ตอนที่ 167 สนามสืบทอดราชามังกร
ซูผิงเลิกสนใจและปีนตามทีมขึ้นไป
เมื่อปีนขึ้นถึง พวกเขาพบว่าตัวเองอยู่ในพลาซ่าขนาดใหญ่
พลาซ่าเต็มไปด้วยนักสำรวจอาวุโสที่ทรงพลัง
แม้จะมีผู้คนมากมายอยู่ แต่สถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีเสียงดังหรือวุ่นวาย
ผู้คนต่างพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบ หากมีคนต้องการพูดคุยเรื่อง
สำคัญ พวกเขาจะสร้างม่านพลังดวงดาวเพื่อไม่ให้เสียงหลุดออกไป
“เมืองฐานหลงเจียงของเราอยู่ตรงนั้น”
เนี่ยเฉิงกงค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ เขาเป็นผู้นำทาง
ทีมนักสำรวจไม่ได้ยืนอยู่มั่ว ๆ ในพลาซ่า พวกเขาจะยืนเกาะกลุ่มกัน
เป็นเมือง ในขณะนั้นเนี่ยเฉิงกงพาซูผิงและคนอื่น ๆ ไปที่มุมหนึ่ง
ของพลาซ่า ซึ่งเป็นส่วนของเมืองฐานหลงเจียง ทีมทั้งหมดจากเมือง
ฐานหลงเจียงต้องอยู่ที่นั่น
มีป้ายด้านหน้าพื้นที่ซึ่งมีคำว่า “หลงเจียง” เขียนอยู่และมีหมายเลข
“28” อยู่ด้านล่างชื่อ
ซูผิงถามเกี่ยวกับจำนวนและเรียนรู้ว่ามันแสดงถึงการที่ลำดับที่จะ
เข้าสู่อาณาจักรลับ
ความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นลำดับที่ 28 ในการเข้าสู่อาณาจักรลับนั้น
เกี่ยวข้องกับพลังของเมืองฐาน มันไม่เกี่ยวข้องกับนักสำรวจ
ที่นี้มีพื้นที่หลายร้อยตารางเมตร มีผู้คนกว่าร้อยคนมารวมตัวกันที่นี่
ทีมตระกูลฉินที่ซูผิงเคยเห็นก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน มีอีก 10 คน
นอกเหนือไปจากหกคนเดิมที่เป็นหัวหน้าตระกูลฉิน นี่เป็นทีมที่
ค่อนข้างใหญ่
ทีมอื่น ๆ คอยรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างพวกเขากับตระกูล
ฉิน
หัวหน้าทีมบางคนรู้จักเนี่ยเฉิงกง พวกเขาเข้าหาเพื่อทักทายและ
พูดคุยกันเล็กน้อย
ดวงตาของเนี่ยเฉิงกงเป็นประกายเมื่อเขาเห็นทีมหนึ่ง เขาบอกให้เย่
เฉินชานและคนอื่น ๆ รอที่นี่ ในขณะที่เขาไปทักทายทีมนั้น
เย่เฉินชานมองไปทางนั้นและพูดกับซูผิง “นั่นคือทีมเขี้ยวมังกรพวก
เขาใช้เวลาอยู่ในดินแดนรกร้างระดับ A ตลอดทั้งปี เป็นหนึ่งในทีมที่
ดีที่สุด หัวหน้าทีมเขี้ยวมังกรเคยช่วยหัวหน้าของเราเรื่องงาน และ
เคยเชิญให้เขาเข้าร่วมทีมเขี้ยวมังกรน่าเสียดายที่หัวหน้าของเรา
ไม่ได้เข้าร่วมเพราะเขามีความทะเยอทะยานของตัวเอง”
ซูผิงตรวจสอบทีมนั้น ทุกคนในทีม เขี้ยวมังกรมีพลังล้นเหลือคล้าย
กับเนี่ยเฉิงกง
ชายวัยกลางคนที่เนี่ยเฉิงกงไปทักทายยืนอยู่ที่นั่นเหมือนภูเขาที่ตั้งอยู่
สูงสง่า อย่างไรก็ตาม แรงกดดันส่งออกมาจากเขาราวกับว่ามีพลังงาน
ที่รุนแรงอยู่ภายในตัวเขา
ซูผิงผงะ เขารู้สึกว่าบุคคลนั้นเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ!
ไม่นานเนี่ยเฉิงกงก็พูดคุยกันเสร็จ และกลับมา
คนอื่น ๆ จากทีมโพลาลิสอยู่ที่มุมหนึ่ง มองไปรอบ ๆ แต่ไม่มีใคร
พูดอะไร
ในไม่ช้าทีมอื่น ๆ ก็เข้ามา พื้นที่ขนาดหลายร้อยตารางเมตรถูกอัด
แน่นจนเต็ม
บางทีมที่มาถึงช้าจะต้องรอในพื้นที่ข้างบันได
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนก็บินขึ้นมาจากพลาซ่า และยืนอยู่กลาง
อากาศ มีทั้งหมดห้าคน กลิ่นอายท่วมท้นส่งมาจากพวกเขา บ่งบอก
ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ!
ผู้คนที่พูดคุยกันในพลาซ่าเงียบลงทันที
หลายคนเงยหน้ามองขึ้นสูงเพื่อมองไปที่คนทั้งห้า
อย่างไรก็ตาม บางคนก็ยกหัวขึ้นเล็กน้อย พวกเขาไม่ชอบมองทั้งห้า
คนแบบนี้ ตรงกลาง ชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำตะโกน
ว่า “อาณาจักรลับเปิดแล้ว ทีมจากเมืองฐานทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ โปรด
เข้ามาตามลำดับ อย่าสร้างความวุ่นวาย!” เสียงของเขาดังก้องไปทั่ว
ทั้งพลาซ่า และดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย
ฟังดูสงบ แต่เสียงของเขาแหลมมาก จนทุกคนรู้สึกว่าได้ยินเสียง
โดยตรงในหูของพวกเขา
“มันคือปรมาจารย์ดาบ!”
เย่เฉินชานมองขึ้นไปเห็นชายวัยกลางคนคนนั้น มีร่องรอยของความ
เคารพและความตื่นเต้นในสายตาของเย่เฉินชาน “ปรมาจารย์ดาบเป็น
นักรบอสูรกิตติมศักด์ิที่สร้างชื่อเสียงเมื่อหลายปีก่อน เขากลายเป็น
นักรบอสูรกิตติมศักด์ิเมื่ออายุ 28 ปี เขามีความสามารถมากกว่าเพื่อน ๆ!”
“เขาอายุ 42 ปีแล้วในปีนี้ อสูรของเขาน่าเกรงขามมาก นอกจากนี้เขา
ยังได้เรียนรู้ทักษะดาบที่น่าทึ่งจนน่าตกใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเมืองฐาน
บ้านเกิดของเขาถูกอสูรร้ายรุกราน เขาสามารถฟันอสูรร้ายระดับเก้า
ได้ถึงแปดตัว โดยไม่ต้องเรียกอสูรของเขาออกมา!”
ซูผิงประหลาดใจ
เป็นเรื่องยากที่จะมีใครทำแบบนั้นได้ โดยไม่ต้องพึ่งอสูร
นักรบอสูรที่ซูผิงเคยพบมาโดยส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาอสูรเป็นส่วนใหญ่
ผู้คนจะฝึกฝนพวกมันมากกว่าตัวเอง หากไม่มีอสูร นักรบอสูรจะไม่
สามารถเอาชนะอสูรที่มีระดับเดียวกันได้
ในบรรดาผู้ที่อยู่ในพลาซ่าหลายคนรู้จัก ปรมาจารย์ดาบ พวกเขายืน
ด้วยความกลัวเมื่อมองไปที่เขา
ปรมาจารย์ดาบได้บรรลุความสำเร็จอันสูงส่งมากมาย บางคนเชื่อว่า
เขาน่าจะกลายเป็นนักรบอสูรในตำนาน
อีกสี่คนที่ยืนอยู่รอบ ๆ ปรมาจารย์ดาบก็เป็นนักรบอสูรที่มีชื่อเสียง
เช่นกัน พวกเขามีชื่อเสียงมานานหลายปี โดยปกติแล้ว คนที่เพิ่ง
กลายเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิจะขาดความกล้าหาญหรือไม่มีสิทธ์ิ
ยืนต่อหน้าทุกคนแบบนั้น
ท้ายที่สุดแล้วมีนักรบอสูรกิตติมศักด์ิบางคนในฝูงชนที่มาจากเมือง
ฐานต่าง ๆ
หลังจากที่ ปรมาจารย์ดาบกล่าวจบ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็เริ่ม
ดำเนินการ จากนั้นทีมแรกได้รับอนุญาตให้เข้าไป
คนอื่น ๆ จะต้องรอด้วยความคาดหวังอย่างเงียบ ๆ
ในบรรดาห้าคนที่อยู่ในอากาศ ชายชราคนหนึ่งประสานมือของเขา
ไว้ด้านหลังของเขา เขาถามด้วยรอยยิ้ม “ฉันสงสัยว่าคราวนี้จะสำรวจ
ได้ถึงห้าเขตไหม?”
แต่เสียงของเขาหายไปก่อนที่มันจะถึงพื้น
ชายผู้แข็งแกร่งตอบตอบอย่างใจเย็น “การสำรวจสามเขตก็ดีพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้รีบร้อน การเปิดเขตทั้งหมดนั้นไม่มีประโยชน์
ในขณะนี้ ฉันแค่อยากรู้ว่าคราวนี้จะเจอสมบัติอะไรบ้าง”
ชายชราผมหงอกหัวเราะและตอบว่า “ฉันอิจฉานายมากที่ได้รับทักษะ
ลับเมื่อครั้งที่แล้ว”
“เหมือนกัน ขลุ่ยฟ้าของคุณก็ดีเช่นกัน บทเพลงเดียวก็เพียงพอที่จะ
ทำลายวิญญาณ แม้แต่จิตวิญญาณของอสูรร้ายระดับเก้าก็ยังพังทลาย
ลง” ชายผู้แข็งแกร่งตอบ
คนที่อยู่ตรงกลาง ปรมาจารย์ดาบสังเกตอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา
พูดว่า “ฉันจะมุ่งหน้าเข้าสู่อาณาจักรลับเพื่อพักผ่อน”
ด้วยคำพูดนั้นเขาก็บินจากไปโดยไม่ลังเล
คนอื่น ๆ มองหน้ากันแล้วยิ้ม มีเพียงปรมาจารย์ดาบเท่านั้นที่สามารถ
เพิกเฉยต่อคำสั่งของผู้นำและทำอะไรตามใจชอบ
“ถึงตาเราแล้ว”
เนี่ยเฉิงกงคลี่ยิ้ม เขาจริงจังมากขึ้น
ทีมของพื้นที่อื่น ๆ ได้เข้าไปแล้ว ในที่สุดก็ถึงคราวของพวกเขา
ตระกูลฉินเป็นทีมแรกที่ได้ออกเดินทาง พวกเขาก้าวขึ้นบันไดและ
เดินขึ้นไปอีก
ต่อไปคือทีม เขี้ยวมังกรและอีกสองทีมระดับสูงสุด
ถัดไปเป็นทีมที่โดดเด่นอื่น ๆ รวมถึงทีมของเนี่ยเฉิงกง
พวกเขาเดินขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเห็นวังวนมิติเหมือนรอย
แตกบนท้องฟ้าที่ลอยอยู่ในอากาศสูงกว่าพื้นดินกว่าสิบเมตร
พวกเขากระโดดเข้าไปทีละคน
ดวงตาของซูผิงเปล่งประกาย เขากระโดดลงไปในวังวนต่อจากเย่
เฉินชาน
การเปลี่ยนแปลงของมิติเป็นอะไรที่คุ้นเคยสำหรับเขา ในไม่ช้าซูผิง
ก็ชินกับความรู้สึกนี้ เขาลืมตาขึ้นและมองไปรอบ ๆ
สิ่งแรกที่เตะตาเขาคือพลาซ่าอันงดงาม เหนือหัวมีดวงอาทิตย์ที่แผด
จ้าและดวงดาวมากมาย ดวงอาทิตย์นี้ดูเหมือนจะใหญ่มากและอยู่
ใกล้มาก อย่างไรก็ตาม รอบดวงอาทิตย์เป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วย
ดวงดาวและจักรวาลไร้สิ้นสุดที่ดูเหมือนจะดูดคนเข้าไปได้
ในไม่ช้าความสนใจของซูผิงก็ถูดึงดูดโดยหัวมังกรขนาดเท่าภูเขา
นั่นคือกะโหลกศีรษะของมังกร ไม่มีชิ้นเนื้อเหลืออยู่บนกระดูก แต่
มันก็ยังอยู่ที่นั่น เขาลูกหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนฟ้าเหมือนภูเขาสูงตระหง่าน!
ซูผิงยืนอยู่บนพลาซ่า แต่เขาไม่สามารถมองเห็นกะโหลกศีรษะได้
ทั้งหมด
กลิ่นอายความบ้าบิ่นที่เรียบง่ายและกว้างขวางพุ่งเข้าหาใบหน้าของ
เขาพร้อมกับแรงกดดันจากมังกร กลิ่นอายนั้นเกินกว่ามังกร
ซูผิงตะลึง
เขาเคย … เห็นสิ่งนี้
ไม่เพียงแค่ได้เห็นสิ่งนี้ แต่เขายังคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้มาก ๆ !!
สนามสืบทอดราชามังกร? ซูผิงจ้องไปที่กะโหลกมังกรขนาดใหญ่
ตรงหน้าเขาด้วยความงุนงง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้ สนามสืบทอด
ราชามังกรที่เขาพบในรายชื่อสนามบ่มเพาะอยู่ที่นี่ ได้ยังไง?
สนามสืบทอดราชามังกรเป็นพื้นที่ที่เขาสุ่มเลือกจากรายชื่อสนามบ่ม
เพาะขั้นพื้นฐาน มีสถานที่อื่น ๆ เช่นสนามสืบทอดปีศาจกระดูกหรือ
สนามสืบทอดลัทธิวูดู
สนามสืบทอดเหล่านั้นไม่เหมือนกับสนามบ่มเพาะทั่วไป ทุกสิ่งใน
สนามสืบทอดถูกสร้างขึ้นด้วยภาพลวงตา ระบบระบุว่าได้เรียนรู้จาก
การทดสอบที่กำหนดขึ้นในสนามสืบทอดในชีวิตจริงเพื่อฝึกอสูร
อย่างไรก็ตาม ซูผิงได้พบสถานที่นั้นในชีวิตจริงโดยไม่ตั้งใจ !!
สถานที่แห่งนี้อยู่บนโลกสีฟ้าในทวีปตรงหน้าเขา!