Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 322 ฉินเส้าเทียน

เรื่อง ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 322 ฉินเส้าเทียน

รู้ว่าตอนซ้ำเพราะมันคนละแหล่งข้อมูลกันจะอ่านหรือไม่อ่าน ?


เฮ!

เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงผู้ชมก็ส่งเสียงโห่ร้อง ไม่มีใครสงบสติอารมณ์ได้!

พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่านักรบอสูรซึ่งมักจะซ่อนตัวอยู่หลังอสูรสามารถแสดงพลังเช่นนี้ได้!

จริงอยู่ที่ฉินเส้าเทียนได้รับความช่วยเหลือจากไซเรนลม ถึงกระนั้นความเร็วของเขาก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง!

พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามนุษย์สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วเช่นนี้!

ในพื้นที่รอผู้เข้าร่วมทุกคนมีสีหน้าตกใจ พวกเขาเองก็ประหลาดใจกับความเร็วเช่นกัน

ที่นั่งตระกูลเย่

เย่หลงเทียนหรี่ตา แววตาอันตรายเล็ดลอดออกมาจากดวงตาของเขา ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาก็กำหมัดแน่นและมีท่าทางดุร้ายแล้ว

ตระกูลหลิว

ตระกูลหลิวยังคงหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ครู่หนึ่งหลิวเจียนซินก็ตกตะลึงเช่นกัน ฉินเส้าเทียนไม่ได้เรียกอสูรที่ทรงพลังใด ๆ และคนในตระกูลมู่ก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว กระนั้นความเร็วที่ฉินเส้าเทียนแสดงก็ทำให้หลิวเจียนซินรู้สึกหนาวสั่น ถ้าเป็นเขาบนเวที เขามั่นใจว่าเขาก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้! ความเร็วของฉินเส้าเทียนนั้นน่าทึ่งมาก!

ฉินเส้าเทียนอยู่ในระดับหกเท่านั้น เขาเร่งความเร็วแบบนั้นได้ยังไง?

หลิวฉิงเฟิงกังวลมากขึ้นกว่าเดิม เขาเม้มปากแน่น ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ

“นั่นเร็วมาก!”

“ ฉัน ฉันมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ…” ทั้งลั่วเฟิงเทียนและซูหยานหยิงต่างตกใจมากจนคิดอะไรไม่ออก

เช่นเดียวกับพวกเขา ซูหลิงเยวี่ยและยู่เว่ยหานกำลังจ้องมองเวทีอย่างเหม่อลอย พวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าการแข่งขันครั้งนี้จะจบลงอย่างรวดเร็ว เหนือสิ่งอื่นใด คู่ต่อสู้ของฉินเส้าเทียนมาจากตระกูลมู่! “ ฉินเส้าเทียน…” ซูหลิงเยวี่ยมองอย่างกังวล เธอสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์

ยู่เว่ยหานสังเกตเห็นความตึงเครียดของซูหลิงเยวี่ย ทันใดนั้นยู่เว่ยหานก็รู้สึกเสียใจกับเธอ ซูหลิงเยวี่ยเป็นคนที่ต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ แค่คิดก็สยองแล้ว!

ฉินเส้าเทียนลงจากเวทีแล้ว ให้คู่ต่อไปขึ้นไปทำการต่อสู้ ในไม่ช้าก็ถึงตาของหลิวเจียนซิน!

ในฐานะหนึ่งในผู้สมัครที่มีแนวโน้มจะคว้าอันดับหนึ่ง หลิวเจียนซินได้รับเสียงเชียร์ทันทีที่เขาออกมา ก่อนที่มังกรของซูหลิงเยวี่ยจะเปิดฉากการโจมตีรุนแรง ทุกคนเชื่อว่าผู้ชนะในกลุ่ม D จะต้องเป็นฉินเส้าเทียนหรือหลิวเจียนซิน

ทั้งสองมีศักยภาพ

แต่ทว่า ซูหลิงเยวี่ยก็ออกมาและทำให้ผู้ชมตกตะลึง การแข่งขันของกลุ่ม D เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ผู้ชมคิดว่าพวกเขาจะสามารถวัดประสิทธิภาพของหลิวเจียนซินจากการแข่งขันครั้งนี้ได้ และพวกเขาจะตัดสินล่วงหน้าว่าใครมีแนวโน้มที่จะชนะรอบชิงชนะเลิศของกลุ่ม D และคว้าตำแหน่ง 1 ใน 10 อันดับแรก!

อย่างไรก็ตาม เหนือความคาดหมายของทุกคน คู่ต่อสู้ของหลิวเจียนซินยอมรับความพ่ายแพ้ทันทีที่เขาขึ้นไปบนเวที

เขาไม่ได้เรียกอสูรของเขาด้วยซ้ำ

เหตุผลนั้นง่ายมาก ผู้ชายคนนั้นก็นามสกุลหลิวเช่นกัน

ความคาดหวังกลับกลายเป็นความผิดหวัง ผู้ชมอดไม่ได้ที่จะบ่น ถึงกระนั้นความไม่พอใจของพวกเขาก็ไม่สำคัญ ใครจะสามารถหยุดเขาได้ถ้าเขาตัดสินใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้?

ผู้ชมรู้สึกผิดหวังเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเห็นหลิวเจียนซินต่อสู้ได้ แต่ผู้คนก็ค่อยๆสงบลงหลังจากบ่น การแข่งขันยังดำเนินต่อไป ไม่ช้าก็เร็วหลิวเจียนซินก็ต้องสู้ ผู้ชมแค่ไม่พอใจที่ไม่เห็นเขาแสดงความแข็งแกร่งเร็วๆ

ไม่ช้า กลุ่ม D ก็มาถึงการคัดเลือกรอบสอง(แอดต้องขอโทษด้วยน้าเหมือนตอน 321 แอดจะเขียนผิดไปว่ากลุ่ม A เหลือ 98 คน ความจริงแล้วมันกลุ่มละ 10 คนน้า นี่รอบ 100 คนแล้ว)

ผลแพ้ชนะของทั้งห้าคู่ได้รับการตัดสินแล้ว ผู้ชนะทั้งห้าจะต่อสู้ในเกมตัวต่อตัวเพื่อเลือกผู้ชนะสองคนและทั้งสองจะแข่งขันในศึกตัดสิน ผู้ชนะจะได้ขึ้นครองตำแหน่ง 10 อันดับแรกทันที!ส่วนผู้เข้าร่วมอีกคนหนึ่งที่ไร้คู่จะต้องท้าทายผู้แพ้คนหนึ่งในรอบสองนี้ หลังจากชนะ เขาหรือเธอสามารถท้าทายผู้ที่แพ้ในศึกตัดสินได้ หลังจากชนะครั้งที่สองเขาหรือเธอจะมีโอกาสขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรก ในทางกลับกันถ้าเขาหรือเธอแพ้ให้กับผู้ที่แพ้ในศึกตัดสิน คนคนนั้นก็จะมีโอกาสขึ้นสู่สิบอันดับแรก โดยการเลือกท้าทายผู้เข้าร่วมที่ขึ้นนั่งตำแหน่ง 10 อันดับแรกแล้ว การชนะนั้นหมายความว่าคนคนนี้คู่ควรกับ 10 อันดับแรกและจะไม่มีใครคัดค้าน!

ความเป็นธรรมถูกรับประกันด้วยกฎดังกล่าว สิ่งนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ตัวเต็งจะพบเจอกันเร็วเกินไป และเสียโอกาสในการชนะอันดับดีๆ กล่าวได้ว่า ต่อให้หลิวเจียนซินและฉินเส้าเทียนพบกันในรอบที่สองนี้ ฝ่ายที่แพ้ก็ยังคงมีโอกาสไต่ขึ้นไปเป็น 10 อันดับแรกได้อยู่ดี!

บนหน้าจอ ชื่อและรูปโปรไฟล์ของทั้งห้าคนกำลังขยับ

ทุกคนรวมทั้งห้าคนต่างกลั้นหายใจ

ในไม่ช้าซูหลิงเยวี่ยก็เห็นชื่อของคู่ต่อสู้ของเธอ

เธอไม่ได้ไร้คู่

เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าคู่ต่อสู้ของเธอไม่ใช่ฉินเส้าเทียน และหลิวเจียนซิน

คู่ต่อสู้ของฉินเส้าเทียนไม่ใช่หลิวเจียนซินเช่นกัน ในรอบที่สองนี้หลิวเจียนซินไม่ต้องแข่ง!

นั่นสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน ในรอบแรกคู่ต่อสู้ของหลิวเจียนซินยอมแพ้ พอมารอบสองนี้ เขาก็ไม่ต้องแข่ง! เขาเข้าไปถึงรอบสามโดยไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย!

มันไม่น่าเชื่อใช่ไหม? หลายคนในหมู่ผู้ชมคิดว่าพวกเขาควรจะสุ่มชื่อใหม่เพราะดูเหมือนมีอะไรแปลกๆ

แต่ชื่อถูกสุ่มโดยเครื่องจักร และกระบวนการนี้ได้รับการตรวจสอบโดยตระกูลใหญ่ทั้งห้ารวมถึงนายกเทศมนตรี ดังนั้นผลที่ได้ถือเป็นที่สิ้นสุด

สมาชิกในตระกูลหลิวมองหน้ากันโดยไม่พูด พวกเขากังวลว่าหลิวเจียนซิน อาจต้องเผชิญหน้ากับฉินเส้าเทียนหรือซูหลิงเยวี่ยในรอบนี้ซึ่งเป็นสาเหตุของความกังวล

ก่อนการแข่งขันของเธอ พวกเขากระตือรือร้นที่จะเห็นการแข่งขันระหว่างหลิวเจียนซินและซูหลิงเยวี่ย อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาได้เห็นความสามารถของมังกร พวกเขาหวังเพียงว่าฉินเส้าเทียนจะต่อสู้กับซูหลิงเยวี่ยก่อนเพื่อให้ทั้งสองได้รับความทุกข์ทรมาน

ในกรณีนี้โอกาสที่หลิวเจียนซินจะชนะจะเพิ่มขึ้น!

“ พี่เจียนซิน พี่โชคดีมาก!”

“ช่างน่าประหลาดใจ พี่เจียนซินฉันไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้!”

“จิ๊จิ๊ ลาก่อน นี่คือโชคชะตา!”

“ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอสำหรับตัวเอกในนวนิยาย พวกเขาต้องต่อสู้จนจบและทำให้โลกตกตะลึง!”

“ เฮ้ ดูเหมือนนายจะรู้มาก!”

สมาชิกตระกูลหลิวอุทาน

หลิวเจียนซินยอมรับความจริงในที่สุด นี่เป็นความโล่งใจสำหรับเขาเช่นกัน ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ้ม ใช่ ชัยชนะของเขาดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย

“เจียนซิน…”หลิวฉิงเฟิงหันกลับมาหาเขา จากนั้นก็เงียบไปนาน “ดีมาก!”

หลิวเจียนซินงงงวย

ฉันทำอะไร?ดีอะไร?

ตอนนี้ที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ หลิวเจียนซินก็สังเกตเห็นว่าวันนี้เขาโชคดีที่สุด ปัจจุบันกลุ่ม D เป็นกลุ่มที่ยากที่สุด ฉินเส้าเทียนเป็นคนที่ตระกูลใหญ่มองว่าอันตรายที่สุด และเขาก็อยู่ในกลุ่ม D เช่นกัน ผู้หญิงไร้สาระที่อ้างว่ากำลังจะเป็นแชมป์ยังแสดงให้เห็นถึงพลังที่น่ากลัว ทั้งหมดนี้ทำให้กลุ่ม D กลายเป็นกลุ่มที่น่ากลัวสุด

ทั้งฉินเส้าเทียนและหญิงสาวถือเป็นภัยคุกคาม ไม่ว่าหลิวเจียนซินต้องต่อสู้กับใคร เขาจะโชคร้ายและอีกคนจะได้เปรียบ แต่เขาเป็นคนที่ได้เปรียบในขณะนี้ แม้แต่โชคชะตาก็ยังช่วยเขา!

ตระกูลฉิน “ แย่จังเขาคนนั้นได้เปรียบ”

“ กล่าวคือเส้าเทียนน่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น”

“ คล้ายกับหลิวเจียนซิน ผู้หญิงคนนั้นอันตราย ฉันไม่คิดว่ามังกรจะใช้พลังเต็มที่ออกมาแล้ว ฉันสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นมีอสูรตัวอื่นเพื่อปกป้องเธออีกหรือเปล่า ถ้าไม่เช่นนั้นด้วยความเร็วของเส้าเทียน เขาสามารถทำให้เธอแพ้ได้ในหนึ่งวินาที!” สมาชิกตระกูลฉินพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ของฉินเส้าเทียน

ฉินเส้าเทียนเอนกายพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ เมื่อผลการสุ่มออกมา เขาก็เหลือบมองหญิงสาวในระยะไกลและสังเกตเห็นร่องรอยแห่งความสุขบนใบหน้าของเธอ

ฉินเส้าเทียนยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปหาตระกูลหลิว รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าคนในตระกูลหลิวตื่นเต้นแค่ไหน

รอบที่สองของกลุ่ม D เริ่มขึ้นแล้ว คู่แรกคือซูหลิงเยวี่ยและคู่ต่อสู้ของเธอ ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มาจากห้าตระกูลใหญ่หรือจากสถาบันที่มีชื่อเสียง เขาจบการศึกษาจากสถาบันทั่วๆไป และได้รับประสบการณ์จากการเสี่ยงชีวิตในดินแดนรกร้าง

ผู้ตัดสินกล่าวชื่อของพวกเขา ซูหลิงเยวี่ยลุกขึ้นจากที่นั่งและขึ้นไปบนเวที

เธอยืนอยู่ในเส้นสีแดง เรียกมังกรจันทราเหมันต์ออกมาทันที

ผู้ชมต่างพากันส่งเสียงเชียร์ ตะโกนเรียกชื่อของเธอ

คู่ต่อสู้ของซูหลิงเยวี่ยกระโดดขึ้นไปอีกด้านหนึ่งของเวที

ชายหนุ่มยังคงหน้านิ่ง ราวกับว่าผู้คนที่ตะโกนร้องชื่อของเธอไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขา

เขาค่อยๆดึงดาบออกมา และเรียกอสูรของเขาออกมาหลังเส้นสีแดง

พวกมันอยู่ที่ระดับเจ็ด และทั้งคู่ก็มาถึงจุดสูงสุดแล้ว หากไม่มีมังกรจันทราเหมันต์ ผู้คนจะต้องกรีดร้องและประหลาดใจกับอสูรอีกสองตัว อย่างไรก็ตาม มังกรจันทราเหมันต์อยู่ที่นี่และผู้ชมก็ได้เห็นอสูรอื่น ๆ ที่มีสายเลือดระดับเก้ามามากมาย ผู้ชมจึงถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

“ฮึ!”

ชายหนุ่มยิ้มเยาะ อสูรต่อสู้ทั้งสองเป็นเพียงของปลอม ไพ่ตายในมือของเขาคืออสูรที่ซ่อนอยู่

แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องเอาชีวิตรอดจากลำแสงน่ากลัวที่ปล่อยออกมาจากมังกรให้ได้ก่อน “ พื้นผิวโค้ง…” ชายหนุ่มพึมพำ

มีแสงสีขาวสว่างวาบในดวงตาของอสูรตัวหนึ่ง แสงรอบตัวบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นบางมากจนแทบมองไม่เห็น แต่ผู้ตัดสินกลางอากาศเห็นมัน เขาเพียงแค่เหลือบมองชายหนุ่มแบบสบาย ๆ โดยไม่พูดอะไร เขาสามารถปลดปล่อยทักษะและเรียกอสูรต่อสู้ล่วงหน้าได้ ตราบใดที่เขาไม่ก้าวข้ามเส้นสีแดงก่อนการแข่งขันจะเริ่ม

การต่อสู้ระหว่างนักรบอสูรไม่ได้เป็นการทดสอบเพียงความดุร้ายของอสูรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผนและกลยุทธ์ของนักรบอีกด้วย แน่นอนว่าเว้นแต่อสูรนั้นจะดูน่าเกรงขามเกินไป

“ดี?อสูรแสงจันทร์?”

ซูหลิงเยวี่ยยืนอยู่ด้านข้างเวที เธอสามารถจดจำอสูรต่อสู้สองตัวที่คู่ต่อสู้ของเธอเรียกออกมาได้ทันที อสูรตัวหนึ่งเป็นอสูรตระกูลปีศาจ และอีกตัวเป็นตระกูลธาตุ อสูรตระกูลธาตุสามารถใช้ทักษะเกี่ยวกับลมได้

อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งในชั้นเรียน อาจารย์ของเธอกล่าวโดยบังเอิญว่าอสูรแสงจันทร์มีความสามารถมากกว่านั้น มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะเรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับแสง! เธอเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ดีที่สุดในสถาบันมาโดยตลอดและเธอก็ไม่ได้เป็นที่ 1 โดยไม่มีอะไรดี เขาได้เห็นสิ่งที่ฉันทำได้มาแล้ว แทนที่จะยอมแพ้ เขากลับเลือกสู้กับฉัน หรือเขามีไพ่ตาย?ซูหลิงเยวี่ยคิด ในเวลานั้นผู้ตัดสินประกาศให้การแข่งขันเริ่ม ทันทีที่ผู้ตัดสินพูดจบ ความเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของซูหลิงเยวี่ย เธอออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว “มังกรคำราม!”

“ การรับรู้!”

“ คลื่นแสงทะลุทะลวง!” ทักษะที่แตกต่างกันสามอย่างถูกปลดปล่อยในเวลาเดียวกัน

อีกครั้งที่เสียงคำรามมังกรดังก้องไปทั่วทั้งสถานที่!

เขาเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ชายหนุ่มอาศัยทักษะของอสูรตัวหนึ่งเพื่อปิดประสาทสัมผัสของเขา นั่นเป็นทักษะทางจิตที่อสูรของเขาเรียนรู้ อสูรต่อสู้ทั้งสองไม่มีสายเลือดขั้นสูง แต่ทั้งคู่มีพรสวรรค์ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะต่อสู้กลับในตอนนี้ โดยที่เขาไม่สนใจเสียงคำรามมังกร อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเอง แสงกลับสว่างจ้าเข้ามาในดวงตาของเขา โลกเบื้องหน้าของเขากลายเป็นสีขาวโพลน!

ฉันทำได้…

เขานึกถึงทักษะ“ พื้นผิวโค้ง” แต่หัวใจของเขาก็ยังดีดขึ้นคอ

จากนั้นเขารู้สึกถึงอันตรายแก่ชีวิต

ลำแสงนั้นเล็งมายังจุดที่เขาอยู่จริงๆ!

ปัง!!

เวทีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ลำแสงกระทบกับพื้น ทำให้พื้นทั้งหมดในสถานที่สั่นสะเทือน !! ลำแสงตกห่างจากเขาไม่ถึง 10 ซม. อากาศที่แผดเผาส่งมาถึงเขา และความกลัวก็ทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้น

พลาดเป้า?

ชายหนุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะหันกลับไป มองรอยประทับที่ถูกทิ้งไว้จากลำแสง

ก่อนที่เขาจะมีเวลาพอที่จะดีใจกับความโชคดีของเขา เขาก็ได้ยินผู้ตัดสินประกาศว่าเขาแพ้!

เสียงประกาศดังตบหน้าเขา ทำให้เขาหายใจลำบาก เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า“ ฉันยังไม่ยอมแพ้!”

ผู้ตัดสินตวัดสายตามอง “ คุณคงจะตายไปแล้วถ้าเธอไม่เมตตา คุณคิดว่าทักษะระดับเจ็ดสามารถทำอะไรทักษะระดับแปดของมังกร ‘การรับรู้’ได้หรือไง?”

ชายหนุ่มพูดไม่ออก

ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกโล่งใจหลังจากที่ได้ยินว่าเธอชนะ นี่คือสิ่งที่เธอคาดหวัง เธอเรียกมังกรจันทราเหมันต์กลับและจากไปโดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป

อีกครั้งเธอเอาชนะคู่ต่อสู้ของเธอได้ในพริบตา

และอีกครั้งผู้คนต่างโห่ร้องแสดงความดีใจกับเธอ

ลำแสงนั้นไม่เพียงแต่เอาชนะคู่ต่อสู้ของเธอ แต่ยังทำลาย“พื้นผิวโค้ง” ต่อหน้าชายหนุ่ม เผยให้เห็นตำแหน่งที่แท้จริงของเขาและอสูร บางคนคิดว่ามังกรพลาดเป้า แต่ปรากฎว่ามังกรกำลังเล็งเป้าแท้จริง!

สำหรับช่องว่าง 10 ซม. นั้น … อย่าตลก มังกรสามารถค้นหาว่าคุณอยู่ที่ไหนจากระยะสามเมตร คุณคิดว่ามังกรไม่สามารถจัดการกับระยะ 10 ซม. ได้หรอ?

ที่พื้นที่รอ ยู่เว่ยหานมีสีหน้าลำบากใจ ขณะที่เธอเห็นซูหลิงเยวี่ยกลับมา ในที่สุดยู่เว่ยหานก็รู้สึกได้ว่าทักษะนั้นน่าตกใจและยอดเยี่ยมขนาดไหน

เธอต้องยอมแพ้เพราะทักษะนั้น!

ซูหยานหยิงและลั่วเฟิงเทียนแสดงความยินดีกับซูหลิงเยวี่ย พวกเขารู้ว่ามีโอกาสสูงที่เธอจะชนะในครั้งนี้ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นการต่อสู้ที่รวดเร็วอีกครั้ง

พวกเขาได้เห็นแล้วว่าชายหนุ่มจะต่อสู้ยังไง เขาโหดร้ายและไร้ความปรานี เห็นได้ชัดว่าเขาบ่มเพาะฝีมือมาจากดินแดนรกร้าง

อย่างไรก็ตาม ทักษะดังกล่าวจะใช้ไม่ได้เมื่อคู่ต่อสู้ของเขามีพลังเด็ดขาด!

“ พักผ่อนบ้างนะ”ซูหยานหยิงแสดงความห่วงใยซูหลิงเยวี่ย

เธอสามารถยุติการต่อสู้ทั้งสองครั้งได้อย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นเธอก็คงเหนื่อย เธอจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะคงสถานะของเธอต่อ การแสดงออกของทั้งลั่วเฟิงเทียนและยู่เว่ยหานเปลี่ยนไป ซูหลิงเยวี่ยชนะแล้ว จากนั้น…ต่อไปเธอจะต้องต่อสู้กับนายน้อยของตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองฐานหลงเจียง!

ชายหนุ่มคนนั้นแสดงความสามารถแสนน่าทึ่งออกมา โดดเด่นยิ่งกว่าเย่หลงเทียนเสียอีก เท่าที่ลั่วเฟิงเทียนและยู่เว่ยหานสามารถบอกได้ ชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นหนึ่งในสามผู้เข้าร่วมที่มีแนวโน้มจะคว้าแชมป์มากที่สุด!

ในเวลาเดียวกัน

ฉินเส้าเทียนลุกขึ้นยืนขณะที่ซูหลิงเยวี่ยลงจากเวที เมื่อเขายืนขึ้นทุกคนก็พุ่งเป้าไปที่เขา เขากลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ผู้ชมเพิ่งจะส่งเสียงโห่ร้องกับชัยชนะ แต่ในไม่ช้า เสียงเชียร์ที่น่าหลงใหลของพวกเขาก็ดังอีกครั้ง

ฉินเส้าเทียนออกจากพื้นที่รออย่างใจเย็น กระโดดขึ้นไปบนเวที ทุกคนรอคอยที่จะเห็นเขาต่อสู้เป็นครั้งที่สอง ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ จดจ่ออยู่กับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง

ครั้งนี้การต่อสู้ของฉินเส้าเทียนก็จบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน อีกครั้งเขาเพียงเรียกไซเรนลมเพื่อเพิ่มความเร็วของเขา

ความแตกต่างก็คือคราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาเตรียมพร้อมแล้ว ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น คู่ต่อสู้ได้เรียกอสูรมาปกป้อง และใช้ทักษะการป้องกันทั้งหมดที่เขาสามารถใช้ได้

ดังที่กล่าวมา ประโยชน์เพียงอย่างเดียวของการทำเช่นนั้นคือการยืดเวลาการต่อสู้ให้นานขึ้น

ฉินเส้าเทียนถือดาบไว้ในมือข้างหนึ่ง พุ่งตัวด้วยความเร็วสูง ฉินเส้าเทียนสามารถกำจัดอุปสรรคทั้งหมดที่ขวางทางและเข้าประชิดคู่ต่อสู้ของเขา

นอกเหนือจากผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่ยังเห็นเพียงภาพเลือนรางเท่านั้น บางคนในกลุ่มผู้ชมสามารถเห็นแค่ว่าคู่ต่อสู้ของฉินเส้าเทียนพยายามโจมตีภาพเงาบางอย่าง แต่นั่นก้ไม่เกิดผล

ในที่สุดฉินเส้าเทียนก็มาถึงชายหนุ่มที่ซ่อนตัวอยู่หลังเกราะป้องกัน ด้วยการเฉือนเพียงครั้งเดียวฉินเส้าเทียนได้ตัดชั้นของการป้องกันออก ทิ้งรอยเลือดไว้บนหน้าอกของชายหนุ่ม การต่อสู้สิ้นสุดลงอย่างราบรื่น

ในที่สุดผู้ชมก็ได้สติและสรรเสริญให้ฉินเส้าเทียน

หลังจากผู้ตัดสินประกาศผล ฉินเ
ความร้อนที่หลงเหลือจากคลื่นแสงยังสัมผัสได้ในอากาศ

ในพื้นที่รอ ผู้เข้าร่วมหลายคนต้องตะลึง แม้แต่พวกอัจฉริยะก็ยังต้องประหลาดใจ

บนเวทียู่เว่ยหานรู้สึกว่ามีเสียงหึ่งๆอยู่ในหัว ฉากนั้นยังคงประจักษ์ชัดต่อหน้าเธอ สมองของเธอหยุดทำงานไปชั่วขณะ

ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็กลับมามีสติ เธอมองหญิงสาวที่ยืนอยู่อีกด้านของเวที ทันใดนั้นยู่เว่ยหานก็รู้สึกอยากร้องไห้

เธอกลัว! กลัวจนหมดปัญญา!

ครู่หนึ่งเธอคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย คลื่นแสงไม่โดนเธอ เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้ หากการโจมตีด้วยพลังงานที่น่ากลัวนั้นโดนเธอ

ทักษะแบบไหนกันนะ?

มังกรเพิ่งถึงวัยผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ? มันใช้พลังงานในระดับที่น่ากลัวขนาดนั้นได้ยังไง? ยู่เว่ยหานจ้องไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความสับสน

ความคาดหวังเดิมของยู่เว่ยหานสำหรับการแข่งขันครั้งนี้คือเธอมีโอกาสชนะ

แต่ซูหลิงเยวี่ยกลับชนะเธอ และได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์!

ยู่เว่ยหานจะตาย ถ้าซูหลิงเยวี่ยไม่ยั้งมือ มีโลกที่แตกต่างระหว่างพวกเธอ!

“คุณไม่เป็นไรนะ?”

ชายคนหนึ่งบินไปหายู่เว่ยหานอย่างรวดเร็ว เขาเป็นผู้ตัดสินนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ เขาสามารถแทรกแซงเมื่อการแข่งขันไม่สามารถควบคุมได้ และช่วยชีวิตผู้เข้าร่วม

ผู้เข้าร่วมทั้งหมดเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ สามารถเติบโตเป็นเสาหลักในอนาคตของเมืองฐานได้ การสูญเสียชีวิตของพวกเขาในลีกนักรบจะไม่คุ้มค่า

แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในสถานที่จัดงานสาขา นั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ยู่เว่ยหานมองไปที่ผู้ตัดสิน “ฉันสบายดี”

ทันทีที่เธอเห็นเขารีบมา เธอก็รู้ว่าผู้ตัดสินคือคนที่ตั้งโล่ให้เธอ

เธอรู้สึกขอบคุณอย่างมากสำหรับสิ่งที่เขาทำ

“ คุณต้องการยอมรับความพ่ายแพ้ไหม? ช่องว่างระหว่างคุณทั้งสองมากเกินไป” ผู้ตัดสินเสนอโอกาสให้ยู่เว่ยหาน หากเธอเลือกที่จะสู้ต่อไปเขาก็จะไม่เข้ามาแทรกแซงอีก

คนโง่ไม่สามารถถูกมองว่าเป็นพวกหัวกะทิได้ คำพูดของผู้ตัดสินเป็นคำพูดห้วนๆ ยู่เว่ยหานหน้าซีดจากความอับอายและความเจ็บปวดภายใน หัวใจของเธอยังคงสั่นสะท้านเมื่อเธอนึกถึงการโจมตีครั้งก่อน เธอไม่แน่ใจว่าจะรอดจากการโจมตีครั้งที่สองได้หรือไม่ “ ฉันยอมรับความพ่ายแพ้…”

การพูดคำเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ เสียงของเธอฟังดูแหบแห้ง

ดูเหมือนเธอจะใช้พลังงานไปจนหมดในการพูดคำนั้น เธอสูญเสียวิญญาณหลังจากที่เธอพูด

ผู้ตัดสินพยักหน้า เขาบินขึ้นไปบนอากาศ ประกาศต่อสาธารณชนว่ายู่เว่ยหานยอมรับความพ่ายแพ้

เขาไม่ได้ใช้ลำโพงเพื่อขยายเสียงของเขา ถึงกระนั้นทุกคนในสถานที่ก็สามารถได้ยินเสียงเขาชัดด้วยความช่วยเหลือจากพลังดวงดาว

เฮ!

ผู้คนต่างยกย่องชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของซูหลิงเยวี่ย

พื้นที่รอ ตระกูลหลิว

หลายคนมีสีหน้าดำมืดโดยเฉพาะหลิวเจียนซิน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น เขาไม่รู้ว่านอกเหนือจากฉินเส้าเทียนผู้ลึกลับแล้ว เขายังต้องรับมือกับบุคคลที่แข็งแกร่งอีกคนในกลุ่ม D ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เขาละเลย

“ ทักษะระดับเก้าจากอสูรระดับเจ็ด…” หลิวฉิงเฟิงพึมพำ เขามองดูหญิงสาวที่กำลังก้าวลงจากเวทีอยู่นาน “ เราเพิ่งเจอเครื่องมือที่จะใช้กำจัดฉินเส้าเทียนได้”หลิวฉิงเฟิงยิ้มกว้าง

หลิวเจียนซินเข้าใจสิ่งที่หลิวฉิงเฟิงหมายถึง เมฆที่อยู่เหนือหัวใจของหลิวเจียนซินสลายไป เขาก็ยิ้มกว้างเช่นกัน

ยิ่งผู้หญิงคนนี้มีพลังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับพวกเขามากขึ้นเท่านั้น เธอสามารถช่วยพวกเขาบีบให้ฉินเส้าเทียนเผยไพ่ตายออกมาได้เร็วขึ้น

“มังกรจันทราเหมันต์ควรใช้ทักษะที่เกี่ยวกับน้ำแข็งไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงใช้แสง?” ชายหนุ่มตระกูลหลิวถามด้วยความสับสนเขาคิดไม่ออก

การจะใช้ทักษะที่ไม่ใช่ของทักษะหลักนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

พลังงานน้ำแข็งบริสุทธิ์ถูกเก็บไว้ในกระดูกของมังกรที่ใช้ทักษะเกี่ยวกับน้ำแข็ง มังกรจะต้องมีพลังทางวิญญาณที่แข็งแกร่งในการใช้ทักษะประเภทอื่น ๆ และพวกมันจะอยู่ในขั้นต่ำ ในการใช้ทักษะระดับเก้ามังกรจะต้องมีพลังงานสำรองที่สมบูรณ์ และใช้ร่างกายของตัวเองเป็นสื่อเพื่อเชื่อมต่อกับพลังงานที่มีในอากาศ

กล่าวได้ว่ามังกรจันทราเหมันต์จะต้องมีพลังงานแสงสำรองไว้อย่างมาก อย่างไรก็ตามนั่นจะทำให้ทักษะเกี่ยวกับน้ำแข็งของมังกรจันทราเหมันต์อ่อนแอลง

“ มังกรจันทราเหมันต์นี่กลายพันธุ์ เราไม่สามารถมองว่ามันเป็นมังกรธรรมดาได้”หลิวฉิงเฟิงดูเหมือนจะไม่แปลกใจ การปรากฏตัวของมังกรจันทราเหมันต์นั้นชัดเจนพอที่ผู้คนจะสังเกตได้ว่ามันผ่านการกลายพันธุ์อย่างรุนแรงมา มันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดทั้งสีทองและสีเงิน “อ้อเข้าใจแล้ว” คนในตระกูลหลิวเข้าใจ

ในขณะเดียวกัน.

ตระกูลฉิน

ฉินเส้าเทียนยิ้ม “ สิ่งต่างๆน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจะติด 10 อันดับแรก หรือแม้แต่ 5 อันดับแรกได้ ฉันสงสัยว่าใครจะชนะระหว่างเธอกับหลิวเจียนซิน”

คนที่แพ้ในรอบชิงชนะเลิศของแต่ละกลุ่มจะมีโอกาสต่อสู้กับคนที่แพ้ของกลุ่มอื่น ๆ เพื่อชิงโอกาสในการแข่งขันเพื่อเป็น1ใน 10 อันดับแรกอีกครั้ง

ที่กลุ่ม Dฉินเส้าเทียนเชื่อว่าเขาและหลิวเจียนซินจะต้องเผชิญหน้ากันอย่างแน่นอน และเขาคิดว่าหลิวเจียนซินจะเป็นฝ่ายแพ้แต่เหตุการณ์พลิกผันก็ได้เกิดขึ้น

ดังนั้นฉินเส้าเทียนจึงอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นซูหลิงเยวี่ยกับหลิวเจียนซินปะทะกัน ทั้งสามคนที่มากับฉินเส้าเทียนฝืนยิ้ม พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการแข่งขันในกลุ่มนี้จะรุนแรงขนาดนี้

ทั้งหญิงสาวและหลิวเจียนซินมีความสามารถเพียงพอที่จะชนะ

ถึงกระนั้นเนื่องจากพวกเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หนึ่งในนั้นจึงต้องถูกคัดออก

ใช่ฝ่ายที่แพ้จะยังได้รับโอกาสอีกครั้ง แต่ก็แค่คนเดียว

ตระกูลฉินไม่ใช่ตระกูลเดียวที่พิจารณาเรื่องนี้ ในไม่ช้าผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ รวมทั้งผู้ชมที่คุ้นเคยกับกฎก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน

ช่วงเวลาหนึ่งทุกคนมีความคาดหวังสูงสำหรับการแข่งขันในกลุ่ม D

ในพื้นที่รอ ซูหลิงเยวี่ยนั่งลงในที่นั่งของเธอ

การได้เห็นซูหลิงเยวี่ยชนะทำให้เย่ห่าว,ซูหยานหยิงและลั่วเฟิงเทียนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเหมือนกัน สำหรับลั่วเฟิงเทียนเขารู้สึกประหลาดใจและสับสนเป็นพิเศษ

การแข่งขันแลกเปลี่ยนที่สถาบันเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

แค่หนึ่งเดือน! ในตอนนั้นเขาได้เห็นสิ่งที่หญิงสาวคนนี้ทำได้ เธอพยายามเต็มที่แล้ว แต่ในที่สุดเธอก็แพ้ และในวันนี้เธอแล้บเอาชนะยู่เว่ยหานได้อย่างง่ายดาย

เธอพัฒนาเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด!

ในเวลาเดียวกันลั่วเฟิงเทียนก็ตระหนักถึงสิ่งที่สร้างความแตกต่าง เขาจำไม่ได้ว่าซูหลิงเยวี่ยมีมังกร

เธอพึ่งพามังกรตัวนี้

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนั้นเธอมีอสูรอื่นซ่อนอยู่หรือเปล่า แต่เขาเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ มังกรนั้นน่าทึ่ง และการเป็นอสูรรองก็ไม่น่าเป็นไปได้

มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรอดชีวิตจากคลื่นแสงระดับเก้าที่น่าอัศจรรย์นั้นได้ ทักษะนั้นเพียงอย่างเดียวอาจรับประกันได้ว่าเธอจะติดตำแหน่งที่ดี แม้กระทั่งติด 5 อันดับแรก

ภายใต้สมมติฐานที่ว่าเธอไม่มีคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอื่น ๆ ในกลุ่ม

ลั่วเฟิงเทียนกระพริบตา เขาแทบรอไม่ไหวที่จะดูการแข่งขันต่อไปในกลุ่ม D

“ มังกรของเธอ…วิเศษมาก” ซูหยานหยิงกล่าวหลังจากที่ซูหลิงเยวี่ยนั่ง

ซูหยานหยิงไม่ได้ประหลาดใจเหมือนคนอื่น ๆ เธอพบว่ามันเข้าใจได้ง่าย

ความจริงที่ว่าซูหลิงเยวี่ยเป็นน้องสาวของซูผิงอธิบายได้ทุกอย่าง แม้แต่หนูสายฟ้าก็สามารถฝึกฝนจนถึงระดับที่น่ากลัวในร้านค้าของซูผิงได้ ไม่ต้องพูดถึงมังกรหายาก

หากมังกรสามารถก้าวหน้าได้เร็วเท่ากับหนูสายฟ้า ซูหยานหยิงเชื่อว่าการแข่งขันต่อไปจะไม่มีความหมาย

ในขณะเดียวกันซูหยานหยิงก็รู้ดีว่ามังกรไม่น่าจะก้าวหน้าได้เท่ากับหนูสายฟ้า หนูสายฟ้าอยู่ในขั้นต่ำจึงมีโอกาสขยับขึ้นสูง ในทางกลับกันมังกรอยู่ในจุดเริ่มต้นที่สูงแล้ว การไปถึงระดับอื่นจะยากกว่ามาก

ซูหลิงเยวี่ยนั่งลง เธอเห็นใครบางคนโบกมือให้เธอจากระยะไกล มันคือสวี่คัง เขาฉีกยิ้มกว้างจนถึงใบหูให้เธอและยกนิ้วให้เธอราวกับพูดว่า“ สมแล้วที่เป็นน้องสาวของอาจารย์”

ซูหลิงเยวี่ยกลอกตาใส่เขาอย่างเย็นชา จากนั้นเธอก็หันไปที่ที่ตระกูลหลิวและตระกูลฉินนั่งอยู่ เห็นว่าคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังสองคนที่เธอกังวลกำลังคุย หรือมองไปที่อื่นโดยไม่สนใจเธออย่างชัดเจน ด้วยความไม่พอใจซูหลิงเยวี่ยจึงตัดสินใจที่จะแข่งขันอย่างจริงจังมากขึ้น

ในเวลาเดียวกันยู่เว่ยหานกลับมาแล้ว เธอก้มหัวลงเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นใบหน้าของเธอ

ลั่วเฟิงเทียนรู้สึกหดหู่ “ เธอทำดีมากแล้ว ฉันคิดว่าฉันจะร่วมทีมกับเธอในภายหลัง เราจะฝึกให้หนักขึ้นเมื่อเรากลับไป” เขาปลอบใจเธอ

ยู่เว่ยหานตัวสั่น เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา และพยักหน้า

คำพูดปลอบโยนของเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย เธอจะรู้สึกแย่น้อยลงหากต้องแพ้ให้กับฉินเส้าเทียนหรือหลิวเจียนซิน ท้ายที่สุดเธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสามารถแข่งขันกับสัตว์ประหลาดอย่างพวกเขาได้อยู่แล้ว

แต่เธอแพ้ซูหลิงเยวี่ย นักเรียนปีหนึ่งในสถาบัน

ยู่เว่ยหานรู้สึกว่าเหมือนถูกตบหน้า

“ ขอโทษ” เธอได้ยินเสียงแผ่วเบา ซูหลิงเยวี่ยคือคนที่พูดคำนั้น ซูหลิงเยวี่ยดูเหมือนจะไม่ภูมิใจกับชัยชนะของเธอและแม้แต่คำว่า “ขอโทษ” ของเธอก็ฟังดูจริงใจมากกว่าการกดขี่

จริงใจ? ยู่เว่ยหานกัดฟัน

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่คนขี้แพ้!” ยู่เว่ยหานหายใจเข้าลึก ๆ “ ขอให้เธอโชคดี ฉันได้ยินมาว่าเป้าหมายของเธอคือการคว้าแชมป์ ฉันจะเป็นกำลังใจให้”

ซูหลิงเยวี่ยสงสัยว่ายู่เว่ยหานหมายความอย่างนั้นจริงๆหรือว่าเธอกำลังประชดประชัน

เนื่องจากเธอไม่สามารถบอกได้ เธอจึงตัดสินใจที่จะเชื่อว่าคำพูดนั้นจริงใจ “ฉันจะชนะแน่” เธอพยักหน้า

เธอยังพูดกับตัวเองว่าฉันต้องชนะ!

เธอเข้าใจว่าความล้มเหลวจะมีความหมายกับเธอยังไง เธอไม่เพียงสูญเสียความรุ่งโรจน์ แต่หมายถึงชีวิตของเธอ เธอทำอะไรบนเวทีได้ไม่มากนัก แต่เธอต้องแบกความปลอดภัยของทั้งตระกูลไว้บนหลัง!

ซูหลิงเยวี่ยจริงจังและมุ่งมั่น ยู่เว่ยหานเม้มปากและมองออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ซูหยานหยิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าซูหลิงเยวี่ยดูเหมือนจะมีพลังมากกว่าตอนที่เธออยู่ในดินแดนรกร้าง

ดังนั้นวิธีที่เร็วสุดสำหรับคนที่จะเติบโตคือผ่านการต่อสู้และการแข่งขันใช่ไหม?

ซูหยานหยิงเริ่มเข้าใจว่าทำไมสถาบันถึงให้นักศึกษาเข้าร่วมในลีกนักรบ แม้จะแพ้พวกเขาก็สามารถยืนหยัดให้ชนะได้

หลังจากที่ซูหลิงเยวี่ยและยู่เว่ยหานออกจากเวที คู่ที่สองของกลุ่มD ก็เริ่มการแข่งขัน

ฉินเส้าเทียนและชายหนุ่มจากตระกูลมู่

บุคคลจากตระกูลมู่มีสถานะสูง ตราบใดที่เขาไม่เสียชีวิต เขาก็จะเติบโตมาเป็นสมาชิกคนสำคัญของตระกูลมู่

ในตอนแรกคนจากตระกูลมู่พยายามดูถูก แต่ล้มเหลวในการทำให้ฉินเส้าเทียนโกรธ หลังจากนั้นก็เรียกอสูรระดับเจ็ดที่เขาใช้ในระหว่างการทดสอบออกมา

นั่นคืออสูรของตระกูลลม อสูรมีปีกเหมือนเอลฟ์และดูเหมือนมนุษย์ ดวงตาสีดำเปล่งประกายของมันยึดครองครึ่งใบหน้า ครึ่งบนของร่างกายอสูรนั้นมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์เพศหญิงที่มีหน้าอกปกคลุมด้วยกลีบดอกไม้ ดูน่าหลงใหล

ไซเรนลมระดับเจ็ด ใ

อ่านตอนอื่นๆของ ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store คลิกเลย

แฟนเพจ