ตอนที่ 319 การต่อสู้ของเหล่าหัวกะทิ
“ลูกอยู่นี่เองเหรอ มาทานอาหารเช้าด้วยกันสิ” หลี่ฉิงรู่พูดกับซูผิง
เธอออกมาจากห้องครัวและเห็นซูผิง
ในที่สุดซูหลิงเยวี่ยก็หลุดออกจากภวังค์ เธอหน้าแดงเมื่อสังเกตเห็นแววตาแปลก ๆ ในดวงตาของซูผิง จากนั้นเธอก็จ้องกลับ
ซูผิงเบะปากและนั่งลง เขาคว้าขนมปังนึ่งสอดไส้เนื้อเข้าปาก
หลังจากแม่ของพวกเขาวางโจ๊กบนโต๊ะ ซูผิงก็บอกแม่ให้ซื้อทีวีเข้าร้าน เขาขอให้แม่จัดการซื้อทีวีแทนเขา เพราะเขาจะต้องขับรถซูหลิงเยวี่ยไปแข่ง หากซื้อออนไลน์ก็จะต้องจ่ายค่าตั้งค่าทีวี มันยุ่งยาก
แม่ถามคำถาม และเมื่อรู้ว่านี่เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจในร้าน เธอจึงตกลงและจะจัดการให้
เธอเคยเห็นว่าร้านค้ามักจะมีคนมาต่อแถวข้างนอก เธอไม่เก่งในการค้นหาข่าวออนไลน์ เธอภูมิใจที่มีลูกชายที่มีความรู้ทางธุรกิจ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยสงสัยในเหตุผลของซูผิง ซูหลิงเยวี่ยได้ยินแม่ของเธอยกย่องความรู้ทางธุรกิจของซูผิง เธอเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองด้วยความสงสัยว่าแม่ของพวกเธอจะคิดยังไงถ้าเธอรู้ว่าครั้งหนึ่งซูผิงเคยจ้างดารามาโฆษณาให้กับร้าน และเรื่องแชมป์
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกอยากถามซูผิงเกี่ยวกับโฆษณานั่น อย่างไรก็ตาม เธอตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงเรื่องนั้น เธอรู้ว่าซูผิงไม่ต้องการให้แม่ของพวกเธอรู้มากเกินไปเกี่ยวกับร้านค้า ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แม่ของพวกเธอตกใจ
หลังอาหารเช้า ซูหลิงเยวี่ยและซูผิงก็ออกจากบ้าน
“ขับช้าๆ ไม่ต้องรีบนะลูก”แม่พูดบอกซูผิง
ทั้งสองตอบรับ และขึ้นรถ
หลังจากที่พวกเขาขับรถออกไปจากถนนแล้ว ซูหลิงเยวี่ยก็ถามคำถามที่อยู่ในใจเธอตั้งแต่มื้อเช้า “มู่ซวงว่านเคยโฆษณาร้านของนาย จากนั้นเธอก็บอกว่าเธอจะยกเลิกสัญญา แล้วมันเกิดอะไรขึ้นต่อ?”
“ไม่มีอะไร จบแค่นั้น” ซูผิงตอบ สายตาของเขาจ้องแต่ถนนข้างหน้า แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนขับที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม
“ นายหมายความว่าเธอยกเลิกสัญญาใช่ไหม?”
“ เอ่อ – อือ”
“แต่…”
ซูหลิงเยวี่ยโกรธมาก วิธีที่มู่ซวงว่านทำนั้นไม่ต่างอะไรกับการเตะส่งพวกเขาตอนพวกเขาล้ม
เธอไม่พอใจ เธอสามารถใช้ประโยชน์จากซูผิงได้ แต่เธอจะไม่ยอมให้คนอื่นรังแกเขา
“ ฉันเคยชอบเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเป็นแบบนี้ ดี! ฉันจะไม่ซื้อซีดีของเธออีกแล้ว!”ซูหลิงเยวี่ยกัดฟัน เธอดูโกรธมากราวกับว่าเธอเป็นเหยื่อ
ซูผิงคิดว่าการที่มีคนซื้อซีดีของเธอน้อยลงแค่คนเดียวคงไม่มีความหมายอะไรกับมู่ซวงว่าน
เขาเก็บคำพูดนั้นไว้ในใจ เหนือสิ่งอื่นใด ซูหลิงเยวี่ยกำลังพูดเพื่อปกป้องเขา ต้องบอกว่าเขาไม่เคยสัมผัสกับคำพูดที่กล้าหาญของเธอมาก่อนเลย
“ เธอพร้อมสำหรับการแข่งวันนี้หรือยัง?”
“นาย! ฉันกำลังปกป้องนายอยู่นะ!”
“ การคว้าแชมป์สำคัญกว่าเรื่องอื่น!”
ซูหลิงเยวี่ยพูดไม่ออก เธอเบือนหน้าหนีทันที
ความเงียบกลับคืนมา เขาเปิดเพลง และฮัมเพลงไปด้วย เขาอยู่ในอารมณ์ที่สดใส
แต่ที่นั่งข้างๆเขากลับมีเมฆดำปกคลุม
พวกเขามาถึงสถานที่จัดงาน
ยังคงไม่มีที่นั่งว่างเหมือนเดิม ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าวันก่อน
อย่างไรก็ตาม พื้นที่รอมีผู้คนหนาแน่นน้อยกว่ามาก มีผู้เข้าร่วมเพียงหนึ่งร้อยคน
พื้นที่รอมีขนาดใหญ่พอที่จะจุคนได้หนึ่งพันคน มันดูอ้างว้างเล็กน้อยเมื่อมีคนนั่งอยู่ที่นั่นเพียงร้อยคน ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับบริเวณที่นั่งของผู้ชม ซูผิงเดินไปส่งซูหลิงเยวี่ยที่พื้นที่รอ
“ อย่าเลิกลั่กและระวังตัวด้วย” เขาเตือนเธอ
ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้า เธอรู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่
พวกเขาทะเลาะกันเล็กน้อยระหว่างทางมาที่สถานที่จัดงาน แต่เมื่อพวกเขามาถึง เธอได้เปลี่ยนจุดสนใจทั้งหมดกับการแข่งและจำทุกอย่างที่ซูผิงพูด“ ไปเถอะ”
ซูผิงจากไปและนั่งอยู่ในพื้นที่ของสมาชิกครอบครัวที่แออัดมากขึ้นกว่าวันก่อน ผู้เข้าร่วมที่ไม่ผ่านการทดสอบยังสามารถพาสมาชิกครอบครัวมานั่งตรงนี้เพื่อชมการแข่งขันได้
มีคนมาถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ
พื้นที่ของสมาชิกครอบครัวเต็มไปด้วยผู้คนเยอะแยะมากมาย
วันนี้ฉินชูไห่ไม่ได้นั่งกับซูผิง ซูผิงมองรอบๆและเขาก็เห็นเฟยหยานป๋อกำลังเดินมา เขามาถึงช้ากว่าเล็กน้อย ลูกชายของเขาและนักเรียนบางคนที่ไม่ผ่านการทดสอบติดตามเขา มาด้วย นอกเหนือจากลั่วเฟิงเทียนและผู้หญิงผมม้าแล้ว คนอื่นไม่มีใครผ่าน พวกเขาแค่มาเพื่อดูการแข่งขัน
เฟหยานป๋อเห็นซูผิงเช่นกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากที่นั่งรอบ ๆซูผิงเต็มหมดแล้ว เฟยหยานป๋อจึงพยักหน้าให้ซูเป็นการทักทาย แล้วพานักเรียนไปหาที่นั่ง
ทันใดนั้นซูผิงก็ได้ยินเสียง มันเป็นเสียงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ “ มอลลี่ เมื่อวานนี้ ฉันโชคไม่ดี ฉันเจอคนประหลาดจากตระกูลเย่ ไม่งั้นวันนี้ฉันคงได้แข่งต่อ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูทั้งตื่นเต้นและหม่นหมองในเวลาเดียวกัน
“แน่นอน! ฉันรู้ว่านายสุดยอดมาก! ฉันมองคนออกเสมอ!” หญิงสาวเสียงหวานตอบด้วยความชื่นชม
“ เฮ้ มันแย่ที่ฉันจะอายุเกินสำหรับลีกนีกรบครั้งต่อไป ไม่งั้นคงติด 10 อันดับแรกแน่ ๆ !”
เมื่อเห็นแฟนสาวชมเขา ชายหนุ่มก็ยิ้มแย้มด้วยความภาคภูมิใจมากขึ้น
ซูผิงหันกลับมา เขาไม่คิดว่าจะต้องมานั่งอยู่ข้างๆคู่รักหนุ่มสาว เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะอ้วก
เขาพูดถูก คู่รักทั้งสองปั่นประสาทของซูผิงด้วยคำพูดหวานปานจะกลืนกินของพวกเขา
ทันใดนั้นซูผิงก็คิดถึงตอนที่เขานั่งกับฉินซูไห่และเฟยหยานป๋อ
ไม่นานการแข่งขันก็เริ่มขึ้น
ผู้บรรยายขึ้นไปบนเวทีเพื่ออ่านกติกา
ผู้เข้าร่วมหนึ่งร้อยคนจะแบ่งออกเป็นสิบกลุ่ม
ผู้เข้าร่วมในแต่ละกลุ่มจะทำการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ผู้ชนะในแต่ละกลุ่มจะได้เข้ารอบชิง ส่วนผู้แพ้ก็จะยังมีโอกาสแข่งขันต่อ
พวกเขาจะต่อสู้กับผู้แพ้ของกลุ่มอื่น
ผู้ชนะในการแข่งนั้นยังมีโอกาสติด 10 อันดับแรก
กลไกนี้ถูกกำหนดขึ้นมาในกรณีที่ผู้เข้าร่วมตัวเต็งสองคนอยู่ในกลุ่มเดียว
หลังจากอ่านกฎแล้ว เหล่ากองเชียร์ก็ขึ้นสู่เวทีเพื่อทำการแสดงของพวกเขา
สัดส่วนของพวกเธอดูดี เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน
ผู้ปกครองหลายคนรีบปิดตาของเด็ก ๆ ขณะที่ตัวเองเพลิดเพลินกับการแสดง
ซูผิงพบว่าสิ่งนี้น่าขัน มีการโต้เถียงเกิดขึ้นข้างๆเขา “ พวกเธอสวยใช่ไหม?”
“อา? ใช่…ไม่ ไม่อยู่แล้ว เธอสวยกว่ามาก”
“ โอ้? แล้วนายจะตั้งใจดูทำไม?”
อันตราย! อันตราย! “ ไม่ ฉันไม่ได้ตั้งใจดูซะหน่อย ฉันแค่เหลือบมองพวกเธอเล็กน้อย
มอลลี่ ที่รัก สำหรับฉันแล้วเธอคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก”
“จริงเหรอ? แค่สำหรับนาย? นายกำลังบอกว่าฉันไม่ได้หน้าตาดีเหมือนพวกเธอสินะ?”
“ฉัน…”
ไม่นานทั้งคู่ก็หยุดพูดคุยกัน
ซูผิงรู้สึกดีราวกับว่าเพิ่งกินไอศกรีมในวันที่ร้อนที่สุด นี่คือข้อดีของการเป็นโสดสินะ!
หลังจบการแสดงของสาวๆ ผู้ชมก็ตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม!
จากนั้นผู้เข้าร่วมก็เริ่มจับฉลากเพื่อเลือกกลุ่มของตน
รายชื่อถูกเลือกแบบสุ่ม
เมื่ออ่านรายชื่อผู้เข้าร่วมแล้ว ผู้ชมก็ส่งเสียงร้องมีความสุข
แต่ทว่า สำหรับผู้เข้าร่วม พวกเขาไม่ค่อยมีความสุข
ไม่ช้าซูผิงก็เห็นกลุ่มของซูหลิงเยวี่ย เธออยู่ในกลุ่ม D
คนอื่น ๆ ในกลุ่ม D ดึงหน้า นั่นไม่ใช่เพราะซูหลิงเยวี่ยแต่เป็นเพราะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากอยู่ในกลุ่มด้วย!
ฉินเส้าเทียน!
คนที่ถูกคนมองว่ามีโอกาสคว้าแชมป์!
แน่นอนนั่นคือความคิดเห็นทางออนไลน์ ผู้เข้าร่วมตระหนักดีว่าฉินเส้าเทียนยังไม่เปิดเผยพลังที่แท้จริงในการแข่งขันครั้งก่อน เขาไม่ได้รับการโหวตมากที่สุดทางออนไลน์เนื่องจากผลงานของเขาอยู่ในระดับปานกลาง
เหนือสิ่งอื่นใด คนส่วนใหญ่ที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมการโหวตออนไลน์เป็นเพียงพลเมืองทั่วไปพวกเขาไม่รู้ความลับ และจะตัดสินผู้เข้าร่วมจากสิ่งที่พวกเขาเห็นในการแข่งขันเท่านั้น
ตอนที่ 320 รอบแบ่งกลุ่ม
ฉินเส้าเทียนมักปิดบังพลังแท้จริงไว้เสมอ ยังมีคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากอีกคน
หลิว เจียนซิน
เขาถือเป็นอันดับสามจากการโหวตออนไลน์!
หลิวเจียนซินอัจฉริยะสายตรงของตระกูลหลิว
หลิวเจียนซินเคยเข้าร่วมในลีกนักรบก่อนหน้านี้ ด้วยผลงานอันน่าทึ่งของเขา มันทำให้เขาสามารถคว้า 10 อันดับแรกได้ ในปีนี้ มันเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาที่จะได้มีส่วนร่วมในลีกนักรบเพราะหลังจากนั้นอายุของเขาจะเกินข้อกำหนด และเขาจะไม่มีสิทธิ์อีกต่อไป
เขามุ่งมั่นที่จะชนะอย่างมากในครั้งนี้ ก่อนที่ลีกนักรบจะเริ่มขึ้น เขาได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้พรีโม่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองฐานได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าพวกเขารับประกันว่าหลิวเจียนซินจะเป็นผู้ชนะ 5 อันดับแรกในครั้งนี้!
การเผยแพร่นี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากยิ่งขึ้น ตั้งแต่รอบสาขา เขาก็ยังคงเป็นศูนย์กลางของความสนใจและหลายคนก็เชื่อว่าเขามีแนวโน้มที่จะคว้าแชมป์!
อันที่จริงหลิวเจียนซินไม่ได้ทำให้ผู้คนผิดหวัง ทุกครั้ง เขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้และยุติการต่อสู้เกือบแทบจะทันที
ระหว่างการแข่งขันทดสอบ มันดันมีผู้เข้าร่วมสองคนที่ฆ่าผู้เข้าร่วมในกลุ่มพวกเขาไปกว่าครึ่ง ไม่งั้น ผู้คนคงคิดว่าหลิวเจียนซินน่าจะเป็นแชมป์
เมื่อผู้ชมเห็นว่าหลิวเจียนซินและฉินเส้าเทียนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เสียงเฮของพวกเขาก็ดังพอที่จะปลุกคนตายได้ ทุกคนต่างตั้งตารอให้การแข่งขันเริ่มขึ้น ซึ่งต้องดุเดือดมากกว่ารอบไหนๆเป็นแน่!
ด้วยคนดังทั้งสอง ซูหลิงเยวี่ยจึงไม่เป็นที่สนใจเท่าไรนัก ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้ถึงกับไร้ตัวตน บรรดาผู้ที่สังเกตเห็นเธอรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ร้านขายอสูรใหม่อ้างว่าจะเป็นแชมป์!
หากผู้หญิงคนนั้นไม่สามารถติด 10 อันดับแรกได้ การอวดอ้างของร้านนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องตลก
ในพื้นที่รอ
ตระกูลหลิว
คนที่นั่งตรงกลางไม่ใช่หลิวเจียนซิน แต่เป็นหลิวฉิงเฟิง ว่าที่ผู้นำตระกูลหลิว
เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าซึ่งทำให้เขาดูสง่างาม เขาไม่ได้รับความนิยมเท่าหลิวเจียนซิน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ
บรรดาคนในตระกูลหลิวที่นั่งอยู่รอบตัวเขาทำให้เขาดูเป็นคนสำคัญที่สุด
กิจกรรมการโหวตนั้นเปิดให้ทุกคน อย่างที่คิด ประชาชนมักจะตาบอด ประชาชนสามารถเห็นเฉพาะสิ่งที่หัวโจกต้องการให้เห็น หากไม่ได้ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดก็ไม่มีใครสามารถมองเห็นรูปร่างของโลกและรายละเอียดแท้จริงได้
“ เจียนซิน ฉินเส้าเทียนคนนั้นปิดบังความสามารถเขาไว้เป็นอย่างดี แม้แต่ฉันก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะเขาได้ ถ้านายพบว่ามันอันตราย นายควรยอมรับความพ่ายแพ้ซะ”หลิวฉิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เมื่อได้ยินคำพูด สีหน้าของหลิวเจียนซินก็เปลี่ยนไป
เขารู้ว่าฉินเส้าเทียนเป็นอัจฉริยะที่หาจับตัวได้ยากในตระกูลฉิน แม้กระทั่งได้รับตำแหน่งว่าที่ผู้นำตระกูลแทนพ่อเขา หลิวเจียนซินได้ดูวิดีโอการต่อสู้ของฉินเส้าเทียนมาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปิดบังความสามารถไว้มากแค่ไหน
“นายน้อย ท่านอยากให้ผมลองหยั่งเชิงเขาไหมครับ?อย่างน้อยที่สุดเราก็ต้องรู้ว่าอสูรหลักของเขาคืออะไร?”หลิวเจียนซินตอบหลังขบคิด
หลิวฉิงเฟิงตวัดสายตามองเขาทันที“ พวกเรา ตระกูลหลิวไม่สามารถเหยียบหินของคนอื่นได้ เราต้องปล่อยให้คนอื่นจัดการกับปัญหานี้”
“ อย่าลืมว่านายต้องติด 5 อันดับแรก ฉันรู้ว่ามันควรเป็นปัญหาของหลิวหยวน แต่นายบอกเองว่าการแข่งขันระหว่างตระกูลหลิวกับร้านนั้นเป็นที่รู้กันไปทั่ว ถ้านายแพ้ หลิวหยวนจะไม่ใช่คนเดียวที่อับอาย แต่เป็นทั้งตระกูลหลิว!”
“ใช่” ชายหนุ่มอีกคนของตระกูลหลิวพยักหน้าด้วยความกังวล
หลิวเจียนซินสูดหายใจเข้าลึก “เข้าใจแล้ว”
“เก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ถ้าจำเป็น ทำให้แน่ใจว่านายจะสามารถติด 10 อันดับแรกได้ก่อน”หลิวฉิงเฟิงยังคงสงบ
หลิวเจียนซินพยักหน้า
ในเวลาเดียวกัน
ณ จุดรวมตัวของตระกูลฉิน
มีเพียงสี่คนจากตระกูลฉินเท่านั้นที่อยู่ในกลุ่มผู้เข้าร่วมหนึ่งร้อยคนสุดท้าย
รวมถึงฉินเส้าเทียน
“ หลิวเจียนซินนั้นน่าจะเป็นปัญหา เขาเคยเข้าร่วมในลีกนักรบก่อนหน้านี้และตั้งเป้าไปที่ 5 อันดับแรก นายต้องระมัดระวัง!” ชายหนุ่มกระซิบ
ชายอีกคนก็มีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนเขาไม่กังวลว่าฉินเส้าเทียนจะแพ้หลิวเจียนซิน อย่างไรก็ตาม เขากลัวว่าฉินเส้าเทียนอาจถูกทำให้หมดสภาพในการแข่งขันกลุ่มนี้ และเขาจะต้องเผชิญหน้ากับพวกอัจฉริยะภายหลัง วันนี้ฉินเส้าเทียนโชคไม่ดีจริงๆที่ต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกันหลิวเจียนซิน ฉินเส้าเทียนดูเหมือนจะอายุประมาณ 23 ปี ความเป็นเด็กเพิ่งหายไปจากใบหน้าของเขา เขาดูหล่อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากท่าทางและการพูดที่ดูจริงจัง เขาจึงดูเป็นคนที่หยิ่ง
เขานั่งตัวตรง “ ฉันได้ยินมาว่าชายคนนี้ใช้ดาบด้วย น่าสนใจ”
ชายหนุ่มคนอื่น ๆ ที่พยายามเตือนเขายิ้มอย่างขมขื่น ฉินเส้าเทียนคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นนักรบอสูรที่น่าเกรงขามเท่านั้น แต่ยังเป็นคนคลั่งดาบด้วย
“ ฉันจะต้องต่อสู้กับพวกเขา…”
ซูหลิงเยวี่ยนั่งบนเก้าอี้อย่างโดดเดี่ยว เธอหน้าซีดเล็กน้อยเมื่อเห็นคนในกลุ่มที่เธอต้องต่อสู้ด้วย
เธอจำฉินเส้าเทียนได้ดี เมื่อเธอทำการทดสอบเพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วม 1,000 คน เธอยังจดจำเสียงดังสนั่นนั่นได้
นอกเหนือจากฉินเส้าเทียนแล้ว หลิวเจียนซินก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เธอจับตาดูอย่างใกล้ชิด เขาก็เป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นกัน เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบทั้งสองคนเร็วขนาดนี้ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม
“ฉันทำได้ ฉันทำได้…”
“ ไม่สิ ก้อนน้ำแข็งทำได้ ก้อนน้ำแข็งทำได้…ฉันต้องไม่ถ่วงเธอ ฉันต้องใจเย็น ใจเย็น…”
ซูหลิงเยวี่ยพึมพำเสียงเบาเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความกดดัน ทำให้จิตใจเธอสงบลง
เธอได้เห็นพลังแท้จริงของมังกรจันทราเหมันต์มาแล้ว ไม่งั้นเธอคงวิ่งหนีไปกอดซูผิงแล้วหลังพบแรงกดดันขนาดนี้
ถึงแม้จะกังวล แต่เธอก็มีความมั่นใจ
ใช่ ฉันจะสบายดี ตราบเท่าที่ไม่ถ่วงอสูรตัวเอง
“ สวัสดี” ใครบางคนพูดกับเธอ
ซูหลิงเยวี่ยหันไป มองเห็นผู้ชายที่อ้างว่าเป็นศิษย์ของซูผิง
“ป้า”สวี่คังยิ้ม ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกสับสน “ป้า?”
“ ใช่แล้วคุณเป็นน้องสาวของอาจารย์ ดังนั้นผมควรเรียกคุณว่าคุณป้า” สวี่คังพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
ในที่สุดซูหลิงเยวี่ยก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร เธอมองบน“ อย่าเรียกฉันอย่างนั้น ฉันถามเขาแล้ว นายไม่ใช่ศิษย์ของเขา…อย่างมากก็แค่ศิษย์ชั่วคราว”
แน่นอน เธอมีความสุขที่ได้พบกับคนที่พูดคุยกับเธอด้วยความเคารพแบบนี้ แต่เธอก็รู้ตัวว่าเธอไม่อยากจะใช้ประโยชน์จากสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้ ในกรณีที่ผู้ชายคนนี้มีเจตนาร้ายและเธอยอมรับว่าซูผิงเป็นอาจารย์ของเขา ผู้ชายคนนี้อาจใช้โอกาสนี้ทำให้ชื่อของซูผิงเสื่อมเสียได้
“ ก็ยังถือว่าเป็นศิษย์อยู่วันยังค่ำ”สวี่คังตอบ แต่ไม่นานก็ยอมแพ้กับหัวข้อนี้ เขาลดเสียงลงและพูดต่อ“ ยังไงก็ตามกลุ่มของคุณรับมือได้ยากมากเพราะสองคนนั้น อาจารย์ของผมให้อาวุธลับกับคุณหรือเปล่า?”
ซูหลิงเยวี่ยปกป้องตัวเองทันที “ทำไม?”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ สวี่คังก็ตระหนักว่าเขากำลังแอบเข้ามาล้วงความลับของเธอ “ ไม่มีอะไร อย่าเข้าใจผมผิด ผมแค่ถาม”สวี่คังอธิบายอย่างร้อนรน
“ อืม”ซูหลิงเยวี่ยดึงหน้า “ไม่มี ฉันพึ่งตัวเอง”
“ เอ่อ…”
สวี่คังไม่รู้จะตอบกลับว่าอะไร
“ กลับไปเตรียมตัวให้พร้อม ระวังด้วย” ซูหลิงเยวี่ยรีบไล่เขาไป คำถามของเขาทำให้เธอไม่พอใจ แต่เธอบอกได้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย
สวี่คังรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าซูหลิงเยวี่ยโกรธน้อยลง เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง!”
หลังจากที่สวี่คังจากไป ซูหลิงเยวี่ยก็เห็นคนอื่นเดินมาหาเธอ
มันคือเย่ห่าว ซูหยานหยิง ลั่วเฟิงเทียนและยู่เว่ยหานจากสถาบันดาบคลั่งที่เธอเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งสี่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาหาซูหลิงเยวี่ยพร้อมกัน การเผชิญหน้าสุดเซอร์ไพรส์ทำให้พวกเขาหยุดเท้าไปชั่วขณะ แต่เนื่องจากพวกเขามากันแล้ว การหันหลังกลับคงดูไม่ดี
เย่ห่าวมองลั่วเฟิงเทียนซึ่งเคยเหยียบเขาไว้กับพื้น และทำให้เขาอับอายที่สถาบัน