เนื่องจากซูผิงยังคงเป็นกลางไม่เสื่อมคลาย สวี่คังจึงไม่กล้าถามว่าเขาสามารถแซงคิวได้หรือไม่ เขาเดินไปท้ายแถวทันที ซูผิงยังคงให้บริการลูกค้ารายอื่น ๆ และไม่นานโจแอนนาก็มาบอกว่าพื้นที่เต็มแล้ว “ เต็มทั้งหมด ขอโทษด้วยนะทุกคน”ซูผิงขอโทษลูกค้าคนอื่น ๆ ที่เข้าแถวรอ
ลูกค้าโอดครวญด้วยความผิดหวัง คนที่อยู่หัวแถวและกำลังจะถึงตาเขาถอนหายใจด้วยความเสียใจ
ซูผิงรู้สึกไม่ดี ทุกคนรอคอยมานานเพื่ออะไร เขาคิดว่าจะทำป้ายในภายหลัง เพื่อเขียนจำนวนคิวที่มีในแต่ละวัน ด้วยวิธีนี้เมื่อลูกค้ามาและเห็นว่ามีคนรอเกินจำนวนที่กำหนด พวกเขาจะได้มาวันหลังแทนที่จะเสียเวลาต่อคิวรอ
ซูผิงนึกสงสัยเกี่ยวกับสวี่คัง หลังจากลูกค้าคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว เขาก็โยนตัวมาที่เคาน์เตอร์และกระซิบว่า“ อาจารย์ช่วยผมหน่อยได้ไหม”
ซูผิงตอบ“ ไม่”
นั่นไม่ใช่คำตอบที่สวี่คังคาดหวัง เขาบ่นว่า“ผมเป็นศิษย์ของคุณ คุณไม่น่าจะทำกับผมเหมือนคนอื่น ๆ !”
ซูผิงมองเขา เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ตามระบบเขาต้องปฏิบัติต่อลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ มิฉะนั้นเขาคงเลือกให้บริการคนที่ซื้อการฝึกฝนมืออาชีพก่อน
“ผมบอกคุณไปแล้ว คุณไม่ใช่ศิษย์ของผม คุณจะพูดอะไรก็ได้ แต่มันไม่ได้ผลหรอก”
“ อาจารย์…คุณใจร้ายมาก!”
ซูผิงไม่ได้ตอบใดๆ ทันใดนั้นลูกค้าบางคนที่ยังไม่ได้ออกไปก็ส่งเสียงโห่ร้อง ซูผิงสังเกตว่าพวกเขากลับมา และรวมตัวกันรอบ ๆ ทีวีจอแอลซีดีขนาดใหญ่ในร้าน
ในขณะนี้การแข่งขันของวันนี้กำลังถ่ายทอดสด การแข่งขันจากอีกห้ากลุ่มได้เริ่มขึ้นแล้ว
ทีวีเพิ่งติดตั้งเมื่อวันก่อน ซูผิงประหลาดใจกับประสิทธิภาพของแม่ตัวเอง เธอจัดการธุระเสร็จได้ภายในวันเดียว!
“ อีกห้ากลุ่ม”
สวี่คังก็สังเกตเห็นเช่นกัน แววตาของเขามุ่งมั่น เขาเดินไปที่ฝูงชนและดูอย่างตั้งใจ
ซูผิงเบือนหน้าหนีจากทีวีอย่างไม่สนใจ เนื่องจากไม่มีใครอยู่ที่เคาน์เตอร์ เขาจึงนั่งลง เรียกระบบให้อธิบายต่อ
ระบบดูเหมือนจะอดทนเป็นพิเศษในเรื่องนี้ มันอธิบายต่อจากก่อนหน้านี้
การเสริมแกร่ง การตรัสรู้! ความสามารถเหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ฝึกสอนระดับพื้นฐาน!
ความสามารถในการเสริมแกร่งมีการจัดหมวดหมู่โดยละเอียด และผู้ฝึกสอนต้องเชี่ยวชาญทุกด้าน!
สำหรับการตรัสรู้คือการทำให้อสูรรู้แจ้ง ตามระบบแม้แต่ใบหญ้าก็สามารถพัฒนาให้กลายเป็นอสูรระดับหนึ่งได้เมื่อได้รับการสั่งสอนจากผู้ฝึกสอน
สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาแล้วสามารถมีโอกาสเรียนรู้ทักษะพรสวรรค์หลังจากตรัสรู้!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูผิงได้ยินเกี่ยวกับคำว่า “ทักษะพรสวรรค์” ไม่นานก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินชูไห่เชิญให้เขาเข้าร่วมลีกสูงสุด เขาก็ได้พูดถึงสิ่งที่เรียกว่าหินพรสวรรค์ซึ่งเป็นหนึ่งในรางวัลที่จะได้รับได้หลังจากชนะลีกสูงสุด“ ระบบ ทักษะพรสวรรค์คืออะไร? ฉันจำได้ว่านายเคยพูดถึงตอนที่ฉันกำลังเลื่อนขั้นคอกเลี้ยงดู นายบอกว่าหลังซึมซับพลังอนิม่าในคอกเลี้ยงดู อสูรสามารถเพลิดเพลินกับความเป็นไปได้ในการเรียนรู้ทักษะพรสวรรค์”
ซูผิงรู้สึกสงสัย
“ใช่แล้ว ยิ่งคอกเลี้ยงดูมีความก้าวหน้ามากเท่าไหร่ อนิม่าก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น อนิม่าสามารถเพิ่มความฉลาดของอสูรได้ การเลี้ยงดูในระยะยาวโดยอนิมามีโอกาสที่อสูรจะเรียนรู้ทักษะพรสวรรค์ แต่โอกาสนั้นมีน้อย เปอร์เซ็นต์คือ 0.005% หลังจากได้รับอนิม่าเป็นเวลาหนึ่งเดือน!”
ซูผิงพูดไม่ออก
โอกาสนี้มีน้อยมาก
“ ทักษะพรสวรรค์มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันในด้านจุดแข็งต่างๆ ทักษะพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งจะสามารถเพิ่มค่าสถานะบางอย่างของอสูรได้ถึงสิบเท่าภายในระยะเวลาอันสั้น ทักษะพรสวรรค์ที่อ่อนแออาจช่วยอสูรแค่ด้านการรับรู้หรือปลอมตัว อสูรที่ฉลาดมากขึ้นสามารถรับทักษะพรสวรรค์หลายอย่าง และสามารถนำมาประยุกต์รวมกันได้!” ระบบอธิบายอย่างใจเย็น
ดวงตาของซูผิงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ทักษะพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งสามารถพัฒนาพลังได้ถึงสิบเท่า?
เขาสงสัยว่าระบบทำพูดผิดหรือเปล่า สิบเท่า? หากค่าสถานะนั้นคือความแข็งแกร่งทางกายภาพของอสูร ระดับที่เพิ่มขึ้นนั้นหมายความว่าอสูรของเขาจะสามารถโจมตีอสูรระดับเดียวกันให้กลายเป็นกองฝุ่นได้ในหมัดเดียว!
“ นายพูดจริงงั้นเหรอ?”
ระบบ:“ (# ~ #)”
ซูผิงเห็นถึงใบหน้ารำคาญในหัว เห็นได้ชัดว่านั่นคือระบบ ซูผิงสงสัย…ระบบสื่อสารเป็นอิโมจิได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ซูผิงงงกับระบบเล็กน้อยแล้วสงบลง เขาไม่สงสัยเกี่ยวกับคำพูดของระบบอีกต่อไป เขารู้ว่าระบบมีความรอบคอบเสมอเมื่อพูดถึงอสูร
“ ทักษะพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมาก ไม่น่าแปลกใจที่โครงกระดูกน้อยและอสูรอื่น ๆ ได้ตายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีใครเรียนรู้ทักษะพรสวรรค์ ดูเหมือนว่าความตายจะไม่สามารถทำให้เกิดผลอะไรได้” ซูผิงพูดกับตัวเอง ยิ่งเชี่ยวชาญมากขึ้นเท่าไหร่ ทักษะพรสวรรค์ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ ระบบฉันจะเรียนรู้การตรัสรู้ได้ยังไง?” ซูผิงถามคำถาม
“ มีสามวิธี” ระบบตอบ“ วิธีดับแรกซื้อคู่มือการตรัสรู้ในร้านค้า วิธีที่สองรับใครสักคนมาเป็นอาจารย์ วิธีที่ที่สามเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
ซูผิงพูดไม่ออกอีกครั้ง เรียนรู้จากอาจารย์? มีกี่คนที่รู้เรื่องนี้? คนที่มีความรู้เรื่องนี้ย่อมไม่สอนเขา ไม่มีทางเลย
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ฝึกสอนพื้นฐานจริงเหรอ? ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าไม่เคยเห็นสิ่งนี้บนโลกสีน้ำเงิน?
จากนั้นซูผิงก็จำมาตรฐานที่ระบบตั้งไว้ได้ ช่างน่าเวทนา
ระบบคงไม่ได้วัดระดับผู้ฝึกสอนโดยใช้มาตรฐานพิเศษหรอกใช่ไหม?
นายต้อง…อยากทำให้ทุกอย่างมันยากสำหรับฉันหรือไง?
ซูผิงคร่ำครวญอยู่ภายใน มันเหมือนกับว่าเขาต้องกลายเป็นปรมาจารย์ ข้ามขั้นต้นและพื้นฐานไปโดยตรงแบบไร้ตำรา นั่นเกินไป!
จากสามวิธีที่ระบบพูดถึง ซูผิงเชื่อว่าวิธีเดียวที่เป็นไปได้คือวิธีแรก
แต่เขารู้สึกว่ากำลังตกหลุมพรางอีกครั้ง
เขาดึงร้านค้าของระบบขึ้นมา หลังจากเลื่อนขั้นร้านขายอสูรเป็นระดับ3 ร้านค้าของระบบก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับ 3 เช่นกัน
เขาแทบจะไม่เห็นแหวนจับอสูรร้ายขั้นพื้นฐานในร้าน ส่วนใหญ่เขาจะเห็นแหวนขั้นกลางและในโอกาสที่หายากก็ยังมีแหวนจับอสูรร้ายขั้นสูง!
ซูผิงจะซื้อแหวนจับอสูรร้ายขั้นสูงทั้งหมดที่เขาเห็น ราคาคือหนึ่งแสนแต้มพลังงาน ขณะที่แหวนจับอสูรร้ายขั้นกลางคือหนึ่งร้อยเท่าแต้ม แต่มันก็คุ้มค่า
โอกาสในการจับอสูรร้ายระดับเก้าด้วยแหวนจับอสูรร้ายขั้นสูงคือ 100%!
และ 10% เมื่อต้องจับราชาอสูรร้าย!
เมื่อใดก็ตามที่เขาใช้มัน เขาจะจับอสูรร้ายได้อย่างแน่นอนถ้ามันไม่ใช่ราชาอสูรร้าย!
ถ้าเขาโชคดีมากพอ เขาสามารถจับราชาอสูรได้!
ลองนึกดูว่า…หนึ่งแสนแต้มพลังงานนั่นคือสิบล้านเหรียญ แต่นั่นก็ทำให้เขามีโอกาส 10% ในการจับราชาอสูร มันยอดเยี่ยมแค่ไหน!
กล่าวคือเขาสามารถได้รับราชาอสูรร้ายด้วยเงินประมาณหนึ่งร้อยล้านเหรียญ
แน่นอนว่าในทางทฤษฎี จาก 10 ครั้งเขาอาจจะไม่ได้เลยสักครั้ง ด้วยอัตราความล้มเหลว 90% นั่นหมายความว่าเขาอาจไม่ได้รับราชาอสูรสักตัวหลังจากใช้แหวนไปเก้าสิบวง! อย่างไรก็ตาม ไม่มีอันตรายใด ๆ ในการกักตุนสินค้า แม้แต่การจับอสูรร้ายระดับเก้าขั้นสูงก็ถือว่าคุ้มค่า!
หลังจากเลื่อนขั้นร้านแล้ว ซูผิงจะตรวจสอบระบบร้านค้าทุกวัน ร้านจะรีเฟรชทุกๆ 24 ชม. อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็นคู่มือการตรัสรู้เลย
“ ระบบคู่มือการตรัสรู้มีลักษณะยังไง?”
“ นายจะรู้เองเมื่อเห็น” ระบบตอบแบบเท่ๆ
ซูผิงไม่รู้จะตอบกลับด้วยคำใด เขาเห็นปุ่ม “รีเฟรช” และถอนหายใจ ดี เขาต้องใช้เงินอีกแล้ว แถมใครจะไปรู้ว่าเมื่อไรเขาถึงจะได้ถ้าต้องรอเวลาให้ร้านรีเฟชร
เนื่องจากเขาสามารถทำเงินได้เพียงพอ เขาจึงไม่ขี้งกอีกต่อไป เขารีเฟรชห้าครั้งติดต่อกัน และซื้อแหวนจับอสูรมา ซูผิงซื้อแหวนจับอสูรขั้นกลางสองวง แหวนจับอสูรร้ายทั้งหมดเป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่มักจะมีประโยชน์ เขาเห็นวัสดุหายากบางอย่าง แต่เขาไม่ต้องใช้มันในขณะนี้ เขาไม่ได้ซื้อวัสดุเหล่านั้นเพราะมีราคาแพงมาก เขาต้องจัดลำดับความสำคัญว่าจะใช้แต้มพลังงานของเขาไปกับอะไร จริงอยู่ที่เขาทำเงินได้ดี แต่เขาต้องประหยัดแต้มในการเลื่อนขั้นร้านค้าและสระวิญญาณ การเลื่อนขั้นคือหนึ่งล้านแต้มพลังงานต่อครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาล
หลังจากห้าครั้งค่าใช้จ่ายในการรีเฟรชเพิ่มขึ้นเป็นครั้งละหนึ่งพันแต้มพลังงาน นั่นไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไป ซูผิงต้องยอมแพ้
ซูผิงปิดร้านด้วยอารมณ์ที่ขมขื่น และถามว่า“ ระบบมีอะไรที่ช่วยให้โชคดีขึ้นไหม?”
ระบบก็ตอบนิ่งๆเหมือนเดิม “ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ…”
“อะไร?”
“ อธิษฐาน”
ซูผิงกำลังจะระเบิด
เขาสามารถวางใจได้เฉพาะร้านค้าของระบบเท่านั้นที่จะได้รับคู่มือการตรัสรู้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเปลี่ยนความคิดของเขามาที่การเสริมแกร่งแทน “ สามวิธีนี้ใช้ได้กับการเสริมความแกร่งด้วยหรือเปล่า”
“ด้วย”
ซูผิงถอนหายใจ เขารีเฟรชห้าครั้ง แต่ไม่เห็นหนังสือหรือคู่มือ ความเป็นไปได้จะต้องต่ำมากๆ
ฉันต้องศึกษาด้วยตัวเองหรือไง?
ซูผิงกัดฟันแน่น
อืมช่างมันเถอะ ฉันเก่งจะตาย ไม่มีทางที่ฉันจะเรียนการเสริมแกร่งไม่ได้! เขาวางแผนที่จะไปที่สนามบ่มเพาะในวันนี้
นั่นคือตอนที่เขาได้ยินเสียงใครบางคนตะโกน
ซูผิงได้สติกลับมาจากการสื่อสารกับระบบ เป็นลูกค้าที่โห่ร้องขณะดูถ่ายทอดสด เขาเห็นอสูรสองตัวที่มีสายเลือดระดับเก้า แน่นอนว่าตอนนี้อสูรทั้งสองอยู่แค่ระดับเจ็ด
ซูผิงส่ายหัวและมอง
เขาใช้ปากกาเคาะโต๊ะด้วยความสงสัยว่าเขาจะฝึกอสูรให้ตรงเป้าหมายมากขึ้นได้ยังไง
เขาจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เวลาผ่านไป ทันใดนั้นเองก็มีคนมา “อาจารย์”
ซูผิงขมวดคิ้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองสวี่คัง สังเกตเห็นว่าลูกค้าครึ่งหนึ่งที่รวมตัวกันหน้าทีวีได้หายไปแล้ว การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป แต่อสูรนั้นไม่ได้ทรงพลัง
“ อาจารย์เย่ห่าวและซูหยานหยิงซื้อแพ็คเกจ 10 อันดับแรกในร้านของคุณด้วยใช่ไหม?”สวี่คังถาม
ซูผิงเห็นว่าสวี่คังจริงจัง “ใช่” ซูผิงพยักหน้า
ความผิดหวังเข้ามาปกคลุมใบหน้าของสวี่คัง“ ผมกำลังคิดที่จะสั่งสอนบทเรียนให้เย่ห่าว…อาจารย์คุณมีวิธีอื่นในการเพิ่มพลังให้กับอสูรของผมอีกไหม”
“ วันนี้ผมไม่มีที่เหลือเลย กลับมาพรุ่งนี้เช้า ผมจะฝึกอสูรให้” ซูผิงกล่าว
สวี่คังยิ้มอย่างขมขื่น “ พรุ่งนี้ถึงตาของผมที่จะพยายามขึ้นสู่10 อันดับแรกอีกครั้ง พรุ่งนี้ผมไม่สามารถฝึกอสูรของผมได้ ผมสังเกตเห็นว่าผู้ที่อยู่ใน 10 อันดับแรกนั้นทรงพลัง แถมผมต้องหลีกเลี่ยงเย่ห่าวกับซูหยานหยิง ดังนั้นผมจึงต้องท้าทายคนอื่น
“ นอกจากน้องสาวของคุณแล้ว ใน10 อันดับแรก ยังมีฉินเส้าเทียนสัตว์ประหลาด รวมถึงคนที่ผมแพ้เมื่อวานนี้และคนที่มาจากตระกูลมู่ก็ไม่ควรประมาท”
เขาเพิ่งเห็นการต่อสู้ ทุกคนใน 10 อันดับแรกที่เขาจะต้องท้าทายล้วนแข็งแกร่ง
เขายังพอมีโอกาสบ้างถ้า10 อันดับแรกเป็นเป้าหมายของเขา
แต่เขาตั้งเป้าไว้ที่ 5 อันดับแรก …
ซูผิงดูเหมือนจะผงะ เขาตระหนักว่าเขาอาจละเลยสวี่คังไปเล็กน้อย ซูผิงคิดอย่างรอบคอบและสังเกตว่าสวี่คังอยู่ในจุดที่อันตรายจริงๆ 10 อันดับแรกนัั้นพอได้ แต่ซูผิงได้สัญญากับสวี่คังไว้ที่ 5 อันดับแรก ซึ่งค่อนข้างยากจากความสามารถของผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ
สวี่คังมาหาเขาช้าไปหน่อย อสูรของเขายังไม่ได้รับการฝึกฝนหลายรอบ และไม่มีพลังเทพอยู่ในตัว ถ้าสวี่คังโชคร้ายและได้พบกับซูหลิงเยวี่ยหรือฉินเส้าเทียนหรือคนที่แข็งแกร่งคนอื่น ๆ เขาจะไม่มีวันติด 5 อันดับแรก
“ นั่น…เป็นปัญหา” ซูผิงขมวดคิ้ว
เขาเพิ่งทำการคำนวณบางอย่าง เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของสวี่คัง การขึ้นไปถึง 10 อันดับแรกเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และเขาสามารถก้าวไปสู่ 5 อันดับแรกได้หากซูผิงเป็นคนออกคำสั่งอสูรแต่นั่นเป็นไปไม่ได้ ความสามารถในการสั่งการของสวี่คังไม่โดดเด่น โชคลาภมีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งได้รับการพิสูจน์จากหลิวเจียนซินแล้ว
สวี่คังตระหนักดีว่าคำขอของเขาสร้างปัญหา เขาพูดด้วยความเร่งรีบ“ ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องห่วง ผมแค่พูด อย่างไรก็ตาม ผมได้แสดงความสามารถของตัวเองแล้ว และผมก็มีความสุขแล้ว”
ซูผิงกลับมามีสติ เขาส่ายหัวและตบไหล่ของสวี่คัง “คุณพูดถูก ขอบคุณที่เตือนผม มิฉะนั้นชื่อเสียงของร้านผมจะมีปัญหาเช่นกัน”
“ฮะ??”
“ มันอาจจะสายเกินไปสำหรับการฝึกฝน แล้วเช่าอสูรล่ะ” ซูผิงถาม
“ เช่า?”สวี่คังรู้สึกประหลาดใจ “ คุณมีบริการให้เช่าอสูรด้วยหรอ? ทำไมผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
“ ตอนนี้คุณได้ยินแล้ว”