Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 154

เรื่อง ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 154

ตอนที่ 154 มาถึง
“สถานที่นี้ได้รับความนิยมแค่ไหนเนี่ย?”
หลานเล่อเล่อตกใจมากจนพูดไม่ออก
ซูหยานหยิงไม่คาดคิดเช่นกัน
ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของร้านค้าอายุน้อยจะกลายมาเป็นอาจารย์กิตติมศักด์ิ
ในสถาบันของพวกเธอ?แถมเขายังเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิอีกด้วย!
เดิมทีพวกเธอคิดว่าซูผิงเชื่อมต่อกับปรมาจารย์ฝึกฝนลึกลับในร้าน
มันนับเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับพวกเธอที่ซูผิงสามารถบรรลุ
ความสำเร็จเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง
มันเกินจินตนาการของพวกเธอที่นักรบอสูรกิตติมศักด์ิจะยังเด็กอยู่
ซูหยานหยิงจำได้ว่าตอนที่เธอไปบอกข่าวดีกับซูผิงตอนเธอได้อันดับ
สองในการแข่งขัน ความทรงจำนั้นทำให้เธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่
หลากหลาย เธอต้องพึ่งพาหนูสายฟ้าเพื่อคว้าอันดับสอง เมื่อเทียบกับ
ซูผิง แม้แต่แชมป์ อย่างเย่ห่าวก็ยังไม่น่ายกย่องเลย!
“หยิงหยิงเธอคิดว่าเขาจะยังจำเราได้ไหม?
“ฉันควรทำยังไงดี? ฉันถามเขาและโต้เถียงกับเขา ใครจะคิดว่าคนขี้
เหนียวคนนี้เป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ ดูสิคนประเภทนั้นไม่ใช่ว่าจะ
ไม่ทำอะไรนอกจากบ่มเพาะหรอกหรอ? ทำไมเขาถึงมีเวลามาเปิด
ร้านที่นี่?”หลานเล่อเล่อพึมพำซูหยานหยิงเม้มปาก เธอไม่เคยเห็น
การบ่มเพาะของซูผิง แต่เขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ มีอะไรจะพูด
เกี่ยวกับอัจฉริยะนอกลู่นอกทางเช่นนี้?
ซูหยานหยิงถอนหายใจ สงสัยเกี่ยวกับเขาไม่มีประโยชน์สำหรับเธอ
เธอมาที่นี่เพราะมีเหตุผล การแข่งขันที่สถาบันสิ้นสุดลงและวันหยุด
ของพวกเธอกำลังจะเริ่มขึ้น สถาบันได้ลงนามให้นักเรียนชั้นนำ
เหล่านั้นเข้ารับการฝึกอบรมในพื้นที่รกร้าง
ก่อนที่เธอจะจากไป เธอต้องการให้อสูรของเธอได้รับการฝึกฝนจากซู
ผิงอีกครั้ง ด้วยวิธีนี้เธอจะมั่นใจมากขึ้นในการไปยังพื้นที่รกร้าง
เธอกำลังจะออกไปพื้นที่รกร้าง แม้ว่าพลังของซูผิงจะน่าทึ่ง แต่เธอ
เชื่อว่าเธอจะตามเขาทันหลังจากฝึกฝนและต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดใน
พื้นที่รกร้าง ซูผิงสามารถทำให้เธอบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น บางที
เมื่อเธอตามเขาทัน เขาอาจจะยังเป็นแค่นักรบอสูรกิตติมศักด์ิก็ได้
อย่างไรก็ตาม นักรบในตำนานแข็งแกร่งกว่านักรบกิตติมศักด์ิ ความ
สามารถเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ โชคเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบ
สำคัญ ความสามารถที่โดดเด่นมากมายจะยังคงติดอยู่แค่การเป็นนักรบ
อสูรกิตติมศักด์ิไปตลอดชีวิต ไม่ใช่เพราะพวกเขาขาดความสามารถ
ความโชคดีก็มีส่วนสำคัญ
ซูหยานหยิงคิดว่าเธออาจจะโชคดี พรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมต้องใช้เวลา
ในการเติบโต
ที่ร้านค้า
ซูผิงจดบันทึกอย่างรวดเร็ว
“หนึ่งแสน!”
“หนึ่งหมื่น!”
ซูผิงจะรับอสูรหลังจากที่เงินเข้าบัญชีของเขาเท่านั้น จากนั้นเขาจะ
พาอสูรไปที่ห้องอสูร ปิดประตูและวางไว้ในพื้นที่ฝึก เขาไม่มีเวลา
ตรวจสอบบัญชี แต่เมื่อเขามีเวลาตรวจสอบ เขาแน่ใจว่าสามารถ
จัดการคนที่โกงได้!
เป็นอีกวันที่ธุรกิจยอดเยี่ยม!
ซูผิงไม่แน่ใจเกี่ยวกับจำนวนเงินแน่นอนที่เขาได้รับ อสูรหลายตัว
เป็นขั้นต่ำและค่าฝึกเพียงหนึ่งหมื่น ซูผิงสงสัยว่าในอนาคตเขาควร
รับเฉพาะอสูรขั้นกลางดีไหม?
ถ้าเป็นไปได้ เขาจะทำเงินได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ความคิดผุดออกมา ระบบก็พังทลายความคิด
ของเขาลง ตามระบบร้านขายอสูรควรรับอสูรทั้งหมด ไม่ควรเลือก
ปฏิบัติ!
ซูผิงโต้เถียงกับระบบ
ฉันไม่ต่อต้านอสูรใด ๆ แต่ต่อต้านราคาต่ำ!
ระบบไม่สนใจข้อโต้แย้งที่ไร้สาระของเขา และหายไปหลังจากออก
คำเตือนกับซูผิง ไม่มีอะไรที่ซูผิงสามารถทำได้เพื่อเอาชนะการโต้แย้ง
กับระบบนี้ ระบบไม่สามารถถือได้ว่าเป็นสิ่งของไม่มีชีวิตและไม่
ยืดหยุ่น บางครั้งระบบจะโกรธ ตัวอย่างเช่นเมื่อซูผิง “ยกย่อง” มัน
ในทางกลับกันระบบไม่สามารถถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์
หลากหลาย บางครั้งระบบจะเข้มงวด ระบบต้องการแต้มพลังงาน
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับการต้องการสร้างรายได้? อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอ
ของซูผิงถูกปฏิเสธ เขาไม่รำคาญที่จะคิดมากในเรื่องนี้ เขาไม่สามารถ
เอาชนะระบบได้ ซูผิงจดคำสั่งและเก็บเงินเหมือนเครื่องจักรที่ไร้
อารมณ์
หนึ่งชั่วโมงต่อมา…
ซูผิงออกมาจากห้องอสูรอีกครั้ง เขาเห็นว่าแถวนอกร้านยังคงยาวซึ่ง
ทำให้เขาตะลึง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเสียใจที่ต้องปล่อยพวกเขา
ไป เขาหายใจเข้าลึก และบอกข่าวอันเจ็บปวดนี้ให้กับคนที่รอเข้า
แถว “ไม่มีที่ว่างอีกต่อไป กลับมาใหม่พรุ่งนี้นะครับ”
เขาพูดจบ
คนที่รอคอยเหล่านั้นเริ่มโกลาหล
ไม่มีที่ว่าง?
ดูเวลา! มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
นักเรียนหลายคนบ่นอย่างไม่มีความสุข แต่นักเรียนบางคนไม่ได้มอง
ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง นักเรียนเหล่านั้นมาเพื่อตรวจสอบซูผิง
สำหรับการฝึกฝน? พวกเขาสงสัยว่าทำไมมีคนโง่พอที่จะไว้ใจการ
ฝึกของเขา? เขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิไม่ใช่ ผู้ฝึกฝนสองสิ่งนี้
แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
คนที่ตั้งใจมาเยี่ยมซูผิงพบว่าคนเหล่านั้นบ่นไร้สาระ
ฉันเป็นคนเดียวที่มองเห็นความจริง … นักเรียนบางคนคิด พวกเขายิ้ม
ให้ซูผิง ภายในพวกเขากำลังเปรียบเทียบตัวเองกับนักเรียนคนอื่น ๆ
ที่กำลังบ่น พวกเขาแตกต่างกันมากและสงบกว่า
บางทีซูผิงอาจจำพวกเขาได้ดีกว่าเนื่องจากการกระทำของพวกเขา
เมื่อเทียบกับนักเรียนโง่คนอื่น ๆ ?
นั่นก็ไม่เลว
“ไม่มีที่ว่างอีกแล้วหรอ?” หลานเล่อเล่อและซูหยานหยิงต่างตกตะลึง
กับข่าวดังกล่าว
พวกเธอเข้าคิวมาเป็นเวลานาน มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่หน้าพวกเธอ มัน
จะถึงคิวของพวกเธอในอีกสิบนาทีหรือมากกว่านั้น
พวกเธอรอมานานโดยไม่ได้อะไรเลย!
สองสาวมองหน้ากัน พวกเธอไม่พบคำใดที่จะอธิบายความรู้สึกของ
พวกเธอ
ในสมัยก่อนพวกเธอมาที่ร้านได้ตลอดเวลา ปัจจุบันไม่เพียงแต่ต้อง
รอเข้าแถวเท่านั้น แต่พวกเธอยังยืนรออย่างไร้ค่า! นี่มันบ้า!
“สมัยก่อนตอนที่เรามาที่นี่ไม่มีใครเลย แต่ตอนนี้มันเต็มแล้ว!” หลาน
เล่อเล่อบ่นด้วยเสียงต่ำ
ซูหยานหยิงยิ้มอย่างฝืน ๆ “ฉันคิดไว้แล้ว เมื่อผู้คนรู้เกี่ยวกับสถานที่
แห่งนี้ก็จะกลายเป็นที่นิยมในทันที เฮ้อ…”
ซูหยานหยิงรู้สึกแย่เมื่อเธอจำได้ว่าเธอไม่มีเงินตอนที่เธอมีโอกาสฝึก
อสูรที่นี่
หลานเล่อเล่อหน้ามุ่ย เธอเลิกบ่นแล้ว ยังไงซะหนูสายฟ้าของซูหยาน
หยิงก็ได้รับการฝึกฝนที่นี่ ซูผิงเองก็เพียงพอที่จะดึงดูดลูกค้า
นอกจากนี้ผลของการฝึกฝนยังน่าสนใจ แต่ก่อน ผู้คนไม่รู้จักและ
หวาดกลัวจากราคาที่สูงและหน้าร้านที่ดูซอมซ่อ
ส่วนตอนนี้ การได้คิวฝึกยากมาก
เมื่อเวลาผ่านไป ที่ว่างในร้านค้าของซูผิงจะเป็นที่ต้องการมาก!
“พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ให้เร็วขึ้น” หลานเล่อเล่อแนะนำซูหยานหยิง
ถอนหายใจและจากไป
ผู้คนก็ทยอยกันออกไป ซูผิงขอโทษอีกครั้งและปิดประตู
เขาไม่ได้คาดหวังว่าบริการของเขาจะขายดีเช่นกัน ที่ว่างทั้งหมดเต็ม
ตั้งแต่ยังเช้า “ฉันจะต้องเลื่อนขั้นร้านค้าในไม่ช้าเพราะความต้องการ
จะเพิ่มมากขึ้นอีก”
ซูผิงลูบหน้าผาก
พื้นที่ฝึกและคอกเลี้ยงดูทั้งหมดในร้านเต็มไปหมด
ซูผิงซื้อคอกเลี้ยงดูพื้นฐานเพิ่มอีก 25 คอกในภายหลัง ปัจจุบันเขามี
คอกเลี้ยงดูทั้งหมด 50 คอกซึ่งเป็นจำนานมากที่สุดที่สามารถจัดการได้
โชคดี คอกเลี้ยงดูมีขนาดเล็กและช่องว่างภายในคอกเลี้ยงดูแยกออก
จากภายนอก มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่ร้านขนาดเล็กจะมีคอกเลี้ยงดู
50 คอก
ในขณะนี้เขามีอสูรเกือบหนึ่งร้อยตัวที่ต้องฝึกฝน หลังจากเลื่อนระดับ
ร้านค้าแล้ว เขาสามารถซื้อคอกเลี้ยงดูเพิ่มและอัพเกรดพื้นที่ฝึกได้
“การสร้างรายได้ด้วยการสอนแบบส่วนตัวนั้นยังไม่เร็วพอ ฉันต้องหา
เงินให้มากกว่านี้ วิธีที่เร็วที่สุดคืออะไร?” ซูผิงนั่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์
ด้วยสีหน้ากังวล
นอกเหนือจากการสร้างรายได้โดยเร็วที่สุดเพื่อเลื่อนระดับร้านค้า
ซูผิงยังต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบ่มเพาะของเขาด้วย
เขาพยายามอย่างเต็มที่และความคืบหน้าในแผนภูมิดวงดาวโกลาหล
ก็รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การที่จะไปถึงระดับห้ายังอีกยาวไกล
หลังจากที่เขาไปถึงระดับห้า หุ่นฝึกซ้อมของเขาจะสามารถฝึกอสูร
ได้มากขึ้นในคราวเดียว ซูผิงรู้สึกว่าเขามีความต้องการมากมาย
เกินไป เขาพิจารณาเรื่องเหล่านั้นและคิดไม่ออกว่าจะบรรลุได้ยังไง
ทันใดนั้นเขาก็ตบหัวตัวเอง ทำไมเขาไม่ไปฝึกอสูรแทนที่จะมานั่ง
คิด? เขาหยิบ มังกรเพลิงนรก, สุนัขมังกรดำ, งูม่วงและอสูรขั้นกลาง
อีกสองตัวที่เขาเก็บมาด้วยและเข้าไปในสนามสืบทอดราชามังกร
เขาสามารถฝึกอสูรอีกสองตัวของลูกค้านอกเหนือจากอสูรสามตัว
ของเขา
ไม่นานก็เป็นเวลาเที่ยงคืน ซูผิงเข้าสู่สนามสืบทอดราชามังกรครั้ง
แล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เขากลับมา เขาจะนำอสูรที่แตกต่างกันสองตัว
ไปฝึกกับเขา และสลับอสูรอีกชุดหนึ่งให้หุ่นฝึกซ้อม ด้วยวิธีนี้ใน
หนึ่งชั่วโมงเขาจะสามารถฝึกอสูรได้เจ็ดตัว
พอกลับมาที่ร้านอีกรอบก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาเงยหน้าขึ้นมอง
ตระหนักว่ามันดึกแล้วซึ่งทำให้เขากลัว เขาไม่เคยกลับบ้านดึกกว่า
ปกติและลืมบอกแม่ เธอต้องกังวลอย่างแน่นอน
ซูผิงรู้สึกกังวล เขามองว่าใครอยู่ข้างนอก
ไม่ใช่แม่ของเขา แต่เป็นซูหลิงเยวี่ย
ซูผิงรู้สึกสับสน เธอมาทำอะไรที่นี่ดึก ๆ เธอมาดูเขาตามคำขอของแม่
หรือเปล่า? เขาตะโกนว่า “มาแล้ว” จากนั้นก็เก็บอสูรที่ฝึกเสร็จแล้ว
สำหรับสุนัขมังกรดำและมังกรเพลิง พวกมันมีขนาดใหญ่เกินไป
ดังนั้นพวกมันจึงอยู่ในพื้นที่สัญญา งูม่วงสามารถเคลื่อนไหวได้
เล็กน้อยในร้านค้า อย่างไรก็ตามมันใกล้เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและกำลังจะ
เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ งูม่วงมีความยาวมากกว่า 20 เมตรและกว้างเกือบสาม
เมตร ดังนั้นงูม่วงจึงต้องนอนขดตัวอยู่ตรงทางเดิน มีพื้นที่เพียง
เล็กน้อยให้มันเดินไปรอบ ๆ ได้ตามต้องการ ซูผิงดูแลงูม่วง หลังจาก
ทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็เปิดประตู
มันคือซูหลิงเยวี่ยตามที่เขารู้สึกได้
เมื่อเปิดประตู ซูหลิงเยวี่ยก็ยื่นหัวเข้ามาในทันที “ทำไมนายไม่เปิด
ไฟ?” เธอรู้สึกประหลาดใจ
ซูผิงใช้เวลาคิดสักครู่และตระหนักว่าเป็นเพราะการมองเห็นของเขา
ไม่ได้ถูกขัดขวางโดยความมืด เขาจึงไม่ได้สังเกตว่าเขาปิดไฟ
เขาเปิดไฟและถามว่า “เธอมาทำอะไรที่นี่?”
ซูหลิงเยวี่ยก้าวเข้ามา เธอมองไปรอบ ๆ และได้กลิ่นเลือดในอากาศ
อสูรชั่วร้ายบางตัวเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน
เธอวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า “นี่ แม่บอกให้เอามาให้”
“จริงจัง?”
การมีอาหารมาส่งไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิด
ซูหลิงเยวี่ยตะคอก “ฉันรู้ว่าวันนี้ธุรกิจของร้านดีมาก แต่ทำไมไม่
บอกแม่ล่ะ ฉันเลยต้องเป็นคนบอกเอง” ซูผิงรู้สึกโล่งใจที่ได้ยิน
คำพูดของเธอ “แม่เป็นห่วงไหม?”
“ไม่ ฉันอธิบายสถานการณ์ของนายให้เธอฟัง”
“เธอพูดอะไร?”
“อืม แค่บอกว่าธุรกิจร้านกำลังดี แต่เรื่องในสถาบันฉันไม่ได้บอกเธอ
นายต้องบอกเอง”
ซูผิงรู้สึกหายใจได้อีกครั้ง เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบัง แต่การอธิบาย
นั้นน่ารำคาญเกินไป
“ยังไงก็ตามนายเริ่มบ่มเพาะเมื่อไหร่”ซูหลิงเยวี่ยหันไปรอบ ๆ และ
มองเข้าไปในดวงตาของซูผิง
ซูผิงเลิกคิ้ว เขาเปิดกล่องอาหาร “เมื่อเร็ว ๆ นี้” เขาตอบ
“นายพยายามจะหลอกคนโง่ที่ไหน?” ซูหลิงเยวี่ยบ่น
“ฉันไม่ใช่คนที่พูดคำหยาบ”
“นาย!”
ซูหลิงเยวี่ยกัดฟันด้วยความเกลียดชัง ทำไมพี่ชายของเธอถึงใจร้าย
ขนาดนี้?
ในทางกลับกันมันเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่งที่ซูผิงไม่ได้รังแกเธอ
หลังจากที่เขาแข็งแกร่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เพียงอย่างเดียวซูหลิงเยวี่ยจึงมี
ความรู้สึกที่ดีขึ้นต่อซูผิง
แม้ว่า…ทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้พูดเธอจะแทบคลั่งก็ตาม
“อสูรได้รับการฝึกฝนจากนาย?” ซูหลิงเยวี่ยถาม ซูผิงก้มหัวกินอาหาร
โดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เส้นเลือดเริ่มปรากฏบนหน้าผากของซูหลิง
เยวี่ย เธอหายใจเข้าลึก และเปลี่ยนเรื่อง “การฝึกใช้เวลานานแค่ไหน?
ฉันเคยเห็นครั้งนึง มันรวดเร็ว นายสามารถฝึกบอลหิมะของฉันที่นี่
ได้ไหม?”
ซูผิงเลิกคิ้ว เขามองเนื้อในชามแล้วตอบว่า “ทำไมจะไม่ได้?”
“จริงเหรอ?” ซูหลิงเยวี่ยไม่คาดคิดว่าซูผิงจะยอมช่วยเหลือเธอ “แต่
ฉันต้องเก็บเงินจากเธอ”ซูผิงพูดเสริม ความปิติยินดีในใจซูหลิงเยวี่ย
หายไปในอากาศ
“เท่าไหร่” เธอขมวดคิ้ว
“เจ้านั่นอยู่ในขั้นกลางใช่ไหม? งั้นหนึ่งแสน” ซูผิงตอบ ซูหลิงเยวี่ย
จ้องมองเขา “นั่นคือราคาเดียวกับที่นายบอกคนอื่น!”
“ถูกต้อง” ซูผิงยอมรับทันที
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกโกรธที่ซูผิงตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ในขณะเดียวกัน
เธอก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าเธอรู้สึกอึดอัด รู้สึก
ผิด การเกิดขึ้นของความรู้สึกดังกล่าวเป็นสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้ เธอ
โวยวายใส่เขาว่า
“ร้านนี้เป็นของครอบครัวเรา ฉันเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง นายกล้าขอให้
ฉันจ่ายเงินได้ยังไง”
“เนื่องจากเธอเป็นเจ้าของ งั้นฝึกฝนมันด้วยตัวเอง” ซูผิงตอบกลับ
เขากำลังคิดที่จะฝึกให้ฟรีแลกกับอาหารที่เธอเอามาให้ แต่ระบบไม่
อนุญาต
ใครก็ตามที่ร้องขอบริการที่ร้านค้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม โดยไม่มี
ส่วนลดใด ๆ
นั่นคือจุดที่ระบบไม่ยืดหยุ่น ระบบอาจกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่
ซับซ้อนขึ้น หากการเชื่อมต่อส่วนบุคคลผสมผสานกับธุรกิจ
ซูหลิงเยวี่ยไม่รู้จะตอบอะไรเลย
เธอหน้ามุ่ย
ไม่กี่นาทีต่อมา เธอบอกกับซูผิงอย่างไม่พอใจ “ช่างมันเถอะ”
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ “เธอได้เงินมากจากไหน?”
“ฉันทำงานพาร์ทไทม์” ซูหลิงเยวี่ยตอบอย่างโกรธ ๆ “ฉันไม่ได้ขอ
เงินแม่ อย่าคิดว่าฉันเป็นเหมือนนาย ถ้าไม่มีพ่อแม่…”
ผ่านไปครึ่งประโยคซูหลิงเยวี่ยก็หยุดชะงัก เพราะเธอจำสิ่งต่าง ๆ ได้
เขาไม่ได้เกาะพ่อแม่อีกต่อไป แต่เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว
ความจริงที่ว่าเธอต้องหยุดประโยคต่อไปทำให้เธอโกรธมากขึ้น เธอ
ตะคอกและหันหน้าหนี
“ดี” ซูผิงมีมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับน้องสาวของเขา
ซูหลิงเยวี่ยพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “นายต้องฝึกอสูรของฉันให้ดี การ
ฝึกฝนจะต้องดีเท่ากับสิ่งที่นายเสนอให้กับคนอื่น ๆ”
“ตามปกติ” ซูผิงตอบโดยไม่ต้องคิด
ซูหลิงเยวี่ยไม่คาดหวังว่าซูผิงจะตอบเร็วขนาดนี้ เธอมองเขาจากมุม
หางตา เขายังกินข้าวอยู่ คำพูดเหล่านั้นออกมาอย่างไม่เป็นทางการ
ดังนั้นจึงแสดงถึงความคิดที่แท้จริงของเขา ความโกรธในตัวเธอ
หายไป เธอลุกขึ้น “โอเคฉันต้องไปแล้ว ฉันจะฝากบอลหิมะไว้กับ
นายได้เมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้” ซูผิงกล่าว ร้านค้าอัดแน่น เขาไม่มีที่เก็บบอลหิมะในตอนนี้
ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้าและเดินไปที่ประตู “นายจะกลับเมื่อไหร่?”
“วันนี้ฉันไม่กลับบ้าน” ซูผิงมองดูเวลา เนื่องจากมันดึกมากแล้ว เขา
จึงคิดว่าเขาอาจจะทำงานตลอดทั้งคืน
ซูหลิงเยวี่ยมองเขาอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดอะไรและจากไป
ซูผิงปิดประตู หลังจากทานอาหารอร่อย ๆ แล้ว ซูผิงก็กลับไปยัง
สนามสืบทอดราชามังกรพร้อมกับอสูรสามตัวของเขาและอีกสอง
ตัวที่เขาเลือก เพื่อสำรวจดินแดนต่อไป
ด้วยความพยายาม พื้นที่กว่า 60 แห่งได้ถูกสำรวจ
ไม่นานคืนนี้ก็ผ่านไป คืนก่อนมีครั้งหนึ่งที่ซูผิงหมดสภาพ เขาเลือก
สนามบ่มเพาะในทะเลทราย ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เยือกเย็นและไม่มี
อสูรร้ายใด ๆ เขาหลับไปกว่าสิบชั่วโมง พอกลับไปที่ร้านผ่านไปไม่
ถึงชั่วโมง เขากลับมาสำรวจต่อ
ตอนเช้ามืด เขาได้ยินเสียงฝีเท้า มีคนเดินเข้ามาที่ประตูและหยุด
ซูผิงคิดว่าพวกเขาเป็นลูกค้าอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้เคลื่อนไหว
เพื่อต้อนรับคนเหล่านั้น เนื่องจากเขายังมีพลังงานเพียงพอ เขาจึง
กลับไปฝึกฝนอีกครั้ง
หลายชั่วโมงผ่านไป
เมื่อเวลาประมาณเก้าโมงเช้า ถนนก็คึกคักและมีเสียงดัง
คนสูงอายุบางคนออกมาซื้อของที่ร้านขายของชำ ที่สุดถนนที่ร้าน
ของซูผิงตั้งอยู่มีคนหนุ่มสาวจำนวนมากยืนต่อแถว
ลูกค้าประจำบางรายเป็นผู้นำในการเริ่มต่อคิว และมีลูกค้าใหม่
ตามหลังมา “นี่คือ…ร้านของคุณซูใช่ไหม?” รถราคาแพงที่มีป้าย
ทะเบียนของเขตเมืองตอนบน จอดอยู่ที่ถนนด้านนอกร้าน
สวี่คังและสวี่หยิงเสวี่ยลงจากรถมา
เขาตรวจสอบที่อยู่อีกครั้งด้วยความประหลาดใจ อาคารเลขที่ 88
ของถนนนั้นเป็นร้านขายอสูรใช่ไหม?
ที่อยู่ที่คุณซูให้เขาคือร้านขายอสูร?!
สองพี่น้องมองหน้ากัน จากนั้นรถหรูอีกคันก็จอดอยู่ข้าง ๆ พวกเขา

อ่านตอนอื่นๆของ ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store คลิกเลย

แฟนเพจ