ตอนที่ 236 สอน
เกือบไป! เธอมาจากไหน?
ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นมาจากทวีปของเรา และเธอไม่สามารถเป็น
นักรบอสูรในตำนานจากทวีปอื่นได้ เธอ…มาจากสหพันธ์ต่างดาว
หรือเปล่า?
หยวน เทียนเฉินรู้สึกหวาดกลัวกับความคิดเหล่านั้น ถ้าเธอเป็นนักรบ
ที่มาจากดาวดวงอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์ แล้วเธอพยายามจะ
ทำอะไรถึงมาดาวเคราะห์สีน้ำเงิน? หรือผู้หญิงคนนี้อาจเป็นเจ้าหน้าที่
ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลอย่างลับ ๆ เพื่อตรวจตราดาวเคราะห์สี
น้ำเงิน?
มันเป็นข่าวดีสำหรับเขา สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดไม่ใช่ตัวหญิง
สาว แต่ชายหนุ่มนั่น!
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาแม้แต่น้อย แต่เธอต้องฟังคำสั่ง
ของเขา!
หยวน เทียนเฉินสามารถบอกได้อย่างแน่นอนว่าหญิงสาวต้องเชื่อฟัง
คำสั่งจากชายหนุ่มด้วยเหตุผลบางประการโดยพิจารณาจากการกระทำ
ของเธอ หยวน เทียนเฉินไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดหญิงสาวจึง
ถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เขามั่นใจว่าเหตุผลนั้นต้อง
น่าตกใจ
หยวน เทียนเฉินไม่คิดว่าชายหนุ่มคนหนึ่งจะสามารถจับจุดที่เปราะ
บางของนักรบอสูรในตำนานได้ด้วยตัวเอง ในทางกลับกันเขาพบว่า
มันเป็นไปได้ที่หญิงสาวจะกลัวชายหนุ่มเพราะเธอกลัวคนที่สนับสนุน
เขา!
“เด็กหนุ่มนั่น…ปิดบังเบื้องหลังของเขาหรือเปล่า?”
ข้อมูลที่ หยวน เทียนเฉินรวบรวมเกี่ยวกับชายหนุ่มนั้นมีรายละเอียด
เฉพาะเจาะจง แต่เขารู้ว่าคนที่มีอำนาจและอิทธิพลมากสามารถสร้าง
เรื่องราวที่สมจริงพอหลอกเขาได้
หยวน เทียนเฉินหลงอยู่ในความคิด
เขาหนีไปแล้ว?
ข้างนอกร้าน บนถนนปรมาจารย์ดาบและนักรบอสูรกิตติมศักด์ิคน
อื่น ๆ ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่ หยวน เทียนเฉิน
วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เท้าของเขาจะขยับได้
พวกเขากำลังจ้องมองไปที่อาคารซึ่งถูกหอกเจาะ โชคดีที่อาคารนี้ไม่
มีคนอยู่ หลุมกว้างที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสิบเมตรถูกทิ้งไว้
ตรงกลางของอาคาร ราวกับว่ามันถูกระเบิด
เศษหินหรืออิฐร่วงตกลงมา
พวกเขายังคงรู้สึกได้ถึงพลังงานเทพ พวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัว
ขณะที่พยายามที่จะหันกลับมา
วิ่ง? พวกเขาเคยคิดวิ่งหนี อย่างไรก็ตาม พวกเขาหยุดความคิดโง่ ๆ นี้
ไว้ การจะหนีต่อหน้านักรบอสูรในตำนานนั้นยากมากที่จะทำได้ มี
เพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่จะโชคดีพอหลบหนีได้สำเร็จ
กฎสำหรับนักล่าคือนักล่าจะจับคนแรกที่วิ่งหนีไปไว้ในกรง
ดังนั้นจึงไม่มีนักรบอสูรกิตติมศักด์ิคนใดเป็นคนแรก ไม่มีใครอยาก
เป็นเป้าหมายที่ดึงดูดความสนใจของนักล่า
ซูผิงไม่มีความสุขที่โจแอนนาฆ่าชายชราคนนั้นไม่สำเร็จ “ฉันคิดว่า
เธอสามารถจัดการเขาได้ง่าย ๆ ซะอีก ทำไมเธอถึงปล่อยให้เขาหนี
ไป” ซูผิงว่าเธอ
โจแอนนามองไปยังทิศทางที่ชายชราหายตัวไป เธอเองก็สับสนเช่น
กัน คำพูดของซูผิงทำให้เธอโกรธ เธอจึงหันกลับมาและตั้งข้อสังเกต
ว่า “ฉันจะรู้ได้ยังไง? พลังของฉันถูกทำลายเมื่ออยู่นอกอาณาเขตของ
ร้านค้า มิฉะนั้นฉันคงกำจัดตาแก่นั้นไปได้ทั้งร่างกายและวิญญาณ!”
“อืม เธอมันไร้ประโยชน์”!!
“นายเรียกใครว่าไร้ประโยชน์ !!”
“เธอไง”
“นาย!!”
โจแอนนากำลังสูญเสียสติ
เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งของเผ่าพันธุ์เทพ การปล่อยให้มนุษย์ตัวน้อย
หลุดลอยไปใต้จมูกของเธอนั้นเป็นความอัปยศอดสูและน่าโมโหอยู่
แล้ว แต่ยิ่งแย่ลงเมื่อซูผิงไม่หยุดจู้จี้ ความโกรธทำให้เธอแทบขาด
อากาศหายใจ เธออยากจะฆ่าใครสักคนเพื่อระบายความหงุดหงิดนี้
เสียงหอนของซูผิงไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเธอมากสุด แต่
เธอโกรธที่ปล่อยให้ชีวิตต่ำ ๆ นั่นหลบหนีไปได้!
หากสมาชิกคนใดในเผ่าพันธุ์เทพรู้เรื่องนี้ เธอจะรู้สึกละอายเกินกว่า
จะสู้หน้า
เธอไม่รู้ว่าพลังของเธอจะลดน้อยลงนอกขอบเขตของร้าน ไม่งั้นคง
ไม่เป็นแบบนี้!
เธอหยุดโต้เถียงกับซูผิงโดยพูดว่า “หยุดหรือหุบปาก” ด้วยเหตุนี้ซู
ผิงจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป
การระบายความโกรธของเขาที่มีต่อเธอนั้นไม่มีประโยชน์ ชายชรา
คนนั้นเลือกที่จะวิ่งหนีหลังจากการต่อสู้สองสามรอบ เขาต้องมีความ
เข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับจุดแข็งของโจแอนนา แน่นอนว่าเขาจะ
ไม่รบกวนซูผิงอีกตราบเท่าที่เขายังไม่เสียสติ
อย่างไรก็ตาม ชายชราคนนั้นไม่รู้เลยว่าโจแอนนาสามารถใช้พละกำลัง
ของเธอได้เต็มที่ภายในขอบเขตของร้านเท่านั้น
หยวน เทียนเฉินต้องระวังซูผิงในขณะนี้เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่
จะมีนักรบอสูรในตำนานสองคนอยู่ในร้าน หนึ่งคือโจแอนนาและ
การปรากฏตัวของเธอบ่งชี้ว่าอาจมีผู้มีอำนาจสนับสนุนซูผิงอย่างลับ ๆ
ซูผิงเชื่อว่าแม้ชายชราคนนั้นจะกลับมาโจมตีเขาอีกครั้ง เขาก็คงมีความ
สามารถพอปกป้องชีวิตของตัวเอง เขายังไม่ได้ใช้ความสามารถใน
การเรียกวิญญาณมังกรที่ราชามังกรมอบให้
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ซูผิงสรุปว่าเขายังอ่อนแอเกินไป ถ้า
เขาแข็งแกร่งพอ เขาก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดเรื่องนี้ เขาสามารถเอาชนะผู้
รุกรานทั้งหมดได้
ซูผิงรวบรวมสติ จ้องมองไปที่นักรบอสูรกิตติมศักด์ิที่ยืนอยู่นอกร้าน
ในความเงียบ เขาพบว่าตัวเองเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน ย้อนกลับ
ไปที่อาณาจักรลับ เขาเป็นคนที่ต้องมองคนเหล่านั้นด้วยความหวาด
กลัว
แต่ในขณะนี้ สิ่งมีชีวิตที่สูงส่งเหล่านั้นกำลังสั่นสะท้านอยู่ข้างนอก
เหมือนลูกแกะที่หวาดผวาจากลมหนาว
นี่คือเสน่ห์ของพลัง!
ซูผิงจ้องมองปรมาจารย์ดาบซึ่งเคยยื่นมือช่วยเหลือเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
“เข้ามาสิ” ซูผิงตะโกน จากนั้นเขาก็พูดกับโจแอนนาว่า “ลบจิตสังหาร
ของเธอเดี๋ยวนี้”
โจแอนนากำลังคิดที่จะระบายความโกรธใส่มนุษย์ที่อ่อนแอกว่า
เหล่านั้น คำพูดของซูผิงทำให้เธอโกรธมากขึ้น “นายจะไม่ฆ่าพวก
เขาเหรอ? นายรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มาด้วยเจตนาที่ดีใช่ไหม?” ซูผิงรู้
ว่าโจแอนนากำลังมองหาทางระบายความโกรธ เขาพยายามปลอบ
เธอ “ตอนนี้เป็นเด็กดีก่อน ทำในสิ่งที่ฉันพูด ถ้าเธอต้องการฆ่าใคร
สักคน ฉันจะหาคนอื่นให้ฆ่าในภายหลัง”
“นายกำลังพูดถึงอะไร? ฉันเป็นเทพ การฆ่ามนุษย์ทำให้มือของฉัน
สกปรก ในฐานะมนุษย์ นายคงไม่เหยียบแมลงบนพื้นที่ตายอย่างน่า
สมเพชหรอกใช่ไหม? มันน่าขยะแขยง!” โจแอนนาเหน็บแนมและ
นั่นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เธอหยุดเปิดเผยความแข็งแกร่งของเธอและ
หอกสีทองก็หายไปจากมือ
ซูผิงกลอกตา นั่นไม่ใช่เวลาที่จะทะเลาะกันต่อ เพราะเหล่านักรบ
อสูรกิตติมศักด์ิได้ก้าวเข้ามาในร้านแล้วพร้อมกับตัวที่ยังคงสั่น
ปรมาจารย์ดาบเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ คนอื่น ๆ
ดูแย่มาก พวกเขาไม่สามารถห้ามใจไม่ให้เต้นแรงได้ พวกเขาเป็นชน
ชั้นสูงมาโดยตลอด พวกเขาควรมีวันเวลาแสนเพลิดเพลินอีกนับไม่
ถ้วนข้างหน้า แต่มันกลับพินาศในเวลานี้
เหล่านักรบอสูรกิตติมศักด์ิเหล่านั้นรู้สึกซับซ้อนหลังจากมองไปที่
หญิงสาวและชายหนุ่ม พวกเขากลัวเด็กตั้งแต่เมื่อไหร่? แน่นอนว่า
พวกเขาไม่แน่ใจว่าหญิงสาวและชายหนุ่มเป็นเด็กรุ่นเยาว์จริง ๆ
หรือเปล่า?เนื่องจากพวกเขามีพลังมากพอที่จะทำให้ หยวน เทียน
เฉินหนีไปได้ บางคนอาจใช้ของลับบางอย่างเพื่อคงความเป็นหนุ่ม
สาว หรือคืนความเป็นหนุ่มสาว
“ปรมาจารย์ดาบ ผมได้ยินมาว่าคุณมีความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบ
ผมสงสัยว่าคุณจะอยู่ต่อสักหน่อยและสอนทักษะของคุณให้กับอสูร
ของผมได้ไหม?” ซูผิงถามปรมาจารย์ดาบ
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์ดาบคาดหวังว่าจะได้ยินจากซูผิง เขาพูดทันที
ว่า”คุณไม่ต้องเอาใจผม คุณซู อย่าเรียกผมว่าปรมาจารย์ดาบเลย มัน
มากเกินไปแล้ว เรียกผมว่าเล้ง หยิงจุนจะดีกว่า นั่นคือชื่อเดิมของผม”
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจเล้งหยิงจุน ? เล้งที่แปลว่า ‘เย็นชา’ และหยิง
จุน ที่แปลว่า ‘หล่อ’?
เขาพบว่ามันน่าขบขันที่ชื่อตระกูลปรมาจารย์ดาบอันสูงส่งคือเล้ง
เป็นชื่อที่น่าสนใจจริง ๆ …พ่อแม่ของเขากำลังคิดอะไรอยู่?
“สอนใช้ดาบ…ทักษะของผมยากเกินกว่าจะเชี่ยวชาญ ผมกลัวว่า
อสูรของคุณจะใช้เวลานานในการเรียนรู้หากมีไหวพริบปานกลาง
แน่นอนผมไม่ได้บอกว่าไม่อยากทำ ผมแค่บอกว่าอาจใช้เวลานาน
ผมหวังว่าคุณจะยอมรับสิ่งนั้นได้”ปรมาจารย์ดาบเตือน
ซูผิงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ทำในสิ่งที่คุณต้องทำ ถ้าอสูรของผมไม่
สามารถเรียนรู้มันได้ ผมจะตีมันเอง” ปรมาจารย์ดาบนั้นพูดไม่ออก
ตี? ไหวพริบของอสูรจะเพิ่มขึ้นหลังจากการตีหรอ?
แต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ท้ายที่สุดซูผิงก็อันตรายกว่า หยวน เทียนเฉิน
คนอื่น ๆ ต่างอิจฉาปรมาจารย์ดาบที่สามารถอยู่ข้างหลังเพื่อสอน
อสูรของซูผิงได้
“คุณซู ผมรู้จักการยิงธนู อสูรของคุณต้องการสิ่งนี้หรือไม่?” ชายชรา
คนหนึ่งเสนอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขา เขาเป็นคนที่
แตกต่างไปในตอนนี้เมื่อเทียบกับตอนที่เขามาพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง
“ผมมีเทคนิคเฉพาะ ผมรู้ทักษะการรักษา คุณซูไม่ว่าคุณจะไปที่ใด
ในโลก คุณไม่สามารถทำอะไรได้หากไม่มีทักษะในการรักษา เมื่อ
คุณอยู่ในป่าและได้รับอันตรายจากอสูร คุณอาจเสียชีวิตได้หากไม่ได้
รับการดูแลอย่างทันท่วงที นั่นคือเวลาที่ทักษะรักษาสามารถช่วยคุณ
ได้” ชายชราร่างท้วมอีกคนกล่าวพลางยิ้มเจื่อน ๆ