ตอนที่ 241 ร้านโฉมใหม่
พนักงาน : โจแอนนา รูปภาพ…
รูปแบบการดำรงอยู่ : ร่างอวตาร
ระดับ : อาณาจักรแห่งความว่างเปล่า
ความแข็งแกร่ง : 29.6
สายเลือดกำเนิด : สายเลือดเทพไททัน
ทักษะ : เทพสังหาร, หอกระเบิดสุริยัน, เงาภูต, หุ่นเชิด, เพลิงมืด…
และอื่น ๆ อีกมากมาย
รายชื่อทักษะยาวเหยียดทำให้ซูผิงตาเหลือก โจแอนนามีทักษะอย่าง
น้อย 40-50 ทักษะในหมวดหมู่ต่าง ๆ เธอยังเรียนรู้ทักษะในชีวิต
ประจำวันอย่างเช่นการทำขนม การเต้นรำ การจัดดอกไม้ ฯลฯ …
สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็นทักษะของเธอ? !! แน่นอนว่านี่คือสิ่งทุกคน
สามารถทำได้เพราะมันเป็นสิ่งที่มีพื้นฐานติดตัว และทักษะในชีวิต
ประจำวันเป็นสิ่งจำเป็น
ซูผิงมองอย่างโดยละเอียด โจแอนนาเพียบพร้อมไปด้วยทักษะอันน่า
ดึงดูดใจมากมาย จนเขารู้สึกว่าชีวิตของเธอเป็นเหมือนพวกลูกขุนนาง
“ทำไมฉันไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเธอ” ซูผิงเรียกดู
ข้อมูลของเธอสองสามครั้ง มีเพียงข้อมูลเกี่ยวกับร่างอวตารโจแอนนา
ที่ระบุไว้ แต่ไม่ใช่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเธอ ในทางทฤษฎี
เนื่องจากเธอเป็นรองเพียงแค่เทพชั้นสูงเท่านั้น ความแข็งแกร่งของ
เธอควรจะสูงกว่านี้มาก เขาค่อนข้างอยากจะรู้ว่าความแข็งแกร่งที่
แท้จริงของเธอคือแค่ไหน
ระบบไม่ตอบ ซูผิงจะต้องคิดด้วยตัวเอง
ซูผิงคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็คิดได้ว่าเป็นเพราะอวตารของโจแอนนา
เป็นร่างกายที่ทำงานในร้านค้า นั่นคือเหตุผลที่มีเพียงข้อมูลของเธอ
เท่านั้นที่แสดงอยู่ ถ้าตัวจริงของเธอแสดงตัวออกมาเมื่อไหร่ เขาจะ
สามารถเห็นข้อมูลที่สมบูรณ์ของเธอได้
ฉันสามารถพยายามลักจำทักษะที่แข็งแกร่งของเธอทีละทักษะ หรือ
ฉันจะให้เธอสอนโครงกระดูกน้อยและมังกรเพลิงนรกให้พวกมัน
เติบโต ซูผิงหลงไปกับความคิดที่น่ายินดีเหล่านี้ ปัจจุบันร้านค้าเพิ่ง
ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับสาม จากหน้าต่างสถานะ ซูผิงสามารถ
เห็นอาณาเขตของร้านค้าทั้งหมดซึ่งครอบคลุมพื้นที่สามพันตาราง
เมตร ร้านรอบ ๆ ที่เขาซื้อ และด้านนอกอาณาเขตของร้านที่ไร้การ
ป้องกันของระบบ
แต่ซูผิงก็สบายใจ เขาจะต้องเลื่อนขั้นร้านค้าสักวันในอนาคตและ
สถานที่พิเศษเหล่านั้นจะมีประโยชน์ในภายหลัง
มีแผนที่เสมือนจริงในความคิดของซูผิงที่สามารถนำทางเขาไปที่
ร้านได้ เขาออกจากห้องอสูร ทันทีที่เขาเปิดประตูเขาก็เห็นโจแอนนา
นั่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์ เธอกำลังหลับอยู่ เธอสมกับเป็น “เทพธิดา” เธอ
ค่อนข้างมีสไตล์แม้ในยามหลับ เธอนั่งพิงเคาน์เตอร์ ขัดสมาธิและ
กอดอก นั่นท่าอะไร…ขาของเธอไม่ชาหรอ?
โจแอนนาได้ยินเสียงซูผิง เธอลืมตาขึ้น ดวงตาของเธอมีความเย็นชา
เมื่อเธอเห็นว่าซูผิงมองเธอและยิ้ม เธอหน้าตึงและตะคอกเขา
เธอรู้สึกกังวลเมื่อต้องรับมือกับคน ๆ นี้ซึ่งห่างไกลจากความเป็น
สุภาพบุรุษ เธอเป็นเทพที่ต้องนอนบนพื้น! เธอไม่มีเตียงด้วยซ้ำ!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองว่าเธอเป็นเทพธิดา แต่เธอก็เป็นพนักงาน
สวัสดิการแบบนี้มันคืออะไร?!
แม้ว่าเธอจะโกรธ แต่เธอก็ไม่แสดงความโกรธออกมา เธอเตรียมใจ
ไว้ตั้งแต่มาถึงร้านนี้แล้ว อย่างน้อยที่สุดการเป็นศัตรูกับผู้ชายคนนี้
จะไม่ส่งผลดีต่อเธอ
เมื่อคืนเธอพยายามทุกวิถีทางที่จะเคลื่อนย้ายออกไปจากร้าน ในขณะ
ที่ซูผิงนอนหลับ เธอพยายามหนี อย่างไรก็ตามพลังบางอย่างเอาชนะ
เธอ ไม่ให้เธอก้าวออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว!
เธอหวาดหวั่นพลังลึกลับในร้าน เธอไม่เข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตแบบไหน
ถึงมีพลังมากพอที่จะลากเธอมายังโลกที่แปลกประหลาดนี้และ
กักขังเธอไว้ที่นี่
เธอรู้สึกได้ว่าโลกไม่ใช่โลกที่ทรงพลัง ไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอ
ตกใจได้ จากสิ่งปลูกสร้างและภาษา เธอสามารถบอกได้ว่านี่เป็นแค่
โลกเล็ก ๆ
อย่างไรก็ตามในช่วงแรก ๆ เธอเคยเป็นเทพธิดาในสงครามเทพ ได้
เข้าร่วมภารกิจมากมายที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในโลกเล็ก ๆ เหล่านั้น
เธอเคยเห็นพวกมันมานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีที่ไหนเหมือนที่ที่เธออยู่ใน
ขณะนี้
“มาเลยเรามาชมรอบ ๆ ร้านกันดีกว่า” ซูผิงกล่าวยิ้ม ๆ
โจแอนนาเลิกคิ้ว เธออยากจะบอกว่าไม่ แต่จรรยาบรรณของพนักงาน
ผุดขึ้นมาในใจเธอ เธอขมวดคิ้ว จำต้องยืนขึ้น
ซูผิงยิ้มและผลักประตูให้เปิดออก ประตูบานม้วนถูกแทนที่ด้วย
ประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีรูปแกะสลักของมังกรและนกฟีนิกซ์ ราวกับ
ว่าพวกมันอาศัยอยู่บนประตู และราวกับว่าพวกมันสามารถกระโดด
ข้ามประตูออกมาได้ทุกเมื่อ
ด้านนอกประตูเป็นบันไดยาวที่มีรูปปั้นมังกรสองตัวเฝ้าอยู่ทั้งสอง
ด้าน
บริเวณประตูมีขนาดใหญ่กว่าเดิมสองเท่า รูปปั้นมังกรและการตกแต่ง
ที่สวยงามบนผนังทำให้ร้านดูหรูหรามากขึ้น ดูแล้วผู้คนต่างต้องพา
กันบอกว่านี่เป็นสถานที่ที่สวยงามจริง ๆ
ตามแผนที่ของร้าน ซูผิงก้าวออกไปข้างนอก เขามองไปด้านข้าง
ร้านค้าที่เคยขายเสื้อแจ็คเก็ตได้กลายเป็นกำแพงทึบปิดประตูไว้ ด้าน
ในร้านเชื่อมต่อกับหลังอื่น ๆ
ซูผิงเดินไปตามถนน จากร้านค้าทั้งหมดที่เขาซื้อเจ็ดถึงแปดแห่ง
กลายเป็นกำแพง กระเบื้องเซรามิกที่ใช้มีลวดลายไม้ ร้านของเขาไม่
เข้ากับร้านค้าอื่น ๆ ที่ยังคงเปิดอยู่บนถนน ราวกับว่าร้านของเขาเป็น
โรงแรมระดับห้าดาวในหมู่บ้าน
ซูผิงยืนอยู่ข้างนอกบนถนน มองไปรอบ ๆ ร้านของเขา ร้านค้า
ทั้งหมดเชื่อมต่อกัน พวกมันรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ร้านขายอสูรพิกซี่
ระบบปรับปรุงป้ายเก่าและโทรม กระดานแขวนอยู่เหนือร้านค้ามี
ขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า ใหญ่จนสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและ
งดงาม
ซูผิงอุทานเมื่อเห็นว่าระบบเข้าใจเขาขนาดไหน
เมื่อมองจากระยะไกล ร้านของเขาก็เหมือนคฤหาสน์หรูหราที่ย้ายมา
อยู่บนถนนสายนี้ รูปปั้นมังกรสองตัวนอกร้านของเขาดูน่าเกรงขาม
มาก
ซูผิงคิดว่ารูปปั้นมังกรสองตัวนั้นน่าประทับใจกว่ารูปปั้นฟีนิกซ์ที่
ประตูของสถาบันฟีนิกซ์เสียอีก เขาสงสัยว่าระบบได้ผนึกมังกร
แท้จริงสองตัวไว้ในรูปปั้นหรือเปล่า ดวงตาของมังกรเหมือนจริง
มากเกินไป เขารู้สึกว่ามังกรสองตัวกำลังจ้องมองมาที่เขา
สมบูรณ์แบบ!
สมบูรณ์แบบมาก ๆ !
ซูผิงกล่าวชื่นชมระบบ มันเรียกได้ว่าไร้ที่ติ
ซูผิงดีใจมาก ส่วนโจแอนนาก็แอบมองเขาอยู่ข้างใน เธอไม่แสดงสี
หน้า เพราะหากเปิดเผยนั่นอาจทำให้เธอทะเลาะกับซูผิงอีกครั้งได้
เธอไม่แปลกใจที่เห็นว่าร้านแตกต่างไป พลังลึกลับสามารถกวาดล้าง
พื้นที่ขนาดใหญ่ได้ในชั่วข้ามคืน นับประสาอะไรกับการปรับปรุง
ใหม่
สำหรับความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ของร้าน … เธอเคยเห็นสถานที่ที่มี
ระดับมามากมายในแดนเทพ ความสง่างามของร้านไม่ใช่เรื่องใหญ่
สำหรับเธอ
สิ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจของเธอคือรูปปั้นมังกรนอกร้านและ
รายละเอียดบางอย่าง เธอสามารถบอกได้ว่ารูปปั้นทั้งสองคือแก่นแท้
ของร้าน
เมื่อตรวจสอบภายนอกร้านแล้ว ซูผิงก็กลับเข้าไปข้างในด้วยความ
พึงพอใจ และเริ่มมองไปรอบ ๆ ในส่วนอื่น ๆ
ห้องอสูรที่แคบและเล็กเชื่อมต่อกับร้านค้าอื่น ๆ ที่เขาซื้อ ห้องอสูรมี
ขนาดกว้างมากขึ้น สามารถเก็บคอกเลี้ยงดูได้มากกว่าเดิม
ห้องเล็ก ๆ ของสระวิญญาณก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาผลักประตูเข้าไป
รู้สึกราวกับว่าเขายืนอยู่บนยอดจักรวาลที่มีดวงดาวมากมายอยู่
รอบตัว สระวิญญาณที่เคยเป็นเหมือนสระน้ำแห้งได้กลายเป็นบ่อน้ำ
ลึกที่ลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาว
ซูผิงไม่แน่ใจว่านี่เกิดขึ้นถาวรหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่ามัน
ดูประณีตเป็นพิเศษและดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก
สถานทดสอบใหม่มีพื้นที่มากที่สุด ห้องเป็นสีขาวบริสุทธ์ิ แต่ที่
ประตูมีสวิตช์สามารถปรับพื้นที่ได้ตามประเภทของอสูร
ไฟ มหาสมุทร ป่าพรุ สิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมและอื่น ๆ
เมื่อซูผิงเปลี่ยนห้องเป็นทะเล ห้องสีขาวก็มีน้ำและทรายอยู่ข้างใน
ราวกับว่าเขากำลังเล่นกับไฟล์ PowerPoint และสามารถเลือกอะไรก็
ได้ที่ต้องการ แต่การจำลองนั้นเหมือนจริง เขารู้สึกว่าเขาอยู่ใน
มหาสมุทรจริง ๆ
นี่น่าอัศจรรย์มาก มันไฮเทคขนาดไหนกันเนี่ย!
แน่นอนว่าเมื่อพิจารณาถึงระดับการพัฒนาทางเทคโนโลยี ในปัจจุบัน
สิ่งนี้สามารถทำได้ เมื่อย้อนกลับไปซูผิงก็เคยเห็นบางอย่างบน
อินเทอร์เน็ตที่บอกว่าบริษัทใหญ่ ๆ บางแห่งได้ใช้เทคโนโลยี
ประเภทนี้ หรือระบบได้นำเทคโนโลยีสูงสุดของรัฐบาลมาใช้? ซูผิง
สงสัย เขาเชื่อระบบ ระบบมีความฉลาดพอที่จะคิดเกี่ยวกับการให้
บริษัทก่อสร้างบางแห่งปลอมการเลื่อนขั้นร้านค้า
โจแอนนาเดินอยู่ข้างซูผิงตลอด เธอตกตะลึงเมื่อเข้าไปในห้องที่มี
สระวิญญาณ เธอรู้สึกได้ว่าบ่อน้ำที่ลอยอยู่นั้นซ่อนพลังงานโบราณ
เอาไว้
พลังงานประเภทนั้นดูเหมือนจะเป็นแบบดั้งเดิม เก่าแก่กว่าพลังงาน
เทพที่เธอแสวงหา …
ในขณะที่ตกใจ โจแอนนาก็ออกจากห้องไปพร้อมกับซูผิง แต่เธอจะ
ไม่ลืมสิ่งที่เห็นอีกเลย ความกลัวและความเข้าใจในร้านของเธอมี
มากกว่าเดิม
หลังจากที่พวกเขาเดินชมร้านค้าเสร็จแล้ว ซูผิงก็กลับไปที่หน้าร้าน
เพื่อทดสอบฟังก์ชั่นการขายอสูร
ก่อนที่เขาจะขายอสูรใด ๆ เขาต้องประเมินอสูรก่อน
“โครงกระดูกน้อย”
ซูผิงเรียกโครงกระดูกน้อยก่อน เพื่อค้นหาคุณค่าของมัน
เขาจำได้ว่าเมื่อได้โครงกระดูกน้อยมาครั้งแรก เขาเคยทดสอบราคา
เช่าโครงกระดูกน้อย อัตราคือหนึ่งแต้มพลังงาน
เขาฝึกฝนโครงกระดูกน้อยมาเป็นเวลานาน เขาสงสัยว่าโครงกระดูก
น้อยจะเป็นยังไงบ้างตอนนี้
ในไม่ช้าราคาขายและเช่าโครงกระดูกน้อยก็พร้อมใช้งาน
ราคาขาย: 4.62 ล้านแต้ม
ราคาเช่า: 10,000 แต้ม / ชั่วโมง
…
ซูผิงตะลึงจนตัวแข็ง
ราคาขาย 4.62 ล้าน? จากหนึ่ง?
การเลื่อนขั้นร้านค้าทำให้เขาเสียแต้มพลังงานไปแค่หนึ่งแสนแต้ม
เท่านั้น!
ในแง่ของเหรียญดวงดาว แต้มพลังงานหนึ่งแสนแต้มดูเหมือนจะไม่
มากนัก แต่เขาคงต้องใช้เวลานานในการสะสมเหรียญดวงดาว
จำนวนมาก และบริการหลายอย่างในร้านของเขาก็มีราคาต่ำตามที่
ระบบเรียกร้อง
ถ้าฉันจำไม่ผิด การเลื่อนขั้นร้านค้าเป็นระดับสี่จะต้องใช้พลังงาน
หนึ่งล้านแต้ม และสระวิญญาณระดับสี่สำหรับการบ่มเพาะก็ใช้
พลังงานหนึ่งล้านเช่นกัน … หัวใจของซูผิงเต้นแรง เขาจะมีทั้งหมด
นี้ถ้าเขาขายโครงกระดูกน้อย
เขาสามารถเลื่อนขั้นร้านค้าและเลื่อนขั้นสระวิญญาณซึ่งมีความ
เป็นไปได้สูงที่จะเกิดเป็นราชาอสูร! เขาดูราคาหลายครั้งแล้วก็ถอน
หายใจ เขาจะไม่มีวันขายโครงกระดูกน้อย
เขาใช้ความพยายามเยอะมากไปกับการฝึกฝนโครงกระดูกน้อย การ
เลื่อนขั้นร้านค้าและสิ่งอื่น ๆ นั้นเขาสามารถทำทีละขั้นตอนได้ แต่
จริง ๆ แล้ว การขายโครงกระดูกน้อยในตอนนี้เพื่อเลื่อนขั้นร้านค้า
และเพาะพันธุ์ราชาอสูรนั้นคุ้มค่ากว่า ความแข็งแกร่งของเขา
สามารถพัฒนาด้วยได้เช่นกัน แต่เขาเป็นมนุษย์และนั่นหมายความ
ว่าเขามีสามัญสำนึก
สำหรับซูผิงโครงกระดูกน้อยก็เหมือนกับลูกของเขา ทุกครั้งที่พวก
เขาไปที่สนามบ่มเพาะ โครงกระดูกน้อยจะคอยช่วยเขาจากอันตราย
โดยเสี่ยงชีวิตของมันเองเสมอ เขาไม่สามารถขายเพื่อนร่วมทางของ
เขาเพื่อแลกกับแต้มพลังงานได้ แม้ว่าจะมีเลขศูนย์เติมท้ายจำนวน
มากก็ตาม
จากนั้นซูผิงก็เห็นราคาลดลง เขาคลิกที่แผนภูมิเพื่อเปิดดูรายละเอียด
สายเลือดกึ่งราชาโครงกระดูก : 3.9 ล้านแต้มพลังงาน
ความแข็งแกร่ง 10 : ห้าแสนแต้มพลังงาน
ทักษะ : สองแสนสองหมื่นแต้มพลังงาน
ซูผิงสะดุ้ง กล่าวได้ว่าที่โครงกระดูกน้อยมีค่ามากขนาดนี้เพราะ
สายเลือดของราชาโครงกระดูก?
หากไม่มีสายเลือดของราชาโครงกระดูก โครงกระดูกน้อยจะขายได้
เพียงห้าแสนแต้ม?
แต่โครงกระดูกน้อยมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ถึง 10 และอยู่ใน
ระดับ “ราชาอสูร”!
“นายแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหม?” ซูผิงถามระบบ
ระบบฟังดูไม่แยแส “หากไม่รวมสายเลือด พลังต่อสู้ 10 คือขีดจำกัด
ต่ำสุดของราชาอสูร และราชาอสูรที่มีระดับต่ำสุดจะมีค่าแค่ห้าแสน
แต้มพลังงาน”
ซูผิงพูดไม่ออก
พลังงานห้าแสนแต้มเท่ากับเหรียญดวงดาวห้าสิบล้านเหรียญ ราชา
อสูรราคาถูกแค่นี้เนี่ยนะ?
เขาสามารถทำเงินได้มากกว่าพันล้านเหรียญอย่างง่ายดายจากการ
โกงที่อาณาจักรลับ ใช่เขาโกงเพราะเขามีข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลับ
การได้รับสมบัตินั้นง่ายเหมือนการขยิบตา เขาไม่คิดว่าการหาเงิน
เป็นเรื่องยาก
ฉินชู่ไห่ – ผู้ที่ซื้อผลจิตวิญญาณดวงดาวจากซูผิง- สามารถจ่ายเงินให้
เขาหนึ่งร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย นั่นคือความร่ำรวยของนักรบอสูร
กิตติมศักด์ิ
กล่าวคือนักรบอสูรกิตติมศักด์ิใด ๆ สามารถมาที่ร้านของเขาและซื้อ
ราชาอสูรหลาย ๆ ตัวได้?
ระบบเสริม “สระวิญญาณระดับสี่อาจมีความเป็นไปได้สูงกว่าที่จะ
ขยายพันธุ์ราชาอสูรและการสุ่มรอบหนึ่ง เจ้าของจะต้องเสียหนึ่ง
ล้านแต้มพลังงาน สำหรับราชาอสูรโตเต็มวัย หากมีความสามารถใน
การต่อสู้แค่ 10 ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่ามันมีศักยภาพต่ำ ราคาขายห้า
แสนก็สูงพอแล้ว”
ซูผิงไม่รู้จะพูดอะไร
แม้จะไม่มีศักยภาพในการเติบโต แต่ราชาอสูรก็คือราชาอสูร พวก
มันแข็งแกร่งและสามารถกำจัดนักรบอสูรกิตติมศักด์ิได้ในทันที
“ร้านมีระบบกำหนดราคา เจ้าของอย่าพูดมากกว่านี้ เป้าหมายของ
ร้านคือการบ่มเพาะอสูรที่ดีที่สุด อสูรที่มีศักยภาพต่ำเป็นสิ่งที่ไม่ดี
เจ้าของต้องจำสิ่งนี้ไว้” ระบบกล่าวต่อ
ซูผิงกลอกตา ระบบต้องอวดรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ?
ศักยภาพต่ำแล้วมันทำไม? อสูรใช้เงินของนายงั้นเหรอ? ทำไมต้อง
ตั้งแง่ด้วย!
“ใช่ ฉันต้องอวดดี”
“ไม่นายกำลังแอบฟังอีกแล้ว!”
“หากเจ้าของไม่ต้องการให้ได้ยินความคิดของเจ้าของ เจ้าของก็ควร
พยายามเลื่อนขั้นร้านค้าเป็นระดับ 7 โดยเร็วที่สุดเพื่อให้สามารถ
รักษาความเป็นส่วนตัวได้” ระบบเตือนซูผิงอย่างเย็นชา
“บัดซบ!!”
เขาก่นด่าไม่หยุดอีกครั้ง และในที่สุดซูผิงก็เงียบลงหลังจากการช็อต
ด้วยไฟฟ้า
เขาหยุด “เถียง” กับระบบ เขานึกถึงอย่างอื่น ระบบกำลังพูดถึงราชา
อสูรที่ไม่มีสายเลือดหรือไหวพริบ แต่ส่วนใหญ่แล้วราชาอสูรมี
สายเลือดและไหวพริบที่ดี ดังนั้นราชาอสูรธรรมดาคงขายได้
มากกว่าหนึ่งล้าน
สำหรับสระวิญญาณ เขาคงต้องใช้เงินหนึ่งล้านสำหรับความพยายาม
ในการบ่มเพาะแต่ละครั้งและมีโอกาสสูงที่จะมีราชาอสูรเข้ามา ยังมี
ความเป็นไปได้น้อยที่จะมีราชาอสูรขั้นสูงออกมา
ระบบจะต้องคิดอย่างนี้เมื่อตั้งราคา ระบบเจ้าเล่ห์มาก!
ซูผิงถอนหายใจ เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะโต้เถียงกับระบบ
และก็…
เขาไม่มีทางเอาชนะระบบได้
เขาจะไปทำอะไรได้?!
(T_T)