Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 128 ไปด้วย

เรื่อง ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 128 ไปด้วย

ตอนที่ 128 ไปด้วย

ซูผิงเรียกแท็กซี่เพื่อออกจากเขตเมืองตอนบน
อย่างไรก็ตาม คนขับรถกลับปล่อยเขาลงไว้ที่ชายแดนของเมืองตอน
บนและไม่เข้าไปในเขตเมืองตอนล่าง ซูผิงต้องนั่งแท็กซี่ต่อไปอีก
การออกจากเขตเมืองตอนบนนั้นยากพอ ๆ กับการเข้า
ซูผิงไม่ได้กลับบ้านโดยตรง เขาแวะร้านก่อน
มีคำสั่งการฝึกฝนจำนวนมากซ้อนกัน ซูผิงต้องฝึกอสูรเมื่อเขาว่าง
เขาสงสัยว่าเขาควรจะบอกแม่ของเขาหรือเปล่าว่าเขาคิดจะใช้ชีวิตอยู่
ในร้าน
สามารถฝึกอสูรได้มากกว่า 10 กลุ่มโดยใช้หุ่นฝึกซ้อม หลังจากนั้น
จะมีการเปิดช่องว่างสำหรับธุรกิจมากขึ้น วันนี้การสอนพิเศษส่วนตัว
ทำให้เขาเสียเวลาสี่ถึงห้าชั่วโมง ซูผิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาปวดร้าว
ด้วยเวลาเท่านี้เขาสามารถฝึกอสูรได้สี่ถึงห้าชุดและเงินที่ได้จะไม่
น้อยไปกว่าการทำงานครูสอนพิเศษส่วนตัว
นอกจากนี้เงินที่ได้จากร้านค้าสามารถเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงานได้
“ฉันต้องคิดทบทวนเรื่องการสอนส่วนตัวใหม่ทั้งหมด” ซูผิงพูดกับ
ตัวเอง
เมื่อเริ่มสั่งงานหุ่นฝึกซ้อมแล้ว ซูผิงก็ออกจากร้านและปั่นจักรยาน
กลับบ้าน
เขาเห็นแม่ของเขาดูทีวีและรอเขากลับบ้าน
“ลูกกลับมาแล้ว” หลี่ฉิงรู่เลิกสนใจในรายการทีวี หลังจากที่ซูผิง
กลับมา “แม่จะไปอุ่นมาอาหารให้”
ซูผิงทักทายแม่ของเขาและไปล้างมือ
เมื่อเขานั่งลงข้างโต๊ะอาหารเย็นเพื่อรอกินอาหาร เขาก็ได้ยินเสียง
ฝีเท้าเดินลงมาจากชั้นบน มันคือซูหลิงเยวี่ย เธอลงมาพร้อมกับแก้ว
น่าจะลงมาเติมน้ำ
ซูหลิงเยวี่ยมองไปที่ซูผิงและเดินผ่านไปพร้อมกับแก้วในมือของเธอ
“ธุรกิจเป็นยังไงบ้าง? ทำไมกลับดึกจังทุกวันเลย” เธอฟังดูสบาย ๆ
ราวกับว่าไม่มีอะไรก็แค่คำถาม
ซูผิงให้คำตอบที่สบาย ๆ ไม่แพ้กันว่า “ก็โอเค”
ซูหลิงเยวี่ยเม้มปากของเธอ แค่โอเค? ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่เธอเห็นใน
วันนี้ เธอคงจะเชื่อคำที่ซูผิงพูด
เธอจ้องมองเขาอีกครั้ง หลังจาก 19.00 น. ซูผิงออกจากร้าน เธอขี่
สกูตเตอร์ตามเขาไปเพียงเพื่อพบว่าซูผิงเรียกแท็กซี่ไปยังพื้นที่เมือง
ตอนบน
เธอไม่มีใบอนุญาตเข้าในเขตเมืองตอนบน และมีเงินติดตัวเพียง
เล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงหยุดการติดตาม เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก
กลับบ้านด้วยจิตใจที่ขมขื่น
ซูผิงกลับมาในช่วงดึก ๆ เขาไปทำอะไรในช่วงเวลานั้น?
เธอเกือบจะเห็นความจริง แต่เธอก็ไม่สามารถแสดงได้ หลังจากคิด
ได้แล้วเธอก็ถามคำถามอีกว่า “วันนี้ร้านทำเงินได้เท่าไหร่?”
ซูผิงพยายามหลอกเธอ “ก็ไม่มาก นิดหน่อย”
โกหก!
ซูหลิงเยวี่ยคำรามในใจ
มีคนต่อแถวเต็มไปหมด ซูผิงยังกล้าพูดแบบนั้นได้ไง?
เขากำลังพยายามริบเงินทั้งหมดไว้กับตัว?
ซูหลิงเยวี่ยกัดฟัน แก้วในมือเธอทนแรงทั้งหมดได้ดี โดยผิวเผิน เธอ
ยังตีหน้านิ่ง “งั้นเหรอ? มันเผอิญว่าพรุ่งนี้ฉันว่าง งั้นฉันขอไปดูร้าน
หน่อยละกัน”
“ว่าง?” ซูผิงแปลกใจ จากนั้นเขาก็จำได้ว่ามันเป็นวันหยุด
ไม่แปลกใจที่ร้านขายดี
เขาพลันเข้าใจ เขามองน้องสาวเขา หรือว่า..วันนี้เธอไปร้านมา?
ไม่งั้น ทำไมเธอถึงมาสนใจเรื่องร้าน?
ซูผิงมั่นใจการคาดเดานี้ “แล้วแต่เธอ”
ทำไมเขาต้องกังวล? ธุรกิจของร้านดีเพราะความพยายามของเขาและ
ระบบ เขาไม่รู้สึกผิดต่อครอบครัวต่อให้เงินเข้ากระเป๋าเขา เขาไม่
ต้องกังวลด้วยซ้ำว่าซูหลิงเยวี่ยจะรู้รายได้ของร้าน
เขาเป็นคนทำเงิน
เขามีสิทธ์ิได้ทั้งหมด
ซูหลิงเยวี่ยแปลกใจกับความมั่นใจนั้น เธอโกรธเพราะเธอไม่สามารถ
ได้ข้อมูลอะไรจากเขาเลย
เธอโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ร้านค้าถูกปล่อยให้ซูผิง
ดูแล การทำเงินทั้งหมดเพราะซูผิง แน่นอน การเสียเงินก็เป็นความ
รับผิดชอบของเขา เธอแค่โกรธที่ซูผิงเอาเงินไปเป็นของตัวเอง
เธอควรบอกแม่ไหม?
แต่ซูหลิงเยวี่ยก็ล้มเลิกความคิดไป
ซูผิงเอาชนะอสูรปีกได้ขณะที่เขายังไม่ยอมรับว่าเป็นอาจารย์
กิตติมศักด์ิในสถาบัน…เพื่อให้มีพลังเช่นนี้ เขาไม่สามารถพึ่งพาแค่
การบ่มเพาะ เขาต้องใช้โชคมหาศาล!
เงินที่ซูผิงใส่ในกระเป๋าเขาต้องถูกใช้เพิ่มพลังเขาแน่
นั่นเป็นเหตุผลที่ชอบธรรม
เขาซื้อมังกรเพลิงนรกด้วยเงินที่เขาทำ? ซูหลิงเยวี่ยกลัวกับความคิดนี้
เมื่อพิจารณาถึงพลังของมังกรเพลิงนรก ผู้คนไม่สามารถซื้อได้ต่อให้
มีเงิน ต่อให้มังกรเพลิงนรกลดราคา ราคาก็ยังสูง ด้วยเงินที่ทำได้ใน
ร้านนั้น พวกเธอไม่สามารถซื้อมังกรเพลิงนรกสักตัวได้ต่อให้ผ่าน
ไปร้อยปี
เธอจ้องซูผิง พบว่าเขาดูไม่คุ้นเคย
ครั้งนี้ หลี่ฉิงรู่กลับมาพร้อมอาหารของซูผิง
เธอแปลกใจที่เห็นซูหลิงเยวี่ยด้วย “ลูกลงมาทำอะไร?”
ซูหลิงเยวี่ยตอบ “หนูลงมาเอาน้ำร้อน”
“ลูกมีขวดน้ำร้อนในห้องไม่ใช่เหรอ?”
ซูหลิงเยวี่ยไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นแม่เธอที่มองเธอออก
เธอสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองเธอจากด้านข้าง เธอหันไปมอง
“หนูดื่มน้ำร้อนหมดแล้ว” จากนั้นเธอก็วิ่งกลับขึ้นไป
หลี่ฉิงรู่สับสน “ลูกดื่มหมดแล้ว? แต่แม่เพิ่งเทให้ทั้งขวดเองนะ”
ตึง ตึง ตึง!
ซูหลิงเยวี่ยวิ่งเร็วขึ้น!
ซูผิงมองซูหลิงเยวี่ย เขามั่นใจทันทีว่าเธอรู้เรื่องร้านเขาแล้ว แต่ก็มี
เรื่องที่เธอไม่รู้ ซูหลิงเยวี่ยรู้แค่ว่าธุรกิจกำลังเป็นไปด้วยดี แต่เธอไม่รู้
ถึงผลประกอบการจริง ๆ
ซูผิงส่ายหัว เขาไม่อยากเสียเซลล์สมองไปกับเรื่องเช่นนี้ ไม่สำคัญว่า
เธอจะรู้หรือไม่ เขาไม่มีเจตนาปิดบังตั้งแต่ต้นเพราะความจริงยากจะ
ปกปิดอยู่แล้ว
ซูผิงกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วและขึ้นไปชั้นบน
เขากลับไปห้องเขาและบ่มเพาะต่อ
ขณะบ่มเพาะ ซูผิงยังคิด ฉันต้องทำภารกิจล่าสุดให้เสร็จเพื่อปลดการ
ฝึกขั้นสูง ฉันกำลังฝึกอสูรที่สนามบ่มเพาะระดับกลาง ฉันควร…ไป
ลองเสี่ยงโชคกับสนามบ่มเพาะขั้นสูงไหม?
สนามบ่มเพาะระดับกลางมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่ต้องใช้เวลานานกว่า
เขาสามารถเติมเต็มข้อกำหนดได้หลังผ่านการฝึกหลายรอบ
ในทางกลับกัน สนามบ่มเพาะระดับสูงมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแต่สามารถ
ประหยัดเวลาได้
นี่เลือกยาก เขาจะไปสนามบ่มเพาะระดับกลางถ้าเป็นสมัยที่ยากจน
แต่ตอนนี้ธุรกิจกำลังไปได้สวย
ซูผิงค่อยหลับขณะครุ่นคิด
เช้าวันต่อมา
ซูผิงตื่น เขาเห็นซูหลิงเยวี่ยอยู่ตอนเขาลงไปกินข้าวเช้า
ไม่น่าแปลกใจที่ฉันไม่เห็นเธอเมื่อวานตอนกินข้าวเช้า เธอต้องบอก
ฉัน นับตั้งแต่ซูผิงตระหนักว่านี่เป็นวันหยุด เขาก็เห็นซูหลิงเยวี่ยบ่อย
ซูผิงกินโจ๊ก ขนมปังนึ่งแล้วออกไป
“ฉันจะไปกับพี่” ซูหลิงเยวี่ยเดินตามเขาไปทันที
ซูผิงเลิกคิ้ว เธอหมายความตามที่พูด
“แล้วแต่” ซูผิงไม่อยากเสียเวลากับเธอ ถ้าเขาหยุดเธอ เธอคงอยากรู้
อยากเห็นขึ้น ยังไงก็ตามเธอไม่สามารถเข้าห้องอสูรได้โดยไม่ได้รับ
อนุญาต ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเห็นอะไรได้
ซูหลิงเยวี่ยแค่อยากรู้ว่าธุรกิจดีเหมือนเดิมไหม ทั้งสองมุ่งหน้าออกไป
ซูหลิงเยวี่ยขี่สกูตเตอร์ที่แม่เธอใช้สำหรับซื้อของตามซูผิงไป
ก่อนมาถึง ซูผิงสามารถเห็นแถวยาวที่ประตูได้แต่ไกล ดูเหมือนจะมี
ลูกค้ามากกว่าเดิม
เขาขมวดคิ้ว เมื่อวานมีอสูรฝึกไปแล้วไม่มากนัก เขากลัวว่าจะมีพื้นที่
ฝึกไม่ว่างพอ
ซูหลิงเยวี่ยแปลกใจที่เห็นแถวยาว ธุรกิจยังเป็นไปได้ดี วันก่อนไม่ใช่
ข้อยกเว้น
เมื่อซูผิงมาถึง ฝูงชนก็พุ่งเข้าหาเขา
ซูผิงชินกับฉากนี้แล้ว เขาล็อคจักรยานเขา ปลดล็อคประตูร้าน ก่อน
จะก้มลงเพื่อดึงบานเกล็ด แต่มีคนทำไปก่อนแล้ว
ซูผิงมองคนคนนั้น นี่คือคนคุ้นเคย มันคือคนเดียวกับที่ช่วยเขามา
ก่อน
ซูผิงพยักหน้าเป็นการขอบคุณ
ซูผิงเข้าข้างใน หมุนกลับ พูดกับฝูงชน “เหมือนเดิม เข้าแถว ครั้งนี้
คนที่มารับอสูรให้ต่อแถวซ้าย คนที่เอาอสูรมาฝึก ต่อแถวขวา”
ฝูงชนแยกเป็นสองแถว
มีคนทางฝั่งซ้ายน้อยกว่า นอกจากคนที่เคยมาแล้ว ส่วนใหญ่ที่ยืน
ทางซ้ายดูสับสน
ตอนพวกเขาได้รับแจ้งจากซูผิงให้มารับอสูร พวกเขาคิดว่าพวกเขา
ได้ยินผิด มันใช้เวลาฝึกแค่วันเดียว?
การฝึกสามารถทำได้เร็วขนาดนี้?
พวกเขารู้สึกเหมือนถูกหลอก ถ้าไม่ใช่ความจริงที่มีนักเรียนมามาก
ขนาดนี้ พวกเขาคงเถียงเขาไปแล้ว
“คนที่มารับอสูรจะเข้าก่อน แถวขวา โปรดรอ” ซูผิงพูด เหล่าคนที่
รอแสดงความเข้าใจ พวกเขาทุกคนบอกว่าไม่รีบ
“ตกลง ชื่อและชื่ออสูร?” ซูผิงเริ่ม
คนที่อยู่ด้านหน้าเป็นเด็กหนุ่มชื่อ เนี่ยจาน
เขามาฝึกอสูรในร้านซูผิงเป็นครั้งแรก เขามาจากตระกูลทั่วไปและ
ใช้เวลานานเพื่อเก็บเงินแสนเหรียญ
เขาจะไม่เด็ดเดี่ยวขนาดนี้ถ้าซูผิงไม่ใช่อาจารย์กิตติมศักด์ิ
เขาสับสนและกลัวเมื่อซูผิงเรียกเขาให้มารับอสูร ถ้าซูผิงหลอกเขา
เรื่องการฝึก เขาคงใช้เงินเก็บที่เก็บมานานจนหมด
เขานอนไม่หลับทั้งคืน เขาคลานขึ้นมาก่อนรุ่งสาง และไปที่นั่นทันที
นั่นทำให้เขามาเป็นคนแรก
เขารออย่างกระสับกระส่าย อารมณ์เขายิ่งแย่ตอนนี้ เขารู้สึกอยากพูด
คำไม่เหมาะสมออกไป ต่อมา นักเรียนก็ยิ่งมาถึง ไม่งั้น เขาคงโต้เถียง
กับซูผิงเพื่อขอเงินคืน
“หนูหินระดับสี่?” ซูผิงพบชื่อของอสูรที่เด็กหนุ่มนำมา เขาพยักหน้า
บอกให้เด็กหนุ่มรอขณะเดินเข้าไปหยิบอสูร

อ่านตอนอื่นๆของ ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store คลิกเลย

แฟนเพจ