ตอนที่ 171 อสูรรอง
“นี่คือเขต 92 ใช่ไหม?”
ผู้คนตรวจสอบรอบ ๆ และตระหนักว่าอสูรทุกตัวที่นี่น่าเกรงขามมาก
“จริงจังกันหน่อยทุกคน” เนี่ยเฉิงกงทำหน้าที่ผู้นำ “โจวจิ่ง นาย
รับผิดชอบการเฝ้าระวังจากท้องฟ้า เยวี่ยหลิน สนับสนุนเขาจาก
ภาคพื้น คนอื่นช่วยรักษาความปลอดภัย คุณโม ผมได้ยินว่าคุณมีนัก
แกะรอยภาคพื้นภายใต้บัญชาที่สามารถตรวจจับเสียงภายในรัศมี 30
กิโลเมตรได้ ?”
ชายชราเหลือบมองเขาและพยักหน้า
“แน่นอน”
เขาเปิดพื้นที่อสูรและปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนเสือออกมา แต่
เมื่อมองใกล้ ๆ มันไม่มีขนปกคลุมกรงเล็บ แต่เป็นม่านควัน มันยังมี
จมูกยาวเหมือนสมเสร็จและจุดทั่วผิวที่ดูเหมือนลูกตาเล็ก ๆ
นี่คืออสูรดวงดาวสองธาตุแสนหายาก มันมีทั้งธาตุไฟและดิน มันไม่
เก่งต่อสู้นัก แต่มีสัมผัสเฉียบแหลม สมาชิกคนอื่นแปลกใจที่เห็นอสูร
พิเศษแบบนี้ นักแกะรอยภาคพื้นมีประโยชน์มาก อสูรประเภทมังกร
ยังตายได้ถ้ามันเข้าอาณาเขตของราชาอสูร แต่ด้วยความช่วยเหลือ
ของอสูรตัวนี้ พวกมันสามารถหลบอันตรายได้
เมื่อได้รับคำสั่ง อสูรก็ขุดหลุมบนพื้นและดำลงไป ก่อนมันจะกลบ
ร่องรอย
ทุกคนดูโล่งใจและยิ่งมั่นใจ
ในขณะเดียวกัน โจวจิ่งและเยวี่ยหลินยังเรียกอสูรสอดแนมออกมา
อสูรของโจวจิ่งคืออินทรีร้อยตา ซึ่งหายากแต่ก็ยังพบได้ในหมู่นัก
สำรวจมืออาชีพ มันไม่เก่งสู้ แต่อินทรีร้อยตาสามารถบอกได้อย่าง
แม่นยำว่ามีมดคลานอยู่บนพื้นกี่ตัว
แม้จะมีชื่อแบบนั้น มันก็ไม่ได้มีร้อยตาจริง ๆ มันมีตาสองคู่
กั่วเยวี่ยหลินอัญเชิญอสูรธรรมดาชื่อผู้สั่นสะเทือน ซึ่งถือว่าเป็นอสูร
ทั่วไป
เนี่ยเฉิงกงหยิบแผนที่สมบัติออกจากเป้และมองรอบ ๆ
“ตอนนี้เรากำลังยืนอยู่ขอบพื้นที่ที่ได้รับการสำรวจ ซึ่งเป็นเส้นทาง
ปลอดภัยสุดที่เราจะใช้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้”
ซูผิงพยายามหาว่าเขาสามารถจำเกี่ยวกับดินแดนเกล็ดมังกรนี้ได้ไหม
และขมวดคิ้ว จากนั้นก็จ้องแผนที่ของเนี่ยเฉิงกง
เขาได้ค้นหาเขตนี้แล้ว เขาจึงไม่ต้องการแผนที่เพื่อดูว่าอยู่ไหน
ซึ่งหมายความว่าฉันรู้ว่าสมบัติซ่อนอยู่ที่ไหน…
เขาพบของมีค่ามากมายขณะสำรวจเกล็ดมังกร แต่ไม่สามารถเอาสิ่ง
ใดออกไปได้ แต่ตอนนี้ ..มันแตกต่าง
บางสิ่งในหัวกระตุ้นเขาให้ออกทีมนี้ทันทีและเริ่มการสำรวจเอง
“เราควรเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุด”
เขาตัดสินใจทำงานให้ลุล่วงก่อนและค่อยไปสำรวจเอง ตอนนี้ เขา
ไม่อยากทำลายคำสัญญาและทำให้คนเหล่านี้เสี่ยง
ผู้ช่วยคนอื่นเห็นด้วย แม้พวกเขาจะไม่ชอบให้ซูผิงเป็นคนเสนอก็ตาม
เนี่ยเฉิงกงพยักหน้า”ทุกคน เตรียมอสูรต่อสู้ไว้ให้พร้อม”
“ครับ หัวหน้า”
ไม่มีใครคัดค้าน นอกจากการโจมตีศัตรู อสูรของพวกเขายังเป็นแนว
ป้องกันแรก
ตามการนำของทุกคน ซูผิงอัญเชิญสุนัขมังกรดำออกมา
ขณะนี้ เขาพิจารณาว่าโครงกระดูกน้อยจะเป็นอสูรหลัก มังกรเพลิง
นรกจะเป็นอสูรรอง ส่วนสุนัขกับอสรพิษม่วงจะรองลงมา เขาไม่คิด
ใช้โครงกระดูกน้อยกับมังกรเพลิงนรกเพราะทีมยังห่างไกลจากส่วน
ที่อันตราย
นอกจากนี้ มังกรเพลิงนรกยังเป็นสัญญาณเดินได้ ซึ่งจะดึงดูดศัตรูให้
มาหาพวกเขาเพราะขนาดของมัน แม้มันจะรู้วิธีกลบกลิ่นอาย ซึ่งถือ
ว่าแปลกสำหรับสิ่งมีชีวิตประเภทมังกรก็ตาม
ลั่วกู่เสวี่ยอัญเชิญนกเพลิงศักด์ิสิทธ์ิออกมา ซึ่งได้ฟื้นตัวจากแผลมัน
แล้วขณะสู้กับอสูรศพเวทย์ ยิ่งไปกว่านั้น มันดูเหมือนจะมาถึงขั้น
กลางของระดับแปดแล้ว ถ้าพวกเขาพบอสูรศพเวทย์อีกครั้ง นกตัวนี้
ก็จะแกร่งพอทำให้ลั่วกู่เสวี่ยปลอดภัย
อสูรต่อสู้ของเย่เฉินชานคือจิ้งจกฟ้า อสูรประเภทหินระดับเก้า แม้
ตอนนี้มันจะยังเป็นระดับแปดเพราะยังไม่โตเต็มที่
นอกจากนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ซูผิงได้เห็นอสูรของเย่เฉินชาน
สมาชิกแต่ละคนได้รับมอบหมายงาน โจวจิ่งกับกั่วเยวี่ยหลินรับผิดชอบ
การตรวจตรา จิ้งจกของเย่เฉินชานจะรับมือกับศัตรูก่อน นกของลั่วกู่
เสวี่ยจะใช้การโจมตีวงกว้างเพื่อตรึงเป้าหมายแบบกลุ่ม ส่วนนักบุญ
ปีศาจของเนี่ยเฉิงกงจะเป็น ‘เพชฌฆาต’
นักบุญปีศาจคืออสูรประเภทปีศาจระดับเก้าที่ดูเหมือนนักบุญสูง
แปดเมตร ฟันและปากที่เกินมาบนหัวมันช่วยให้มันดูอันตรายสมชื่อ
ตามที่เนี่ยเฉิงกงบอก สิ่งมีชีวิตนี้กระหายเลือดมาก แม้แต่พลังของ
มังกรก็ไม่สามารถทำให้มันกลัวได้ นอกจากนี้ นักบุญปีศาจยังมี
ร่างกายคล้ายมนุษย์ที่สามารถใช้เทคนิคต่อสู้ได้ พลองขนาดใหญ่ที่
มันถือเป็นข้อพิสูจน์ เนี่ยเฉิงกงบอกว่าเขาใช้เงินไปมากเพื่อซื้ออาวุธ
นั้น
อสูรของชายชราคือยักษ์ อสูรประเภทปีศาจระดับเก้าที่เรียกว่าเคียว
แห่งความตาย นอกจากคมดาบแหลมมากมายทั่วแขนขามัน มันยังมี
หนวดขนาดเล็กมากมายแนบติดตัวที่สามารถปล่อยพิษร้ายได้
สำหรับผู้ช่วยหุ่นล่ำชื่อเฉิน เขานำเอามังกรดินระดับเก้า หนึ่งในอสูร
ที่แข็งแกร่งสุดที่คนรู้จักออกมา
โดยปกติ อสูรของคนเป็นสัญญาณชี้ถึงพลังของผู้ใช้ พวกเขาคิดว่า
โจวจิ่งกับกั่วเยวี่ยหลินจะแสดงอสูรที่อ่อนแอสุดเพราะพวกเขาเป็น
นักสอดแนมแทนนักสู้ แต่ทว่า เท่าที่พวกเขาเห็นตอนนี้สุนัขมังกร
ดำของซูผิงอ่อนแอสุด
สุนัขมังกรดำค่อนข้างดีในบรรดาอสูรระดับหก หรืออาจระดับเจ็ด
ถ้ามันเรียนความสามารถหายาก แต่มันไร้ประโยชน์ต่อทีม
ชายชราและเฉินมองเนี่ยเฉิงกงทันที
เนี่ยเฉิงกงแสดงรอยยิ้มเขินอายขณะถาม “คุณซู นี่ไม่ใช่อสูรที่เก่งสุด
ของคุณใช่ไหม? ผมได้ยินว่าคุณมีโครงกระดูกพิเศษ”
ซูผิงพยักหน้า “นี่คืออสูรรองของผม ผมจะเรียกโครงกระดูกเมื่อ
จำเป็น ผมทำแบบนี้เพราะสุนัขมีจมูกดีที่สามารถช่วยบอกอันตราย
ได้ มันสามารถสู้ได้ดีด้วย”
เนี่ยเฉิงกงเงียบ
โจวจิ่งขมวดคิ้ว “คุณซู นี่ไม่ใช่การละเล่น คุณสามารถปล่อยงาน
รักษาความปลอดภัยให้เราได้”
กั่วเยวี่ยหลินพูดเสริม “เขาพูดถูก ด้วยนักแกะรอยของคุณโม่ เราจะ
ไม่พลาดยุงสักตัว”
ซูผิงไม่เห็นด้วยกับพวกเขา
ความจริงได้บอกแล้ว เขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของอสูร
สอดแนมเหล่านั้น เท่าที่เขาเห็น ทั้งสามไม่สามารถมองเห็นการ
อำพรางของอสูรพิเศษบางตัวได้ ตรงกันข้าม สุนัขมังกรดำของเขา
เรียนทักษะตรวจจับระดับเก้ามา เมื่อสำรวจดินแดนเกล็ดมังกร แทบ
ไม่มีอะไรรอดพ้นจมูกมันได้
ลั่วกู่เสวี่ยสังเกตเห็นความอันตรายเงียบ ๆ และช่วยลดบรรยากาศ
“เอ่อ พวกนาย ฉันเชื่อว่าคุณซูมีเหตุผล เรามีอสูรต่อสู้มากพอแล้ว”
เนี่ยเฉิงกงอยากพูดมากกว่านี้ แต่ตัดสินใจไม่ทำให้ความสัมพันธ์
ระหว่างทีมแย่ลงไปกว่านี้
“เอาละ เราจะเอาตามนี้”
ลึกลงไป เนี่ยเฉิงกงหมดศรัทธาในตัวซูผิงแล้ว
เย่เฉินชานถอนหายใจ แต่ไม่พูดอะไร ซูผิงเป็นผู้ช่วยชีวิตเขา แต่เขา
ก็ไม่สามารถต่อต้านหัวหน้าเขาได้
เฒ่าโมหัวเราะเยาะ “ฉันขอเสนอให้คุณเลิกเลี้ยงเด็ก นักแกะรอยของ
ผมอย่างเดียวก็จับศัตรูส่วนใหญ่ได้แล้วเว้นแต่เราจะเจอราชาอสูร
และถ้าเราเจอราชาอสูร อะไรก็ช่วยเราไม่ได้”
สมาชิกคนอื่นเห็นได้ว่าชายชราโกรธจริง
ซูผิงรู้สึกโกรธเล็กน้อยเนื่องจากคนเอาแต่ตำหนิเขา ซึ่งทำให้เขาอับ
อายขายขี้หน้าต่อลั่วกู่เสวี่ย แต่ก่อนเขาจะได้พูดอะไร บางสิ่งก็หยุด
เขา “รอก่อน มีอสูรกำลังเข้ามา”
“หือ??”
คนตกใจกับคำพูดนั้น แต่ทุกคนยกเว้นลั่วกู่เสวี่ยกลับยักไหล่เมื่อเห็น
ว่ามันคือซูผิงที่ส่งการแจ้งเตือน