การเป็นเพื่อนกับเทียนเฉินไม่ได้หมายความว่าปรมาจารย์ดาบจะ
โดนสั่งห้ามมาหาซูผิง นอกจากนี้ เทียนเฉินรู้ว่าเขาโดนบังคับให้
ช่วยฝึกอสูร ปรมาจารย์ดาบมีเหตุผลให้มาที่เขาห้ามไม่ได้
ซูผิงพยักหน้า “สวัสดีครับ”
“โอ้ คุณตกแต่งร้านใหม่งั้นเหรอ?” ปรมาจารย์ดาบมองรอบ ๆ ภายใน
และเห็นว่าทุกอย่างเป็นของใหม่ “ผมคิดว่าผมมาผิดที่ รูปปั้นมังกร
พวกนั้น…ใครเป็นคนสร้าง?”
ซูผิงดึงเก้าอี้มาและขอให้เขานั่งลง แม้เมื่อวานก่อนพวกเขาจะพบกัน
ด้วยเรื่องไม่ดีนัก ซูผิงก็ยังเคารพอีกฝ่าย
“ขอบคุณ!” ปรมาจารย์ดาบยอมรับท่าทางนี้เพราะเขาไม่มีทางเลือก
“โครงกระดูกน้อยของคุณอยู่ไหน? มันถึงเวลาสำหรับบทเรียนอื่น
แล้ว”
ซูผิงหัวเราะ”คุณไม่ต้องไปหาสถานที่อื่น ตอนนี้ร้านมีสนามฝึกใน
ตัวแล้ว โปรดรอให้ผมคุยธุระกับแขกเสร็จก่อนแล้วผมจะพาคุณไป
ที่นั่น”
“ได้”
ปรมาจารย์ดาบตรวจสอบสองสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง แต่ก็จำใครไม่ได้
หนึ่งในนั้นแสดงพลังดวงดาวที่บ่งบอกว่าเธอเป็นนักรบอสูรระดับสี่
ซึ่งถือ..ว่าค่อนข้างดีถ้าเทียบกับอายุเธอ แม้จะไม่นับว่าเป็นอะไรใน
มุมมองของปรมาจารย์ดาบ
ต่อให้เธอมีระดับสูงกว่านี้ เธอก็ยังด้อยไปถ้านำมาเทียบกับซูผิง
“นี่…” มู่ซวงว่านจ้องปรมาจารย์ดาบด้วยสายตาว่างเปล่า
ปรมาจารย์ดาบ นักรบอสูรที่ทุกคนพากันพูดถึง?? เขามาที่นี่? เอ
สงสัยว่าเธอตาฝาดหรือเปล่า
ซ่งลู่กลับยังคุยธุระต่อเพราะเธอไม่รู้จักปรมาจารย์ดาบ “อะแฮ่ม คุณ
ซู? แล้วเรื่องเงินทุน…”
“ผมบอกคุณแล้วว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ผมควรมีมากพอ”
ซูผิงเต็มใจเสียเงินตราบเท่าที่ชื่อของเขาเป็นที่รู้จัก มีแค่ลูกค้าถึง
สามารถช่วยเขาให้ได้รับแต้มพลังงาน ซึ่งจะทำให้เขาได้รับสิ่งที่เงิน
ไม่สามารถซื้อได้
ซ่งลู่สงสัยว่าเขามาจากตระกูลไหน เธอทำงานกับหลายตระกูลมาก่อน
แต่ไม่มีตระกูลไหนมอบเงินเป็นพันล้านให้เด็ก
มู่ซวงว่านพูดแทรก ถามด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “คะ-คุณ คุณคือ
ปรมาจารย์ดาบหรือเปล่าคะ?”
ปรมาจารย์ดาบเหลือบมองเธอ ก่อนมองซูผิงอีกครั้ง โดยปกติ เขาจะ
ไม่สนใจคำชื่นชมของคนอื่น แต่ทว่า เนื่องจากเธอดูเหมือนจะเป็น
แขกของซูผิง…
“ใช่แล้ว”
มู่ซวงว่านแทบลมจับ
เธอเกิดในตระกูลนักรบ ชื่อของปรมาจารย์ดาบเป็นอะไรที่เธอได้ยิน
ทุกวี่วันตั้งแต่เด็ก ชายคนนี้คือแบบอย่างของเธอ เป็นพระเจ้าของเธอ!
เป็นที่รู้กันดีว่าปรมาจารย์ดาบได้มาถึงจุดสูงสุดของระดับเก้าแล้วและ
กำลังจะท้าทายระดับตำนาน วินาทีที่เขาทำสำเร็จ เขาจะกลายเป็น
หนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยอมรับมากสุดบนดาวนี้
เธอตัวสั่นสะท้านขณะจ้องมองฮีโร่ในวัยเด็กของเธอ
“ทะ-ทะ-ท่าน ฉะ-ฉันมู่ซวงว่าน นักรบอสูรฝึกหัด มันนับเป็นเกียรติ
อย่างยิ่งที่ได้พบท่าน!”
“อืม” ปรมาจารย์ดาบพยักหน้า
จากสายตาของซูผิง เขาสามารถเห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนรู้จัก
ของซูผิง
ปรมาจารย์ดาบเห็นโจแอนนามองเขาด้วยแววตาดูถูก และพลันรู้สึก
แย่
“ปรมาจารย์ดาบ…” ซ่งลู่พึมพำ เธอไม่ใช่นักรบเธอจึงไม่รู้อะไรมาก
แต่เธอก็รู้ว่าควรทำอะไรตอนร้านนี้มีนักรบอสูรกิตติมศักด์ิมาเยือน
“สวัสดีค่ะ ท่าน” ซ่งลู่รีบทำความเคารพ
ปรมาจารย์ดาบขมวดคิ้ว เขาไม่มีธุระกับคนเหล่านี้ แม้จะไม่พูดออกมา
เสียงดัง
“ทะ-ทำไมท่านถึงมาที่นี่เหรอคะ?” มู่ซวงว่านถาม
“ฉันมีเรื่องต้องทำ แต่พวกเธอสามารถคุยได้ก่อนเลย ไม่ต้องสนใจ
ฉัน”
มู่ซวงว่านเห็นว่าปรมาจารย์ดาบไม่ยอมคุยกับเธอ เธอจึงหยุดถาม เธอ
ฟุ้งซ่านเกินกว่าจะคิดถึงการประชุมทางธุรกิจ การได้รับการยอมรับ
จากปรมาจารย์ดาบสำคัญกว่ามาก มันเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวเธอ
“อืม ท่าน ฉันมาจากตระกูลมู่ โปรดมาเยือนเราบ้าง มู่เทียนหลิว ผู้นำ
ตระกูลเรามักอยากเจอท่าน” มู่ซวงว่านฉีกยิ้มหวานสุดความสามารถ
ซ่งลู่เริ่มแปลกใจ เธอจู้จักมู่เทียนหลิว ผู้ถือเป็นคนที่ทรงพลังมากใน
หมู่นักรบอสูรกิตติมศักด์ิ นี่หมายความว่าชายที่นั่งด้านหน้าเธอเป็น
คนที่เหนือยิ่งกว่า
“มู่เทียนหลิว?” ปรมาจารย์ดาบทบทวนความทรงจำ “ใช่..ฉันรู้จักเขา
เธอเป็นลูกหลานเขา? และไม่ ฉันเกรงว่าฉันคงไม่มีเวลาสำหรับการ
สนทนาส่วนตัว ฝากบอกเขาด้วย”
“นะ-แน่นอนค่ะ”
ด้วยความผิดหวัง มู่ซวงว่านพยายามคิดหาข้ออ้างคุยต่อ
ซูผิงแสดงสีหน้ารำคาญ “ผู้จัดการซ่ง เราควรจัดการธุระเรากันก่อน
ไหม?”
เขาเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ดาบหรือะไร?? มู่ซวงว่านตรวจสอบท่าที
สงบของซูผิงอย่างสับสน “โอ้ ใช่ อะแฮ่ม ข้อตกลง”
มู่ซวงว่านพูดแทรกซ่งลู่ “เราจะทำตามที่คุณซูพูด ถ้าคุณมีปัญหาเรื่อง
เงินทุน ฉันสามารถลดราคาค่าตัวฉันลงได้ครึ่งหนึ่ง”
ซ่งลู่ตาเหลือก
ลดราคาครึ่งหนึ่งก็หมายถึง 25 ล้านเหรียญ! นั่นเป็นเงินก้อนโต
“ไม่จำเป็น” ซูผิงส่ายหัว “เราจะทำตามสิ่งที่เราได้ตกลงไว้ ผมขอฝาก
รายละเอียดไว้กับพวกคุณ”
มู่ซวงว่านพยักหน้าและทิ้งหมายเลขติดต่อของเธอไว้ ซึ่งทำให้ซ่งลู่
แปลกใจ
ในฐานะมืออาชีพด้านการเจรจา ซ่งลู่รำคาญกับความจริงที่มู่ซวงว่าน
เซ็นสัญญาสำคัญเช่นนี้เหมือนการซื้ออาหารเช้า แต่เธอก็เลือกไม่
แสดงความสงสัย
บางครั้ง การได้รับการยอมรับจากคนสำคัญก็ดีกว่าเงิน
เมื่อสัญญาเสร็จ ซูผิงก็ยืนขึ้นเพื่อส่งแขก
มู่ซวงว่านไม่เต็มใจก้าวออกไปขณะอำลาปรมาจารย์ดาบด้วยท่าทาง
ที่เธอคิดว่าดีสุด
“เธอรู้จักชายคนนั้นงั้นเหรอ ซวงว่าน?” ซ่งลู่รีบถามตอนพวกเธอขึ้น
รถ
มู่ซวงว่านรอจนกระทั่งออกมาไกลพอก่อนพ่นลมหายใจยาว
“แน่นอนสิ! นั่นคือปรมาจารย์ดาบ คนที่กำลังจะเป็นตำนาน! นักรบ
อสูรกิตติมศักด์ิทั่วไปเทียบไม่ได้กับเขา! เขาสามารถต่อสู้กับคน
เหล่านั้นได้ด้วยมือข้างเดียว!”
ซ่งลู่เบิกตากว้าง ในฐานะประชาชนทั่วไป นักรบระดับแปดอย่าง
ตงซงหมิงก็นับว่าน่ากลัวแล้ว แล้วนักรบระดับตำนานละ?
จากนั้นเธอถึงเข้าใจว่าทำไมมู่ซวงว่านถึงมีท่าทีแบบนั้น
“โอ้ใช่ หาคนมาตรวจสอบร้านนั้นด้วย” มู่ซวงว่านพูดหลังสงบสติ
ลง “ฉันอยากรู้ว่าซูผิงเป็นใคร”
ซ่งลู่พยักหน้า “ฉันสงสัยว่าเขาจะเป็นเพื่อนของปรมาจารย์ดาบหรือ
เปล่า”
“ถ้าคุณปู่รู้ว่าปรมาจารย์ดาบมาเยือนเมืองหลงเจียง เขาต้องรีบบินมา
แน่!” มู่ซวงว่านพึมพำ “ฉันต้องบอกเขา…”
กลับมาที่ร้าน
หลังจากที่ผู้หญิงสองคนจากไปซูผิงก็นำปรมาจารย์ดาบไปห้อง
ทดสอบ
“นี่เหรอ?”
เมื่อมองไปที่ห้องที่ว่างเปล่า ปรมาจารย์ดาบก็อดไม่ได้ที่จะอุทาน
“คุณต้องการสภาพแวดล้อมแบบไหน?” ซูผิงเดินไปตรงสวิตช์ข้าง
ประตู เขาสุ่มเลือกฉากป่ า ทันใดนั้นห้องก็เริ่มสั่นสะเทือนผนังสีขาว
บริสุทธ์ิเปลี่ยนสี ในขณะที่ทรายและหินโผล่ขึ้นมาบนพื้น
ในไม่ช้า ห้องว่างเปล่าก็เปลี่ยนเป็นป่าภูเขา
มีทั้งเนินและป่ า
ปรมาจารย์ดาบประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลง หินและเนินเขา
เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่จับต้องได้!
เทคโนโลยีนี้ล้ำหน้าขนาดไหน!
ปรมาจารย์ดาบเคยไปสถานที่จัดงานสุดหรู แต่นี่เป็นครั้งแรกของเขา
ที่พบเจอห้องสุดอัศจรรย์ขนาดนี้ สถานที่ต่อสู้เกิดขึ้นจากความว่าง
เปล่า เหลือเชื่อสุด ๆ !
ซูผิงโบกมือ โครงกระดูกน้อยกระโดดออกมาจากอากาศ มันชักดาบ
กระดูกออกมา กวาดตามองอย่างระมัดระวัง
เมื่อไม่พบศัตรู โครงกระดูกน้อยก็ผ่อนคลายเล็กน้อย และเงยหน้า
ขึ้นมองซูผิงอย่างงง ๆ
ซูผิงบอกให้โครงกระดูกน้อยอ้าปากเพื่อที่เขาจะได้เอาหยาดน้ำที่อยู่
ในกะโหลกของมันออกมา ผลึกถูกดูดซับไปมากแล้ว ซูผิงสันนิษฐาน
ว่าโครงกระดูกน้อยสามารถกินผลึกทั้งหมดให้เสร็จได้ภายในครึ่ง
เดือน เมื่อถึงเวลานั้นความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของโครงกระดูก
น้อยก็จะพัฒนาขึ้นไปอีก แต่ในขณะเดียวกัน แต้มไหวพริบจะลดลง
แต่นั่นไม่สำคัญ ซูผิงมุ่งเน้นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของโครงกระดูก
น้อย ไหวพริบเป็นเพียงการประเมินศักยภาพของอสูร ในขณะที่
ความแข็งแกร่งบ่งบอกถึงพลังที่เป็นรูปธรรม
ปรมาจารย์ดาบถามอย่างจริงจัง “ฉันสามารถเลือกสถานที่แบบไหน
ก็ได้ที่ฉันต้องการตรงนี้หรือ?”
“ทำนองนั้น”
จากนั้นซูผิงก็เปลี่ยนสภาพแวดล้อมอีกสองสามครั้งตั้งแต่มหาสมุทร
ครอบคลุมไปจนถึงบึงน้ำ
ปรมาจารย์ดาบนิ่งงัน เขาตกตะลึงไปกับความวิเศษของมัน เขาไม่
เคยรู้มาก่อนว่ามีเทคโนโลยีขั้นสูงแบบนี้อยู่ในสหพันธ์ด้วยซ้ำ น่าทึ่ง
มาก ในที่สุดปรมาจารย์ดาบก็เลือกสภาพแวดล้อมหนึ่ง
“จำไว้ อย่าหย่อนยานนะ” หลังจากพูดให้กำลังใจ ซูผิงก็ตบกะโหลก
ของโครงกระดูกน้อย
แสงสีแดงในเบ้าตาของโครงกระดูกน้อยกะพริบ ขณะที่มันพยัก
หน้าเล็กน้อย
ซูผิงพูดลาปรมาจารย์ดาบและทิ้งทั้งสองไว้ในห้อง
ร้านมีลูกค้าเพียงไม่กี่คนในช่วงบ่าย
ดูเหมือนว่ารูปปั้นมังกรข้างประตูจะคุกคามเกินไป ลูกค้าบางคน
สะดุ้งก่อนที่จะก้าวเข้ามาข้างใน
ลูกค้าทุกคนมีปฏิกิริยาในทำนองเดียวกันเมื่อพวกเขาเห็นโจแอนนา
ทันทีที่โจแอนนาพาลูกค้ามาหาซูผิงและบอกราคา พวกเขาทั้งหมดก็
วิ่งหนีด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่มีใครกล้าอยู่ต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว
ที่นี่ราคาแพงเกินไป
ค่าบริการในร้านค้าของซูผิงนั้นแพงไปสำหรับนักรบอสูรทั่วไป
อย่างไรก็ตาม มีแค่ผู้ที่เคยสัมผัสกับบริการของร้านเท่านั้นถึงเข้าใจ
ว่าเงินของพวกเขา “คุ้มค่า” นั่นเป็นที่มาของความรู้สึกไม่สบายใจ
ของซูผิง ลูกค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่จะตกใจกลัวกับค่าบริการก่อน
ทดลองใช้ด้วยซ้ำ
ในตอนค่ำปรมาจารย์ดาบจบบทเรียนและบอกลาซูผิง
เนื่องจากวันนี้ธุรกิจไม่ดี ซูผิงจึงต้องฝากความหวังไว้กับการโปรโมต
เขาทานอาหารเย็นที่บ้าน
ในเวลาอาหารค่ำ อู่กวนเฉิงอยู่ที่นี่ วิชาการรักษาของซูหลิงเยวี่ยยังอยู่
ระหว่างการสอน เหนือสิ่งอื่นใด ซูผิงได้กำหนดเส้นตายสำหรับเขา
และเขาก็ไม่กล้าหยุดงาน เขายังคิดอยากพักที่บ้านซูผิงทุกวันด้วยซ้ำ
จะได้คอยสอนซูหลิงเยวี่ยทุกวันทุกเวลา
ในตอนกลางคืน อู่กวนเฉิงถูกขอให้อยู่ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับ
ครอบครัวซูผิง
อู่กวนเฉิงไม่สามารถรักษาความสงบที่เขามีได้อีกต่อไป เมื่อซูผิง
และโจแอนนาปรากฏตัว เขาอยากจะกลับบ้าน แต่เขาไม่สามารถ
ปฏิเสธคำเชิญแสนเป็นมิตรของหลี่ฉิงรู่ได้
“มีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนบนโต๊ะอาหารของเรา” หลี่ฉิงรู่เคารพอาจารย์
ที่มาสอนลูกสาวของเธอมาก
เนื่องจากซูผิงให้ความยินยอม อู่กวนเฉิงจึงร่วมรับประทานอาหาร
เย็นด้วย
ถึงกระนั้นอู่กวนเฉิงก็ไม่รู้ว่าอาหารมื้อเย็นมีรสชาติเป็นยังไง
ซูหลิงเยวี่ยเข้าใจดี ในมื้อค่ำ เธอรู้สึกได้ว่าอาจารย์ของเธอค่อนข้าง
กลัวซูผิงและพนักงานของเขา
นั่นชักน่าสนใจ แต่ซูหลิงเยวี่ยไม่ปล่อยให้ความอยากรู้อยากเห็นของ
เธอแสดงออกมา เธอรู้สึกได้ว่าซูผิงมีความลับอีกมากมายที่เธอไม่รู้
หลังอาหารค่ำ ซูผิงส่งอู่กวนเฉิงด้วยตัวเองและพาโจแอนนากลับไป
ที่ร้าน
คอกเลี้ยงดูอันหนึ่งคือห้องของโจแอนนา เนื่องจากพลังงานภายใน
สามารถหล่อเลี้ยงเธอได้ คอกเลี้ยงดูจึงกลายเป็นสถานที่ที่เหมาะใน
การพักผ่อนสำหรับเธอ
ซูผิงจึงตัดสินใจครอบครองคอกเลี้ยงดูหนึ่งอันเช่นกัน เนื่องจากบ้าน
ของเขาอยู่ใกล้ การอยู่ร้านตอนกลางคืนจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
“แผนภูมิดวงดาวโกลาหล…”
ซูผิงนั่งอยู่ในคอกเลี้ยงดู พยายามที่จะดูดซับพลัง แปลงเป็นพลัง
ดวงดาว
พลังงานในคอกเลี้ยงดูดซึมเข้าสู่ตัวเขาทางรูขุมขนเช่นเดียวกับน้ำ
ทุกเซลล์ภายในซูผิงเป็นกระแสน้ำวนที่ดูดพลังดวงดาวมาเก็บเอาไว้
ซูผิงต้องยอมรับว่าการบ่มเพาะของเขามีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้ว
เมื่อผู้คนทำการปิดประตูบ่มเพาะ พวกเขาจะดูดซับพลังงาน อย่างไร
ก็ตาม ด้วยวิธีการของเขา เขาเหมือนปล้นพลังงานมากกว่า!
“ในอัตรานี้ ฉันจะเป็นนักรบอสูรระดับหกขั้นกลางในอีกครึ่งเดือน
หลังจากนั้นอีกหนึ่งหรือสองเดือน ฉันจะสามารถไปถึงระดับเจ็ดได้
และด้วยความช่วยเหลือของปริซึมดวงดาว ฉันสามารถใช้พลัง
ดวงดาวได้ใกล้เคียงกับระดับเก้า!”
ยิ่งซูผิงบ่มเพาะมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
วันถัดไป
ซ่งลู่มาเยี่ยมเขาอีกครั้งเพื่อเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ และเธอได้
พาทนายความมาด้วย
พวกเขายืนยันว่าสัญญาทุกอย่างเรียบร้อยดี และหลังจากเซ็นสัญญา
ซูผิงก็ไปที่ธนาคารเพื่อโอนเงินให้ซ่งลู่
หลังจากนั้นซูผิงก็ตระหนักถึงประโยชน์ของการมีบัญชีของธนาคาร
กลางเช่นเดียวกับที่ฉินชูไห่แนะนำ เขาสามารถมีบัญชี VIP ระดับ 2
ซึ่งเขาสามารถโอนเงินที่บ้านได้โดยไม่ต้องไปธนาคาร
ซูผิงและซ่งลู่ทำธุรกรรมที่ธนาคารเสร็จแล้ว พวกเขาประทับลายนิ้วมือ
ไว้บนสัญญาและสัญญาก็มีผลบังคับใช้
นอกเหนือจากสัญญาโฆษณาแล้ว ซูผิงได้ลงนามในสัญญาอีกฉบับ
และทำการชำระเงินมัดจำ
“คุณซู ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณนะคะ”
“แน่นอน ผมหวังว่าคุณจะสามารถดำเนินการโปรโมตได้ในเร็ววัน
คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเงิน ผมต้องการแค่บริการแบบครบวงจร”
ซูผิงกล่าวเสริม
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
ซูผิงบอกลาซ่งลู่ และกลับไปที่ร้านของเขา
เขาพร้อมทุ่มสุดตัวเพื่อโปรโมตร้านของเขาทุกช่องทางที่มี เขาจะทำ
ให้ร้านของเขาเป็นร้านที่น่าสนใจสุดในเมืองฐานหลงเจียง
หลายวันต่อมา
มู่ซวงว่านถ่ายโฆษณาเสร็จแล้ว คำขวัญของซูผิงก็มีอยู่ในโฆษณา
เช่นกัน – “เลือกร้านพิกซี่แล้วการเป็น 1 ใน 100 อันดับแรกของลีก
นักรบอสูรของเมืองหลงเจียงจะเป็นเรื่องที่แน่นอนสำหรับคุณ!”
เนื่องจากซูผิงมีเงินเพียงพอ ผู้รับผิดชอบโฆษณาจึงเป็นผู้กำกับชื่อดัง
ที่เคยทำงานในภาพยนตร์คลาสสิกหลายเรื่อง ขณะที่นักแต่งเพลงยัง
เป็นคนที่เก่งที่สุดในวงการเพลงป๊อป และนักแสดงหญิงที่แสดงใน
โฆษณาก็คือมู่ซวงว่านซึ่งเป็นดาราที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้
ทุกอย่างล้วนดีที่สุด
ในขณะที่การถ่ายทำกำลังดำเนินอยู่ บริษัทได้จ้างนักการตลาดเพื่อ
แชร์โพสต์เกี่ยวกับร้านขายอสูรพิกซี่เป็นการอุ่นเครื่อง
หลังจากถ่ายทำเสร็จ โฆษณาก็กระจายไปยังแพลตฟอร์มยอดนิยม
ทั้งหมด
โฆษณานี้เล่นระหว่างรายการทีวี
ชื่อของร้านขายอสูรพิกซี่ปรากฏในรายการเรียลลิตี้และรายการทีวี
มากมาย นอกจากนั้นยังมีการแสดงโฆษณาซ้ำแล้วซ้ำอีกในพื้นที่
เมืองตอนบนรวมถึงป้ายโฆษณาและหน้าจอขนาดใหญ่
การโปรโมตได้รับแรงผลักดันอย่างหนัก คืนแรกที่แผนการโปรโมต
เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ชื่อร้านขายอสูรพิกซี่เป็นที่รู้จักไปทั่วเมือง
ฐานหลงเจียง “นี่คือร้านขายอสูรอะไร? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“นี่คือร้านที่มู่ซวงว่านของฉันแนะนำ มันต้องดีแน่ ๆ ฉันจะไปที่นั่น!”
“มาเลยแฟน ๆ ของมู่ซวงว่าน ไปที่พิกซี่ด้วยกัน แสดงพลังของเรา
ให้โลกได้เห็น!”
“พวกเขากล้าอวดอ้าง รับประกันว่าจะติดร้อยอันดับแรกได้ยังไง?”
“นี่มันตลกมาก ร้านค้าในเมืองตอนล่างจะมาโม้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“ลืมมันซะ ฉันว่าเราควรไปพรีโม่ดีกว่า ยังไงซะพรีโม่ก็มีประวัติ
และรับประกันคุณภาพการบริการ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าร้านใหม่นี้ทำ
ให้อสูรของเราสับสน ลีกนักรบกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วด้วย”
ผู้คนกำลังแบ่งปันมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับร้านขายอสูรพิกซี่
และบางคนก็โต้เถียงกับมัน
จุดหนึ่งที่ชวนให้สงสัยสุดคือที่ตั้งของร้าน มันอยู่ในย่านเมืองทรุด
โทรมสำหรับผู้อาศัยของเมืองตอนบน เมืองทรุดโทรมไม่ใช่สถานที่
ที่ผู้คนควรจะเข้าไปและเห็นได้ชัดว่าตามปกติแล้ว ร้านค้าในสถานที่
นั้นไม่มีมาตรฐาน
นอกเหนือจากนั้น ความจริงที่ว่าไม่มีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ
ร้านค้าก็ยิ่งทำให้ดูน่าสงสัย
นักเรียนบางคนของสถาบันฟีนิกซ์เห็นโฆษณาและอ่านโพสต์ พวก
เขาไม่รู้ว่าซูผิงได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น และเชิญมู่ซวงว่านมาโปรโมต
ร้าน
นักเรียนโต้เถียงกับผู้ที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับร้านพิกซี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อ
เทียบกับจำนวนนักรบอสูรทั้งหมดในเมืองฐานหลงเจียงแล้ว
นักศึกษาของสถาบันฟีนิกซ์ก็เหมือนหยดน้ำในมหาสมุทร ในไม่ช้า
ความสงสัยก็กลบคำสนับสนุนของพวกเขา
ที่ร้านค้า
วันนั้น ซ่งลู่บอกกับซูผิงว่าโฆษณาได้รับการเผยแพร่พร้อมกับ
แคมเปญส่งเสริมการขายที่เปิดตัวในทุกช่องทาง ตั้งแต่นั้นมาซูผิงก็
เตรียมพร้อมสำหรับธุรกิจที่เติบโตขึ้น
ซูผิงลงทุนอย่างมากในแคมเปญส่งเสริมการขายต่าง ๆ ร่วมสองถึง
สามร้อยล้าน ประชาชนไม่สามารถมองข้ามโฆษณาเหล่านั้นได้
“โจแอนนาคนเดียวคงไม่พอ”
ซูผิงจำกลุ่มนักเรียนที่ยืนรออยู่นอกร้านตอนธุรกิจของเขาเป็นที่นิยม
ในสถาบันฟีนิกซ์ งานเขาเคยล้นมือมาแล้ว
ในขณะนั้น เด็กผู้หญิงอีกคนที่เขาสามารถใช้เป็นผู้ช่วยได้ก็ผุดขึ้นมา
ในใจ
ถังยู่หราน คนที่เขาจับได้ในอาณาจักรลับ
ซูผิงกักขังเธอไว้ในม้วนหนังสือและเขายังไม่มีเวลาจัดการกับเธอ
แผนเดิมของซูผิงกับถังยู่หรานคือเรียนรู้เกี่ยวกับตระกูลถังจากเธอ
เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาได้บ้าง
ส่วนความจริงที่ว่าคนอื่นอาจพบว่าเขาจับเธอไว้….
มันไม่ใช่สาเหตุความกังวลสำหรับซูผิงอีกต่อไป เหนือสิ่งอื่นใด
นอกเหนือจากการปกป้องจากวิญญาณของราชามังกรแล้ว ความ
แข็งแกร่งของโครงกระดูกน้อยก็เกินกว่า 10 นักรบอสูรกิตติมศักด์ิ
ทั่วไปไม่สามารถคุกคามชีวิตของเขาได้อีกต่อไป มีเพียงนักรบอสูร
ในตำนานเท่านั้นที่สามารถทำร้ายเขาได้
นอกจากนี้ตราบใดที่เขาอยู่ในอาณาเขตของร้านค้า แม้แต่นักรบอสูร
ในตำนานก็ไม่สามารถปรากฏตัวและทำร้ายเขาได้
ทั้งทวีปมีเพียงนักรบอสูรในตำนานสองคน ซูผิงมั่นใจว่าตระกูลถัง
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักรบอสูรในตำนานทั้งสองคน หรือต่อให้มี
เขาก็ไม่กลัว
“อะไร? นายต้องการให้ฉันทำงานในร้านของนาย?”
ภายในม้วนคัมภีร์ ถังยู่หรานตกใจกับคำพูดของซูผิง แม้ก่อนหน้านี้
เธอจะดีใจกับความจริงที่ว่าม้วนคัมภีร์ถูกเปิดขึ้น
ชายคนนี้กำลังบอกให้ฉันทำงานให้เขา เป็นผู้ดูแลร้าน?
เธอจะต้องทำงานฟรีและไม่มีสัญญา? แน่นอน เธอไม่ได้สนใจสัญญา
แต่อย่างที่บอก เธอจะเป็นผู้นำตระกูลถังในอนาคต แต่ซูผิงกล้าดียังไง
ถึงมาใช้งานเธอ
เพื่อต้อนรับลูกค้า?
ใครกันที่สมควรจะได้รับการดูแลจากเธอ?
เหตุใดซูผิงจึงไม่กลัวว่าผู้คนจะเห็นเธอ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตระกูล
ถังหาเธอพบ? ซูผิงไม่กลัวผลที่ตามมาเลยหรือไง?
ซูผิงตอบว่า “เธอได้ยินฉันแล้ว ฉันเปิดร้านและต้องการคนงานมาก
ขึ้น มีแค่เธอถึงสามารถช่วยฉันได้ในตอนนี้”
“นาย…” ถังยู่หรานโกรธมาก คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก
ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว การทำงานที่ร้านบ่ง
บอกว่าในที่สุดเธอก็สามารถออกม้วนคัมภีร์ได้
นั่นเป็นโอกาสที่เธอจะหนี
เธอสงสัยว่าซูผิงเสียสติไปแล้ว เขาจับเธอขังเธอไว้ในนี้แล้วเขาก็กล้า
ที่จะปล่อยเธอออกไป เขากำลังเปิดโอกาสให้เธอได้ลงโทษเขา
“ไม่มีปัญหา”
ถังยู่หรานเห็นด้วยทันที “ร้านแบบไหน? ฉันต้องรับใช้ใคร”
“เฉพาะลูกค้าทั่วไป ฉันเปิดร้านขายอสูร”
“ลูกค้าทั่วไป…?”
ซูผิงไม่พูดอะไรอีก เขาคลี่ม้วนคัมภีร์เพื่อให้ถังยู่หรานออกมา
ถังยู่หรานรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เธอมาอยู่ในห้องที่กว้าง
ครู่ต่อมาเธอก็รู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ
เธอมีเสน่ห์มาก!
ความงามของโจแอนนาเอาชนะผู้หญิงทุกคนได้
ถังยู่หรานสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ทำไมเธอถึงดูมีเสน่ห์
ขนาดนี้? ถังยู่หรานคิดว่าเธอน่ารัก อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผู้หญิง
ผมสีทองคนนี้ ถังยู่หรานเริ่มรู้สึกละอายใจตัวเอง
“นี่คือร้านของฉัน ฉันจะเอาชุดให้เธอทีหลัง งานของเธอคือติดตาม
คำสั่งซื้อของร้านค้า และต้อนรับลูกค้าของเรา หากลูกค้าถามหา
อาหารอสูร เธอต้องคอยช่วยเสนอและแนะนำให้พวกเขา เธอจะพา
อสูรของลูกค้าไปที่ห้องอสูรด้วย”
ซูผิงบอกรายละเอียดคร่าว ๆ เกี่ยวกับขอบเขตงานของเธอ
ถังยู่หรานรู้สึกสับสน เมื่อกี้คืออะไร?
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายที่น่ากลัวอย่างซูผิงจะเปิดร้านได้ เขาไม่
มีพนักงานเลย เขาต้องน่าสงสารขนาดไหนถึงมาขอให้เธอเป็น
พนักงาน
“แล้วนี่ใคร?”
ถังยู่หรานมองหญิงสาวผมทองด้วยความสับสน
“เหมือนกับเธอ แต่เธอเป็นพนักงานประจำ ส่วนเธอไม่ใช่” ซูผิง
ตอบอย่างสบาย ๆ
ถังยู่หรานรู้แล้วว่าผู้หญิงผมทองคนนี้เป็นใคร ถึงกระนั้นเธอก็ไม่รู้ว่า
จะตอบกลับคำตอบของซูผิงยังไง มีความแตกต่างระหว่างพนักงาน
ประจำกับพนักงานชั่วคราวได้? เธอไม่ได้ใส่ใจกับการเป็นพนักงาน
ประจำ ถังยู่หรานมองหญิงสาวผมทอง และรู้สึกเสียใจกับเธอ เธอ
คิดว่าซูผิงคงลักพาตัวเธอมาเพราะหน้าตาสวย ๆ นี่ ด้วยเหตุนี้ถังยู่
หรานจึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจโจแอนนา
โจแอนนาเหลือบถังยู่หรานและไม่สนใจ เพราะเธอไม่ได้เป็นอะไร
มากไปกว่ามนุษย์
โจแอนนารู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ซูผิงบอกว่าเธอเป็นพนักงานประจำ
เธอคงจะโกรธถ้ามนุษย์ที่อ่อนแอคนนี้เป็นพนักงานประจำเหมือน
เธอ เธอเป็นเทพธิดา เธอยอมรับความจริงได้ว่าเธอเป็นพนักงานที่
ร้านนี้ แต่เธอไม่มีทางยอมให้เพื่อนร่วมงานเป็นมนุษย์
“นายไม่กลัวว่าฉันจะหนีไปหรอ?” ถังยู่หรานถามซูผิง เธอรู้สึกงุนงง
กับเรื่องนี้
เขาตอบอย่างเย็นชา “เธอทำไม่ได้ โจแอนนาจับตาดูเธออยู่ ถ้าเธอ
หนี หักขาเธอซะ”
โจแอนนาขมวดคิ้วและพูดกับถังยู่หราน “เธอได้ยินเขาใช่ไหม? ทำ
ตัวดี ๆ และช่วยอย่าให้ฉันต้องทำอะไรที่น่าเบื่อ” ถังยู่หรานตกตะลึง
ระดับความมั่นใจของซูผิงนั้นช่างเหลือเชื่อ ความจริงที่ไม่น่าเชื่อ
ยิ่งกว่านั้นก็คือเมื่อตัดสินด้วยคำพูดของซูผิง ผู้หญิงผมทองคนนี้มี
พลังมากกว่าเธอ
ความรู้สึกเป็นมิตรของถังยู่หรานที่มีต่อหญิงสาวผมทองคนนี้หายไป
ทันที “อย่าทำเหมือนว่าเธอทำได้ ฉันจะไม่จากไป แต่ถ้าฉันต้องการ
ก็ไม่มีอะไรหยุดฉันได้” ถังยู่หรานหัวเราะเยาะ
โจแอนนาขมวดคิ้ว “อยากตายหรือไง?”
เนื่องจากคำขอของซูผิง โดยปกติแล้วโจแอนนาจะไม่ยอมเปิดเผย
ความแข็งแกร่งของเธออย่างเต็มที่ ถังยู่หรานไม่สามารถบอกระดับ
ความแข็งแกร่งและพลังของโจแอนนาได้
ถังยู่หรานเลิกคิ้ว “อยากลองวัดกันไหมละ?”
เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะไม่ยอมกันเอง แต่การแข่งขันระหว่างเพศ
หญิงอาจรุนแรงยิ่งกว่า
ซูผิงมองถังยู่หรานโดยไม่พูด ผู้หญิงคนนี้หัวร้อนอะไรเนี่ย
“อย่าทำให้โจแอนนาหงุดหงิด แม้แต่พ่อของเธอก็ไม่สามารถเอาชนะ
โจแอนนาได้ เธอสามารถบดขยี้นักรบอสูรกิตติมศักด์ิได้ด้วยนิ้วเดียว
ฉันขอแนะนำให้เลิกยุ่งกับเธอ” ซูผิงเตือนถังยู่หราน
ถังยู่หรานไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้
โจแอนนาสามารถบดขยี้นักรบอสูรกิตติมศักด์ิให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียว?
ใครกันที่สามารถทำแบบนั้นได้?
อย่างไรก็ตาม คนที่มีความแข็งแกร่งในระดับนั้นน่าจะเป็นคนที่เหมือน
กับปรมาจารย์ดาบได้ ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงก้าวเดียวจากการเป็น
นักรบอสูรในตำนานหรือนักรบอสูรในตำนานที่แท้จริง! ผู้หญิงผม
ทองคนนี้เป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า? ถังยู่หรานพบว่ามันยากที่จะเชื่อ
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะอายุเท่ากันกับเธอ หญิงสาวไม่
สามารถมีพลังแบบนั้นได้แม้ว่าเธอจะเริ่มฝึกฝนตั้งแต่ยังเป็นทารก
ในครรภ์ก็ตาม
“เอาโทรศัพท์ของเธอมาให้ฉัน อยู่ในร้านและทำงานของเธอ ถ้าเธอ
ทำผลงานได้ดีฉันจะคิดเรื่องการปล่อยเธอไป” ซูผิงกล่าว ถังยู่หราน
เลิกคิ้ว เธอรู้ว่าซูผิงกังวลว่าเธอจะแอบติดต่อคนนอก
ถังยู่หรานหัวเราะเยาะ เธอหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาและส่งให้ซู
ผิงด้วยความไม่เต็มใจ
“อย่าคิดว่าฉันจะติดต่อครอบครัวไม่ได้ถ้าไม่มีสิ่งนี้! โง่__________มาก!” ถังยู่
หรานยิ้ม เธอแน่ใจว่าจุดจบของซูผิงกำลังจะมาถึง นอกจากนี้ เธอ
เชื่อว่ามีคนจำเธอได้เพราะชื่อเสียงของเธอ และเธอได้รับผิดชอบ
ต้อนรับลูกค้า
เมื่อถึงเวลานั้น ข่าวที่เธออยู่ที่นี่แพร่กระจายออกไปและไปถึงตระกูล
ถัง หลังจากนั้นซูผิงจะต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวจากตระกูลถัง
และพวกเขาจะกดร้านนี้ลงสู่พื้น!
ยิ่งเธอคิดถึงความเป็นไปได้นั้นเธอก็ยิ่งมีความสุข รอยยิ้มฉายชัดบน
หน้าโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“โจแอนนาสอนเธอถึงวิธีการทำงานที่นี่ หากเรามีลูกค้ามากเกินไป
เธอสามารถไปที่ห้องอสูรและวางอสูรไว้ในคอกเลี้ยงดูได้” ซูผิง
กล่าว
โจแอนนาเป็นพนักงานประจำของร้าน เมื่อได้รับอนุญาตจากซูผิง
โจแอนนาจึงมีสิทธ์ิใช้ฟังก์ชันบางอย่างในร้านค้าอย่างคอกเลี้ยงดู
และพื้นที่เก็บอสูร
โจแอนนาพยักหน้า
ถังยู่หรานยังคงหน้านิ่ง ข้างในเธอสัญญากับตัวเองว่าจะตอบโต้ซูผิง
อย่างโหดเหี้ยมในวันที่เธอได้รับอิสระ!
ด้วยโปรโมชั่นมากมาย ร้านขายอสูรพิกซี่เป็นที่รู้จักภายในหนึ่งวัน
คืนนั้นซูผิงเห็นฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันนอกร้าน เขาดีใจที่
ปลดปล่อยถังยู่หรานออกมา ไม่อย่างนั้นโจแอนนาคงรู้สึกแย่ถ้าเธอ
อยู่คนเดียว
ถังยู่หรานรออยู่ที่ประตู เธอสวมชุดที่ซูผิงสั่งให้เธอใส่ เสื้อผ้าเน้น
รูปร่างที่เพรียวบางของเธอ
ถังยู่หรานเต็มไปด้วยความหวังขณะมองดูผู้คนที่เดินไปมาในร้าน
เธอได้กลิ่นที่สวยงามของอิสรภาพแล้ว
“นี่คือร้านขายอสูรพิกซี่ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ดูป้ายสิ”
“พระเจ้า! ดูรูปปั้นทั้งสองนั่นสิ ฉันเกือบคิดว่าพวกมันเป็นมังกรจริง ๆ!”
“ฉันด้วย ให้ตาย! ลองดูผู้หญิงผมทองคนนั้นสิ เธอเหลือเชื่อมาก!”
กลุ่มคนวัยรุ่นมาถึง รูปปั้นมังกรทั้งสองดึงดูดความสนใจของพวก
เขาทันทีที่มาถึงประตู หลังจากที่พวกเขาก้าวเข้ามาในร้าน ในไม่ช้า
ความสนใจของพวกเขาก็เปลี่ยนไปที่โจแอนนา
เธอสวยมาก
เธอมีสัดส่วนโค้งสวย ใบหน้าที่สวยงามจนน่าทึ่ง เหมือนนางฟ้า
พวกเขาไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้แม้แต่ในทีวี ครู่หนึ่งไม่มีใครสามารถ
เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้
สำหรับถังยู่หราน… ไม่มีใครมองมาที่เธอ ราวกับว่าเธอไร้ตัวตน
ถังยู่หรานสวยและสง่างาม แต่เป็นไปตามมาตรฐานของมนุษย์
ตรงกันข้ามกับเธอ โจแอนนา เธอเป็นเหมือนสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น
เธอไร้ที่ติ ความสมบูรณ์แบบเป็นคำเดียวที่สามารถใช้ได้กับเธอ
เด็กผู้ชายบางคนลืมตัวเอง พวกเขาหลงใหลไปกับสายตาของโจแอนนา
ที่ดูห่างเหินและเต็มไปด้วยเรื่องราว
สิ่งที่เรียกว่า “รักแรกพบ” คือช่วงเวลาที่ผู้คนหลงใหลในรูปลักษณ์
อันเป็นเอกลักษณ์
ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครสามารถพบเจอ “รักแรกพบ” กับคนน่าเกลียด
ได้
ลูกค้าผู้หญิงพบว่ามันยากที่จะไม่อิจฉาในความสวยของโจแอนนา
พวกเธอรู้สึกละอายใจตัวเอง
ถังยู่หรานรู้สึกประหลาดใจและโกรธที่ความสนใจของลูกค้าทั้งหมด
มุ่งไปที่โจแอนนา
แน่นอนถังยู่หรานตระหนักดีว่าเธอเสียเปรียบเล็กน้อยเมื่อต้องแข่งขัน
กับโจแอนนา
แค่นิดหน่อยเอง
อย่างน้อยนั่นก็เป็นวิธีที่ถังยู่หรานมอง
นอกจากนี้เธอยังไม่อายที่หน้าตาไม่ดีเท่าโจแอนนา
ถังยู่หรานหายใจเข้าลึก
เธอยังคงหน้านิ่ง เธอก้าวไปข้างหน้า พูดกับชายหนุ่มคนหนึ่งว่า
“สวัสดี”
เธอคิดว่าเธอทำให้ชายหนุ่มได้รับเกียรติจากการริเริ่มทักทายเขา
ชายหนุ่มยืนเขย่งเท้า
ถังยู่หรานขมวดคิ้ว “คุณ…”
“หยุดพูด เธอขวางทางของฉัน!”
ก่อนที่ถังยู่หรานจะพูดจบ ชายหนุ่มก็ขัดจังหวะเธอด้วยความรำคาญ
ชายหนุ่มคนนี้ตระหนักว่าหญิงผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างสูง แม้เขาจะยืน
เขย่งปลายเท้า เขาก็ยังมองไม่เห็นผู้หญิงผมทองคนนั้นที่เขาหลงใหล
การถูกขัดจังหวะจากความชื่นชมของเขาที่มีต่อผู้หญิงผมทองนั่นทำ
ให้เขาหงุดหงิด
ถังยู