ตอนที่ 155 ศัตรู
ภายในรถ เย่ห่าวมองผ่านหน้าต่างไปที่ฝูงชนจำนวนมากนอกร้าน
และแถวยาวสองแถว ฉากนี้ทำให้เขาตกใจ “คนเยอะมาก?”
เขาเงยหน้าขึ้น มองไปที่ป้ายร้าน นี่คือสถานที่ที่เขากำลังมองหา
จากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยที่สถาบัน บางคนเป็นนักเรียนชั้นนำ
“พวกเขา…” เย่ห่าวเลิกคิ้ว พวกเขามาถึงที่นั่นเร็วกว่าเขา
เขาไม่รออีกต่อไปและลงจากรถ
ร้านยังไม่เปิด นักเรียนนั่งรอด้วยความเบื่อหน่าย ย่อมมีคนมองไป
รอบ ๆ ในไม่ช้าก็มีคนสังเกตเห็นเย่ห่าวกำลังลงรถสุดหรูคันนั้น
นักเรียนเหล่านั้นจ้องมองเขาด้วยความงุนงง
“ดู! นั่นมันเย่ห่าว!”
“เขาก็มาที่นี่!”
ในไม่ช้าก็มีคนเห็นเย่ห่าวมากขึ้น พวกเขาทั้งหมดหันมามองเขาด้วย
ความประหลาดใจ
เย่ห่าวเป็นนักเรียนโดดเด่นในสถาบันและมีชื่อเสียงมาก เกือบทุก
คนในสถาบันรู้จักเขา
เย่ห่าวพ่ายแพ้ให้กับลั่วเฟิงเทียนจากสถาบันดาบคลั่งในการแข่งขัน
“กระชับมิตร” ล่าสุดของพวกเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเย่ห่าว
อ่อนแอ ลั่วเฟิงเทียนนั้นแข็งแกร่งอย่างประหลาด! ท้ายที่สุด เย่ห่าว
เองก็เป็นนักรบอสูรระดับห้าและมีมังกรโตเต็มวัย แค่นั้นก็เพียงพอ
แล้วสำหรับเขาที่จะครอบงำผู้อื่น
เย่ห่าวขมวดคิ้วเมื่อเกิดความวุ่นวายจากเขา แต่เขาเริ่มชินแล้ว
“นั่นคือเขา?” สวี่คังที่ยืนอยู่ด้านข้างประหลาดใจที่เห็นเย่ห่าว
เขาเองก็รู้สึกคุ้น ๆ กับชื่อนี้
เมื่อปีที่แล้วสวี่คังอยู่ชั้นปีสอง เขาได้พบกับเขาคนนี้ที่ชื่อเย่ห่าวใน
การแข่งขันแลกเปลี่ยน ย้อนกลับไปตอนนั้นเย่ห่าวแพ้เขา
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เขาคนนั้นได้สร้างชื่อเสียงมากมาย
จากการสนทนาของนักเรียน สวี่คังมีความคิดว่านักเรียนเหล่านั้น
น่าจะมาจากสถาบันฟีนิกซ์เป็นส่วนมาก
หลังจากครุ่นคิดบางอย่าง สวี่คังก็เข้าใจ ในบรรดาสถาบันที่มีชื่อเสียง
ทั้งหมดในเมืองฐานหลงเจียง สถาบันฟีนิกซ์อยู่ชั้นล่างสุด สถาบัน
ตั้งอยู่ในย่านชั้นต่ำซึ่งค่อนข้างใกล้กับที่อยู่ปัจจุบันนี้ ไม่แปลกที่
นักเรียนเหล่านั้นจะมาที่บ้านของคุณซู
แต่นี่คือบ้านของคุณซูใช่ไหม? สวี่คังสงสัยขณะมองไปที่ร้าน สวี่
หยิงเสวี่ยสังเกตเห็นใบหน้าของสวี่คัง เธอมองไปที่เย่ห่าวที่อยู่ห่าง
ออกไปและถามว่า “น้องรู้จักผู้ชายคนนั้นไหม?”
“ใช่ เขาแพ้ผมเมื่อปีที่แล้ว” สวี่คังพยักหน้า
สวี่หยิงเสวี่ยไม่ได้จ้องมองสวี่คังอีกต่อไป เธอเปลี่ยนจุดสนใจไปที่
ร้าน
มัน…ธรรมดาเกินไป
ทำไมถึงเป็นร้านค้า? สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผล
ทำไมนักรบอสูรกิตติมศักด์ิจึงต้องเปิดร้านในย่านเมืองสลัม?
“เอ๊ะ?”
ในขณะนี้เย่ห่าวสังเกตเห็นสองพี่น้องตระกูลสวี่ ซึ่งทำให้เขาตกใจ
สองคนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงคนนั้นที่
อยู่ถัดจากสวี่คัง เธอเหมือนกับดาบคม คนทั่วไปอาจไม่รู้สึกถึงความ
แตกต่างในตัวเธอ แต่สำหรับเย่ห่าวเธอสามารถดึงดูดความสนใจเขา
ได้และเขาก็รู้สึกถึงอันตรายในตัวเธอ
“นั่นคือเขา!” เย่ห่าวจำสวี่คังได้ในทันที เขาประหลาดใจและในไม่ช้า
อารมณ์นั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความขุ่นมัว
ปีก่อนเขาต่อสู้ในการแข่งขันแลกเปลี่ยนกับรุ่นพี่ปีสาม น่าเสียดายที่
เย่ห่าวพ่ายแพ้ ที่แย่คือหลังจากนั้นเขาถูกสวี่คังเยาะเย้ยและหัวเราะเยาะ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงหันมาสร้างความก้าวหน้าได้อย่างโดดเด่นในปีที่
ผ่านมา
ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าเขาต้องผ่านประสบการณ์ชั่วร้าย
แบบไหนในการฝึกฝน
ในระดับหนึ่ง เขาต้องขอบคุณสวี่คัง แต่เขาจะไม่มีวันให้อภัย!
สวี่คังเลิกคิ้วและทำหน้ายั่วยุ เขาสังเกตเห็นความเย็นชาในดวงตา
ของเย่ห่าว คู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ของเขาจะหยิ่งผยองขนาดนี้ได้ยังไง?
เย่ห่าวระงับความโกรธของเขา เขาระมัดระวังผู้หญิงที่อยู่ถัดจาก
สวี่คัง ด้วยรูปลักษณ์ของสวี่คังและผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะสนิทกัน
แม้เย่ห่าวจะมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะสวี่คังได้อย่างง่ายดายใน
เวลานี้ เขาก็ไม่ควรประมาท
ประตูร้านเปิดเสียงดัง ซูผิงดูเหนื่อยล้า เขามองฝูงชนหนาแน่นข้าง
ประตู พวกเขาทั้งหมดเป็นคนหนุ่มสาว พวกเขาต้องมาจากสถาบัน
ฟีนิกซ์
“คนที่มารับอสูรให้เข้าแถวด้านขวา คนที่มาฝึกอสูรให้เข้าแถว
ด้านซ้าย ด้านขวามาก่อน” ซูผิงพูดตามปกติ
ทุกคนเข้าเป็นสองแถวเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นผลมาจากลูกค้าที่กลับมา
ใช้บริการซ้ำ พวกเขาช่วยซูผิงจัดระเบียบทุกอย่าง
“คุณซู?”
คนแรกยังคงเป็นจางเป่ าซิง เนื่องจากมาสายเมื่อวันก่อน เขาจึงมาเร็ว
กว่าเดิมขึ้นในวันนี้ ตอนตีสี่จางเป่ าซิงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นซูผิง
ออกมาจากร้าน “คุณซู ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่แล้ว?”
“ผมนอนในร้าน” ซูผิงชำเลืองมองเขา เขาจำจางเป่าซิงได้ดีและชื่น
ชมเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นคนแรกทุกครั้ง “รอผมตรงนี้ ผมจะไป
เอาอสูรของคุณมาให้”
เมื่อพูดอย่างนั้นซูผิงก็เข้าไปข้างใน
ริมถนน
เมื่อซูผิงเปิดประตู สวี่คัง สวี่หยิงเสวี่ยและเย่ห่าวก็เห็นซูผิง
ดวงตาของเย่ห่าวเปล่งประกาย เขาไม่สนใจสวี่คังและรีบไปที่ร้าน
เมื่อสวี่คังเห็นซูผิงเขาก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “นั่น
เขา! นั่นคือเขา!”
สวี่หยิงเสวี่ยคิดว่าซูผิงเป็นศิษย์ของนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ เธอรู้สึก
ผิดหวัง คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่น้องชายของเธอจะได้นักรบที่สูงส่งคน
นั้นมาเป็นอาจารย์ของเขา แต่เธอก็ต้องตกใจกับคำพูดของสวี่คัง
“เขาคือ?”
“นักรบอสูรกิตติมศักด์ิ!” สวี่คังรู้สึกตื่นเต้น
จากนั้นเขาก็จำได้ในทันทีว่าลุคที่ยังเด็กของซูผิงทำให้สับสน เขารีบ
อธิบาย “ผมลืมบอกพี่ นักรบอสูรกิตติมศักด์ิที่สอนผมอายุน้อยกว่า
ผม พี่สาว เขามีความสามารถมากกว่าผม!”
สวี่หยิงเสวี่ยไม่ใส่ใจกับคำชมที่เพิ่มเข้ามา เธอตกตะลึงไปแล้ว
“เขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิที่น้องพูดถึงใช่ไหม” สวี่หยิงเสวี่ยเบิก
ตากว้าง เขายังเด็กขนาดนี้ได้ยังไง?
สวี่คังพยักหน้า “ไม่ว่าพี่จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่า
เสมอ”
สวี่หยิงเสวี่ยพูดไม่ออก แน่นอนสิ่งแรกที่เธอต้องทำคือทำให้แน่ใจ
ว่าสิ่งที่สวี่คังบอกกับเธอคือความจริง
นักรบอสูรกิตติมศักด์ิเป็นหนุ่มคนนี้ได้ยังไง? ถ้าคนนั้นมีพลังขนาด
นี้ เขาต้องคว้าแชมป์ ลีกนักรบอสูรได้อย่างง่ายดาย
ผู้ชนะรอบก่อนของลีกนักรบอสูรล้วนเป็นสมาชิกหลักของตระกูล
ดัง ไม่มีผู้ชนะรายใดที่ต้องการเงินและเปิดร้าน
“เขาหลอกน้องหรือเปล่า?” สวี่หยิงเสวี่ยขมวดคิ้ว เธอไม่รู้สึกดีกับ
เรื่องนี้ คน ๆ นี้หลอกเอาเงินน้องชายของเธอ ที่แย่ไปกว่านั้น สวี่คัง
เดินทางมาไกลเพื่อมาที่นี่ เขาถูกล้างสมองแล้ว
“ไม่อย่างแน่นอน!”
สวี่คังอธิบายอย่างเร่งรีบ “ผมจะถูกหลอกได้ยังไง? พี่สาว เขายังเด็ก
แต่เขาน่าเกรงขามมาก ผมยังไม่เห็นอสูรของเขา แต่เขาสามารถเอาชนะ
อสูรของผมได้ด้วยตัวเขาเอง ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนั้นอย่างน้อย
เขาก็ควรอยู่ที่ระดับเจ็ดหรือแปด แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักรบอสูร
กิตติมศักด์ิก็ตาม”
ยิ่งสวี่หยิงเสวี่ยได้ยินเรื่องนี้เธอก็โกรธมากขึ้น
เธอพบว่าคำพูดของสวี่คังมีความไม่สอดคล้องกันหลายประการ
สวี่คังไม่เคยเห็นอสูรของคน ๆ นั้นหรอ?
จากนั้นเขาอธิบายว่าระดับเจ็ดหรือแปด?
การจะเป็นนักรบอสูรต่อสู้ในระดับเจ็ดหรือแปดนั้นยากพอสมควร
แต่ทั้งสองระดับนั้นไม่สามารถเทียบได้กับนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากอายุของซูผิงแล้ว สวี่หยิงเสวี่ยไม่คิดว่า
เขาจะอยู่ในระดับเจ็ดและไม่ต้องพูดถึงระดับแปด
เธอได้พบกับคนที่มีความสำคัญมากมายในดินแดนรกร้าง อย่างไรก็
ตามมันเป็นเรื่องยากที่จะพบนักรบอสูรขั้นสูงตั้งแต่อายุยังน้อย เธอ
ฝึกหนักมาหลายปีหลังจากเรียนจบและเพิ่งกลายเป็นนักรบอสูรขั้นสูง
กิจการที่คึกคักในร้าน สวี่หยิงเสวี่ยได้กลิ่นเหม็นของเงิน น้องชาย
ของเธอไม่ใช่คนเดียวที่ถูกหลอก ผู้ชายคนนั้นกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยม
บางอย่างเพื่อหลอกล่อคนเหล่านั้น
“ตามฉันมา” สวี่หยิงเสวี่ยหน้าตึงและเดินไป
สวี่คังรู้สึกประหลาดใจ เขาสังเกตเห็นบางอย่างในน้ำเสียงของพี่สาว
เขาเดินตามเธอไปอย่างไม่รีบร้อน “พี่?”
ซูผิงหยิบสุนัขเพลิงของจางเป่ าซิงขึ้นมาและเล่าผลการฝึกครั้งนี้ให้
ฟังว่า “มันไม่ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เลย ความแข็งแกร่งในการต่อสู้
ของมันเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง
“สุนัขเพลิงได้รับการฝึกฝนมาหลายครั้ง โอกาสในการเรียนรู้ทักษะ
ใหม่ ๆ ก็น้อยลงไป เพิ่มขึ้นแค่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้”
ถึงกระนั้นการเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ขึ้นครึ่งหนึ่งในหนึ่งวัน
ก็ยังเหนือจินตนาการของผู้คน
จางเป่าซิงดีใจ เขาขอบคุณซูผิง เขากำลังจะออกไปยังดินแดนรกร้าง
เขาไม่เต็มใจที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้ ในทางกลับกัน เขาขาดเงิน
เขาสามารถทำเงินได้ในขณะที่ฝึกฝนตัวเองในดินแดนรกร้าง
“คุณ…ซู?” ซูผิงได้ยินเสียง มันคือเย่ห่าว
จางเป่าซิงหันกลับมา เขาประหลาดใจที่เห็นเย่ห่าวที่นี่
คนดังจากสถาบันคนนี้มาทำอะไรที่ร้านของซูผิง?
เย่ห่าวถูกดึงดูดจากชื่อเสียงของร้านหรอ?
เย่ห่าวยังคงรู้สึกแปลก ๆ ที่จะเชื่อว่าซูผิงเป็นอาจารย์ของเขา แต่สิ่ง
ที่ซูผิงแสดงให้เห็นเมื่อวันก่อนทำให้เขาเชื่อมั่น
ซูผิงพุ่งเข้ามาหาเขาทันที “คุณมาที่นี่เพื่อรับการฝึกใช่ไหม?”
“อืม…” เย่ห่าวอยู่ที่นี่ พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับการต่อสู้และการบ่มเพาะ
สำหรับการฝึกอสูรเขาไม่ได้สนใจ ท้ายที่สุดเขามีปรมาจารย์ผู้ฝึกฝน
ระดับแปดที่ดูแลอสูรของเขา
เขาคิดว่าคนอื่นอาจทำร้ายอสูรของเขาด้วยซ้ำ
ซูผิงจ้องมองเขาด้วยความหลงใหล เย่ห่าวพยักหน้าหลังจากลังเล
การปฏิเสธเขาถือเป็นเรื่องน่าอาย และอาจส่งผลทางอ้อมต่อธุรกิจ
ของซูผิง