Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 487 หลงเจียงกำลังลำบาก

เรื่อง ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 487 หลงเจียงกำลังลำบาก

“คุณก็ด้วย?”

“…ไม่อีกแล้ว” ปรมาจารย์ดาบเม้มปาก ซูผิงอยู่ที่นี่ ปรมาจารย์ดาบเชื่อว่าเขาจะบอกลาแชมป์ไปได้เลย

แม้จะไม่มีซูผิง แต่ปรมาจารย์ดาบก็ไม่มีความมั่นใจอยู่แล้ว เพราะการแข่งขันในปีนี้ดุเดือดมาก

“ ปรมาจารย์ดาบนี่คือใคร?” ชายคนหนึ่งถาม มีสองคนยืนอยู่ข้างๆปรมาจารย์ดาบ คนหนึ่งเป็นชายชราหลังค่อมผมหงอก ส่วนอีกคนแข็งแกร่งเหมือนหมี “ นี่คือคุณซู ฉายาของเขาคือ…คุณซู ฉายาคุณคืออะไรนะ?”ปรมาจารย์ดาบกำลังจะแนะนำ แต่ก็นึกได้ว่าไม่รู้ฉายาของซูผิง

“ ผมยังไม่ได้อยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ เมื่อผมไปถึงระดับนั้นผมจะให้ฉายาตัวเองว่าเจ้าของร้าน” ซูผิงตอบ ชื่ออย่างจิตวิญญาณคลั่งและราชาดาบถูกยึดครองไปแล้ว และซูผิงก็ไม่สนใจชื่อโง่ ๆ แบบนั้น เขาจะตั้งฉายาให้ตัวเองว่าเจ้าของร้าน เมื่อเขาไปถึงระดับเก้า

มันคงจะเรียบง่ายและสง่างามมาก “ อืม…” ปรมาจารย์ดาบพูดไม่ออก ยังไม่ได้อยู่ระดับกิตติมศักดิ์? ซูผิงกำลังเล่นสนุกอะไรอีกเนี่ย

นอกจากนี้ชื่อ“ เจ้าของร้าน” คืออะไร? มันไม่ได้ฟังดูน่ากลัวเลยสักนิด

ปรมาจารย์ดาบกล่าวว่า“ คุณซู ฉายาเป็นที่รับรู้ของสาธารณะ และคุณไม่สามารถเลือกได้ด้วยตัวคุณเอง ยกตัวอย่างพี่ฉิน เขาได้รับตำแหน่งราชาดาบเนื่องจากทักษะการใช้ดาบของเขา มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักคุณเนื่องจากคุณอยู่แต่ในเมืองฐานหลงเจียงมาโดยตลอด คุณสามารถใช้ประโยชน์จากลีกสูงสุดเพื่อสร้างชื่อได้ คุณจะได้รับฉายาที่ผู้คนเห็นด้วย!”

ฉินชูไห่พยักหน้าเห็นด้วย

“ ผมไม่สามารถเลือกฉายาของตัวเองได้?” ซูผิงพูดไม่ออก แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ มันเป็นเพียงสิ่งที่ผู้คนจะใช้เรียกเขา

“ นั่นคือวิธีการได้ฉายา”ปรมาจารย์ดาบกล่าวต่อ“ นี่คือคุณฮั่ว ฉายาเทพดิน! นี่คือพี่หนิว นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ ฉายาเทพแห่งเลือด ตอนนี้พี่หนิวอาจดูธรรมดา แต่เขาจะดุร้ายอย่างมากตอนต่อสู้”

ชายวัยกลางคนระดับกิตติมศักดิ์ เทพแห่งเลือดยืดคออย่างเขินอาย และพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า“ ไร้สาระ ฉันไม่มีอะไรอย่างนั้น!”

เสียงของเขาหวานจนเลี่ยน เสียงนั้นทำให้นิ้วเท้าของซูผิงงอ

ผู้ชายตัวใหญ่ที่แข็งแกร่งราวกับหมีที่ใช้น้ำเสียงหวานแบบนั้นช่าง… “ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เทพแห่งเลือด เทพแห่งดิน”ฉินชูไห่กล่าวด้วยความเคารพ นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนนี้มีชื่อเสียงมานานหลายปี ซูผิงไม่รู้ว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับสองคนนี้ แต่ฉินชูไห่เคยได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพวกเขา และความสำเร็จของพวกเขา

“คุณซู คุณมาที่นี่เพื่อราชาอสูรร้าย และทักษะในตำนานใช่ไหม?” คุณฮั่วมองซูผิงอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาสัมผัสได้ว่าปรมาจารย์ดาบเคารพชายหนุ่มคนนี้เพียงใด คนที่ได้รับความเคารพนับถือจากปรมาจารย์ดาบต้องไม่ใช่คนทั่วไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้เย่อหยิ่งโอ้อวด ซึ่งทำให้ คุณฮั่วสนใจมากขึ้น “ ราชาอสูรร้ายและทักษะในตำนาน?” ซูผิงไม่เข้าใจ ปรมาจารย์ดาบและเพื่อนทั้งสองของเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซูผิงจะตอบสนองเช่นนี้

ปรมาจารย์ดาบถามว่า“ คุณซู คุณไม่ทราบเรื่องนี้หรอ? รางวัลสำหรับแชมป์ในปีนี้ค่อนข้างดึงดูด ไม่ใช่แค่หินพรสวรรค์ที่มีเป็นประจำทุกปี แชมป์จะได้รับราชาอสูรร้ายโตเต็มวัย และทักษะในตำนาน!

“ ผมได้ยินมาว่าแม้แต่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งระดับตำนานได้หลังจากเรียนรู้ทักษะนั้นและจะมีประโยชน์มากในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับนักรบอสูรในตำนาน!” ซูผิงหันไปหาฉินซูไห่ ฉินชูไห่รู้สึกอายเล็กน้อย “ ผมไม่มีเวลาจะบอกคุณ อันที่จริงเพราะรางวัลที่มากขึ้น มันจึงทำให้มีผู้เข้าร่วมมากขึ้นในปีนี้ และการแข่งขันก็ดุเดือดกว่าครั้งก่อนๆ!” เขาอธิบาย อย่างไรก็ตามซูผิงไม่สนใจเรื่องนี้ เขาต้องการแค่หินพรสวรรค์ “ พวกคุณมาที่นี่เพื่อราชาอสูรร้าย และทักษะในตำนานหรอ?”

ซูผิงถาม ปรมาจารย์ดาบฝืนยิ้ม “ใช่ หินพรสวรรค์ไม่ได้มีความหมายสำหรับเรามากนัก แน่นอนว่ามันเป็นของมหัศจรรย์ แต่ก็ต้องพึ่งโชคส่วนตัว บางครั้งหินพรสวรรค์ก็ไม่เกิดผล แต่ผมคิดว่าผมคงต้องยอมแพ้แล้วตอนนี้เพราะคุณซูกำลังจะเข้าร่วมด้วย ขอให้โชคดีครับคุณซู” ปรมาจารย์ดาบผิดหวัง เขาอยากได้ราชาอสูรร้ายและทักษะในตำนานนั้น ความแข็งแกร่งของเขาจะสูงขึ้นถ้าเขาได้รับรางวัลเหล่านั้น เขาอาจหาวิธีที่จะไปถึงระดับตำนานได้ด้วยความช่วยเหลือของทักษะในตำนานนั่น อย่างไรก็ตาม เขาเคยเห็นอสูรของซูผิง โครงกระดูกน้อยแสนดุร้ายตัวนั้น

ด้วยอสูรเช่นนั้นมีโอกาสมากที่ซูผิงจะได้ที่หนึ่ง

ทั้ง คุณฮั่วและเทพแห่งเลือดต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์ดาบ เขามีความมั่นใจมากก่อนหน้านี้ แต่ทำไมถึงล้มเลิกหลังจากที่ได้ยินว่าคุณซูคนนี้จะแข่งขันด้วย? ทั้งคู่รู้จักปรมาจารย์ดาบเป็นอย่างดี พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายหนุ่มจะร้ายกาจมากจนแม้แต่ปรมาจารย์ดาบก็กลัวจะแข่งขันด้วย ทั้งสองแสดงออกอย่างงุนงง

“ ได้เลย”

ซูผิงพยักหน้า เขาไม่ได้พยายามที่จะพูดเรื่องที่ปรมาจารย์ดาบยอมแพ้ เพราะซูผิงจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ดาบบนเวที ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งคู่ตั้งเป้าที่จะได้ที่หนึ่ง ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถเอาชนะการแข่งขันของพวกเขาได้ พวกเขาก็จะต้องเจอกันบนเวที คุณฮั่วกับเทพแห่งเลือดยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น “คุณซูนี่ต้องเป็นครั้งแรกของคุณในเมืองฐานสายรุ้ง คืนนี้ให้ผมเลี้ยงอาหารเย็นคุณได้ไหม?” ปรมาจารย์ดาบกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาปกปิดความผิดหวัง

“ดีเลย”

ซูผิงพยักหน้า “ น้องฉินทำไมคุณไม่ไปกับเราล่ะ” ปรมาจารย์ดาบกล่าวกับฉินชูไห่ แม้จะประหลาดใจแต่ฉินชูไห่รับคำในทันที

ในระหว่างนี้ ในห้องส่วนตัวสุดหรูที่สนาม ผู้คนในห้องส่วนตัวสามารถชมมุมมองสนามทั้งหมดได้ มีคนสามคน คนที่ยืนอยู่ตรงกลางถือแก้วไวน์ และอีกสองคนยืนก้มหน้าอยู่ข้างหลัง

ผู้คนจะต้องประหลาดใจที่เห็นทั้งสองปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเคารพและเชื่อฟังเช่นนี้ เพราะทั้งคู่ต่างเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดที่รู้จักกันดี

“ พร้อมหรือยัง?” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกมองไปที่สนาม เขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างปรมาจารย์ดาบและเทพแห่งเลือด พวกเขากำลังสนทนากับใครบางคน เขาไม่สนใจ ดังนั้นเขาจึงมองผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว เขารู้จักคนเช่นปรมาจารย์ดาบและเทพแห่งเลือด ทั้งคู่เป็นนักรบอสูร “อายุน้อย” ที่โดดเด่น และสามารถเติบโตเป็นนักรบอสูรในตำนานได้!

แต่สิ่งนี้จะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้ ถ้าทำได้พวกเขาจะมีความสามารถมากจนแม้แต่หอคอยก็ยังให้ความสำคัญกับพวกเขา ชายวัยกลางคนมองผ่านคนอื่น ๆ ในบริเวณนี้ ชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาตอบด้วยความเคารพ“ ท่านครับพวกเราพร้อมแล้ว?”

“ เหยื่อติดกับแล้ว มาดูกันว่าเราจะหาปลาได้กี่ตัว…” ชายวัยกลางคนเหล่ตา และแสยะยิ้ม

คืนนั้นปรมาจารย์ดาบรับบทเป็นเจ้าภาพ และจองห้องในร้านอาหารราคาแพงที่อยู่ใกล้ ๆ ซูผิงสังเกตเห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ และราคาอาหารทำให้เขาประหลาดใจ ร้านอาหารทำเงินได้ดีกว่าที่เขาคิด! “ ตับมังกรในซอสสีน้ำตาล เต้านมฟีนิกซ์ต้มกับข้าวสาลีอบ…”

ปรมาจารย์ดาบสั่งอาหารบางส่วนจากนั้นส่งเมนูให้ซูผิง เขาเลือกบางอย่างตามรูปภาพอ้างอิง และคำแนะนำ อาหารแต่ละจานมีราคาอย่างน้อยกว่าแสนเหรียญ คืนนี้พวกเขาจะต้องจ่ายเป็นล้านๆ และพวกเขาไม่ได้สั่งไวน์ใด ๆ เลยเพราะจะมีการแข่งขันในวันรุ่งขึ้น ใคร ๆ ก็รู้ว่าไวน์แพงกว่าอาหารเสมอ

ใช้กฎเดียวกันในร้านอาหาร แอลกอฮอล์ถูกกลั่นจากอสูรร้ายขั้นสูง

ซูผิงหลับตาและลิ้มรสอาหาร เขามักจะกลับไปทานอาหารที่บ้าน ไม่เคยลองอะไรที่แปลกใหม่ หลังอาหารค่ำ เมื่อรู้ว่าซูผิงยังหาโรงแรมไม่ได้ ปรมาจารย์ดาบก็ช่วยซูผิงจองห้อง ซูผิงบอกให้ฉินซูไห่กลับไปที่ห้องกับเขา จากนั้นซูผิงก็รู้ว่าฉินซูไห่ไม่ได้จองห้องที่เดียวกัน เขาจองห้องพักในโรงแรมใกล้ๆ

เอกลักษณ์ พลัง และความมั่งคั่ง!

ซูผิงได้เห็นตัวแทนของทุกอย่างนี้อยู่ในตัวปรมาจารย์ดาบ

นักรบอสูรกิตติมศักดิ์อยู่ในระดับที่แตกต่าง ในเมืองฐานทั่วไป นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพสูงสุด แต่ในเมืองฐานแห่งนี้ มีเพียงคนอย่างปรมาจารย์ดาบที่อยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดเท่านั้นถึงได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ ผู้คนจะจำเขาได้ ในทางตรงกันข้ามฉินชูไห่ไม่เป็นที่รู้จัก หนึ่งวันและหนึ่งคืนผ่านไป ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น วันถัดไปซูผิงลุกขึ้นมาอย่างสดชื่น และไปที่ห้องรับรอง

เขาสั่งอาหารเช้า เขาใช้เหรียญดวงดาวที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงานได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจ เขาสั่งอาหารเช้าให้ตัวเองอย่างฟุ่มเฟือย เมื่อเขาไปจ่ายบิล เขาก็รู้ว่าเขาใช้เงินหนึ่งล้านกับอาหารเช้าของเขาคนเดียว ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

แต่นี่ไม่ใช่การเสียเงินทั้งหมด ซูผิงตระหนักได้ในคืนก่อนหน้านั้นว่าแม้อาหารจะแพง แต่ก็สุดยอด มีพลังดวงดาวอยู่ในอาหาร ซูผิงรู้สึกว่าพลังดวงดาวของเขาจะดีขึ้นถ้าเขาสามารถกินอาหารหลายๆมื้อที่นี่ แน่นอนว่าการพัฒนาในรูปแบบนี้จะไม่สำคัญสำหรับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ กลายเป็นว่าคนรวยไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิด พวกเขากำลังมีความสุขอย่างที่ฉันคาดไม่ถึง! ซูผิงอุทานกับตัวเอง ไม่นานนักปรมาจารย์ดาบก็ลงมา และเชิญซูผิงมาทานอาหารเช้า แต่ซูผิงบอกว่าเขากินแล้ว พวกเขาออกจากที่พักกันทันทีที่ปรมาจารย์ดาบทานอาหารเช้าเสร็จ “ การแข่งขันอย่างเป็นทางการเริ่มตั้งแต่วันนี้ แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น”

“จะถึงคราวของผู้ที่เพิ่งขึ้นสู่ระดับกิตติมศํกดิ์ได้อุ่นเครื่องบนเวที “ปรมาจารย์ดาบกล่าว เขาเคยเข้าร่วมในลีกสูงสุดมาก่อน และคุ้นเคยกับกฎเป็นอย่างดี ซูผิงเลิกคิ้ว “ การแข่งขันรอบสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่?”

“ อีกไม่กี่วัน” ปรมาจารย์ดาบตอบ “ผมคิดว่าคุณสามารถขึ้นไปบนเวที และแสดงทักษะบางอย่างของคุณ ท้ายที่สุดคุณยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากพอในหมู่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ คุณสามารถเปิดตัว และให้คนรู้จักคุณได้ ด้วยวิธีนี้ผู้คนจะจดจำคุณได้ไม่ว่าคุณจะไปที่ใดในอนาคต นี่จะเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับคุณในการสร้างความสัมพันธ์” ซูผิงไม่ได้รับปากอะไร พวกเขามาถึงสนาม และพบกับเทพแห่งดินและเทพแห่งเลือด ทั้งสองคิดว่าพวกเขาอาจจะได้เห็นว่าซูผิงแข็งแกร่งแค่ไหนในวันนี้ปรมาจารย์ดาบต้องการพูดคุยกับเพื่อนของเขาให้ยอมแพ้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้พบกับซูผิง สัตว์ประหลาดบนเวที และพวกเขาจะแพ้

แต่ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมที่จะชักชวนให้คนอื่นยอมแพ้ ท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้ของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจของพวกเขา ปรมาจารย์ดาบตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร พวกเขาเข้าไปข้างใน และซูผิงก็เห็นฉินชูไห่ที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา ซูผิงยังเห็นกลุ่มคนจากตระกูลถังในระยะไกล เช่นเดียวกับเซี่ยกัง แต่เซี่ยกังไม่สังเกตเห็นซูผิง เขากำลังสนทนากับคนอื่น ๆ “ คนเหล่านี้คือสมาชิกหลักขององค์กรดวงดาว พวกเขาทั้งหมดอยู่ในจุดสูงสุดของระดับกิตติมศักดิ์”ปรมาจารย์ดาบกล่าว ซูผิงพยักหน้า เทพแห่งดินอยากรู้ “คุณซูคุณรู้จักคนจากองค์กรดวงดาวด้วยหรอ?”

“ รู้” ซูผิงพยักหน้า และพูด“ ผมมีเรื่องกับพวกเขานิดหน่อย” ปรมาจารย์ดาบเม้มปาก แน่ใจนะว่านิดหน่อย ?นายเกือบจะต่อยผู้ชายคนนั้นจนตาย

“ มันเริ่มแล้ว”ปรมาจารย์ดาบมองไปที่เวที พวกเขาเจอที่นั่ง สนามอัดแน่นไปด้วยฝูงชน ผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่ผู้ชมเป็นนักรบอสูรมากกว่าคนทั่วไป สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีจะซับซ้อนเกินกว่าที่คนทั่วไปจะมาชื่นชม นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเสียง คนปกติจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ด้วยตาเปล่า และในที่สุดก็จะพากันเบื่อ ลีกนักรบนั้นเหมาะสำหรับคนทั่วไปมากกว่า

ยิ่งระดับการแข่งขันสูงขึ้นเท่าใด ผู้ชมก็จะยิ่งเจาะจงมากขึ้นเท่านั้น นั่นเป็นเรื่องปกติ ไม่นานคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ตัดสินก็ขึ้นมาบนเวที เขายืนอยู่กลางอากาศและประกาศกฎ

มีการแข่งขันหลายรูปแบบ อย่างแรกคือการจับฉลาก ผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่ได้รับการคัดเลือกจากรอบเบื้องต้น และนักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะจับฉลากเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ

ผู้เข้าร่วมทุกคนจะมีโอกาสสองครั้ง เมื่อใดก็ตามที่มีคนแพ้ในรอบนั้นๆจะมีการจับสลากอีกครั้งสำหรับการท้าทายครั้งที่สอง แต่ถ้าพวกเขาพ่ายแพ้สองครั้งก็จะต้องยอมรับชะตากรรมที่น่าเศร้านั้น วิธีที่สองคือการปกป้องเวที นักรบอสูรกิตติมศักดิ์บางคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดสามารถขึ้นสู่เวทีได้ หากไม่มีการท้าทายใด ๆ หลังจากการพยายามสองครั้งติดต่อกัน นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะเข้าไปสู่รอบถัดไปทันที นั่นเป็นวิธีพิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับผู้มีอำนาจ มันจะช่วยประหยัดเวลา และพลังงาน แถมยังเป็นวิธีการแสดงให้เห็นถึงสถานะของนักรบอสูรขั้นสูงสุดเหล่านั้น

“ นั่นใช่ผู้นำตระกูลฉินหรือเปล่า? ลือกันว่าเขาตายไปแล้ว มันเหลือเชื่อมากที่เห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่” ทันใดนั้นปรมาจารย์ดาบก็สังเกตเห็นใครบางคน เทพแห่งดินและเทพแห่งเลือดหันไปมองด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เทพแห่งดินลดเสียงลง“ เขาคนนั้นหายไปจากแวดวงมานานกว่าร้อยปีแล้ว เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”

“ ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลฉินสามารถรักษาสถานะของพวกเขาในเมืองฐานหู่โขวได้ ปรากฎว่าเขาคนนี้สนับสนุนตระกูลอย่างลับๆอยู่”

“ ฉันคิดว่าราชาอสูรร้าย และทักษะในตำนานนั้นน่าดึงดูดทีเดียว แม้แต่คนเหล่านั้นก็ยังออกมา”เมื่อสังเกตเห็นว่าซูผิงมีความอยากรู้อยากเห็น ปรมาจารย์ดาบก็อธิบายว่า“ ชายชราคนนั้นไปถึงระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดเมื่อร้อยปีก่อน จากนั้นก็หายตัวไปหลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ ผมคิดว่าเขาตายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขารอดชีวิตมาได้ ผมคิดว่าคุณปู่ของผมยังเป็นเด็กทารกอยู่เลยตอนที่เขาสร้างชื่อให้ตัวเอง”

ซูผิงมองไปที่คน ๆ นั้น ชายชรามีผมสีเทา สวมเสื้อคลุมสีฟ้าซึ่งทำให้เขาดูสง่างาม เขาถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ซึ่งสวมเสื้อคลุมสีฟ้าเช่นกัน ราวกับว่าเขารู้สึกถึงการจ้องมอง ชายชราหันมามอง เขาพยักหน้าให้ปรมาจารย์ดาบ และเทพแห่งดินก่อนเบือนหน้าหนี

สำหรับซูผิงที่เป็นคนแปลกหน้าเขาไม่ได้สนใจ

ซูผิงไม่แม้แต่จะหลบสายตา ชายชราไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะให้ความสนใจกับคนที่ไม่รู้ว่าจะซ่อนการจ้องมองคนอื่นยังไง “ ผู้นำตระกูลฉินอยู่ที่นี่ คราวนี้ราชาอสูรร้ายอยู่ไกลเกินเอื้อมแหะ” เทพแห่งดินกล่าว แต่เขาไม่ได้ดูกลัวขนาดนั้น

เทพแห่งเลือดมองไปที่คนนั้นด้วยสีหน้ากังวล ปรมาจารย์ดาบสังเกตเห็น และยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นส่ายหัวและถอนหายใจ ซูผิงคนเดียวเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้ ปรมาจารย์ดาบรู้สึกดีใจที่เขาตัดสินใจออกจากการแข่งขัน และมาดูเพื่อความสนุก มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันเพียงใด

ในขณะที่พวกเขาคุยกันรอบแรกก็เริ่มขึ้นซูผิง เทพแห่งดินและ เทพแห่งเลือดไม่ได้ไปจับฉลาก พวกเขาจะปกป้องเวที เป็นความเห็นพ้องเริ่มต้นว่าการจับฉลากเป็นวิธีการที่ใช้เพื่อให้โอกาสแก่“ ผู้มาใหม่” ส่วนคนที่สามารถคว้า 10 อันดับแรกหรือแม้กระทั่งได้แชมป์ก็จะยังไม่เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนนี้ สองคนแรกบนเวทีเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคน การต่อสู้ครั้งใหญ่ใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว ทั้งสองเรียกอสูรทั้งหมดของพวกเขา อย่างไรก็ตามฝ่ายหนึ่งที่อยู่ระดับสูงกว่าเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว นัดเปิดสนามค่อนข้างเข้มข้น และบรรยากาศที่สนามก็ลุกเป็นไฟ

จากนั้นกลุ่มที่สอง และกลุ่มที่สาม … ผู้คนเริ่มตื่นเต้นมากขึ้น ทันใดนั้นซูผิงสังเกตเห็นว่าผู้นำตระกูลถังที่เขาพบเมื่อวันก่อนเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมกลุ่มใหม่ เธอก็ทำเช่นนี้หรอ? ในขณะที่ซูผิงยังคงสับสน ฝ่ายตรงข้ามของเธอซึ่งเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ก็ขึ้นไปบนเวที

การต่อสู้ของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้น

อสูรของเธอล้วนแต่เป็นอสูรหายากระดับ เก้าและพวกมันก็เป็นวัยผู้ใหญ่ทั้งหมด อสูรหลักของเธออยู่ในระดับเก้า คำสั่งของหญิงสาวนั้นเหมาะสมและถูกต้อง อสูรหลักของเธอสำรวจเส้นทาง และพึ่งพาตัวเองเพื่อทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้

เธอชนะอย่างรวดเร็ว เร็วจนเหมือนไม่มีการต่อสู้! นักรบอสูรระดับปรมาจารย์ชนะนักรบอสูรกิตติมศักดิ์

เธอชนะ!

ผู้ชมต่างตื่นเต้นจนแทบบ้า เกือบทุกคนในปัจจุบันเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่น่าเชื่อขนาดไหน ช่องว่างระหว่างระดับปรมาจารย์กับระดับกิตติมศักดิ์ไม่ใช่สิ่งที่จะข้ามได้ง่ายๆ นักรบอสูรระดับปรมาจารย์สามารถแบ่งปันวิสัยทัศน์ การรับรู้ และอื่น ๆ ของอสูรได้ แต่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์นั้นน่ากลัวยิ่งกว่า!

นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามารถประสานพลังดวงดาวกับอสูรของพวกเขาได้! พวกเขาสามารถถ่ายทอดพลังของอสูรทั้งหมดเข้าสู่ตัวเอง และยังสามารถถ่ายทอดพลังดวงดาวทั้งหมดของพวกเขาให้กับอสูรของพวกเขาได้อีกด้วย!

นั่น…ไม่ใช่หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง มันมากกว่าสาม

อสูรระดับเก้าขั้นต่ำสามารถระเบิดความแข็งแกร่งของขั้นกลางได้เมื่อได้รับพลังดวงดาวจากนักรบอสูรที่ต่ำกว่าระดับเก้า! อสูรระดับเก้าขั้นสูง – เมื่อได้รับพลังดวงดาวจากนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดจะสามารถระดมพลังได้มากพอที่จะทัดเทียมกับราชาอสูรร้าย! การเปรียบเทียบคือตอนที่ซูผิงชกม่านพลัง และผู้คนเริ่มคิดว่าเขาอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด แต่แน่นอนว่าอสูรที่อยู่ในระดับเก้าขั้นสูงสุดนั้นไม่ใช่ราชาอสูรร้าย ยังคงมีความแตกต่างที่กว้างใหญ่อยู่ระหว่างนั้น

ถึงแม้จะมีความสามารถเช่นนี้ แต่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ก็แพ้ ทุกคนตะโกนเรียกชื่อหญิงสาว

ในที่สุดซูผิงก็ค้นพบชื่อของเธอ: ถังยู่หยู

ยู่หรานและยู่หยู

หญิงสาวที่อ่อนโยนและเย็นชา

ซูผิงขมวดคิ้วขณะที่จ้องมองเธอ เขาคิดถึงถังยู่หราน และแค่นเสียง

ถังยู่หยู! ดูเหมือนว่าว่าที่ผู้นำตระกูลจะเป็นที่รู้จักนับแต่วันนี้ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของทุกคน หญิงสาวก้าวลงจากเวทีอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าชัยชนะของเธอนั้นไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึง เธอเหลือบมองซูผิง และสบตากับเขา 0.1 วินาที ในขณะที่เธอกำลังลงจากเวที ซูผิงตรวจพบร่องรอยของความเย็นชาที่ซ่อนอยู่

มันเป็นเพียงชั่วอึดใจเดียว แต่ซูผิงสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่า เขาสามารถบอกได้ว่าหญิงสาวมีเจตนาร้าย เธอพยายามซ่อนมัน แต่เขาสังเกตเห็น …

ซูผิงหรี่ตา ตระกูลถังไม่ยอมแพ้ใช่มั้ย? แต่เขาไม่ต้องการมีปัญหากับตระกูลถังเพียงเพราะเหตุนี้ เหมือนก่อนหน้านี้เขากำลังจะปล่อยให้มันผ่านไป แน่นอนเว้นแต่ตระกูลถังต้องการที่จะทำให้เขาไม่พอใจอีกครั้ง จนกว่าจะถึงเวลานั้นตระกูลถังจะต้องระงับเจตนาฆ่าของพวกเขา เจตนาฆ่าที่ถูกระงับไว้ตลอดชีวิตจะไม่เป็นเจตนาฆ่าอีกต่อไป

มันคือ …

การครอบงำ!

อีกกลุ่มขึ้นไปบนเวทีไม่นานหลังจากที่หญิงสาวลงจากเวที

ในขณะที่ทั้งสองกำลังแข่งขันกัน ซูผิงก็ได้ยินเสียงบี๊บ มันเป็นเสียงโทรศัพท์ของฉินชูไห่

ฉินชูไห่รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าหมายเลขนั้นมาจากฉินตู้หวง เขาคิดว่าฉินตู้หวงกำลังจะถามเขาว่าได้ไปรับซูผิงไหม เขารับสาย “สวัสดีครับ”

“ ชูไห่การแข่งขันเริ่มแล้วหรือ”ฉินตู้หวงถาม เขาฟังดูกังวลและกระวนกระวาย

ฉินชูไห่แทบจะไม่เคยเห็นผู้อาวุโสของเขาตื่นตระหนกเช่นนี้ “ เพิ่งเริ่ม เรื่องคุณซู? ผมไปรับเขามาแล้ว เขานั่งอยู่ข้างๆผม”

“ดี กลับมาเดี๋ยวนี้ พาคุณซูกลับมาด้วย มีบางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองฐานหลงเจียง!”ฉินตู้หวงกล่าว

ฉินชูไห่ตะลึง “อะไร?”

“ อสูรร้ายกำลังรวมตัวกันนอกเมืองฐาน ฉันคิดว่าการอาละวาดกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า มีการตรวจพบราชาอสูรบนเรดาห์ อย่าเข้าเมืองจากทางด้านตะวันออก ระวังตัวด้วยตอนเดินทางกลับ”ฉินตู้หวงจริงจัง

“ ราชาอสูร?”ฉินชูไห่หน้าซีด “ ได้ยังไง? ตอนนี้อสูรร้ายอยู่ในเมืองฐานหรือยัง?”

“ยัง อสูรร้ายรวมตัวกันอยู่ โอเคฉันต้องวางสายแล้ว ฉันต้องโทรหาเพื่อนเก่า และขอความช่วยเหลือจากพวกเขา”ฉินตู้หวงวางสายทันที

“มีอะไร?” ซูผิงสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ฉินชูไห่ใช้ม่านพลังกันเสียงตอนที่เขารับสาย และซูผิงไม่ได้อยากจะสอดรู้สอดเห็น

“คุณซูมีเรื่องเกิดขึ้นที่เมืองฐาน ผมได้ยินมาว่าอสูรร้ายกำลังรวมตัวกันนอกเมืองฐาน และมีราชาอสูรร้าย ในไม่ช้าอาจมีการอาละวาด”เสียงฉินชูไห่ฟังดูประหม่า

ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ อสูรร้าย? ปรมาจารย์ดาบมองไปที่ซูผิงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เมืองฐานหลงเจียงเป็นบ้านเกิดของเขา “ ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้อสูรร้ายอยู่ในเมืองหรือเปล่า” ซูผิงถามอย่างรีบร้อน เขานึกถึงแม่ของเขา แต่ส่วนใหญ่เธอมักอยู่ในขอบเขตของร้าน จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอตราบเท่าที่เธอยังอยู่ที่นั่น “ยัง มันยังคงรวมตัวกันอยู่”ฉินชูไห่ขมวดคิ้ว

“คุณซูผมไม่สามารถอยู่กับคุณได้แล้ว ผมต้องไปหาเพื่อนแล้วค่อยกลับไป”

ซูผิงถอนหายใจ เขายังมีเวลากลับไป การแข่งขันบนเวทีเพิ่งจบลง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซูผิงก็ตัดสินใจ “ตกลง คุณไปก่อน และผมจะตามไป ระวังด้วย” เมื่อพูดอย่างนั้นเขาก็กระโดดลง และบินไปที่เวที

ผู้ตัดสินรวมถึงนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนที่กำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันต่างก็ตกใจ

“คุณคือ?” ผู้ตัดสินถามด้วยความสับสน น้ำเสียงของเขาอ่อนลงเนื่องจากซูผิงบินขึ้นมาบนเวที “ ผมขอโทษ” ซูผิงพูดกับผู้ตัดสิน และหันไปตะโกนใส่เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์“ ฉันชื่อซูผิงมาจากหลงเจียง ฉันมาที่นี่เพื่อคว้าแชมป์ และฉันจะชนะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังรีบ ใครที่อยากได้แชมป์ก็มาสู้กับฉันซะ ถ้าไม่มีใครมา ฉันจะเป็นแชมป์!”

อ่านตอนอื่นๆของ ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store คลิกเลย

แฟนเพจ