ซูผิงรู้สึกว่าพลังดวงดาวในตัวเขาอัดแน่นมากขึ้นหลังการทดสอบ เขายังคงอยู่ที่ระดับเจ็ด แต่พลังดวงดาวของเขาสามารถเปรียบเทียบได้กับระดับแปดขั้นสูงสุด!
พลังดวงดาวของเขาสามารถทะยานขึ้นสู่ระดับเก้าขั้นสูงได้ด้วยความช่วยเหลือของปริซึ่มดวงดาว!
จากนั้นซูผิงก็พาอสูรของเขาไปแช่บ่อน้ำพุซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของพวกมัน
ในบ่อน้ำพุ มังกรเพลิงนรกซ่อนครึ่งล่างของมันไว้ในน้ำ และพิงกับขอบบ่อ มังกรเพลิงนรกมีความสุขกับการอาบน้ำ และจู่ๆมันก็โพล่งคำบางคำที่แทบจะไม่น่าเชื่อ
“ ดีจัง…”
ซูผิงพูดไม่ออกเนื่องจากความประหลาดใจ
สุนัขมังกรดำที่พยายามสะบัดแขนขาไปมาตามประสาของหมา โครงกระดูกน้อยที่กระดูกกระจัดกระจายอยู่ด้านล่างของบ่อน้ำพุ และอสรพิษม่วง … ทุกคนหันไปมองมังกรเพลิงนรกด้วยความงุนงง
…ฉันหูไม่ได้ฝาดไปใช่ไหมนะ? ซูผิงสงสัย
มังกรเพลิงนรก…พูดภาษามนุษย์ได้?
“ นั่นนายพูดหรอ? พูดอย่างอื่นได้ไหม?” ซูผิงถามอย่างรีบร้อน
มังกรเพลิงนรกไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงมองมัน “ ธ …อะ?” มังกรเพลิงนรกกระพริบตาด้วยความสับสน
ซูผิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แม้ว่ามังกรเพลิงนรกจะไม่สามารถพูดได้อย่างถูกต้อง แต่มันก็พูดภาษามนุษย์! ในสภาวะปกติมีเพียงราชาอสูรร้ายเท่านั้นที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้! หากการบินเป็นตัวบ่งชี้ระดับกิตติมศักดิ์ การพูดภาษามนุษย์ก็เป็นสัญลักษณ์ของราชาอสูรร้าย! นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าราชาอสูรร้ายทุกตัวจะสามารถทำเช่นนี้ได้
ตัวอย่างเช่นจระเข้สงครามที่เขาเพิ่งได้มานั้นเป็นราชาอสูรร้าย แต่ไม่เข้าใจภาษามนุษย์ เขาคงต้องใช้เวลาสักพักในการสอนจระเข้
ราชาอสูรร้ายมีสติปัญญา ภาษาของมนุษย์ไม่ใช่ภาษาเดียวที่ราชาอสูรร้ายสามารถพูดได้ พวกมันยังสามารถพูดภาษาของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ด้วยความสามารถเช่นนี้ราชาอสูรร้ายจึงถูกมองว่าคือการวิวัฒนาการของอสูรป่าให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา!
ซูผิงไม่เคยคิดเลยว่ามังกรเพลิงนรกจะสามารถเริ่มพูดได้ตั้งแต่ตอนนี้ที่มันอยู่แค่ระดับเจ็ด!
ทันใดนั้นเขาก็จำของที่ซื้อจากร้านค้าของระบบได้ ซึ่งเป็นของที่สามารถปรับปรุงพลังความเข้าใจของอสูร!
โครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำไม่สามารถพูดได้ มังกรเพลิงนรกเป็นเพียงตัวเดียว เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะของชิ้นนั้น นั่นคือแต้มพลังงานที่เสียไปอย่างคุ้มค่า!
การพูดภาษามนุษย์จะไม่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมังกรเพลิงนรก ถึงกระนั้นความสามารถนี้ก็หมายความว่าพลังความเข้าใจของมังกรเพลิงนรกนั้นสูงมาก จนอสูรมีแนวโน้มที่จะรับรู้ และมีทักษะบางอย่างด้วยตัวมันเอง! “ มาเลย พูดอย่างอื่นอีก” ซูผิงพูดอีกครั้ง
มังกรเพลิงนรกกำลังพูดเหมือนเด็กสามขวบ มันพูดตะกุกตะกัก ซูผิงต้องคอยสอนมันพูด
“ ธ …วัด?” มังกรเพลิงนรกกระพริบตาด้วยความสับสน
ซูผิงเกิดความคิดนึง “ นับถอยหลัง”
“ วัด ?”
“ เรามาลองทำอะไรง่ายๆ โจรสามพันคน มีนิ้วหัวแม่มือหกพันนิ้ว”
“ต้นไม้…”
มังกรเพลิงนรกติดอยู่เพียงคำเดียว มันกระพริบตาที่โง่เขลาของมัน ซูผิงถูกครอบงำทันทีด้วยเสียงหัวเราะที่ไร้หัวใจ สุนัขมังกรดำหัวเราะจนตัวกระตุก ทำให้น้ำจำนวนมากพุ่งขึ้น ที่ด้านล่างของน้ำพุ โครงกระดูกน้อยยังตัวสั่นเหมือนมันหัวเราะ
ฟ่อ ฟ่อ!
อสรพิษม่วงอ้าปาก ลิ้นของมันบิดเบี้ยว เสียงหัวเราะนั้นน่ากลัวมากพอที่จะทำให้คนอื่นร้องไห้ ซูผิงดีใจที่มังกรเพลิงนรกสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ เขาเชื่อว่าของที่เขาซื้อไม่ได้เป็นปัจจัยสนับสนุนเพียงอย่างเดียว เมื่อเขาอยู่ที่ร้านเขามักจะบอกมังกรเพลิงนรก โครงกระดูกน้อย และสุนัขมังกรดำให้อยู่ในคอกเลี้ยงดู ซึ่งสามารถเลี้ยงดูพวกมันได้
แม้แต่โจแอนนาก็ชอบใช้เวลาว่างในคอกเลี้ยงดู
กลิ่นอายในคอกเลี้ยงดูสามารถพัฒนาพลังแห่งความเข้าใจได้ช้าๆ ผลกระทบไม่ชัดเจนเท่าวัตถุดิบนั้น แต่สามารถสร้างขึ้นได้ทุกวัน
หลังจากที่พวกเขาอาบน้ำเสร็จแล้ว ซูผิงก็บอกให้อสูรไปฝึกกับเทพสวรรค์ ส่วนเขาไปบริโภคสมุนไพรที่ตระกูลจงมอบให้
เขาบอกตัวเองว่าต้องก้าวหน้าให้เร็วที่สุด เขาได้รับการฝึกฝนเร็วกว่านักรบอสูรทั่วไป แต่นั่นก็ยังไม่เร็วพอสำหรับเขา
ตัวอย่างเช่นเขายังไม่สามารถทำให้จระเข้สงครามเป็นอสูรของเขาได้ เขาไม่ได้วางแผนที่จะทำสัญญากับจระเข้สงครามตั้งแต่ต้นแล้ว จะว่าไปแล้วถ้าสระวิญญาณสามารถปล่อยราชาอสูรสภาพสูงสุดได้ และเป็นพวกสายเลือดหายากมากละ?เขาคงหงุดหงิดมากถ้าทำได้แค่นั่งดูมัน
เวลาผ่านไป
พวกเขาใช้เวลาหลายวันในหลุมศพกึ่งเทพ
ซูผิงกำลังจะสิ้นสุดการบ่มเพาะของเขาเช่นกัน สมุนไพรและเคล็ดบ่มเพาะได้ยกระดับเขาจากระดับเจ็ดขั้นต่ำเป็นขั้นสูงภายในไม่กี่วัน!
รากฐานของเขายังไม่มั่นคง อย่างไรก็ตามในครั้งหน้าเขาสามารถกลับไปทำทดสอบบททดสอบสวรรค์อีกรอบได้ หลังจากรากฐานมั่นคง เขาเชื่อว่าเขาจะลดลงมาอยู่ในระดับเจ็ดขั้นกลาง
เมื่อถึงจุดหนึ่งระหว่างการบ่มเพาะของเขา โจแอนนามาหาเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ“ โครงกระดูกน้อยของนายดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ นายอยากไปดูไหม?”
“พัฒนา?”
ซูผิงหยุดการบ่มเพาะ เขาจำสายเลือดของราชาโครงกระดูกได้ โครงกระดูกน้อยดูดซับเสร็จแล้ว?
ด้วยความประหลาดใจ ซูผิงรีบไปกับโจแอนนา
พวกเขาไปที่สนามฝึก
มีเทพแท้จริงและเทพสวรรค์หลายคนอยู่ที่นั่นเช่นกัน ในขณะที่เทพนักรบกำลังยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมด้วยรังไหมสีแดงเลือดตรงกลาง!
รังไหมมีความสูงมากกว่าสองเมตร ซูผิงได้กลิ่นเลือดที่รุนแรงและฉุน แม้ในขณะที่ยืนอยู่นอกสนาม ราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ในนรกที่เต็มไปด้วยเลือด
สัญญาบอกเขาว่ามันคือโครงกระดูกน้อยที่อยู่ในรังไหมสีเลือด
โจแอนนาเรียกเทพสวรรค์ เทพสวรรค์วิ่งไปยังจุดที่ซูผิงอยู่ และตามที่โจแอนนาสั่ง เขาบอกกับซูผิงว่าเกิดอะไรขึ้น
โครงกระดูกน้อยกำลังฝึกฝนวิชาดาบกับเทพสวรรค์ แต่อยู่ๆพลังที่รุนแรงก็พุ่งขึ้นเหนือโครงกระดูกน้อย รังไหมค่อยๆปรากฏขึ้น และห่อหุ้มโครงกระดูกน้อย
“ โครงกระดูกน้อยของนายเป็นลูกหลานของราชาโครงกระดูกหรือเปล่า?”
โจแอนนาจ้องมองรังไหมสีแดงเลือดขณะที่เธอถามซูผิง
ความจริงที่ว่าโครงกระดูกแตกต่างจากตัวอื่นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอ แต่เธอไม่เคยคิดว่าโครงกระดูกน้อยจะเชื่อมโยงกับราชาโครงกระดูก ว่ากันว่าเผ่าพันธุ์ราชาโครงกระดูกได้ถูกปิดผนึกในอาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดธ และต่อมาก็สูญพันธุ์ไป เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ราชาโครงกระดูกมีทายาทที่ยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ในมือของซูผิง ซูผิงพยักหน้า เขาไม่ปกปิดความจริง
โครงกระดูกน้อยไม่ใช่ลูกหลาน มันเพิ่งได้สายเลือดของราชาโครงกระดูกจากผลึกเลือดนั้น
เขาคว้าผลึกเลือดจากอาหารของโครงกระดูกสีขาวที่ทิ้งผลึกเลือดไปแล้ว เขาสามารถจินตนาการได้ว่าโครงกระดูกสีขาวที่เขาเห็นนั้นทรงพลังเพียงใด
“ เผ่าพันธุ์ของราชาโครงกระดูกเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับดวงดาว ว่ากันว่าราชาของพวกเขาได้กลายเป็นเทพ!” โจแอนนาเหล่ตา สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับดวงดาวนั้นเทียบได้กับเทพนักรบ สำหรับราชานั้นควรจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับตัวตนที่แท้จริงของโจแอนนา
ในฐานะที่เป็นลูกหลานของราชาโครงกระดูก โครงกระดูกน้อยมีศักยภาพที่จะกลายเป็นเทพได้ในวันหนึ่ง!