ตอนที่ 231 การมาถึงของนักรบในตำนาน
การเลื่อนขั้นร้านค้าเป็นระดับสามจะต้องใช้แต้มพลังงานหนึ่งแสน
แต้ม
ซูผิงสามารถสะสมแต้มพลังงานได้มากมายเพราะธุรกิจเฟื่องฟู
นอกจากนี้เขายังใช้พลังงานไปเยอะเพื่อเลื่อนขั้นสระวิญญาณสำหรับ
การบ่มเพาะ ซื้อคอกเลี้ยงดู วัตถุอื่น ๆ และแหวนจับอสูรในร้านค้า
ของระบบ
นอกจากนี้เขายังไปเยี่ยมชมที่หลุมศพกึ่งเทพ 1,200 แต้มพลังงาน
สำหรับค่าเข้านับเป็นส่วนน้อยที่เขาใช้จ่ายไปที่นั่น
จำนวนแต้มพลังงานที่เขาใช้ในการคืนชีพในช่วงเจ็ดวันนั้นสูงมาก
แต้มพลังงานของการคืนชีพมีราคา 1/10 ของค่าเข้าชม โดยรวมแล้ว
เขาใช้แต้มพลังงานไปกว่าหมื่นแต้มในการคืนชีพ!
นั่นคือเหตุผลที่ซูผิงกลัวที่จะไปแดนเทพอาเคี่ยน
เขาสามารถจ่ายค่าพลังงาน 9,000 แต้มเป็นค่าเข้าได้ แต่เขาไม่
สามารถจ่ายค่าคืนชีพที่นั่นได้ …
ซูผิงถอนหายใจขณะมองไปหน้าต่างสถานะ เขามีแต้มพลังงาน
เหลือ 460,000 แต้ม เขาจะต้องใช้แต้มพลังงาน 100,000 แต้มเพื่อ
เลื่อนขั้นร้านค้า และนั่นเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ห่างไกลจากการสะสม
หนึ่งล้านแต้มพลังงานเพื่อเลื่อนขั้นสระวิญญาณสำหรับการบ่มเพาะ
…
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าหัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อเขาใช้แต้มพลังงาน
เหล่านั้น แต่เขาก็เข้าใจว่าเขาต้องเลื่อนขั้นร้านค้า มิฉะนั้นเขาจะไม่
สามารถเลื่อนขั้นสระวิญญาณได้ แม้ว่าเขาจะมีแต้มพลังงานเพียงพอ
…
“โชคดีที่ฉันสามารถเปิดบริการฝึกฝนมืออาชีพได้หลังจากเลื่อนขั้น
ร้านค้าเป็นระดับสาม การฝึกฝนแบบมืออาชีพหนึ่งรอบจะได้รับแต้ม
พลังงานหนึ่งหมื่นแต้ม ถ้าฉันสามารถรับคำสั่งเช่นนี้ได้หลาย ๆ ครั้ง
ในแต่ละวัน การมีแต้มหนึ่งล้านแต้มก็ไม่ยากขนาดนั้น” ซูผิงพูดกับ
ตัวเอง เขาหยุดลังเลและเดินหน้าเพื่อเลื่อนขั้นร้าน
“บี๊บ!”
“เป็นไปตามเงื่อนไขในเลื่อนร้านค้าเป็นระดับสาม เลื่อนหรือไม่?”
ระบบกล่าว ซูผิงตกตะลึง “นายช่วยปิดเสียงบี๊บก่อนพูดได้ไหม?”
ระบบตอบคำถาม “มนุษย์คิดว่านี่คือสิ่งที่ระบบอัจฉริยะควรทำไม่ใช่
หรอ?”
“มี แต่ระบบงี่เง่าเท่านั้นที่ทำ”
“อย่างนั้นเหรอ? คราวหน้าจะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น ยืนยันตัวเลือก
ของนายท่านก่อน”
“นายรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร ทำไมต้องให้ฉันยืนยันด้วย?
“เราควรทำตามขั้นตอน นายท่านก็รู้ สิทธิมนุษยชนไง?”
ซูผิงกลอกตา “เลื่อน”
“ดิ๊ง!”
“ร้านค้าได้รับการเลื่อนขั้น ธุรกิจจะถูกระงับเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
บริการที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ได้แก่ …”
ซูผิง “…”
เขารำคาญที่จะโต้แย้งกับระบบต่อ ความสนใจของเขาอยู่กับบริการ
ใหม่ ๆ ของร้าน
ประการแรกเป็นบริการฝึกฝนแบบมืออาชีพที่เขารอมานาน สำหรับ
การฝึกฝนทุกรอบเขาจะเรียกเก็บเงินจากลูกค้าหนึ่งล้านเหรียญ ซึ่ง
จะเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงานหนึ่งหมื่นแต้มและบริการนี้พร้อมให้
บริการไปเรื่อย ๆ !
ตราบเท่าที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ พวกเขาสามารถเลือกบริการนี้ มัน
เหมาะสมที่สุดสำหรับนักเรียนที่ร่ำรวยอย่างเย่ห่าว
บริการใหม่ที่สองเป็นสถานทดสอบ
ร้านค้าจะมีสถานที่ที่กำหนดไว้สำหรับลูกค้าเพื่อทดสอบทักษะของ
อสูร ด้วยวิธีนี้ลูกค้าจะสามารถทำการทดสอบได้โดยตรงในร้านค้า
แทนที่จะออกไปหาสถานที่ภายนอกหลังจากรับอสูรของพวกเขาไป
แล้ว
บริการที่สามที่จะเพิ่มเข้ามาคือการขายอสูร
เลื่อนจากบริการให้เช่าอสูร
ก่อนหน้านี้ทางร้านได้จัดตั้งบริการให้เช่าอสูรแล้ว ซูผิงไม่เคยใช้มัน
เพราะเขาไม่มีอสูรที่เหมาะสมให้เช่า
เขาฝึกฝนโครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำบ่อยครั้ง เขาปฏิบัติกับ
พวกมันเหมือนอสูรของเขา เขาไม่เคยวางแผนที่จะปล่อยเช่า และเขา
ก็ไม่ต้องการทำเช่นนั้นด้วย
ท้ายที่สุดแล้วคนที่เช่าอสูรเหล่านั้นสามารถใช้มันอย่างผิดวิธี ชีวิต
ของอสูรไม่สามารถนำกลับมาได้ หากพวกมันตาย
หากอสูรเสียชีวิต ลูกค้าจะไม่ได้รับเงินมัดจำคืน อย่างไรก็ตาม สำหรับ
ซูผิง อสูรอย่างโครงกระดูกน้อย, สุนัขมังกรดำและมังกรเพลิงนรกมี
ค่าเกินกว่าที่จะขายได้
บริการขายอสูรอาจดีกว่านี้
ซูผิงมีความสุขกับบริการนี้ ที่อาณาจักรลับเขาได้จับอสูรระดับเก้า
ขั้นสูงหลายตัวด้วยวงแหวนจับอสูร อสูรเหล่านั้นในระดับเก้าขั้นสูง
มีความสามารถในการต่อสู้เพียงเล็กน้อยและมีไหวพริบไม่ดี พวก
มันเป็นเพียงอสูรชนิดหนึ่งที่สามารถขายได้
ซูผิงไม่ต้องการเก็บอสูรเหล่านั้นไว้เพื่อตัวเอง ปัจจุบันโครงกระดูก
น้อยมีความสามารถในการต่อสู้เกิน 10 แล้วซึ่งดีกว่าอสูรที่เขาจับได้
นอกจากนี้เขาไม่สามารถสร้างสัญญากับอสูรระดับเก้าขั้นสูงสุดได้
สมองของเขาจะระเบิด
พลังดวงดาวของเขาอยู่ในระดับหกขั้นต่ำเท่านั้น
มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขากับอสูรระดับเก้าขั้นสูงสุด ตอนนี้
เขาสามารถควบคุมอสูรระดับแปดขั้นต่ำได้เท่านั้น นั่นคือขีดจำกัด
ของเขา การควบคุมอสูรเช่นนี้อาจย้อนกลับมาหาเขาและเขาอาจต้อง
เผชิญกับความเสียหายทางจิตใจ อสูรที่อยู่ในระดับเจ็ดเป็นอสูรที่เขา
สามารถควบคุมได้ แต่ยังมีความเสี่ยงอยู่
“นี่เป็นโอกาสที่ดี ฉันสามารถขายอสูรระดับเก้าในแหวนจับอสูรได้
อสูรขั้นสูงเหล่านั้นสามารถดึงดูดลูกค้าคุณภาพสูงได้ ฉันจะใช้อสูร
เหล่านั้นเป็นโฆษณาของร้าน” ซูผิงพูดกับตัวเอง
“ตอนนี้ร้านค้าได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว แล้วเขตความปลอดภัยตอนนี้
เป็นยังไง” ซูผิงถาม นี่เป็นความกังวลที่สุดของเขาในขณะนี้
ระบบตอบกลับว่า “มีการตั้งค่าเขตความปลอดภัยภายในอาณาเขต
ของร้านค้าแล้ว ตราบใดที่อยู่ในขอบเขตของร้านเจ้าของจะปลอดภัย
สำหรับฟังก์ชั่นอื่น ๆ จะใช้งานได้หลังจากการเลื่อนขั้นเสร็จสิ้น”
“จริงหรอ?” ซูผิงดีใจที่ได้ยินเรื่องนี้ กล่าวคือตอนนี้เขาสามารถก้าว
ออกไปที่อื่น ๆ ที่เขาซื้อได้
“เจ้าของสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่นภาพเพื่อสังเกตเขตความปลอดภัย
ของร้านค้าทั้งหมด วิธีนี้นายจะเห็นขอบเขตของเขตปลอดภัย ฟังก์ชัน
นั้นพร้อมใช้งานสำหรับเจ้าของเท่านั้น” ระบบอธิบายเพิ่ม
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ “เปิดใช้งาน”
ในไม่ช้าในสายตาของเขาเขาสามารถเห็นชั้นของผ้าคลุมสีเขียวอ่อน
ที่บันไดด้านนอกร้าน ซูผิงมองออกไปและเห็นผ้าคลุมสีเขียวปก
คลุมไปทั่วสถานที่อื่น ๆ ที่เขาซื้อมาเกือบทั้งหมด
นี่เป็นส่วนหนึ่งของเขตปลอดภัยหรือเปล่า
ดวงตาของซูผิงเปล่งประกาย ด้วยวิธีนี้เขาจะมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
เกี่ยวกับขอบเขตความปลอดภัย
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถบางคันส่งเสียงดังอยู่ด้าน
นอก ขบวนบริษัทตกแต่งขับเข้ามาจอดด้านนอกร้านค้าที่ซูผิงซื้อ
ซูผิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในช่วงเวลาต่อมาผู้คนหน้าตาธรรมดาหลาย
คนก็ลงจากรถและก้าวเข้ามาในร้านค้ามากมายที่เขาเคยซื้อ
“อะไร…?”
ซูผิงจ้องมองพวกเขาและกำลังจะออกไปเผชิญหน้ากับพวกเขา
“เจ้าของไม่ต้องกังวล สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงพลังงานที่ระบบได้สร้าง
ขึ้น พวกเขามาที่นี่เพื่อให้ความคุ้มครองสำหรับการเลื่อนขั้นร้านค้า”
ระบบระบุอย่างใจเย็น
ซูผิงผงะ
ให้ความคุ้มครองในการเลื่อนขั้นร้านค้า?
เขาคิดว่าจะต้องอยู่เป็นเวลา 24 ชั่วโมงจากนั้นร้านค้าก็จะปรับโฉม
ใหม่ทั้งหมด โดยร้านค้าทั้งหมดจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าระบบจะสร้างสิ่งมีชีวิตมาแกล้งทำเป็น
ทีมตกแต่ง
มันแปลกจริง!
แน่นอนว่าสิ่งนี้จะช่วยเขาได้มาก การมีคนแสร้งทำดีกว่าร้านค้าทั้งหมด
กลายเป็นร้านเดียวในชั่วข้ามคืนอย่างน่าอัศจรรย์ มิฉะนั้นเขาจะต้อง
อธิบายให้แม่และซูหลิงเยวี่ยเข้าใจ
“24 ชั่วโมงจะเพียงพอหรือเปล่า? แม้ว่าจะเป็นการแกล้งทำ?” ซูผิง
ถาม
ระบบตอบรับ “นี่คือทีมขนาดใหญ่ เวลาอาจไม่พอ แต่จะไม่ทำให้
เกิดความสงสัย ผู้คนจะทึ่งในประสิทธิภาพของทีมเท่านั้น”
ซูผิงยอมรับว่าเขารู้สึกแย่
ระบบนี้มีแผนมากกว่าเขาซะอีก
ในเวลาเดียวกันซูหลิงเยวี่ยเดินออกไปดูหลังจากที่เธอได้ยินเสียง
เธอเห็นทีมบริษัทตกแต่งจอดอยู่ริมถนน เธอถามอย่างแปลกใจว่า
“ทำไม? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ถนนซอมซ่อแห่งนี้มีอะไรแบบนี้”
เนื่องจากระบบได้เสนอวิธีแก้ปัญหา ซูผิงจึงมีความสุขมากที่มาก
ต้องรับผิดชอบ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า”ฉันเอง พี่ชายของเธอจ้างทีมงาน
จากนี้ไป พวกเขาทั้งหมดจะเป็นคนของเรา ฉันต้องการรวบรวมคน
ในตอนนี้ หลังจากทำงานเสร็จ เธอและแม่สามารถเลือกที่อยู่ได้ “
ซูผิงซื้อสถานที่มากกว่าที่ระบบต้องการ สถานที่จริงเหล่านั้นจะไม่
รวมอยู่ในขอบเขตการก่อสร้างของระบบ ซูผิงจะต้องหาบริษัทที่
เป็นมนุษย์จริงเพื่อตกแต่งและปรับปรุงใหม่
หลังจากตอบน้องเขา ซูผิงมีคำถามอื่นเกี่ยวกับระบบ “นายสร้างทีม
ขนาดใหญ่แบบนี้และพวกเขาก็มาจากไหนไม่รู้ ถ้าคนรู้เรื่องนี้ นาย
คิดว่าฉันควรอธิบายยังไง มันจะไม่น่าสงสัยไปกว่านี้หรือ?”
“ไม่ต้องกังวล ฉันได้ตั้งบริษัทที่พวกเขาอยู่แล้ว เมื่อการเลื่อนขั้น
สิ้นสุดลงจะไม่มีใครสงสัยในเรื่องนี้” ระบบตอบกลับแบบสบาย ๆ
ซูผิงเลิกคิ้ว เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเพราะเขารู้ว่าระบบ
สามารถทำสิ่งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีบัตรธนาคารแปลก ๆ ที่
ไม่รู้จักซึ่งรายได้ทั้งหมดของร้านจะถูกโอนไป
“นายจ้างพวกเขาเหรอ? นายซื้อสถานที่ทั้งหมดนี่?”
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกโง่ ถนนเต็มไปด้วยรถยนต์และคนงานจำนวนมากอยู่
ข้างนอก เตรียมพร้อมสำหรับการปรับปรุงร้าน เขาซื้อสถานที่เหล่านั้น
หมดแล้ว แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้เริ่มทำงาน แต่เธอก็พอจะรู้ว่าจะต้อง
ใช้เงินเท่าไหร่
ซูผิงทำตัวปกติ ความรู้สึกในใจของซูหลิงเยวี่ยบอกให้เธอเรียกสิ่งที่
เขาทำว่าการบลัฟ แต่เธอจำสิ่งที่ซูผิงทำเพื่อเธอที่ฐานนักสำรวจและ
แต้มสะสมกว่าสี่ร้อยล้านของเขาได้…
เธอตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร
เธอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน แต่เธอตระหนักว่าเธอไม่สามารถ
อ่านซูผิงได้อีกต่อไป เธอเคยคิดว่าเธอรู้ว่าซูผิงเป็นคนแบบไหน
ซูผิงเห็นแม่ของเขาลุกขึ้น เธอตื่นขึ้นมาจากเสียงก่อสร้าง เขาขอให้
เธอติดตามเขาและซูหลิงเยวี่ย พวกเขาพักอยู่ในเขตรักษาความ
ปลอดภัย เดินไปที่หัวมุมถนน พบร้านอาหารที่เขายังไม่ซื้อหมด เขา
สั่งอะไรบางอย่างแล้วพวกเขาก็นั่งทานอาหารเช้าง่าย ๆ
ระหว่างรับประทานอาหารเช้า หลี่ฉิงรู่ถามถึงคนงานเช่นกัน และซู
ผิงก็อธิบายซ้ำ
ปฏิกิริยาแรกของหลี่ฉิงรู่คือซูผิงล้อเล่นหรือเปล่า เขาบอกว่าเขาเป็น
คนจ้างคนงานทั้งหมดและซื้อที่อื่นทั้งหมด เธอไม่สามารถเชื่อเขาได้
เธอคำนวณคร่าว ๆ และสรุปว่าค่าใช้จ่ายจะต้องมีอย่างน้อยสองร้อย
ล้าน
ตัวเลขนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับเธอ เธอไม่สามารถ
หาเงินได้มากขนาดนั้นทั้งชีวิตของเธอ
ซูผิงไม่สามารถซ่อนข้อมูลที่เขาเป็นนักสำรวจได้อีกต่อไป เขาบอก
แม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งเป็นเพียงคำอธิบายเชิงตรรกะเท่านั้น
หลี่ฉิงรู่ยังคงมีข้อสงสัย ซูหลิงเยวี่ยกระโดดออกมาช่วย เธออธิบาย
ด้วยสีหน้าแปลก ๆ เธอพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่ซูผิงพูดนั้นเป็นความ
จริงและบอกเป็นนัยว่าซูผิงอยู่ในระดับที่สูงและเป็นนักสำรวจที่ทรง
พลังที่สุดคนหนึ่ง
หลี่ฉิงรู่วางมือของเธอเหนือหน้าผากของซูหลิงเยวี่ยเพื่อดูว่าร้อน
หรือเปล่า จากนั้นเธอก็ถามว่าซูหลิงเยวี่ยเป็นหนี้บุญคุณของซูผิง
หรือยังไง?
ซูผิงและซูหลิงเยวี่ยไม่รู้จะพูดอะไรกับแม่ของพวกเขา ซูหลิงเยวี่ย
จ้องมองไปที่ซูผิง มันน่าผิดหวังมากที่วันหนึ่งเธอจะต้องปกป้องเขา
ต่อหน้าแม่
ซูผิงทำอะไรไม่ถูก เขาคิดจะแสดงบัตรธนาคารของเขาเพื่อพิสูจน์
ความจริง แต่เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้น ยอดคงเหลือในบัตรของเขามี
เกือบเจ็ดถึงแปดร้อยล้าน การอธิบายนั้นจะยิ่งยากขึ้น
ข้างในเขากำลังถอนหายใจ
เขาไม่เพียงแค่เรียกมังกรเพลิงนรกออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขา
สามารถทำเงินได้ แต่สำหรับการค้นหาหลักฐานยืนยันตัวตนของเขา
ในฐานะนักสำรวจ? เขายังไม่ได้รับเหรียญนักสำรวจระดับทอง
แม้ว่าเขาจะมี แต่เขาก็คิดว่าแม่คงไม่รู้จัก
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ซูผิงเชื่อว่ามีเพียงคนเดียวที่สามารถ
อธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ให้เขาได้ ตงซงหมิง
ซูหลิงเยวี่ยกำลังศึกษาอยู่ที่สถาบันฟีนิกซ์ โดยธรรมชาติ หลี่ฉิงรู่ต้อง
รู้จักเกี่ยวกับรองอาจารย์ใหญ่ เธอต้องเคยเห็นรูปภาพและข้อมูล
เกี่ยวกับเขาทางออนไลน์แน่นอน
ซูผิงโทรหาตงซงหมิงและเริ่มวิดีโอแชท
ตงซงหมิงรับ บนหน้าจอตงซงหมิงกำลังยิ้มอย่างมีความสุข “คุณซู
คุณหาเวลาว่างโทรหาผมได้ยังไงครับเนี่ย?
ซูผิงถอนหายใจก่อนที่เขาจะตอบว่า “เพราะเรื่องนี้ คุณช่วยอธิบาย
ให้แม่ผมฟังหน่อยได้ไหมว่าผมเป็นอาจารย์อยู่ที่สถาบัน?”
ตงซงหมิงพบว่าคำขอนั้นแปลก ๆ
ในเวลาเดียวกันหลี่ฉิงรู่รู้จักตงซงหมิง เธออ้าปากค้างด้วยความ
ประหลาดใจ ตงซงหมิงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทักทายหลี่ฉิงรู่ด้วย
รอยยิ้มมีเมตตา จากนั้นซูผิงก็ปล่อยให้แม่ของเขาคุยกับตงซงหมิง
สิบนาทีต่อมาการโทรก็สิ้นสุดลง หลี่ฉิงรู่มองซูผิงด้วยความตกใจ
และมีความสุข เธอเชื่อในเรื่องราวของเขาแล้ว ตงซงหมิงทำให้เธอ
มั่นใจ ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าลูกชายของเธอได้กลายเป็นอาจารย์
กิตติมศักด์ิที่สถาบันฟีนิกซ์!
สถาบันฟีนิกซ์มีชื่อเสียง หลี่ฉิงรู่ภูมิใจมากพอที่ซูหลิงเยวี่ยสามารถ
เข้ารับการศึกษาได้ เธอไม่รู้ว่าซูผิงประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง
เขาได้เข้าร่วมสถาบันในฐานะอาจารย์กิตติมศักด์ิ เขาต้องมีความ
สามารถแค่ไหน!
น้ำตาเอ่อที่ตาของเธอ เธอตื้นตันเกินไป
ซูผิงรีบเข้าไปปลอบเธอ เขาไม่รู้ว่าเธอจะตื้นตันขนาดนี้
“ดูลูกสิ ทำไมไม่เคยบอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ลูกปลุกพลังดวง
ดาวตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่เคยบอกแม่? แม่ไม่สามารถซื้ออสูรให้
ลูกได้? ครอบครัวของเรายากจนก็จริง แต่แม่จะซื้ออสูรที่มีคุณภาพ
ให้ต่อให้ต้องใช้เงินทั้งหมดที่มี” ดวงตาของหลี่ฉิงรู่เต็มไปด้วยน้ำตา
แต่เธอก็ยิ้มอย่างมีความสุข เธอดีใจที่ซูผิงกลายเป็นคนที่น่าทึ่งและ
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสารเขา
เธอไม่เคยช่วยซูผิงในการบ่มเพาะ เธอรู้ว่าความสำเร็จของซูผิงเป็น
ผลมาจากการทำงานหนักของเขาเอง
ความคิดนั้นทำให้หัวใจของเธอปวดร้าว
“แม่เรื่องนี้มันยาว ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง” ซูผิงกล่าว เขาบอกได้ว่า
ความรู้สึกของเธอจากแววตาของเธอ เขารู้สึกประทับใจ บางทีนี่อาจ
เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเต็มใจเรียกเธอว่าแม่
ซูหลิงเยวี่ยนั่งอยู่ด้านข้างไม่พูดอะไรสักคำ
“พ่อของลูกจะต้องภูมิใจถ้ารู้เรื่องนี้ แม่ต้องบอกพ่อของลูก ลูกและ
หลิงเยวี่ยเติบโตขึ้น พ่อของลูกจะได้ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตต่อไป แม่จะ
บอกให้เขากลับมาหางานที่ปลอดภัยและสบายกว่านี้” หลี่ฉิงรู่เช็ด
น้ำตาและเดินออกไปอย่างมีความสุข
ซูผิงมีความทรงจำเล็กน้อยเกี่ยวกับพ่อที่เขาไม่เคยเจอ
ซูหลิงเยวี่ยพูดบางอย่างเป็นครั้งแรกหลังจากเงียบไปนาน”ได้เวลา
บอกพ่อให้กลับมาแล้ว” เธอจริงจัง “เมื่อหนูเรียนจบหนูจะกลายเป็น
นักสำรวจที่ทรงพลังเช่นกัน พ่อไม่ต้องไปออกทะเลเพื่อหาเงินอีก
ต่อไป พ่อกลับบ้านได้ปีละไม่กี่ครั้งเท่านั้นและสิ่งที่พ่อทำอยู่นั้น
อันตรายเกินไป”
“ใช่” หลี่ฉิงรู่พยักหน้า
นี่คือสิ่งที่เธอกังวลเช่นกัน เธอจะไม่ยอมให้สามีของเธอทำอาชีพที่มี
ความเสี่ยงเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะลูกทั้งสอง
ซูผิงรู้สึกเสียใจที่ได้ยินพวกเขาพูดคำเหล่านั้น “บอกพ่อให้กลับมา
ผมจะดูแลครอบครัวเอง”
หลี่ฉิงรู่ได้รับคำตอบก็สบายใจ “ลูกโตขึ้นและสามารถสร้างรายได้
มากมาย ในอนาคตพ่อของลูกและแม่จะมีชีวิตที่สบายขึ้น แต่เราจะ
ทำงานต่อไป แม่จะหางานทำกับพ่อ เพื่อช่วยลูกหากลูกต้องการเงิน
ในอนาคต”
ซูผิงรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังแหลกสลาย เขาหายใจเข้าลึก และพูด
ว่า “แม่เราจะคุยกันเรื่องงานกันในอนาคต ก่อนอื่นบอกพ่อให้กลับ
มาก่อน นอกจากนั้นจากนี้ไปแม่จะอาศัยอยู่บนถนนสายนี้ ผมจะจัด
บ้านให้แม่ ในกรณีฉุกเฉินผมจะได้ช่วยเหลือแม่ได้ทันทีถ้าอาศัยอยู่
ใกล้ผม”
หลี่ฉิงรู่พยักหน้า เธอไม่ได้ถามว่าจะมีอันตรายอะไรบ้าง เธออาศัย
อยู่มานานและประสบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายเธอรู้ดีว่าเมือง
ฐานนั้นไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชานเมือง
เมืองฐานหลายแห่งบนโลกนี้ล่มสลายเนื่องจากการรุกรานของอสูร
นี่อาจเป็นสิ่งที่ซูผิงเรียกว่าเหตุฉุกเฉิน
แม้ว่าโอกาสที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเขานั้นต่ำมาก แต่
ความเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่ มันเป็นการดีกว่าที่จะระมัดระวัง
พวกเขาทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ซูผิงพาหลี่ฉิงรู่และซูหลิงเยวี่ยไปที่
ร้านที่เคยขายโซฟา พวกเขาจะอยู่ที่นี่ ในระหว่างนี้เขาจะหาเวลาจ้าง
ทีมก่อสร้างจริงเพื่อซ่อมอาคารหลังนี้เป็นบ้าน ..
สำหรับเหตุผลที่พวกเขาต้องอยู่ที่นี่ ซูผิงหาข้ออ้างและซูหลิงเยวี่ยก็รู้
เหตุผลที่แท้จริง เธอจึงช่วยซูผิงโน้มน้าวหลี่ฉิงรู่ให้อยู่
หลี่ฉิงรู่ไม่สามารถโต้เถียงพวกเขาได้ ดังนั้นเธอจึงตกลงที่จะอยู่ต่อ
หลังจากช่วยพวกเขาหาที่ปักหลักแล้ว ซูผิงก็กลับไปที่ร้านของเขา
เขาได้ยินเสียงดังตลอดทางดังจนหูชาเลยเขาถามระบบ “ช่วยทำให้
เสียงดังน้อยลงได้ไหม? มีร้านค้าอื่น ๆ ที่ทำธุรกิจอยู่แถวนี้ นี่มันดัง
เกินไป”
“เข้าใจแล้ว”
ในไม่ช้าเสียงทั้งหมดจากการก่อสร้างก็ดังน้อยลง ทีมตกแต่งย้ายไป
ตกแต่งด้านในอาคาร ด้วยวิธีนี้ผู้คนจะเห็นว่ายังคงมีการก่อสร้างอยู่
แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็จะมองไม่เห็นข้อมูลจำเพาะดังกล่าว
มันเพียงพอสำหรับการปกปิดเรื่องราว
ซูผิงประหลาดใจกับการเลื่อนขั้นที่ไม่ง่ายนี้
เขาเดินกลับไปที่ร้าน เรียกโจแอนนาออกมาจากคอกเลี้ยงดู พลังงาน
อันทรงพลังไหลออกมาจากเธอ ซึ่งมันสะดุดตาเกินไปเพราะเธอมี
รังสีของราชาอสูร
เขาบอกให้เธอซ่อนมันไว้ เดินไปรอบ ๆ ร้านค้าที่กำลังก่อสร้างเพื่อ
ตรวจสอบอาณาเขตของเขา
เธอปฏิบัติตามคำสั่งของเขาในการดึงเอาพลังงานกลับ แต่เธอไม่มี
ความสุขกับการตรวจสอบอาณาเขตของเขา เธอรู้สึกว่าซูผิงใช้อำนาจ
ของเขาในทางที่ผิด! แต่เธอนึกถึงสิ่งที่เธอจะได้รับจากการเป็น
พนักงาน
ตอนนั้นเอง มีบางคนแสดงตัว
หัวหน้ากลุ่มเป็นชายชราผมขาวสวมเสื้อคลุมสีฟ้า ชายชราท่าทาง
สง่างาม เขาไม่ปล่อยพลังอันทรงพลังใด ๆ ออกมา แต่ดูเหมือนเขา
จะไม่เข้ากันกับสภาพแวดล้อมนี้ มีบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาที่ทำให้
ผู้คนรู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้