอน ส่วนหล่อนก็ส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้สำหรับผมแล้ว มันเหมือนเป็นการบอกกลายๆ ว่าอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เสียมากกว่า
“นี่ หนูน้อย พี่ว่าตอนนี้พี่ก็ต้องทานข้าวแล้วเหมือนกันนะ…”
ฮี้?
ยูนิคอร์นน้อยหันหน้ามาเพราะน้ำเสียงเศร้าสร้อยของจองฮายอน ผมเห็นมันปล่อยลมหายใจฟืดฟาดออกมาก่อนจะหันไปสะกิดอิมฮันนาที่นั่งอยู่ด้านขวาแทน
“หืม? เรียกฉันเหรอ”
ฮี้
“ทำไมล่ะ”
ทันทีที่อิมฮันนาถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ยูนิคอร์นน้อยจู่ๆ ก็บุ้ยใบ้มาทางผม
ฮี้
“เอ๋? ท่านแคลนลอร์ดเหรอ”
ฮี้
“รอบนี้…พี่ฮายอน?”
ฮี้ ฮี้
ยูนิคอร์นน้อยพยักพเยิดไปทางจองฮายอนต่อแล้วพยักหน้าทันที และก่อนที่จะได้ทันทำอะไรแปลกๆ ออกมาต่อ จองฮายอนก็รีบยื่นช้อนมาทางยูนิคอร์นน้อยทันที
…
โดยพื้นฐานแล้วยูนิคอร์นน้อยเป็นพวกที่รับรู้ความรู้สึกได้เร็วและฉลาดหลักแหลม ผมไม่รู้ว่าระหว่างทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน แต่จองฮายอนจะต้องทำอะไรผิดอย่างแน่นอน
ก็นั่นล่ะนะ คงต้องจัดการเหมือนอย่างเคยนั่นแหละ
ผมลอบถอนหายใจอยู่ข้างในขณะที่มองจองฮายอนที่กำลังเหงื่อตก พิจารณาจากท่าทางสับสนของหล่อนแล้ว เป็นไปได้สูงทีเดียวว่าหล่อนจะถูกจับได้แน่ๆ ตามความเห็นส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่ายูนิคอร์นน้อยคงจับท่าทีของหล่อนได้และคิดจะใช้โอกาสนี้ทำให้ลำดับของตนสูงขึ้น หรือไม่ก็ด้วยเหตุผลอื่นที่ผมเองก็ไม่อาจรู้ได้
ก่อนอื่นผมตัดสินใจจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจองฮายอนจนเมื่อมันดูจะเกินมือของหล่อนผมจึงจะก้าวเข้าไปช่วย ความจริงแล้วเจ้ายูนิคอร์นน้อยเหลือบมองผมเป็นครั้งคราว เพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดว่ามันยังอยู่ในขอบเขตที่ผมยังทนได้อยู่
“แคลนลอร์ด อาหารเช้าวันนี้มีขนมปังง่ายๆ กับซุปนะคะ ตอนนี้ทุกคนต่างเข้าไปในครัวกันหมด เดี๋ยวฉันจะไปเอาออกมาให้นะคะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมไปเอาเองจะดีกว่า”
โชคไม่ดีที่เคาน์เตอร์ของโรงอาหารนั้นว่างเปล่า ผมยืนขึ้นจากเก้าอี้หลังจากทำมือให้อิมฮันนาที่กำลังรีบลุกขึ้นให้นั่งลง
“ท่านแคลนลอร์ดไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้นะ…”
“ผมเป็นคนจะกิน ผมก็ต้องเป็นคนไปเอาสิครับ จะให้ผมเป็นฝ่ายรับมันก็ได้นะ แต่ไม่รู้สิ”
ผมกำลังจะเดินไปแต่ก็หยุดไปครู่หนึ่ง พอมาคิดดูแล้ว ผมก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับอิมฮันนาเกี่ยวกับอุปกรณ์สักหน่อย
หญิงร่างทรงยามอัสดงดูจะจับเชือกจากฝั่งหล่อนไว้แล้วเป็นแน่ ผมคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าผมเริ่มพูดเรื่องนี้ก่อน และหากหล่อนไม่ได้มีนัดสำคัญอะไรก็จะได้คุยหาทางแก้ปัญหากันทันทีหลังจากมื้ออาหารจบลงแล้ว
“อ้อ อิมฮันนา วันนี้คุณมีกำหนดการอะไรหลังจากเสร็จจากมื้อเช้านี้หรือไม่ครับ”
“คะ? ไม่นะคะ”
“ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้น…”
หลังทานอาหารเสร็จเราไปคุยกันที่ห้องทำงานหน่อยนะครับ และเมื่อผมกำลังจะพูดประโยคนี้ต่อนั่นเอง
“แคลนลอร์ด! แคลนลอร์ด!”
ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็วิ่งเข้ามาในโรงอาหารแล้วตะโกนส่งเสียงดังอย่างร้อนรน
และเมื่อผมหันไปมองด้วยความสงสัย ก็ได้เจอเข้ากับร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อของชินซังยง
“แฮ่ก แฮ่ก! คะ แคลนลอร์ด! ขะ ข้างนอกมีอะไรแปลกๆ ครับ!”
“เอ๋?”
ผมขมวดคิ้วให้กับคำพูดที่คาดไม่ถึงก่อนจะถามซ้ำใหม่อีกครั้ง ชินซังยงรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดจะพักหายใจแม้สักนิด
“วะ วันนี้ผมไปที่ย่านคนพลุกพล่านมาเพราะมีธุระที่นั่น…”
“รู้แล้ว รู้แล้ว ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ พูดเถอะครับ”
“ตะ ตอนนี้…ฟู่ววว สมาชิกเผ่าของอีสตันเทลลอว์นับร้อยคนกำลังรวมตัวกันยาวตั้งแต่จัตุรัสจนถึงวาร์ปเกตเลยครับ และพวกเขาทุกคนติดอาวุธกันทั้งหมดด้วยล่ะครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใจผมก็สงบลงในชั่วพริบตา
มันเริ่มขึ้นแล้ว
* * *
ซองฮยอนมินมีสีหน้ากังวลใจอย่างสุดซึ้ง การเอาแต่เขย่าขาและไม่สามารถวางสายตาไว้ในที่ใดที่หนึ่งได้นั้นดูต่างจากนิสัยปกติของเขาอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
“เฮ้อ…”
“อยู่นิ่งๆ ทีเถอะ หืม? แล้วทำไมถึงทำท่าเหมือนหมาปวดอึแบบนั้น ไม่สมเป็นนายเลยนะ”
ทันทีที่อีฮโยอึล ซึ่งดูแย่ยิ่งกว่าก่นด่าเขาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ซองฮยองมินก็เผยยิ้มกระดากอายออกมา
“ฮะ…ฮ่าๆ ขอโทษด้วยครับ พอคิดว่าเดี๋ยวก็จะต้องออกไปแล้วมันก็เกิดตื่นเต้นขึ้นมาน่ะครับ”
“ให้ตายเถอะ นายก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยนะ”
“ก็ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่ครับ ในตอนนั้นผมทำตามความเชื่อของตัวเอง แต่ตอนนี้…”
ซองฮยอนมินค่อยๆ เบาเสียงลงที่ท้ายประโยคขณะที่เขากำลังพูดอยู่ เพื่อสังเกตอาการของอีฮโยอึล
“ถ้าอย่างนั้น ความเห็นที่ไม่ตรงกันของเราตอนนี้ก็ขัดกับความเชื่อนายด้วยอย่างนั้นเหรอ”
“…เป็นอย่างนั้นครับ”
ซองฮยอนมินตอบออกไปตรงๆ อีฮโยอึลมองเขานิ่งๆ สักพักก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา
“เฮ้อ ฮยอนมิน นายยังจำตอนที่ฉันอยู่กับนายเมื่อสามปีที่แล้วได้ไหม”
“….ครับ จำได้ครับ”
“อย่างที่ฉันเคยบอก ว่าความเชื่อน่าขันของนายน่ะ มันจะขัดขวางการเติบโตในฐานะผู้เล่นของนายเอง หากนายเปลี่ยนนิสัยเสียหน่อย นายจะยิ่ง…”
ในตอนนั้นเอง ก็มีประกายแวบขึ้นมาในตาของซองฮยอนมิน
“อีฮโยอึล โดยส่วนตัวแล้วผมเคารพคุณ คำพูดของคุณมีเหตุผลเสมอ และไม่เสียหายที่จะนำไปปฏิบัติตาม ในฐานะที่ผมเป็นผู้เล่นที่ได้เจอคนอย่างคุณโดยตรงนั้น ผมย่อมรู้ดีแต่…ก็อาจจะมีผู้เล่นบางคนที่ไม่พอใจการจัดการในวันนี้ได้เช่นกันนะครับ”
ก่อนที่อีฮโยอึลจะได้พูดจนจบประโยค ซองฮยอนมินก็พูดตัดบทหล่อนขึ้นมาเสียก่อน แต่ผิดคาด หล่อนไม่ได้มีสีหน้าที่แสดงความไม่พอใจออกมาแต่อย่างใด ไม่สิ ตรงกันข้าม หล่อนกลับอมยิ้มอย่างอ่อนโยนเต็มดวงหน้าเสียอย่างนั้น
“ฮยอนมิน ฉันว่านายกำลังเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วล่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดของฉันเพียงคนเดียวหรอกนะ นายเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ”
“…”
“ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่พวกนายต้องการกันมาตั้งแต่แรกนี่ แน่นอนว่าที่ฉันทำเพราะคิดว่ามันสมเหตุสมผลตามที่นายได้พูดไป”
“…ความจริงแล้วผมกังวลว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นสาเหตุที่นำพาทวีปทางเหนือเข้าสู่ความวุ่นวายน่ะครับ”
ท้ายที่สุด เมื่อซองฮยอนมินเปลี่ยนไปพูดเรื่องความกังวลของเขาแทนราวกับจะบอกว่าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วนั้น อีฮโยอึลก็หัวเราะคิกคักออกมา
“ฉันเข้าใจนะว่านายกังวลเรื่องอะไรอยู่ แต่อย่าสนใจจนมากเกินไปเลย”
“ผู้เล่นอีฮโยอึล”
“แล้วนายไม่คิดว่าฉันจะคิดเรื่องเดียวกับนายบ้างเหรอ”
เพียงคำนี้คำเดียวก็ทำให้ซองฮยอนมินปิดปากเงียบได้อีกครั้ง
“ฉันน่ะคิดเอาไว้ทุก~ อย่างแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงนะ แล้วเรามาคอยดูกันว่ามันจะเป็นไปตามที่นายหรือฉันคิดเอาไว้กันแน่ เข้าใจไหม”
หล่อนประสานมือสองข้างยืดขึ้นเหนือหัวแล้วลุกขึ้นยืนหลังจากที่ปัดขี้บุหรี่ทิ้งหมดแล้ว และหันไปพูดกับซองฮยอนมินที่ยังนั่งปั้นหน้าบึ้งตึงอยู่ด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
“เอาล่ะ ลบความคิดผิดหวังเสียใจออกไปแล้วออกไปจากที่นี่กันเถอะ ได้เวลาเริ่มแล้วนะ ก้าวแรกของยุทธการโลกใบใหม่น่ะ”