ตอนที่ 141 คำขอโทษ
ซูผิงออกจากพื้นที่ฉุกเฉิน จากนั้นเขาก็เห็นว่าตงซงหมิงนั่งอยู่ตรงไหน
และมุ่งหน้าไปที่นั่น
“คุณซู!”
“สวัสดี อาจารย์ซูผิง”
อาจารย์หลายคนที่เฝ้าดูอยู่ใกล้ ๆ ทักทายเขา พวกเขาส่วนใหญ่ดู
ประหลาดใจกับการมาถึงของเขา เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นเขาด้วย
ตัวเองจนถึงกระทั่งวันนี้ แม้ว่ามันจะช่วยไม่ได้เนื่องจากซูผิงมีสอน
แค่สองครั้ง และหลังจากสอนเสร็จเขาก็ปั่นจักรยานกลับทันทีโดย
ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พบกับเขา
ซูผิงพยักหน้าให้พวกเขาเพื่อแสดงความสุภาพ
ข้าง ๆ ตงซงหมิง เขายังพบโจวหยุนชาน เฟยหยานป๋ อและอาจารย์
อีกสองคนของสถาบันฟีนิกซ์-ลั่วกู่เสวี่ยและหลานเฮ่อ นอกจากนี้ยัง
มีที่นั่งที่สงวนไว้สำหรับนักเรียนที่จะต่อสู้ในการแข่งขันในวันนี้
ซูผิงไม่ได้บอกคนอื่นเกี่ยวกับปัญหาของเขากับอีกสถาบันเพราะ
พวกเขามีสีหน้าหดหู่หลังจากพ่ายแพ้
เป็นที่เชื่อกันทั่วไปว่าเย่ห่าวเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดของสถาบันฟีนิกซ์
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่ห่าวจะแพ้ลั่วเฟิงเทียนอย่างน่าสังเวช โดยที่
ทำอะไรไม่ได้เลย
ผู้ตัดสินยังไม่เป่ านกหวีดเพียงเพราะเย่ห่าวไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
แม้ว่าทุกคนจะเห็นว่าเขาแพ้
“นั่นคือ…คุณซู?” ลั่วกู่เสวี่ยมองออกไปจากเวทีด้วยท่าทางหงุดหงิด
“วันนี้คุณไม่มีสอนไม่ใช่เหรอคะ?” เห็นได้ชัดว่าซูผิงมาเพื่อชมการ
แข่งขัน แต่เสียดาย เขามาช้าเกินไป และผลที่ออกมาไม่ดีเลย
หลานเฮ่อได้ยินเสียงเธอและมองไปทางซูผิงด้วยใบหน้าที่ประหลาด
ใจ ในขณะที่ชมภาพลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ของซูผิงอย่างเงียบ ๆ เขา
ตรวจสอบบัญชีรายชื่อใหม่ของสถาบันและไม่เชื่อว่าซูผิงอายุ “18”
แต่เมื่อเห็นซูผิงในตอนนี้ เขาเชื่อแล้ว
เด็กผู้ชาย…คนในวัยดังกล่าวมักจะเป็นนักเรียนที่ยังไม่ประสบความ
สำเร็จอะไรเลย นี่คือเหตุผลที่พวกเขาเรียกเขาว่าอัจฉริยะแท้จริงใช่
ไหม? หลานเฮ่อคิดในขณะที่พยายามไม่แสดงสีหน้า
ตงซงหมิงได้ยินว่าซูผิงมาและถอนหายใจ
ในขณะที่นักเรียนจากสถาบันคู่แข่งกันอย่างไต่หยานและเซี่ยงเหล่ย
ก็รู้สึกเกร็งอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นใบหน้าของซูผิงก่อนหน้านี้พวก
เขายังคงพูดคุยกันเกี่ยวกับความ “อ่อนแอ” ของสถาบันฟีนิกซ์ แต่
ทันทีที่พวกเขาเห็นซูผิง พวกเขาทั้งหมดก็หยุดพูดทันที
เมื่อพวกเขาระลึกถึงการประสบการณ์อันน่าสยดสยองจากมังกรเพลิง
นรกในวันก่อน พวกเขารีบนั่งให้ไกลที่สุดตามสัญชาตญาณ
โจวหยุนชานและเฟยหยานป๋อพบว่าเป็นเรื่องแปลกที่หลายคนให้
ความสนใจนักเรียนอีกคนอย่างมากด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่พวกเขา
ก็ตระหนักถึงบางสิ่งได้อย่างรวดเร็ว และจ้องมองซูผิงด้วยสายตา
จริงจัง
“มาสิ อาจารย์ซู มานั่งที่นี่” คำพูดของลั่วกู่เสวี่ยช่วยให้พวกเขาพิสูจน์
ความสงสัย
“ผมแค่กำลังตรวจสอบบางอย่าง” ซูผิงพยักหน้าให้ลั่วกู่เสวี่ยแต่ไม่
ไปนั่งกับเธอ เขาไปพบรองอาจารย์ใหญ่ก่อน ตงซงหมิงเชิญซูผิงไป
นั่งใกล้ ๆ แต่มีคนมาหยุดพวกเขาซึ่งก็คือโจวหยุนชานที่ขัดจังหวะ
ตงซงหมิงด้วยท่าทางเย้ยหยัน
“คนนี้คืออาจารย์ที่ทำร้ายนักเรียนของเราใช่ไหม? มาขอโทษที่ทำให้
เราต้องรอก่อนทำอย่างอื่นเป็นไง?”
“ทำร้าย…อะไรนะ?” ทั้งลั่วกู่เสวี่ยและหลานเฮ่อมองไปที่ซูผิงอีก
ครั้งด้วยความตกใจ
บทสนทนาของพวกเขาดึงดูดความสนใจของนักเรียนที่ทำหน้าบึ้ง
หลายคนในบริเวณใกล้เคียงซึ่งทุกคนเริ่มตรวจสอบซูผิงด้วยความ
สงสัย ในฐานะอาจารย์กิตติมศักด์ิของสถาบัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้
เข้าร่วมบทเรียนของซูผิง แต่ก็ยังคงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับมังกรเพลิง
นรก หากไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจนใด ๆ ที่สนับสนุนการอ้าง พวกเขา
จะไม่เชื่อข่าวลือของซูผิงง่าย ๆ
ลั่วกู่เสวี่ยพูดกับโจวหยุนชาน “คุณหมายถึงอะไร? ทำร้ายนักเรียน
คุณโจว มีอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่า?
“ผิดหรอ?” โจวหยุนชานมองเธออย่างไม่เป็นมิตร “คุณตง รอง
อาจารย์ใหญ่ของคุณเชิญนักเรียนของเรามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน
แต่ชายหนุ่มคนนี้ทำอะไร? เขาต่อสู้กับนักเรียนของผมที่หน้าประตู
ทางเข้าและนักเรียนของผมก็ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเซี่ยงเหล่ยและ
อสูรหลักของเขา ถ้าหมีของเขาเข้าร่วมการแข่งในวันนี้ เราจะชนะ
ได้เร็วกว่านี้!”
สมาชิกของสถาบันฟีนิกซ์ทุกคนดูไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
น่าเสียดายที่ส่วนที่เลวร้ายที่สุดที่โจวหยุนชานกล่าวถึงนั้นเป็นเรื่อง
จริง
คำพูดของโจวหยุนชานสร้างความโกรธเคืองให้กับผู้คนจำนวนมาก
โดยเฉพาะลั่วกู่เสวี่ยและนักเรียนที่พ่ายแพ้ต่อ “อสูรรอง” ของเซี่ยง
เหล่ย แม้ว่าพวกเขาจะทำอะไรไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมดูซูผิงถูกกล่าวหา
โดยไม่ช่วยเหลือ
ลั่วกู่เสวี่ยพูดว่า “คุณโจวเราควรพูดตามข้อเท็จจริง คุณไม่เห็นด้วย
เหรอ?อาจารย์ซูไม่ค่อยได้มาที่นี่ บางทีคุณอาจเห็นคนอื่นทำร้าย
นักเรียนของคุณ…”
ตงซงหมิงยกมือเพื่อหยุดเธอ เขาอยากสนับสนุนซูผิงในฐานะรอง
อาจารย์ใหญ่ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้บานปลายไปมากกว่า
นี้ได้ ถ้ามีคนที่ไม่ใส่ใจได้รับข้อความนี้และอ้างว่าสถาบันฟีนิกซ์ซุ่ม
โจมตีคู่แข่งก่อนการแข่งขันเพียงเพื่อให้ได้เปรียบกว่า ผลที่ตามมาจะ
เลวร้ายยิ่งกว่าการแพ้การแข่งขัน
ตงซงหมิงส่ายหัวให้ลั่วกู่เสวี่ยและพูดกับรองอาจารย์ใหญ่อีกฝ่าย
โดยใช้ทัศนคติที่ดีที่สุดที่เขาสามารถจัดการได้ “โจว …ผมรู้ว่า
อาจารย์ซูทำร้ายนักเรียนของคุณ เรายอมรับเรื่องนั้น แต่มันเริ่มต้น
จากการที่นักเรียนคนหนึ่งของคุณที่ยั่วยุ ก่อน คุณซูในฐานะอาจารย์
กิตติมศักด์ิเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่ซูผิงจะสอนมารยาทให้กับ …
เด็กรุ่นใหม่ที่ดื้อด้าน ผมขอให้คุณซูมาในวันนี้เพียงเพราะ ‘บทเรียน’
นั้นก่อนการแข่งขัน แต่คุณไม่ควรล้ำเส้น”
โจวหยุนชานเห็นตงซงหมิงโกรธจริงและตัดสินใจที่จะไม่กระตุ้น
สถานการณ์ต่อไป พวกเขาได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในวันนี้ตราบ
ใดที่พวกเขาได้รับคำขอโทษก็ไม่มีอะไรจะต้องเรียกร้องอีก
“โอเคในเมื่อคุณพูดแบบนี้ เราจะจบเรื่องนี้ด้วยคำขอโทษที่คุณค้าง
พวกเราอยู่” โจวหยุนชานมองไปที่ซูผิง
ซูผิงถอนหายใจหยิบสิ่งของออกมาจากกระเป๋าและโยนให้โจวหยุน
ชาน
“นี่ไง “เทป” ของคุณ”
โจวหยุนชานจ้องม้วนเทปบนตักของเขา เฟยหยานป๋อและทุกคนก็ดู
เทป มันคือม้วนเทปจริง ๆ
“ไม่เอาหน่า ผมต้องหยุดพักร้านมาเลยนะ” ซูผิงกล่าว “ผมต้องใช้
เงินสามเหรียญ คุณต้องการใช้มันปิดปากหรืออะไรก็ได้?”
โจวหยุนชานกระเด้งขึ้นจากที่นั่ง หนวดเคราของเขาแข็งทื่อเนื่องจาก
ความโกรธ “เลว ไร้มารยาท!”
เฟยหยานป๋ อก็ลุกขึ้นยืน”นี่มันเรื่องตลกอะไร!”
“ซูผิง!” ตงซงหมิงไม่สงบอีกต่อไป เขาคาดหวังว่าซูผิงจะทำให้สิ่ง
ต่าง ๆ ราบรื่น ไม่ใช่ทำให้มันแย่ลง!
ซูผิงไม่ได้ดูกังวล “นั่นคือ ‘คำอธิบาย’ ที่คุณได้รับจากผมในวันนี้ รับ
หรือไม่รับผมไม่รู้ นี่คือวิธีที่สถาบันดาบคลั่งมักจะทำใช่ไหม? คุณ
ส่งนักเรียนมาก่อกวนผม พวกเขาถูกโจมตีและขอความช่วยเหลือ
จากชายชรา ทุเรศ”
“แก…” โจวหยุนชานและเฟยหยานป๋อโกรธมากจนตัวสั่น
ซูผิงพูดต่อด้วยการแสยะยิ้ม “อย่าอ้างคำว่าอุบัติเหตุก่อนการแข่ง
พวกนี้รู้ว่ามีการแข่งขันกำลังจะมาถึง พวกเขาควรอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ในที่ปลอดภัยแทนที่จะยื่นจมูกโง่ ๆ มาหาเรื่องผม? เอาล่ะตอนนี้
พวกเขามีปัญหากับความโง่เขลาและคุณคาดหวังให้คนอื่นตอบแทน
พวกเขา?”
“ผมหมายถึงพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่? ลองนึกดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ
พวกเขาเมื่อพวกเขาจบการศึกษา สมมติว่าพวกเขาถูกส่งไปปฏิบัติ
ภารกิจสำรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องไปเจอกับคนที่พวกเขารับมือไม่ได้
แล้วพวกเขาจะทำยังไง? ฆ่าตัวตายหรือยังไง? พวกเขาควรจะรู้สึก
โชคดีที่เป็นผม ทำไมไม่มีใครขอบคุณผม?”
ลั่วกู่เสวี่ยและหลานเฮ่อฟังด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พวกเขาไม่เคยเห็น
ด้านนี้ของซูผิงมาก่อนและไม่คิดว่าจะมี
โจวหยุนชานรู้สึกโกรธแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นเวลาหลายสิบ
ปีแล้วที่ไม่มีคนพูดคุยกับเขาในลักษณะเช่นนี้ แม้แต่ตงซงหมิงก็ไม่
สามารถดูถูกเขาเช่นนี้ได้
เฟยหยานป๋ อร้องเสียงหลง “ในฐานะอาจารย์ คุณทำร้ายนักเรียนของ
เราอย่างผิดจรรยาบรรณ และไม่เห็นว่าผิด! ได้ มาต่อสู้กัน ดูว่าส่วน
ไหนของคุณที่สมควรได้รับทัศนคติที่ไม่ดีนั่น! มังกรเพลิงนรกของ
คุณหรือลิ้นที่น่าสมเพชของคุณ? ”
“ฮึ่ม สู้? เอาจริง?”
ดวงตาของเฟยหยานป๋อทอประกายด้วยความโกรธสุดขีด “ผมไม่
สนใจว่าคุณเป็นใครหรือใครเป็นผู้หนุนหลังของคุณ!”
ในขณะที่พูด เฟยหยานป๋ อก็จ้องไปที่ลั่วกู่เสวี่ยและหลานเฮ่อเพื่อ
เตือนพวกเขาไม่ให้เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน