ตอนที่ 168 การจัดอันดับนักสำรวจ
เท่าที่ซูผิงจำได้มีสนามบ่มเพาะระดับต่ำหลายล้านสนามในเมนูของ
ระบบ ในขณะที่สนามสืบทอดราชามังกรเป็นเพียงหนึ่งในนั้น เขา
แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะได้เจอมันในชีวิตจริง
ตามระบบ สนามสืบทอดถูกทิ้งไว้โดยนักรบโบราณที่เสียชีวิตไป
นานแล้ว มันถูกจัดให้อยู่ในประเภท “ระดับต่ำ” เนื่องจากนักรบคน
นี้ไม่ได้แข็งแกร่งมาก ในยุคปัจจุบันสมบัติเก่าแก่เหล่านี้ได้หายไป
หรือมีใครบางคนได้ปล้นไปแล้ว อาจมีหลายแห่งที่ยังคงสภาพ
สมบูรณ์ ซึ่งทั้งหมดควรซ่อนอยู่ในดาวเคราะห์ต่างดาวที่ไม่มีใคร
สามารถสำรวจได้
ซูผิงจ้องมองกระดูกมังกรด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ในขณะที่เขาจำเรื่อง
สำคัญอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากสนามสืบทอดราชามังกรควรจะมีมรดก
ที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วอาณาจักรลึกลับนี้ล่ะ? แม้ว่าเขา
จะไม่สามารถเอาสิ่งใดออกไปจากสนามสืบทอดที่ระบบสร้างขึ้นได้
แต่เขาก็สามารถเอาสมบัติจริงในนี้ออกไปได้
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าความตื่นเต้นของเขาก็ค่อย ๆ หายไป เมื่อเขา
จำได้ว่าเขาต้องไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยมังกรและสำรวจ “ดินแดน
เกล็ดมังกร” ทั้งหมด เพื่อให้มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับมรดก ตามสิ่ง
ที่เขารู้จากเย่เฉินชาน มีเพียง 57 จาก 109 เขตในภูเขาหลงไท่เท่านั้น
ที่สามารถสร้างแผนที่ได้สำเร็จ ผู้คนมีเส้นทางยาวที่จะไป บางทีเขา
อาจจะกลับมาและลองเสี่ยงโชค อย่างไรก็ตามในขณะนี้เขาทำอะไร
ไม่ได้มากนัก
ทันใดนั้นทฤษฎีอื่นก็เข้ามาในจิตใจของเขา หากสถานที่แห่งนี้
เหมือนกับสนามสืบทอดราชามังกร 109 เขตจะเหมือนกับ “ดินแดน
เกล็ดมังกร” หรือเปล่า นั่นคือรวมถึงสิ่งที่เขาสามารถหาได้?
ดวงตาของเขาเปล่งประกายชั่วครู่ เมื่อเข้าถึงความคิดนั้นก่อนที่เขา
จะซ่อนความคิดที่แท้จริงจากคนอื่นอย่างรวดเร็ว เขาจะไม่เปิดเผย
เรื่องนี้กับใคร
คล้ายกับเขา นักสำรวจส่วนใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงล้วนจ้องมอง
กระดูกมังกรที่สูงตระหง่านด้วยความหวาดกลัว มีข่าวลือว่ามังกรตัว
นี้มีพลังมากกว่าราชาอสูรตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่
“คุณซู ตอนนี้คุณอยู่ในอาณาจักรลับบนภูเขาหลงไท่แล้ว” เย่เฉินเฉิน
อธิบายด้วยท่าทางจริงจัง “ซากมังกรที่คุณเห็นนั้นบอกว่ามาจากอสูร
โบราณ มันอันตรายกว่าราชาอสูรทั่วไปของยุคนี้หลายเท่า”
“เดาว่าแม้บางสิ่งจะทรงพลังก็ไม่อาจรอดพ้นจากความแก่ชราได้”
สมาชิกในทีมคนอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ ให้ความเห็น
“หอคอยมังกรอยู่ข้างหน้า ฉันสงสัยว่าตอนนี้เราสามารถไปถึงชั้น
ไหนได้บ้าง” ลั่วกู่เสวี่ยและกั่วเยวี่ยหลินจ้องมองไปที่โครงสร้างสูง
ตระหง่าน
“เวลาไม่รอใคร มาสำรวจกันก่อน เราจะตรวจสอบหอคอยเมื่อเรามี
เวลาว่าง” เนี่ยเฉิงกงกล่าว
พวกผู้หญิงดูผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้พูดเป็นอย่างอื่นเพราะทั้งคู่รู้ดีว่าพวก
เธอไม่สามารถล้มทีมอื่นได้ แม้ว่าจะมีแผนที่ขุมทรัพย์ก็ตาม ซูผิง
ขมวดคิ้ว “หัวหน้าเนี่ยผมขอตรวจดูหอคอยก่อน”
เนี่ยเฉิงกงมองเขา “ผมเข้าใจว่าคนหนุ่มสาวทุกคนกระตือรือร้นที่จะ
ทดสอบความแข็งแกร่งของตนเอง แต่เราควรทำงานใหญ่ของเรา
ก่อน อย่างที่ผมบอกเราจะไปที่หอคอยในภายหลัง”
ซูผิงต้องยืนยันว่าสถานที่แห่งนี้เหมือนกับที่เขารู้หรือไม่ แม้ว่าทุก
อย่างจะดูคุ้นเคย แต่มังกรที่เขารู้สึกได้จากกระดูกมังกรนั้นอ่อนแอ
กว่าเมื่อเทียบกับที่สนามสืบทอด เขาจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจ
ในเรื่องนี้
การรู้คำตอบหมายความว่าเขาจะมีเวลาสำรวจเขตต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
ในภายหลัง เพราะเขาสามารถจำสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่มากก็น้อย
“ขอโทษ ผมต้องไป ผมจะรีบไปรีบกลับ” เนี่ยเฉิงกงขมวดคิ้ว ขณะที่
ความไม่พอใจถูกเขียนอยู่ทั่วใบหน้า แม้ว่าเขาต้องการหลีกเลี่ยงปัญหา
ในทีมถ้าทำได้
“…โอเค เราจะไปกับคุณ กู่เสวี่ยก็มีความคิดเดียวกัน”
ลั่วกู่เสวี่ยและกั่วเยวี่ยหลินสบตากันอย่างมีความสุข
เย่เฉินชานถอนหายใจด้วยความรำคาญ เขารู้ดีว่าซูผิงแข็งแกร่ง แต่
เขาไม่คิดว่าซูผิงจะยอมจำนนต่อความประมาทในวัยเด็ก การตามหา
สมบัติในภายหลังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ผู้ช่วยอีกสองคนดูไม่พอใจเช่นกัน แต่ไม่มีใครหยุดเนี่ยเฉิงกง พวก
เขาเต็มใจที่จะปฏิบัติตามการตัดสินใจของเนี่ยเฉิงกง แม้ว่าสิ่งนี้
ไม่ได้ทำให้พวกเขาหายโกรธซูผิง
กลิ่นอายมังกรจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าใกล้กระดูก
มังกร นักสำรวจที่นี่ล้วนแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานแรงกดดันใน
ระยะดังกล่าว แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถท้าทายหอคอยได้
ในขณะนี้กลุ่มคนที่วางแผนจะเข้าไปในหอคอยได้รออยู่ที่หน้าทางเข้า
แล้ว ซูผิงหาที่ว่างเพื่อรอคนอื่น ๆ ในทีม พร้อมกับสังเกตสภาพแวดล้อม
ครู่ต่อมามีกลุ่มอื่นเข้ามาในบริเวณที่นั่งรอ โดยมีผู้หญิงที่โดดเด่นอยู่
ตรงกลาง เธอดูเป็นที่สะดุดตาในบรรดานักสำรวจทั้งหมดเพราะเธอ
ดูอายุมากกว่า 20 ปีเพียงนิดเดียว ในขณะที่นักสำรวจที่อายุน้อยที่สุด
ดูใกล้เข้าสู่วัย 30 แล้ว นอกจากนี้ผู้คนต่างก็มีเหตุผลที่จะให้ความ
สนใจเธอเป็นพิเศษ เมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ ของเธอทำท่าทางราวกับว่า
กำลังดูแลเจ้าหญิง
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ผู้คนจำเธอได้ พวกเขาก็รีบหันหน้าหนี เพื่อ
ไม่ให้เกิดปัญหาในการเดินทาง
ผู้หญิงคนนั้นมองคนอื่น ๆ อย่างไม่ใส่ใจ และมองไปที่หอคอย
ข้างหน้า จนกระทั่งเธอจับจ้องไปที่ชั้นห้า
ชายชราข้างเธอยิ้มอย่างอ่อนโยน “ผมเชื่อว่าคุณหนูจะไปถึงชั้นหก
โดยไม่มีปัญหา จากนั้นคุณหนูจะกลายเป็นแชมป์ ในการจัดอันดับ
นักสำรวจ”
ดูเหมือนผู้หญิงจะไม่สนใจ เธอกล่าวว่า “บอกคนบ้า ๆ เหล่านี้ให้
หลีกทาง ฉันไม่มีเวลา”
ชายชราพยักหน้าและเดินไปข้างหน้าเพื่อพูดกับทุกคน “อะแฮ่ม
หลีกให้คุณหนูของเราผ่านไปได้”
เสียงของเขาฟังดูเป็นมิตร แต่หลายคนไม่พอใจกับข้อความของเขา
“เธอคือใคร ??”
“คนรวยจากตระกูลใหญ่ใช่มั้ย?”
“เข้าแถวรอสิสาวน้อย! เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? ภรรยาของประธานาธิบดี?”
“แกพูดอะไร!”
บางคนประท้วงอย่างเปิดเผย ส่วนที่เหลือที่จำชายชราได้ออกจากคิว
อย่างเชื่อฟังด้วยท่าทางหวาดกลัว
ชายชราดูไม่เป็นมิตรอีกต่อไป
“คำพูดของฉัน มันยากที่จะอดทนหรือยังไง?”
เขาก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ขณะเปิดเผยพลังที่ซ่อนอยู่อย่างเต็มที่ซึ่ง
ทำให้อากาศแข็งตัวทันที คนที่ยืนอยู่ใกล้พวกเขาไม่สามารถขยับตัว
ได้
“เขา – เขา – เขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักด์ิ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่ฉลาดหลายคนต่างมีปฏิกิริยาตอบสนอง
รวดเร็ว “ผู้หญิงคนนั้นคือถังยู่หราน??”
“เธอเป็นคนที่ขึ้นไปถึงชั้นห้าของหอคอยในครั้งที่แล้ว ฉันเห็นเธอ
ในการจัดอันดับนักสำรวจ!”
“บัดซบ นั่นคือเหตุผลที่เธอได้นักรบอสูรกิตติมศักด์ิมาเป็นผู้คุ้มกัน”
ผู้ที่กล้าต่อต้านชายชราตัดสินใจถอย พวกเขาทุกคนรู้ว่าถังยู่หราน
เป็นดาวเด่นที่มีชื่อเสียง ครอบครัวของเธอมีอำนาจในเมืองฐานต่าง ๆ
“ฮึ่ม ต้องทำให้มันยากตลอด” ชายชราหันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์
ถังยู่หรานไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเธอพบกับเรื่องแบบนี้มา
มากแล้ว
เธอเดินไปข้างหน้าเพื่อเข้าไปในหอคอย แต่ก็หยุดลงเพราะทางเข้า
ยังคงถูกกั้นโดยใครบางคน
ชายชรามองไปทางนั้นด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “แกหูหนวกหรือไง?
หลบออกไป! หรือแรงกดดันฉันรุนแรงเกินไปจนขาที่น่าสมเพช
ของแกขยับไม่ได้?”
ซูผิงมองซ้ายขวาและประหลาดใจเมื่อพบว่าคนที่รออยู่รอบ ๆ เขา
ถอยออกไปหมดแล้ว
“ฮะ? คุณกำลังพูดกับผมหรอ ตาแก่?”