ตอนที่ 137 ยืนหยัดเพื่อเขา
ซูหลิงเยวี่ยเข้าฟังบรรยายด้วย เธออยู่ที่นั่นแม้ว่าเธอจะไม่มีอสูรของ
ตระกูลอันเดธก็ตาม
เธอรู้สึกผิดหวังและเสียใจที่ไม่ได้เห็นมังกรเพลิงนรก เมื่อพวกเขา
ออกไป เธอได้ยินเสียงนักเรียนบางคนที่อยู่ใกล้เธอพูดซุบซิบอย่าง
ไร้เหตุผล มันทำให้เธอโกรธ เธอตำหนิพวกเขา “พวกนายกำลังพูดถึง
อะไร? มันเกี่ยวอะไรกับพวกนายว่าเขามีอสูรมังกรหรือไม่มี? แม้ว่า
เขาจะไม่มี เขาก็ยังมีพลังมากกว่าพวกนาย อย่าพูดคำพูดเลว ๆ แบบ
นั้นที่นี่!”
นักเรียนที่ไม่พอใจซูผิงต่างประหลาดใจ เมื่อพวกเขาเห็นเป็นซูหลิง
เยวี่ย นักเรียนเหล่านั้นก็กลืนความไม่พอใจเอาไว้
ซูหลิงเยวี่ยถือเป็นราชินีของปีหนึ่ง ส่วนเย่ห่าวคือนักเรียนชั้นปีสาม
เธอเป็นคนพาล!
ดังที่กล่าวมานักเรียนเหล่านั้นรู้สึกอับอายที่ถูกดุเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขา
จะรู้ว่าซูหลิงเยวี่ยแข็งแกร่งเพียงใดและพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ
แต่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “นั่นคือเรื่องจริง เราพูดถึง
ความจริงไม่ได้หรอ?”
“เธอทำได้ แต่เธอไม่มีค่าพอที่จะทำแบบนั้น!”ซูหลิงเยวี่ยจ้องมอง
เธออย่างเย็นชา
เด็กผู้หญิงคนนั้นรู้สึกหวาดกลัวซูหลิงเยวี่ย เธอกัดฟันด้วยความโกรธ
“ซูหลิงเยวี่ย อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะว่าเธอเป็นแชมป์
อันดับหนึ่ง!”
“ฉันทำอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการ? เธอกล้าใช้คำเหล่านั้นได้ยังไง? ฉัน
จะส่งพวกเธอไปที่ห้องพยาบาลของสถาบัน ถ้าได้ยินคำนินทาอีก!”
เสียงของซูหลิงเยวี่ยยังคงเย็นชา
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”
“อย่ายั่วโมโหเธอ”
นักเรียนคนอื่น ๆ กลัวที่จะพูดมากกว่านี้ พวกเขาลากเด็กผู้หญิงคน
นั้นไป
ซูหลิงเยวี่ยมองพวกเขาที่จากไป ถึงกระนั้นเธอก็ยังรู้สึกหงุดหงิด
ในไม่ช้าเธอก็ได้สติ เธอแปลกใจกับอารมณ์ของตัวเอง
ทำไมเธอต้องโกรธขนาดนี้เมื่อมีคนพูดถึงผู้ชายคนนั้น?
ความสำนึกนี้ทำให้เธอโกรธมากยิ่งขึ้น
บ้า!
เวลาเดียวกันที่สำนักงาน
ไม่นานหลังจากที่ซูผิงจากไป ลั่วเฟิงเทียนและนักเรียนคนอื่น ๆ ก็
ไปที่สำนักงานของตงซงหมิงพร้อมกับชายชรา ชายวัยกลางคนและ
หญิงสาวที่มีเสน่ห์
ตงซงหมิงเดินไปหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มเมื่อแขกมาถึง เขาขอให้ชาย
ชรานั่งลงบนโซฟา จากนั้นเขาก็รินชาให้แล้วพูดว่า “ทำไมคุณไม่
แจ้งให้เราทราบว่าคุณจะมา? ผมควรจะไปทักทายคุณที่ทางเข้า”
โจวหยุนชานนั่งลงและตอบด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่าง
นั้น เรารู้ทาง”
ตงซงหมิงหัวเราะและพูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ
โจวหยุนชานสังเกตตงหมิงซง แต่ไม่เห็นอะไรผิดปกติ เขาสงสัยว่า
ตงหมิงซงแกล้งทำหรือเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ประตู
โจวหยุนชานเชื่อว่าน่าจะมีคำอธิบาย เหนือสิ่งอื่นใด เหตุการณ์นั้น
เกิดขึ้นไม่นานและพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีการแจ้งเตือน
ชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเข้าชั้นเรียนและอาจจะไม่ได้มาบอกตงซงหมิง
เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเอง ในขณะที่เขาคิดอย่างนี้ โจวหยุนชาน
ก็ผ่อนคลายตัวเองและพูดบางคำที่มีความหมายแฝงกับตงซงหมิงว่า
“ตง มีอะไรมากมายที่ผมไม่รู้เกี่ยวกับคุณ!”
ตงซงหมิงไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้ “คุณหมายถึงอะไร? เราสองคนมีความ
แข็งแกร่งเหมือนกัน ใช่ไหม?”
โจวหยุนชานทำเสียงเบา “อย่าคิดว่าผมไม่รู้เกี่ยวกับความลับของคุณ”
“ความลับ?” ตงซงหมิงรู้สึกประหลาดใจ มีบางอย่างเปลี่ยนไปบน
ใบหน้าของเขา เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบเพราะจู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่า
คอแห้ง “ผมมีความลับอะไร”
“มาดูกันว่าคุณจะโกหกไปได้นานแค่ไหน” โจวหยุนชานยิ้มเยาะ
“นักเรียนของเราได้พบกับบุคคลนั้นที่ด้านนอกประตูของคุณ”
“นอกประตู?” ตงซงหมิงเปลี่ยนสีหน้า แม้แต่ถ้วยน้ำชาก็ยังสั่นอยู่ใน
มือของเขา “คนนั้นอยู่ที่นี่?”
“อะไร?” โจวหยุนชานตะลึงเล็กน้อย เขารู้สึกว่าบทสนทนานี้เปลี่ยน
ไปอย่างแปลก ๆ “คนคนนั้นไม่ควรอยู่ที่นี่เหรอ? เขาไปไหน?”
ตงซงหมิงจ้องมองเขา
จะธรรมดาได้ยังไง?
คนคนนั้นมาโรงเรียน? ถ้าคนอื่นรู้เข้า
โจวหยุนชานรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในปฏิกิริยาของตงซงหมิง เขา
หยุดพูดอ้อมและพูดตรง ๆ ว่า “ตอบผมมาสิ เขาชื่ออะไร? อยู่ปีไหน”
“ชื่อเย่ หง…” ผ่านไปครึ่งประโยค ตงซงหมิงก็สังเกตเห็นบางอย่าง
ปีไหน?
ทันใดนั้นเขาก็รู้ว่าเขาผิดพลาดตรงไหน เขาหน้าแดงเล็กน้อยและ
กระแอมในลำคอ “คุณกำลังพูดถึงอะไร? ผมเข้าใจผิด”
“จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เลิกเสแสร้งได้แล้ว! คำพูดของคุณหลุดออกมาแล้ว!”
โจวหยุนชานโกรธ เขาตบโต๊ะ “เย่หง คือชื่อของเขาใช่มั้ย? บอกให้
เขารอ เขาจะเดินหนีไปได้ยังไงหลังจากที่ทำร้ายนักเรียนของผม นี่
เป็นเรื่องอุกอาจ นี่คือวิธีที่สถาบันฟีนิกซ์ปฏิบัติต่อแขกของตนหรือ
ไง”
ตงหมิงซงรู้ว่าโจวหยุนชานเข้าใจผิด ในขณะเดียวกันตงซงหมิงก็
สงสัยว่าโจวหยุนชานหมายถึงอะไร “คุณหมายความว่าอย่างไรที่เขา
ทำร้ายนักเรียนของคุณและเดินจากไป”
ตงซงหมิงเหลือบไปเห็นนักเรียนที่ยืนต่อแถวอยู่ในห้องทำงาน
นักเรียนเหล่านั้น ชายวัยกลางคนและหญิงสาวยังคงยืนอยู่ที่นั่น
ตงซงหมิงไม่เห็นใครได้รับบาดเจ็บ
โจวหยุนชานตะคอก เอนตัวพิงโซฟาและพูดว่า “เฟิงเทียน บอกรอง
อาจารย์ใหญ่ตง”
ลั่วเฟิงเทียนไม่ต้องการที่จะเล่าเรื่องนี้อีกครั้ง แต่เนื่องจากโจวหยุน
ชานต้องการให้เขาทำเช่นนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นลั่วเฟิงเทียน
ถอนหายใจกับตัวเอง และเล่าเรื่องน่าเกลียดนั้น
ตงซงหมิงดูเหมือนจะประหลาดใจหลังจากได้ยินที่ลั่วเฟิงเทียนพูด
ตงซงหมิงตกใจตกใจและถามว่า “คุณพูดว่า…มังกรเพลิงนรกเหรอ?”
“อืม ยังเสแสร้งอีก” โจวหยุนชานยิ้มเยาะ
ลั่วเฟิงเทียนพยักหน้า
ตงซงหมิงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องแปลก
ตงซงหมิงเม้มริมฝีปากเมื่อเขาจำได้ว่าซูผิงออกจากห้องทำงานไป
อย่างสงบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตงซงหมิงใช้ความพยายามอย่างมากในการเชิญนักเรียนเหล่านั้นมา
ที่นี่ แต่พวกเขาพ่ายแพ้ต่อซูผิงที่ประตู
“ดี…”
โจวหยุนชานกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธ แต่ตงซงหมิงกลับยิ้ม
เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของซูผิง เขาสามารถฆ่าอสูรศพเวท
ระดับแปดได้ การเอาชนะนักเรียนสองสามคนไม่ได้เป็นปัญหา
สำหรับเขา
ตงซงหมิงรู้สึกตกใจกับคำอธิบายของลั่วเฟิงเทียนที่ว่ามังกรเพลิง
นรกของซูผิงได้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว มันเป็นเช่นนั้นจริงหรอ?
ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นมังกรเพลิงนรก มันยังอยู่ในวัยเด็ก
เช่นเดียวกับที่เขาคาดหวัง ผู้ฝึกฝนหลักที่คอยหนุนซูผิงนั้นยอดเยี่ยม
มาก!
ดังที่กล่าวไว้ สำหรับมังกรเพลิงนรกที่จะเติบโตจากวัยเด็กไปสู่วัย
ผู้ใหญ่ภายในเวลาอันสั้นมันเร็วเกินไป แม้แต่ผู้ฝึกสอนระดับ
ปรมาจารย์ขั้นสูงก็ยังทำไม่สำเร็จ เว้นแต่จะใช้พลังทำให้อสูรเติบโต
การกระทำดังกล่าวสามารถเพิ่มความสามารถของอสูรได้อย่าง
รวดเร็ว แต่ในระยะยาวนั่นจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
ในขณะที่รู้สึกเสียใจกับมังกรเพลิงนรก ตงซงหมิงก็กำลังถามตัวเอง
ว่าทำไมซูผิงถึงเร่งการเติบโตของมังกรเพลิงนรก?
เป็นไปได้ไหมว่าในขณะที่เขาอ้างว่าเขาจะไม่เข้าร่วมในลีกนักรบ
อสูร เขาแอบลงทะเบียนอย่างลับ ๆ ?
ความคิดนี้ทำให้ตงซงหมิงมีความสุขอีกครั้ง
โจวหยุนชาน ลั่วเฟิงเทียนและนักเรียนคนอื่น ๆ กำลังจ้องมองตงซง
หมิง โดยหวังว่าจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลนี้จากเขา
สิ่งที่ทำให้พวกเขาสับสนคือการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของตงซงหมิง
หลังจากที่เขาได้ยินเรื่องราวของลั่วเฟิงเทียนบางครั้งตงซงหมิงจะ
ขมวดคิ้วในขณะที่ครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ บางครั้งดูเหมือนจะเสียใจ แต่
หลังจากนั้นเขาก็จะยิ้ม การแสดงออกที่หลากหลายนี้ทำให้พวกเขา
ประหลาดใจ
“คุณกำลังคิดอะไร?” โจวหยุนชานโกรธ เขากลัวว่าจิ้งจอกชราคนนี้
จะมาไม่ดี
ตงซงหมิงกลับมามีสติ เขารู้ตัวว่าเขาลืมตัว “ผมขอโทษ มีบางอย่าง
เข้ามาในความคิดของผม ผมรู้ว่าคุณกำลังพูดถึงใคร เขาไม่ใช่เย่หง
ใช่นี่คือประเด็น เขาไม่ได้ชื่อ เย่หง!”
“อะไร?” โจวหยุนชานขมวดคิ้ว
“เขาชื่อซูผิง” ตงซงหมิงตอบพร้อมกับหัวเราะ”ที่จริงเขาไม่ใช่นักเรียน
ในสถาบันของเรา แต่เป็นอาจารย์กิตติมศักด์ิที่เราเชิญมา ผมรู้ว่าเขา
มีมังกรเพลิงนรก คุณอาจกำลังพูดถึงเขา”
“ซูผิง?” โจวหยุนชาน ลั่วเฟิงเทียน ไต่หยานและทุกคนพูดชื่อนี้
“เขาชื่อซูผิง?” ดวงตาของลั่วเฟิงเทียนกะพริบ เขาจะไม่มีวันลืมชื่อนี้
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หลังโซฟาที่โจวหยุนชานนั่งอยู่จู่ ๆ ก็ถาม
ด้วยท่าทางบึ้งตึง”รองอาจารย์ใหญ่ คุณบอกว่าเขาเป็นอาจารย์หรอ?”
ตงซงหมิงรู้สึกประหลาดใจกับคำถามนี้ เขามองไปที่ชายคนนี้และ
พูดว่า “คุณต้องเป็นผู้อำนวยการเฟย หยานป๋ อ ผมได้ยินเกี่ยวกับคุณ
มามาก ยินดีที่ได้พบ”
เฟย หยานป๋ อ ไม่ตอบกลับคำทักทายนี้ แต่และถามคำถามของเขา
“รองอาจารย์ใหญ่ตง คุณบอกว่าคนนี้เป็นอาจารย์ใช่ไหม?”
“ใช่” ตงซงหมิงพยักหน้า
“เราสามารถปล่อยมันไปได้ถ้าเขายังเป็นนักเรียน เรายอมรับได้ว่าเรา
ด้อยกว่า แต่ในฐานะอาจารย์ เขารังแกนักเรียนได้ยังไง นี้ไม่ถูกต้อง!”
เฟย หยานป๋อ กล่าว
ตงหมิงซงเข้าใจสิ่งที่ เฟย หยานป๋ อ พูดในทันที “ผู้อำนวยการเฟย
ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ นอกจากนี้นักเรียนของคุณก็
เป็นคนที่ขวางทางเขา พวกเขาเริ่มก่อน”
เฟย หยานป๋อไม่พอใจมาก นั่นคือความจริง พวกเขาหาเรื่องซูผิงก่อน
อย่างไรก็ตาม ซูผิงไม่รุนแรงเกินไปหรอ? เขาไม่เพียงแต่เอาชนะ
ไต่หยานที่หาเรื่องเท่านั้น เขายังทำให้หมีกรงเล็บทองคำของเซี่ยง
เหล่ยบาดเจ็บ แล้วเซี่ยงเหล่ยจะเข้าร่วมการแข่งขันได้ยังไง?
โจวหยุนชานขมวดคิ้วเข้าหากัน “ตง คุณจะปล่อยไปแบบนี้ไปไม่ได้
นักเรียนของเราเพียงแค่สอบถามข้อมูลและเขาทำร้ายโดยไม่มีเหตุผล
มันรุนแรงเกินไป!”
“ไม่เหมาะที่คุณจะมีอาจารย์แบบนี้มาสอนนักเรียนของคุณ นอกจากนี้
เขาเป็นคนที่โจมตีเราก่อน คุณต้องแก้ไขเรื่องนี้ การขอโทษแบบต่อ
หน้าก็น่าจะพอ ผมไม่ขออะไรไปกว่านี้”