ตอนที่ 157 ปฏิเสธ
คำพูดคุกคามของสวี่หยิงเสวี่ยทำให้นักเรียนทุกคนตกตะลึง พวกเขา
สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา เย่ห่าวเลิกคิ้ว มองสวี่คัง
ด้วยรอยยิ้มเยาะ
“นักต้มตุ๋น?” ซูผิงเหลือบมองสวี่คัง “ฉันจำไม่ได้ว่านายเคยจ่ายให้
ฉันสักเหรียญในร้านฉัน นายพาเธอมาเพื่อก่อกวนฉันงั้นเหรอ?”
สวี่คังดีดตัว “ไม่ ไม่! ท่าน พี่สาวผมต้องเข้าใจอะไรผิด ผมจะอธิบาย
ให้เธอฟังเดี๋ยวนี้”
สวี่หยิงเสวี่ยไม่พอใจที่เห็นน้องชายเธอถูกล้างสมองโดยเจ้าของร้าน
คนนี้จนถึงจุดที่กล้าขัดเธอ
ในขณะเดียวกัน ลูกค้าบางคนก็ยังพยายามช่วยพูด “เอ่อ คุณ อาจารย์ซู
ไม่ใช่พวกโกหก คุณอาจได้ยินมาผิด”
“ใช่แล้ว เราทุกคนรู้ว่าเขาคือนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ”
“เขาอาจดูเด็ก แต่ไม่ควรตัดสินเขาง่าย ๆ คุณผู้หญิง มองผม! ผมคือ
สุภาพบุรุษที่มีฐานะ..ปานกลาง” สีหน้าของสวี่หยิงเสวี่ยยิ่งเปลี่ยนไป
เมื่อได้ยินคนปฏิเสธคำพูดเธอ
รู้กันหมด? อย่างที่ฉันคิด เขาฉลาดมาก!
โดยไม่สนใจคนอื่น เธอจ้องตาซูผิง “นายรู้ผลที่ตามมาไหมถ้านาย
หลอกเอาเงินคนโดยการปลอมเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ? มาดูกัน
ถ้านายเป็นนักรบระดับนั้นจริง ๆ นายกล้าสู้กับฉันไหม? โอ ไม่ต้อง
ห่วง ฉันแค่นักรบอสูรระดับเจ็ด นายคงจัดการฉันได้ไม่ยากสินะ?”
“ระดับเจ็ด?” ลูกค้าตะโกนด้วยความแปลกใจ “แต่เธอยังดูเด็กมาก!”
เย่ห่าวเตรียมหัวเราะตอนเห็นคู่แข่งเขาถูกทุบตี แต่เขาก็ไม่รู้สึกดีนัก
ตอนได้ยินคำพูดของสวี่หยิงเสวี่ย ในฐานะคนที่มักภาคภูมิใจตัวเอง
ตลอด เขามีปัญหามากพอแล้วกับลั่วเฟิงเทียนและซูผิง แต่ผู้หญิงที่ไหน
ไม่รู้กลับเหนือกว่าลั่วเฟิงเทียน แถมยังดูอายุเยอะกว่าเขาแค่ไม่กี่ปี!
เย่ห่าวกำหมัดขณะคิดว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม
ซูผิงเหลือบมองเธออย่างไม่สบอารมณ์เพราะเขาไม่ตั้งใจรับคำท้าเลย
มันจะเสียเวลาไปเปล่า ๆ
“ฉันไม่ว่าง ออกไป”
สวี่หยิงเสวี่ยหน้าบึ้ง
เขาไม่อยากทำอะไรเลยตอนถูกตั้งคำถามต่อหน้าลูกค้าเหล่านี้?
“เหอะ! เห็นกันไหม?” สวี่หยิงเสวี่ยพูดกับทุกคน “เขาจัดการกับนักรบ
อสูรระดับเจ็ดไม่ได้ด้วยซ้ำ นักรบอสูรกิตติมศักด์ิอะไร? น่าขันสิ้นดี”
แต่ทว่า คนเหล่านี้ไม่มีปฏิกิริยาแบบที่เธอหวัง
“โอ้ ที่รัก สมองเธอมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
“เธอมาจากชั้นไหน? ฉันไม่คิดว่านักเรียนจากสถาบันเราจะมีคนที่
ถึงระดับเจ็ดเลยนะ”
“บางทีอาจเป็นคนใหญ่คนโต แต่ฉันเสนอว่าเธอควรทำตัวดีต่อ
อาจารย์ซู ไม่งั้นมังกรเพลิงนรกของเขาจะระเบิดเธอไปยังอีกถนน”
“ใช่! แค่ระดับเจ็ด นั่นไม่พอหรอก!”
สวี่หยิงเสวี่ยเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
ตาบอดกันหรือไง? ชายคนนี้เป็นนักต้มตุ๋นชัด ๆ และยังช่วยเขากัน
อีก?
มังกรเพลิงนรก?? แม้แต่นักรบอสูรกิตติมศักด์ิก็ยังไม่พล่ามอะไร
แบบนั้น! สวี่หยิงเสวี่ยใช้เวลาหลายปีกับการจัดการกับคนทุกประเภท
ในฐานนักสำรวจ เธอคิดว่าเธอเห็นสิ่งแปลก ๆ มามากพอแล้ว แต่สิ่ง
ที่เกิดตรงหน้ายังทำให้เธอหงุดหงิดได้
“พวกโง่!”
ในมุมมองเธอ การพูดถึงการมีอยู่ของมังกรเพลิงนรกได้ทำลายความ
น่าเชื่อถือสุดท้ายของซูผิง จะมีใครโง่พอโกหกอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้อีก?
เธอหอบหายใจและมองซูผิง “ฉันไม่สนใจว่านายใช้กลอุบายแบบไหน
หลอกพวกเขา แต่จะไม่มีเรื่องตลกร้ายอีกต่อหน้าฉัน! เราจะสู้กัน
ฉันไม่คิดเสียเวลามาคุยกับนายอีก!”
“พี่!” สวี่คังดึงเธอด้วยความกังวล
“เงียบ! หลบไปและดู!”
สวี่คังมักเคารพพี่สาวเขาตั้งแต่เด็ก เขาไม่มีความกล้าพอจะต่อต้าน
เธอเมื่อเห็นเธอทำท่าจริงจัง
ซูผิงถอนหายใจ “ฉันบอกว่าฉันไม่มีเวลา เธอจะไสหัวออกไปไหม?”
“นายกลัวฉันหรือไง?!”
“ใช่ ใช่ ฉันกลัวเธอ ฉันกลัวมาก พอใจหรือยัง?”
“นาย”
สวี่หยิงเสวี่ยแทบตาถลน เธอคิดผิด! เขาหน้าด้านมาก!
แย่ไปกว่านั้น ไม่มีใครขอบคุณเธอที่กล้าทวงความยุติธรรมให้ทุกคน
แต่คนเหล่านั้นกลับมองว่าเธอนั่นแหละคือตัวปัญหา
“นายไม่มีทางหลอกฉันได้ไม่ว่าจะพูดอะไร!” สวี่หยิงเสวี่ยตัดสินใจ
ใช้ความรุนแรงเพราะเธอไม่เห็นว่ามีใครในร้านที่หยุดเธอได้ “ฉันจะ
เผยคำโกหกของนายเมื่อนายอยู่ใต้เท้าฉัน!”
โดยไม่อัญเชิญอสูรของเธอ สวี่หยิงเสวี่ยเสริมพลังดวงดาวบนมือ
เธอและตบใส่ซูผิง
ซูผิงเหลือบมองก่อนหันกลับไปมองสมุดบัญชีของเขาอีกครั้งราวกับ
ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เมื่อเห็นอย่างนี้ สวี่หยิงเสวี่ยจึงพยายามทำให้การโจมตีเบาลงเพื่อให้
ซูผิงไม่ตำหนิเธอภายหลังว่าเธอซุ่มโจมตี
ปึก!
มือเธอโดนบางสิ่งที่มองไม่เห็นก่อนจะถึงตัวซูผิงและถูกตีกลับ พลัง
ทั้งหมดที่เธอใส่สะท้อนกลับ ผลักเธอไปไกลหลายเมตรและทำให้
แขนเธอชาด้าน
อะไรกัน?
ซูผิงวางสมุดลงและบอกลูกค้า “รอก่อน ฉันจะไปเอาอสูรมาให้นาย”
เขาไปห้องหลังร้านโดยไม่คิดเหลือบมองเธอ
สวี่หยิงเสวี่ยสลับมองระหว่างซูผิงกับมือเธอด้วยตาเบิกกว้าง เธอไม่
เห็นซูผิงขยับหรือใช้พลังดวงดาวเลย
“พะ…พี่ไม่เป็นอะไรนะ?” สวี่คังกลัวว่าพี่สาวเขาจะบาดเจ็บ
สวี่หยิงเสวี่ยพยยามขยับแขนเธอด้วยแววตาโกรธ ๆ ขณะที่เหล่าลูกค้า
จ้องด้วยความกลัว ไม่มีใครเห็นซูผิงขยับตัวเลย
“คำแนะนำเล็กน้อย คุณผู้หญิง คุณควรขอโทษอาจารย์ซูตอนยังมี
โอกาส คุณคิดว่าเราล้อเล่นหรือไงที่บอกว่าเขาเป็นนักรบอสูร
กิตติมศักด์ิ? คุณควรรู้สึกโชคดีที่เขาเป็นคนดี”
“ใช่”
“เธอเป็นนักรบระดับเจ็ด หือ? แม้กระทั่งนักรบอสูรระดับสูงที่เหนือ
กว่าเธอก็ยังต้องก้มหัวในร้านนี้ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?”
สวี่หยิงเสวี่ยหน้าแดงด้วยความโกรธและอาย เธอยังไม่เชื่อว่าซูผิงคือ
นักรบอสูรกิตติมศักด์ิ แต่การเคลื่อนไหวก่อนหน้าก็บ่งชี้ว่าเขา
แข็งแกร่งกว่าเธอ
“เชื่อผม พี่! พี่กำลังทำผิด!” สวี่คังพยายามพูด
สวี่หยิงเสวี่ยไม่ใช่คนที่จะยอมรับผิดง่าย ๆ แต่ครั้งนี้..เธอรู้ตัวว่าเธอ
ผิด
ลูกค้ามากขึ้นหัวเราะเยาะเมื่อเห็นว่าอีโก้ของเธอถูกทำลาย
ไม่ช้า ซูผิงก็กลับมาที่เคาน์เตอร์และส่งอสูรให้ลูกค้าที่รอ
“…นายคือของจริง?” สวี่หยิงเสวี่ยถามเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
ซูผิงไม่สนใจเธอและถามลูกค้าคนต่อไปในแถว
สวี่หยิงเสวี่ยมองซูผิงอีกครั้ง และตัดสินใจไม่รุกรานอัจฉริยะเช่นนี้ที่
อาจมาจากตระกูลร่ำรวยหรือทรงอิทธิพล
“ขอโทษด้วย ฉันทำเกินเลยไปเอง”
“ออกไปถ้าเธอไม่มีอะไรจะพูด ฉันต้องทำงาน”
สวี่หยิงเสวี่ยรู้สึกรำคาญและดีใจที่ซูผิงไม่ยึดติดกับท่าทีของเธอก่อน
หน้านี้
เธอก้มหัวให้ซูผิงอย่างสุภาพและพาสวี่คังออกไป โดยที่สวี่คังยังไม่
รู้สึกอยากกลับเลย เขามาเพื่อทิ้งความประทับใจที่ดี แต่ผลลัพธ์กลับ
ตรงกันข้าม
“อะ-อาจารย์ซู ผมขอมาเยี่ยมคุณอีกครั้งได้ไหมครับ?” เขาถามขณะ
ถูกพี่สาวเขาลากออกไป ซูผิงเหลือบมอง “ไม่มีใครหยุดนาย จำไว้ว่า
ฉันจะไม่ทนกับเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกแล้ว”
“ขะ-ขอบคุณครับ!”
ทุกคนมองสองพี่น้องเดินไปที่รถพวกเขาและเห็นป้ายทะเบียนรถว่า
มาจากพื้นที่ทางตอนเหนือของเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยคนรวย
“แปลก ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นเขาจากที่ไหนมาก่อน บางทีเขาอาจเป็น
นักเรียนจากสถาบันแอรีส?”
“สถาบันแอรีส?” ชื่อนั้นกระตุ้นให้เกิดการพูดคุย
สถาบันแอรีสถือเป็นโรงเรียนที่ดีสุดในเมืองหลงเจียงมาเป็นเวลานาน
และความคิดนี้ก็อยู่มานานกว่าศตวรรษแล้ว ‘พวกคะแนนสูง’ ส่วน
ใหญ่ที่เข้าเรียนสถาบันเคยลองไปสมัครที่นั่นมาแล้วแต่ก็ต้องเลือก
สถาบันฟีนิกส์เพราะคะแนนสอบเข้าของสถาบันแอรีสสูงกว่า
ลูกค้าเพิ่งตระหนักว่าซูผิงได้รับการยอมรับจากใครบางคนจากสถาบัน
แอรีส ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเคารพซูผิงขึ้น
แม้สายตาหลงใหลของพวกเขาจะไม่ส่งผลต่อซูผิง เหมือนเคย เขาคุย
กับลูกค้าทีละคนที่มารับอสูร ขณะอธิบายว่าอสูรมีคุณสมบัติใหม่
อะไร แบบนี้ ไม่มีใครพบว่าจำเป็นต้องทดสอบผลที่ร้าน อย่างน้อยก็
จะเป็นการแสดงความไม่ไว้วางใจต่อซูผิง
ยังมีลูกค้าใหม่มาร้าน ผู้แทบไม่เชื่อว่าการฝึกจะทำได้เสร็จในเวลาแค่
ชั่วข้ามคืน ตามแผน ซูผิงแค่ต้องบอกอสูรเหล่านั้นให้แสดงสิ่งที่พวก
มันเรียนรู้เพื่อโน้มน้าวเจ้าของ