ตอนที่ 185 กลับ
หลังจากที่เย่เฉินชานและลั่วกู่เสวี่ยออกไปข้างนอก ซูผิงก็เรียกมังกร
เพลิงนรกของเขา บอกให้เผานักสำรวจที่เสียชีวิตทั้งหมด
หลังจากจัดการซากศพ ซูผิงได้เก็บต้นไม้ไว้ในพื้นที่เก็บของของเขา
เขามุ่งหน้าออกไปนอกถ้ำ ก่อนที่เขาจะจากไป เขาบอกให้มังกรเพลิง
นรกทำลายพื้นดินและทำลายสถานที่นั้นให้หมด
ลั่วกู่เสวี่ยและเย่เฉินชานกำลังรอซูผิงอยู่นอกถ้ำ พวกเขาเห็นว่ามังกร
เพลิงนรกและสุนัขมังกรดำสร้างความหายนะในถ้ำ ถ้ำทั้งหมดถูก
พลิกคว่ำ พวกเขารู้ว่าซูผิงกำลังกำจัดหลักฐานทั้งหมดเพื่อไม่ให้มี
ร่องรอยหลงเหลืออยู่
“น้องชายซูต้นไม้นั้นยังอยู่ข้างในหรือเปล่า? คุณทำลายต้นไม้ด้วย
เหรอ?” เย่เฉินซานรู้สึกสงสัยเพราะซูผิงกลับมามือเปล่า ดูเหมือนว่า
เขาจะไม่ได้นำต้นไม้นั้นมาด้วย
“นั่นคือต้นผลจิตวิญญาณ”
ซูผิงไม่ได้ปกปิดข้อมูล ทั้งสองได้เห็นต้นไม้ หากต้องการก็สามารถ
ค้นหาข้อมูลเมื่อกลับไปได้ พวกเขาจะพบความจริงไม่ช้าก็เร็ว เขา
คิดจะบอกความจริงกับพวกเขาเช่นกัน
“ต้นผลจิตวิญญาณ?”
เย่เฉินชานและลั่วกู่เสวี่ยตกใจ พวกเขาจำบางอย่างได้ เธอถามด้วย
ความประหลาดใจว่า “ผลจิตวิญญาณใช่ผลไม้ที่สามารถช่วยให้เลื่อน
ระดับได้โดยตรงหรือเปล่า?”
ซูผิงพยักหน้า
สิ่งนี้สร้างความตกใจให้กับเย่เฉินซาน
ในตอนนี้เขาเข้าใจว่าทำไมซูผิงถึงต้องทำลายต้นไม้ หากพวกเขาออก
จากอาณาจักรลับพร้อมกับต้นไม้ พวกเขาจะกลายเป็นศูนย์กลางของ
ความสนใจทันที พวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นต้นไม้ไม่สามารถถือเป็นสมบัติได้อีกต่อไป แต่เป็นคำสาป
ที่อาจนำหายนะมาสู่ชีวิตของพวกเขา
ไม่น่าแปลกใจที่ซูผิงต้องการทำลายสถานที่นี้อย่างละเอียด! เย่เฉิน
ชานและลั่วกู่เสวี่ยเข้าใจว่านี่เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อปกป้องชีวิตของ
พวกเขาเอง แต่พวกเขาก็รู้สึกเสียใจที่ต้นไม้มีค่าเช่นนี้ต้องถูกทำลาย
“ไม่น่าแปลกใจที่หัวหน้าเนี่ยรีบขนาดนั้น…” ลั่วกู่เสวี่ยพึมพำ แสง
ในดวงตาของเธอหรี่ลง
การคิดถึงหัวหน้าผู้ล่วงลับทำให้เย่เฉินซานเสียใจ เขาถอนหายใจข้าง
ใน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่ากัปตันทำตัวบุ่มบ่ามเกินไป เขาต้องการ
เข้าไปในถ้ำโดยไม่เก็บเกี่ยววัตถุดิบจากร่างของมังกรไฟ
เนี่ยเฉิงกงต้องโกหกพวกเขา เขารู้ว่าอะไรถูกเก็บไว้ที่นั่น
ผลจิตวิญญาณมีค่ามากเกินไปสำหรับเนี่ยเฉิงกง ไม่น่าแปลกใจที่เขา
จะกังวลและรีบเร่งขนาดนั้น
น่าเสียดายที่เนี่ยเฉิงกงไม่ได้รับผลไม้ในที่สุด เขาถึงขั้นแลกด้วยชีวิต
ทุกอย่างกลายเป็นสูญเปล่า
“เราเป็นเพียงสามคนที่รู้เกี่ยวกับผลจิตวิญญาณ เราอาจประสบปัญหา
ร้ายแรงได้หากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้
เป็นความลับ” ซูผิงพูดกับอีกสองคนอย่างเคร่งขรึม
ลั่วกู่เสวี่ยพยักหน้าทันที “คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่พูดอะไรสักคำ”
เย่เฉินซานเข้าใจสิ่งที่ซูผิงหมายถึง “น้องซู คุณช่วยชีวิตผมสองครั้ง
แล้ว ผมจะเก็บความลับไว้ ผมรู้ว่าการพูดเกี่ยวกับผลไม้ไม่มีผลดี
อะไรกับเรา”
ซูผิงพยักหน้า เขาเรียกมังกรเพลิงนรกและโครงกระดูกน้อยกลับ
สุนัขมังกรดำอยู่กับเขาอยู่แล้ว เขากระโดดขึ้นไปบนหัวของอสรพิษ
ม่วงและนั่งลง “กลับกันเถอะ”
เย่เฉินชานรู้สึกบูดบึ้งเล็กน้อยเนื่องจากซูผิงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับ
การแจกจ่ายผลจิตวิญญาณระหว่างพวกเขา แต่อารมณ์นั้นก็หายไป
ในทันที การเดินทางทั้งหมดของพวกเขาราบรื่นจนกระทั่งการ
สูญเสียครั้งใหญ่ จำนวนผู้เสียชีวิตมากมาย พวกเขาทั้งสามคนโชคดี
พอที่ยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะผู้รอดชีวิตที่โชคดี เย่เฉินชานไม่ได้อยู่ใน
อารมณ์ที่จะอยากได้สมบัติใด ๆ นอกจากนี้ซูผิงยังช่วยชีวิตเขาถึง
สองครั้ง เขาไม่สามารถอิจฉาได้
เย่เฉินชานและลั่วกู่เสวี่ยกระโดดขึ้นไปบนอสูรของพวกเขา และ
ออกไปพร้อมกับซูผิง
นกเพลิงศักด์ิสิทธ์ิของลั่วกู่เสวี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอเรียกมัน
กลับไปที่พื้นที่สัญญาและเรียกอสูรระดับเจ็ดของตระกูลลมอีกตัว
ออกมาเพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางของเธอ
อันดับแรกพวกเขาไปตรงจุดที่มังกรไฟตาย และพบกับโจวจิ่งที่เฝ้า
อยู่
โจวจิ่งเห็นเพียงสามคนเท่านั้น นั่นทำให้เขากลัว “หัวหน้าของเราอยู่
ไหน?” เย่เฉินชานถอนหายใจ “หัวหน้า…เสียชีวิตแล้ว เฒ่าโมและ
เยวี่ยหลินก็เช่นกัน…”
โจวจิ่งจ้องมองเขา เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้
เขาได้ยินเสียงดังมาจากถ้ำนั้น รวมถึงเสียงคำรามของมังกรด้วย สิ่งที่
เลวร้ายที่สุดที่เขาคาดหวังก็เกิดขึ้น “แล้วยังไง? เกิดอะไรขึ้นกับพวก
นาย?” โจวจิ่งถามอย่างรีบร้อน
ลั่วกู่เสวี่ยดูแย่มาก เธอสรุปเหตุการณ์สั้น ๆ โดยไม่พูดถึงต้นไม้ เธอ
พูดถึง “สมบัติบางส่วน” แทน
โจวจิ่งรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องราวที่ลั่วกู่เสวี่ยเล่า ทีมของพวกเขา
ไม่ได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่แม้แต่ครั้งเดียวตลอดทาง แต่เกือบทั้ง
ทีมมาตกม้าตายตรงนี้ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีมังกรไฟสองตัว ซึ่งหนึ่ง
ในนั้นอยู่ที่ระดับเก้าขั้นสูงสุด!
เขารู้สึกปวดใจกับการตายของเนี่ยเฉิงกงและกั่วเยวี่ยหลิน ในขณะ
เดียวกันเขาก็รู้สึกอายที่จะยอมรับว่าเขาดีใจเล็กน้อย
เขาอาจเสียชีวิตหากเข้าไปในถ้ำกับทีม
“ทีมเขี้ยวมังกร! ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ !” โจวจิ่งกัดฟันแน่นด้วยความ
เกลียดชัง เมื่อได้ยินว่ามีคนเอาเปรียบทีมของพวกเขา เป้าหมายความ
โกรธของโจวจิ่งจึงเป็นทีมเขี้ยวมังกร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทีม
เขี้ยวมังกรได้รับการลงโทษที่เหมาะสมแล้ว โจวจิ่งจึงทำได้เพียงแค่
ใช้คำพูดหยาบคายเพื่อระบายความโกรธของเขา
“มาจัดการมังกรไฟนี่กันเถอะ เราจะได้กลับ” ซูผิงพูดเสริมว่า “มังกร
ไฟอีกตัวอาจจะออกมาก็ได้”
อีกสามคนกลับมามีสติ คำเตือนของซูผิงทำให้พวกเขากลัว เย่เฉิน
ชานกระโดดลงไปในหุบเขาจากนั้นเขาก็หยิบดาบที่เคยเป็นของเฒ่า
โมออกมา ตัดส่วนที่มีประโยชน์ออกจากมังกรไฟ
ซูผิงบอกสุนัขมังกรดำและอสรพิษม่วงของเขาว่ามีเนื้อของมังกรไฟ
มังกรไฟนี้เป็นของจริงไม่ใช่ภาพลวงตา เนื้อของมันมีคุณค่าทาง
โภชนาการมากทีเดียว ในไม่ช้าเย่เฉินชานได้เก็บเกี่ยวผลึกพลังงาน
ทั้งหมดเป็นของล้ำค่าที่สุดของมังกรไฟ จากนั้นเขาก็ปีนกลับขึ้นมา
เพื่อเข้าร่วมทีมอีกครั้ง
“ไปกันเถอะ” โจวจิ่งรู้สึกประหม่า เขาปล่อยอินทรีออกไปเพื่อจับตา
ดูสภาพแวดล้อมโดยรอบตลอดเวลาเผื่อกรณีที่จะมีมังกรไฟตัวอื่น
กระโดดออกมา ในความเป็นจริง โจวจิ่งกลัวเกินกว่าที่จะเข้าไปใกล้
ศพของมังกรไฟ
ซูผิงขอให้คนอื่นเรียกอสูรของตน และเชิญให้พวกมันนั่งบนหัว
อสรพิษม่วง จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินทางกลับทันที
ม่านพลังงานที่ขอบของแต่ละเขตคอยแยกดินแดนเกล็ดมังกรทั้งหมด
แม้แต่นักรบอสูรกิตติมศักด์ิก็ไม่สามารถข้ามม่านพลังเหล่านั้นได้
มีประตูมิติที่ม่านพลังเพื่อส่งคนกลับไปพลาซ่า
ซูผิงบังคับอสรพิษม่วง เขารู้เส้นทางดี ระหว่างทาง เขาหลีกเลี่ยง
สถานที่ที่อสูรร้ายกลุ่มเล็ก ๆ จะมารวมตัวกันและพบกับอสูรร้ายที่
หลงทาง พวกเขาเคลื่อนย้ายกลับไปที่พลาซ่าโดยไม่มีการปะทะ
พวกเขาได้ยินเสียงครึกครื้นที่พลาซ่า
พวกเขามาถึงพลาซ่าแล้ว ซูผิงและคนอื่น ๆ ลืมตา พวกเขายังคงนั่ง
อยู่บนหัวของอสรพิษม่วง มีเลือดอยู่บนพื้น บางคนคุยกันอย่าง
ดุเดือด พวกเขาไม่ใช่ทีมเดียวที่กลับมาจากดินแดนเกล็ดมังกร
“อสรพิษม่วง?”
มีคนเห็นซูผิงมาถึง พวกเขาประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นว่าซูผิงและ
ทีมของเขานั่งอยู่บนอสูรขั้นกลาง พวกเขากล้าสำรวจดินแดนเกล็ด
มังกรได้อย่างไร ในเมื่ออสูรของพวกเขามีระดับต่ำเช่นนี้? ทีมอื่น ๆ
ก็เปลี่ยนความสนใจมามองพวกเขาเช่นกัน พวกเขาดูหมิ่นทีมเมื่อ
เห็นลั่วกู่เสวี่ยได้รับบาดเจ็บและเย่เฉินชานที่เหม่อลอย
ผู้ดูแลเดินเข้ามาและพูดกับซูผิงอย่างเย็นชาว่า “กรุณาเก็บอสูรของ
คุณออกไปขณะอยู่ที่พลาซ่า”
ซูผิงกระโดดลงมาจากหัวของอสรพิษม่วงซูผิง เรียกอสรพิษม่วงกลับ
หลังจากที่ลั่วกู่เสวี่ยและคนอื่น ๆ ลงมา ซูผิงก็ถามว่า “มีการต่อสู้ที่นี่
หรอ?”
ผู้ดูแลตะคอก “เมื่อทีมวิ่งกลับมา พวกเขาล่ออสูรร้ายระดับเก้าขั้นสูง
มาที่นี่ด้วย โชคดีพอสมควรที่ปรมาจารย์ดาบอยู่ เขาฆ่าอสูรร้ายนั้น
ในการลงมือเพียงครั้งเดียว”
ซูผิงเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ชายผู้ทรงพลังยืนอยู่บนอากาศ ก้มมองฝูงชน
ราวกับเทพเจ้า
“เขาไม่ใช่นักรบอสูรในตำนาน แต่สิ่งที่เขาทำนั้นน่าทึ่งจริง ๆ” ซูผิง
หรี่ตา เขามองและพูดกับทั้งสามคนที่ยังคงยืนนิ่ง “คุณจะกลับหรือ
อยากเดินเที่ยวเล่นอีกสักหน่อย?”