“ เร็ว ๆ นี้”
แต่ก่อนซูผิงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ อย่างไรก็ตามระบบเพิ่งมอบหมายงานให้เขา หากเขาสามารถเป็นผู้ฝึกสอนระดับพื้นฐาน และใช้ประโยชน์จากสนามบ่มเพาะ เขาอาจเพิ่มไหวพริบของอสูรตัวใดตัวหนึ่งได้
ระบบไม่ได้หลอกเขา
เขาฝึกฝนอสูรอย่างไร้ความปราณีในแบบที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่แท้จริงแล้วเขาไม่ได้เป็นผู้ฝึกสอน
แต่ร้านค้าได้รับการเลื่อนเป็นขั้น3แล้ว และระบบได้ออกภารกิจนี้ในขณะนี้เพื่อเตือนให้เขาเป็นผู้ฝึกสอน สิ่งนี้มาช้าเกินไป เมื่อคิดเช่นนี้ซูผิงก็อดไม่ได้ที่จะติระบบ
“ เจ้าของทำตัวดีๆ” ระบบเตือนเขาอย่างเย็นชา
ไอ้บ้า! ดักฟังอีกแล้ว!
ซูผิงกัดฟัน
“ เร็ว ๆ นี้”ฉินเส้าเทียนมองไปที่ซูผิงด้วยความขุ่นเคือง ฉินเส้าเทียนสับสน แม้ว่าเขาจะตกตะลึง แต่ระดับที่แท้จริงของมังกรฉินเส้าเทียนยังไม่เชื่อ
เขาจะเชื่อถ้าซูผิงบอกว่ามังกรอยู่ในระดับเจ็ด ระดับหก?กล้าเกินไป!
มังกรระดับหกจะเอาชนะทาสโลหิตระดับแปดได้ยังไง?
ฉันไม่ใช่คนโง่ นายรู้ไหม?
“ ใช่เร็ว ๆ นี้” ในที่สุดซูผิงก็กลับมารู้สึกตัว และตอบซ้ำ“ ผมจะโพสต์ข้อมูลบนเว็บไซต์ของร้านค้า คุณคอยดูไว้แล้วกัน”
ฉินเส้าเทียนพูดไม่ออก ซูผิงไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนกับเขาได้ “คอยดูไว้” ทำไมนายไม่พูดง่ายๆว่านายจะไม่ให้บริการ?
ความสงสัยของฉินเส้าเทียนฝังลึกอยู่ในใจของเขา ไม่รับอสูรขั้นสูง? หึ ถ้ามังกรได้รับการฝึกฝนที่นี่ ที่นี่จะต้องมีผู้ฝึกสอนขั้นสูงอยู่ และสามารถฝึกอสูรหายากระดับเก้าได้ นับประสาอะไรกับไซเรนลมระดับเจ็ด
แน่นอนเขาไม่สามารถบังคับให้ซูผิงนำอสูรของเขาไปได้ “ เอาล่ะ ผมหวังว่าผมจะได้รับข่าวดีจากคุณภายในหนึ่งเดือน” ฉินเส้าเทียนกล่าว
หนึ่งเดือนต่อมาเขาจะออกจากเมืองฐานหลงเจียงเพื่อศึกษาต่อในสถาบันที่ดีที่สุดในเขตอนุทวีป
เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้กับซูผิง เขาไม่จำเป็นต้องรั่วไหลข้อมูลนี้ไปยังผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
ซูผิงพยักหน้า เขาปรารถนาที่จะทำภารกิจให้สำเร็จภายในหนึ่งเดือนอยู่แล้ว
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนข้างนอกร้านกรีดร้องด้วยความประหลาดใจ
ซูผิงเงยหน้าขึ้นและเห็นผู้คนมากมายแตกตื่น มีคนตะโกนออกมาว่า“ นั่นซูหลิงเยวี่ย!!”
ซูผิงสงสัยว่าอะไรทำให้เกิดความแตกตื่น แต่ก็พบว่าเป็นน้องสาวของเขาที่มาหลังจากตื่นนอนและกินข้าวเช้า
สำหรับเหตุผลที่เขาบอกได้ว่าเธอกินข้าวเช้ามาแล้ว มันเป็นเพราะสายตาของเขาสามารถเห็นแขนขาของมดในระยะร้อยเมตร เขาสามารถมองเห็นคราบน้ำมันใกล้ๆมุมปากของเธอ ในครอบครัวของพวกเขา อาหารเช้ามักจะมีสามอย่าง และเธอก็ปาท่องโก๋!
“ นั่นซูหลิงเยวี่ย!”
“โอ้พระเจ้า. นั่นคือเธอ! ฉันมองไม่ผิดใช่ไหม?”
“ มังกรที่น่ากลัวตัวนั้นอยู่กับเธอในพื้นที่สัญญา”
“ กรี้ดด เธอดูดีกว่าในทีวีซะอีก เธอยังเด็กมาก ผู้คนต่างบอกว่าเธอยังเป็นนักเรียน ฉันคิดว่านั่นน่าจะเป็นเรื่องจริง!”
ผู้คนในแถวต่างก็อุทานด้วยความตื่นเต้น
พวกเขามองซูหลิงเยวี่ยด้วยความชื่นชม และปฏิบัติต่อเธอในฐานะซุปเปอร์สตาร์
ซูหลิงเยวี่ยตกใจกับปฏิกิริยานี่ เธอรู้ว่าเธอเริ่มมีชื่อเสียง แต่ถึงกระนั้นการได้รับการยอมรับ และรายล้อมเช่นนี้ก็ยังทำให้เธอตกใจ เธอวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“ นี่อาหารเช้า โจ๊กและผักเค็มของนาย ฉันจะไปเอามาให้อีกถ้านายต้องการ”ซูหลิงเยวี่ยวางภาชนะเก็บความร้อนบนเคาน์เตอร์ “ ขอบใจ”
ซูผิงผลักภาชนะไปด้านข้าง ตอนนี้เขาไม่มีเวลากิน เขาไม่สามารถกินข้าวเช้าและปล่อยให้ลูกค้ายืนรอได้ เขาต้องทำธุระให้เสร็จก่อน
“ เอ๊ะ นายไม่ใช่…..หรอ?”
จากนั้นซูหลิงเยวี่ยก็สังเกตเห็นฉินเส้าเทียนที่ปิดบังหน้าตาอย่างมิดชิดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เธอคงไม่สังเกตเห็นถ้าไม่ใช่เพราะการแต่งตัวที่สะดุดตาและแปลกประหลาดของเขา
หลังจากที่เธอสังเกตเห็นการแต่งตัวแปลกๆแล้ว เธอก็มองเข้าไปใกล้ ๆ เห็นว่าเธอคุ้นเคยกับคน ๆ นี้ ไม่นานเธอก็รู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร เธอทั้งประหลาดใจและตื่นตัว เขามาทำอะไรที่นี่? มาสร้างปัญหาหรือเปล่า?
ด้วยสัญชาตญาณเธอก้าวไปข้างหน้า เอาตัวไปบังระหว่างซูผิงกับฉินเส้าเทียน
ฉินเส้าเทียนกำลังมองหญิงสาวเช่นกัน
สายตาของเขาจับจ้องที่เธอ
ผู้หญิงคนนี้…
เขาจบการศึกษาแล้ว เขาไม่เคยลิ้มรสความล้มเหลวในระหว่างที่อยู่ในสถาบัน หลังจากสำเร็จการศึกษาเขายังคงเป็นผู้นำในหมู่เพื่อนของเขา เขาไม่เคยแพ้ว่าที่ผู้นำตระกูลใหญ่อื่น ๆ ในเมืองฐานหลงเจียง แต่เขากลับต้องมาแพ้ผู้หญิงธรรมดา!
ถึงแม้ฉินเส้าเทียนจะเข้าใจดีว่าความพ่ายแพ้ของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลย มันเป็นอสูรของเธอต่างหากที่ทรงพลังจนเกินไป แต่ยังไงเธอก็เป็นเจ้าของอสูร การแพ้อสูรของเธอ ก็เท่ากับแพ้เธอ! “ ฉันจะเจอเธอในรอบชิงชนะเลิศ” ฉินเส้าเทียนกล่าวอย่างเย็นชา ซูหลิงเยวี่ยเลิกคิ้ว “ นั่นคือถ้านายสามารถสู้กับฉันได้นะ”
ฉินเส้าเทียนส่งเสียงไม่พอใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
“อาจารย์?”
จู่ๆก็มีคนร้องด้วยความประหลาดใจ จากนั้นชายคนหนึ่งก็รีบเข้ามาใน
ลูกค้าประหลาดใจเมื่อสามารถมองเห็นคนๆนี้ได้ชัด พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่านอกจากซูหลิงเยวี่ยแล้ว พวกเขาจะได้เจอสวี่คังที่ร้าน เขาเป็นผู้เข้าร่วมที่โดดเด่นอีกคนหนึ่ง สวี่คังยังคงมีโอกาสที่จะติด 1 ใน 10 อันดับแรกระหว่างการต่อสู้กับหลิวฉิงเฟิง ความสามารถของสวี่คังถือเป็นอาหารตา เขาบีบหลิวฉิงเฟิงจนหลิวจิงเฟิงต้องใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
ในการต่อสู้ครั้งนั้นไม่เพียงแต่มีคนเห็นว่าสวี่คังมีพรสวรรค์ พวกเขาสังเกตเห็นว่าหลิวฉิงเฟิงนั้นน่ากลัวเพียงใด
สุดท้ายสวี่คังก็แพ้หลิวฉิงเฟิง แต่สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับสวี่คังก็คือเขาใช้อสูรเพียงตัวเดียว ในขณะที่หลิวฉิงเฟิงใช้อสูรสามตัวที่ล้วนมีสายเลือดขั้นสูง ใคร ๆ ก็สามารถถูกอสูรทั้งสามบดขยี้ได้
“อืม?”ฉินเส้าเทียนเหลือบมองชายหนุ่มคนนี้ ฉินเส้าเทียนออกจากงานหลังจากที่เขาจบการแข่งขันเมื่อวันก่อน แต่เขาได้ดูการถ่ายทอดสดระหว่างทางกลับบ้าน เขาจำสวี่คังได้เพราะเขาต่อสู้กับหลิวฉิงเฟิงได้เป็นอย่างดี แต่ฉินเส้าเทียนเชื่อว่าหลิวฉิงเฟิงยังไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ มิฉะนั้นเขาจะชนะสวี่คังเร็วกว่านี้
อสูรต่อสู้ของคนๆนี้แปลกตรงที่ระดับและความแข็งแกร่งไม่ตรงกัน เป็นไปได้ไหมว่า….
“ อาจารย์ทำไมวันนี้คุณไม่อยู่ที่สถานที่จัดงานล่ะ!”สวี่คังตีสนิทซูผิง
ซูผิงไม่แม้แต่จะแก้วิธีที่สวี่คังใช้เรียกเขา“ เธอไม่ได้แข่งขัน เราจึงไม่จำเป็นต้องไป ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?คุณไม่ไปดูการแข่งขันเหรอ?”
สวี่คังยิ้ม“ ผมคิดว่าผมจะได้ไปกับคุณ แต่เนื่องจากคุณไม่ไปผมก็ไม่ไปเช่นกัน ไม่มีอะไรให้ดูอีกต่อไป และผมสามารถดูการแข่งขันที่บ้านได้ นอกจากนั้นผมเชื่อใจอาจารย์ ถ้าคุณบอกว่าผมสามารถติด 10 อันดับแรกได้ผมก็มั่นใจว่าจะทำได้!”
อาจารย์?ฉินเส้าเทียนสังเกตคำที่สวี่คังใช้
สวี่คังได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่เขาเรียกว่าซูผิงว่าอาจารย์?
ในไม่ช้าฉินเส้าเทียนก็เข้าใจ ซูผิงมีพลังสูง และแม้แต่ฉินชูไห่ก็ยังยกย่องเขา
ซูผิงกลอกตาใส่สวี่คัง “ คุณซื้อบริการของผม แต่อสูรของคุณไม่สามารถชนะได้ ถ้าคุณเป็นคนขี้แพ้แบบนี้ คุณคงหมดโอกาสถ้าเกิดคุณโชคดีน้อยกว่าเมื่อวานนี้ และถูกจับให้ไปอยู่ในกลุ่มที่มีคนเก่งกว่าคุณถึงสองคน”
คอของสวี่คังหดลงเนื่องจากคำอธิบายของซูผิง เขาเกาหัว “คุณพูดถูก หลิวเจียนซินมีวันที่เลวร้าย แต่ผมไม่ใช่เขา ผมมีความสุข คุณรู้ไหมว่าผู้คนพูดกันว่ายังไง? เด็กผู้ชายที่ชอบยิ้มมักจะโชคดี”
ทั้งซูผิงและซูหลิงเยวี่ยต่างพูดไม่ออก สวี่คังคนนี้ทั้งป้ำๆเป๋อๆและไร้ยางอาย
ซูหลิงเยวี่ยมองซูผิง ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าพวกเขาดูเหมือนคู่ศิษย์อาจารย์เพราะทั้งคู่ต่างหน้าด้าน!
ซูผิงสังเกตเห็นการจ้องมองของเธอ และเข้าใจความหมายจากสีหน้าของเธอ เขาส่งสายตาอาฆาตกลับไป
หลังจากนั้นสวี่คังก็สังเกตเห็นฉินเส้าเทียน สวี่คังระเบิดเสียงหัวเราะหลังจากมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง “นี่ใครกัน? คุณเป็นโรคไตงั้นเหรอ? ทำไมคุณถึงห่อตัวอย่างแน่นหนาในวันที่อากาศร้อนแบบนี้?”
ฉินเส้าเทียน:“ …”
ในเวลาเดียวกันผู้คนที่อยู่เบื้องหลังฉินเส้าเทียนก็เริ่มกดดันเขา “ ออกไปเถอะถ้าคุณไม่มีอะไรจะทำที่นี่ เรารอมานานแล้ว!”
คนๆ นั้นฟังดูไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเขาทนกับความวุ่นวายของฉินเส้าเทียนมานานแล้ว
ฉินเส้าเทียนดึงหน้าและจ้องมองสวี่คังอย่างเย็นชา “ อย่าให้ฉันเจอนายบนเวที!”
“ อืมนายควรพยายามไปให้ถึง 10 อันดับแรกก่อน ถ้านายต้องการเจอฉันบนเวที!”สวี่คังตะโกน
ซูหลิงเยวี่ยมองสวี่คังด้วยความชื่นชม ช่างเป็นคนกล้าหาญ
ฉินเส้าเทียนหันหลัง จากไปพร้อมกับประโยคสุดท้ายที่พูดกับซูหลิงเยวี่ย“ ฉันจะรอเจอเธอในรอบชิงชนะเลิศ!”
ด้วยคำพูดนั้นเขาโบกมือ และออกไปทันที
สวี่คังเฝ้าดูฉินเส้าเทียนเดินออกไป และถามว่า “ไอบ้านั่นเป็นใคร?”
ซูหลิงเยวี่ยตอบว่า“ คนที่ฉันต่อสู้ด้วยเมื่อวานนี้”
“ เธอต่อสู้ด้วย?”
สวี่คังกำลังจะบอกว่าเธอได้ต่อสู้กับผู้คนมากมายในวันอื่น ๆ แต่ก็คิดได้ว่ามีเพียงคนเดียวที่ซูหลิงเยวี่ยต่อสู้ด้วยวันก่อน คนที่สามารถรอเจอเธอได้ในรอบชิง ฉินเส้าเทียนที่ติด 10 อันดับแรกไปแล้ว!
“เธอต้องล้อเล่นแน่ๆ!” สวี่คังแทบจะกระโดด นั่นคือเขา?
สัตว์ประหลาดที่ควบคุมทาสโลหิต?
เขามาทำอะไรที่นี่?
ซูหลิงเยวี่ยพบว่าปฏิกิริยาของสวี่คังที่น่าขบขัน เธอหัวเราะสักพักแล้วไปที่สถานทดสอบเพื่อฝึกฝน “ อาจารย์ นั่นจริงเหรอ…?”สวี่คังถามด้วยความกังวล
ซูผิงพยักหน้า สวี่คังทำพลาดครั้งใหญ่แล้ว
ครู่ต่อมาสวี่คังก็โยนตัวเองไปที่เคาน์เตอร์และขอร้อง“ อาจารย์ ผมพลาดไปแล้ว!”
“ ถ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว” ซูผิงตอบ
“งั้นผมก็ต้องการฝึกอสูรของผมอีกครั้ง” สวี่คังฟังดูเศร้า
“ไม่มีปัญหา ไปยืนเข้าแถว”