คำพูดของซูผิงดึงผู้อาวุโสหยานกลับสู่ความเป็นจริง เขาหันไปมองที่ห้องส่วนตัว ราชาแดนเหนือยืนอยู่ที่นั่นพยักหน้าให้เขา
ราชาแดนเหนืออนุญาต พวกเขาจะไม่ให้ซูผิงรับผิดชอบงั้นเหรอ?
แม้จะประหลาดใจ แต่ผู้อาวุโสหยานก็เข้าใกล้ซูผิง ผู้อาวุโสหยานเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายขณะที่เขาจ้องมองชายหนุ่มที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง ตอนแรกเขาคิดว่าซูผิงเป็นแค่เด็กซุกซน แต่ ณ จุดนี้ซูผิงได้พิสูจน์ตัวเองแล้วเขาคือผู้ท้าทายโชคชะตา!
เป็นเวลานานมากแล้วที่พวกเขาไม่มีผู้ท้าทายโชคชะตา
แม้แต่นักรบอสูรที่มีชื่อเสียงอย่างปรมาจารย์ดาบก็ไม่ได้รับเกียรตินั้น
เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วตอนที่โลกต้อนรับผู้ท้าทายโชคชะตาคนสุดท้าย!
ในตอนนั้นผู้ท้าทายโชคชะตาเป็นนักรบอสูรที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านการต่อสู้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ไปถึงระดับตำนาน อย่างไรก็ตามเขาเสียชีวิตอย่างน่าเสียดายตอนทำหน้าที่ที่ถ้ำลึก นั่นเป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับมนุษยชาติ
“ผมกำลังประกาศผู้ชนะของลีกสูงสุดประจำปีนี้ นั่นคือคุณซู ผู้ท้าทายโชคชะตา!”
ผู้อาวุโสหยานเคารพมากเมื่อเขาพูดถึงซูผิง เขามองไปรอบ ๆ ขณะที่เขาประกาศผล นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ดูเหมือนจะไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้มากนัก แต่ก็ไม่มีใครต่อต้าน
ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับผู้ท้าทายโชคชะตา
ไม่มีใครขัดข้อง ผู้อาวุโสหยานกล่าวกับซูผิงว่า“ ผู้ท้าทายโชคชะตาซู ผมขอโทษก่อนหน้านี้ด้วย โปรดยกโทษให้ผม! “ คุณคือแชมป์ องค์การการค้าเสรีจะมอบรางวัลแก่คุณ ราชาอสูรร้าย และหนังสือทักษะในตำนาน ซึ่งอีกสองสามวันจะมาถึง โปรดเข้าใจว่าเรามักจะไม่ประกาศแชมป์ในวันแรก ดังนั้น…” ผู้อาวุโสหยานมองไปที่ซูผิงอย่างใจจดใจจ่อ วิธีที่เขาพูดกับซูผิงแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ผู้ท้าท้ายโชคชะตามักจะมีความชัดเจนมากกว่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์คนอื่นๆเสมอ พวกเขาเป็นรองแค่นักรบอสูรในตำนานเท่านั้น!
แม้แต่นักรบอสูรในตำนานบางคนก็ปฏิบัติต่อผู้ท้าทายโชคชะตาด้วยความเคารพ ท้ายที่สุดเมื่อผู้ท้าทายโชคชะตากลายเป็นนักรบอสูรในตำนาน พวกเขาจะน่าเกรงขามที่สุด
“ ไม่เป็นไร” ซูผิงตอบ สำหรับเขาเขาไม่ได้สนใจราชาอสูรร้าย และอสูรร้ายขนาดนั้น
“แค่หินก็พอ คุณสามารถส่งของอีกสองชิ้นไปที่บ้านของผมได้ ผมไม่มีเวลากลับมาที่นี่อีก” ผู้อาวุโสหยานดีใจที่ซูผิงไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น ทันใดนั้นผู้อาวุโสหยานก็ตระหนักได้ว่าผู้ท้าทายโชคชะตาซู ผู้ไร้หัวใจนี้ไม่ใช่คนที่จะโต้ตอบเหมือนที่พวกเขากำลังสนทนากันตามปกติ “
“ได้ แน่นอน เราจะมอบหินพรสวรรค์ให้คุณทันที กรุณานั่งรอสักครู่” ผู้อาวุโสหยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูผิงพยักหน้า เขาจำได้ว่าราชาแดนเหนือบอกให้ไปหา เขาต้องยอมรับความจริงที่ว่าราชาแดนเหนือเป็นนักรบอสูรในตำนาน ซูผิงเก็บสุนัขมังกรดำ และมังกรเพลิงนรก จากนั้นเขาก็บินไป
เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ต่างจ้องมองขณะที่ซูผิงไปที่ห้องส่วนตัวของราชาแดนเหนือ
ภายในห้องส่วนตัว
โห่!
ราชาแดนเหนือส่ายหัวและถอนหายใจเมื่อซูผิงเข้ามา เมื่อซูผิงเข้ามาแล้วราชาแดนเหนือก็สร้างม่านพลังเพื่อไม่ให้ใครเห็นหรือได้ยินพวกเขา
“ผู้ท้าทายโชคชะตาซู คุณรู้ไหมว่าทำไมปีนี้ของรางวัลถึงแตกต่างออกไป” ราชาแดนเหนือถอนหายใจอีกครั้ง ซูผิงเลิกคิ้ว จากการสนทนาก่อนหน้านี้ และการปรากฏตัวของนักรบอสูรในตำนานจากตระกูลฉิน ซูผิงเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“มีนักรบอสูรในตำนานซ่อนตัวอยู่ใช่มั้ย?”
ราชาแดนเหนือยิ้มอย่างฝืน ๆ “ คุณรู้ไหมว่าทำไมเราถึงทำอย่างนั้น?”
“ มันเกี่ยวกับถ้ำลึกหรือเปล่า?”
“ ใช่!”
ราชาแดนเหนือถอนหายใจอีกครั้ง “ เมื่อเร็ว ๆ นี้อสูรร้ายในถ้ำลึกกำลังปั่นป่วน นักรบอสูรในตำนานบางคนที่รับใช้ที่นั่นได้ล่วงลับไปแล้ว เรากำลังต้องการคนจำนวนมากที่นั่น ผมวางเหยื่อและในที่สุดเราก็ล่อคนออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ถูกคุณฆ่า ตอนนี้ผมโกรธมาก!” ซูผิงดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ ราชาแดนเหนือใจแคบไปหน่อยที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนั้น
“ เนื่องจากคุณได้สูญเสียนักรบอสูรในตำนานหลายคนที่ถ้ำลึกแล้ว เสียอีกสักคนจะเป็นอะไร? นอกจากนี้เขายังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ด้วย เขาจะไม่เป็นประโยชน์กับคุณมากนักหรอก” ซูผิงชี้ให้เห็น
ราชาแดนเหนือยิ้มด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ ผู้อาวุโสตระกูลฉินนั้นไม่ได้โดดเด่นในหมู่นักรบอสูรในตำนานก็จริง และเขามีราชาอสูรร้ายเพียงตัวเดียว แต่นั่นเป็นเพราะเขาพยายามซ่อนตัว ไม่กล้าออกมาค้นหาราชาอสูรร้าย เขาไม่สามารถสื่อสารกับนักรบอสูรในตำนานคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน เขาทำงานหลังประตูที่ปิดสนิท”
“นักรบอสูรในตำนานอย่างเราจะมอบราชาอสูรร้ายให้เขามากขึ้น และมอบหนังสือทักษะให้เขาฟรีหลังจากที่เขาเข้าร่วมหอคอย ในไม่ช้าเขาจะเหนือขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างน้อยก็ต้องก้าวหน้าขึ้นสองเท่า เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะมีส่วนร่วมในถ้ำลึก”
“ โอ้”
ราชาแดนเหนือ:“ …คุณหมายถึงอะไร? โอ้”
“หมายความว่าผมได้ยินคุณ” ซูผิงพูด“ แต่มันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ? ไม่ว่าเขาจะสามารถรับใช้ที่ถ้ำลึกได้หรือไม่ได้ คุณกำลังบอกว่าผมควรจะยกโทษให้เขาเพียงเพราะเขาสามารถปกป้องถ้ำลึก? ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่าผมจะฆ่าอสูรร้ายให้มากเป็นสองเท่าเมื่อผมกลายเป็นนักรบอสูรในตำนาน เพื่อที่ผมจะได้ชดเชยการสูญเสียของคุณ!” ใบหน้าของราชาแดนเหนือเปลี่ยนเป็นสีซีด “ ผมเข้าใจว่าคุณมีความสามารถเช่นนั้น ผมสามารถพูดได้ว่าคุณเก่งพอ ๆ กับนักรบอสูรในตำนานทั่วไปอยู่แล้ว และคุณมีคุณสมบัติที่จะรับใช้ถ้ำลึกตามความแข็งแกร่งของคุณ เราจะคัดเลือกคุณไปแล้วหากไม่ใช่เพราะกฎ แต่กฎก็คือกฎ คุณเป็นชายหนุ่มที่มีแนวโน้ม แต่ยังไม่ใช่ระดับตำนาน”
“ นอกจากนี้ผมสงสัยว่ามีนักรบอสูรในตำนานซ่อนอยู่ที่นี่อีก อย่างไรก็ตามเพราะคุณผู้อาวุโสจากตระกูลฉินจึงไม่สามารถนั่งนิ่งได้”
“เพราะคุณนักรบอสูรในตำนานอื่น ๆ จึงไม่กล้าที่จะออกมา การเดินทางของผมที่นี่คือเพื่อไล่ล่า คุณมีความคิดบ้างไหมว่าตอนนี้เราอยู่ในภาวะฉุกเฉินแบบไหน? คุณกำลังทำลายภารกิจของเรา!” ซูผิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด “ แผนของคุณคือแผนของคุณ ผมไม่รู้อะไรเลย มันไม่ใช่ว่าผมตั้งใจ ลีกสูงสุดก่อตั้งขึ้นเพื่อเลือกแชมป์ที่ต่ำกว่าระดับตำนาน ข้อแรกระดับของผมไม่เกินขีดจำกัด และอีกอย่างการต่อสู้ของผมไม่ผิดกฎใด ๆ ผมฆ่านักรบอสูรในตำนานจริง แต่การเข้าร่วมของเขาผิดกฎ การต่อสู้ของผมกับเขาไม่ควรถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของลีกสูงสุด”
“ ไม่ว่าคุณจะมองยังไง คุณก็ไม่สามารถกล่าวหาว่าผมทำผิดอะไรได้ ความผิดเดียวที่ผมจะยอมรับคือความบังเอิญที่เลวร้าย ผมอาจจะได้ร่วมงานกับคุณ ถ้าคุณบอกผมก่อน”
“บ้านเกิดผมกำลังถูกอสูรร้ายโจมตี หากคุณยินดีที่จะให้หอคอยส่งนักรบอสูรในตำนานมาช่วย ผมก็ยินดีที่จะนั่งอยู่เงียบ ๆ และเข้าร่วมขั้นตอนทั้งหมดของการแข่งขัน”ซูผิงกล่าวเสริม
ราชาแดนเหนือโกรธมากจนเขาพูดไม่ออก
เขาตระหนักดีว่าในวันนี้โชคไม่เข้าข้าง เขาไม่สามารถคาดเดาการปรากฏตัวของคนอย่างซูผิงได้
ในทางทฤษฎีแล้วนักรบอสูรกิตติมศักดิ์อย่างซูผิงน่าจะมีชื่อเสียงไปทั่วโลก แต่เขากลับไม่เคยได้ยินชื่อผู้ชายคนนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อ และได้พบกับเขา
“ หอคอยนี้ไม่มีนักรบอสูรในตำนานมากมาย เราไม่มีกำลังคนไปสนับสนุนบ้านเกิดของคุณ” ราชาแดนเหนือส่ายหัว “ การปกป้องถ้ำลึกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่เช่นนั้นสังคมมนุษย์ทั้งหมดจะถึงวาระ” ซูผิงดึงหน้า “ ผมไม่ใช่คนดีและไม่สนใจสังคมมนุษย์ ผมแค่จะกลับไปช่วยบ้านเกิดของผม เนื่องจากผู้คนในบ้านเกิดของผมไม่สามารถพึ่งพานักรบอสูรในตำนานได้ ผมก็จะปกป้องพวกเขาเอง!”
ราชาแดนเหนือจ้องมองซูผิงชั่วครู่ ในที่สุดเขาก็ส่ายหัว “ คุณยังคงอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ ดังนั้นผมจึงไม่ต้องการเปิดเผยสิ่งต่างๆให้คุณทราบมากเกินไป โชคดี คุณจะต้องแบกรับความรับผิดชอบในการปกป้องสังคมมนุษย์ทั้งหมดเมื่อคุณไปถึงระดับตำนานเข้าสักวันหนึ่ง ผมจะไม่รบกวนเวลาของคุณอีกต่อไป ตอนนี้ที่บ้านเกิดของคุณ มีแค่ราชาอสูรร้ายธรรมดา ผมจะไม่แจ้งเตือนหอคอยสำหรับเรื่องนั้น”
ซูผิงหัวเราะเยาะด้วยความรังเกียจ “ ผมไม่รู้หรอกว่าต้องทำอะไร สำหรับผมสิ่งที่ต้องทำคือปกป้องคนใกล้ชิด และดูแลพ่อแม่ ผมรู้สึกเป็นหนี้พวกเขา นั่นคือสิ่งที่ผมต้องทำ และจะทำ! สำหรับสิ่งอื่น … ไม่มีอะไรอื่นที่จำเป็นต้องทำ!”
ราชาแดนเหนือมองซูผิงอย่างเย็นชา แต่ในที่สุดก็ยอมแพ้ เขาโบกมือเปิดม่านพลังและบอกให้ซูผิงไป ซูผิงเป็นผู้ฟังที่ไม่ดี พวกเขาไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน การคุยกับเขาเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
นอกจากนี้เขาทราบดีว่ามีเพียงไม่กี่คนที่จะกังวลเกี่ยวกับชะตากรรมของคนทั้งโลก เอาผู้อาวุโสของตระกูลฉินคนนั้นเป็นตัวอย่าง เขาถึงระดับนักรบอสูรในตำนานแล้ว เขาสามารถเข้าร่วมหอคอยซึ่งเขาจะได้รับการรักษาที่ดีขึ้น และเขาจะเข้าร่วมทีมที่สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ เขาสามารถก้าวหน้าได้ ถึงกระนั้นเพียงเพราะเขากลัวที่จะต้องไปทำหน้าที่ที่ถ้ำลึก เขาจึงเลือกที่จะยืดชีวิตที่น่าเศร้าออกไป!
เขารู้สึกดีที่ได้อยู่ในฐานะนักรบอสูรในตำนานที่เปราะบาง และไร้ความสำคัญ! เท่าที่ราชาแดนเหนือสามารถบอกได้ ซูผิงก็เป็นเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถบังคับให้ซูผิงทำอะไรตอนนี้ได้ เนื่องจากเขายังไม่ถึงระดับตำนาน
เป็นความจริงที่ว่าซูผิงไม่ได้อ่อนแอไปกว่านักรบอสูรในตำนาน แต่ความจริงก็คือเขายังไม่ถึงระดับตำนาน มันจะผิดกฎถ้าเขาต้องแบกรับความรับผิดชอบของนักรบอสูรในตำนาน
มิฉะนั้นแม้แต่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ก็จะซ่อนความแข็งแกร่งของพวกเขาในอนาคต
มันเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่จะทำลายศักยภาพในอนาคต
นอกจากนี้พวกเขายังไม่ถึงจุดที่ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับตำนานควรไปช่วยปกป้องถ้ำลึก แน่นอนเมื่อถึงเวลานั้น แสดงว่าทุกอย่างใกล้ถึงจุดจบ
“ เขายังเด็กเกินไป”
ราชาแดนเหนือขมวดคิ้ว แต่นั่นเป็นความคิดเห็นเดียวที่เขาคิดได้ เขารู้ว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องดูแลทั้งพ่อแม่ และญาติ
แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะแผ่วเบาจนเขาแทบจะลืมมันไปแล้ว พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว ในโลกนี้เขาไม่มี“ ครอบครัว” อีกต่อไป สำหรับนักรบอสูรในตำนานชรา มนุษยชาติคือครอบครัวเดียวของพวกเขา!
กลับมาที่เวที
ผู้อาวุโสหยานรีบเหลือบไปที่ห้องส่วนตัวเพียงเพื่อดูว่าราชาแดนเหนือกำลังขมวดคิ้วซึ่งเป็นภาพที่น่ากลัวสำหรับเขา เขาไม่รู้ว่าบทสนทนานั้นมีจุดมุ่งหมายยังไง แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ายินดี
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จ้องมองไปที่ซูผิงอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าเขาคุยอะไรกัน
“ผู้ท้าทายโชคชะตาซู นี่คือหินพรสวรรค์”
ผู้อาวุโสหยานเดินไปส่งกล่องไม้สีดำให้ซูผิง
ซูผิงเปิดมัน ข้างในมีหินสีเทาขนาดใหญ่เท่ากำปั้นของเด็กทารกมีสีจาง ๆ ล้อมรอบ
หินพรสวรรค์
ซูผิงปิดกล่อง เขาบอกตัวเองว่าผู้อาวุโสหยานจะไม่หลอกเขาในตอนนี้ ท้ายที่สุดหินพรสวรรค์เป็นของรางวัลในทุกปี เขาสามารถถามแชมป์ในอดีตคนใดก็ได้ และเขาจะรู้ว่าที่เขาได้มานั้นเป็นของจริงหรือไม่
“โอเค”
เนื่องจากในที่สุดเขาก็ได้หินพรสวรรค์ เขาจึงไม่รอช้าอีกต่อไป สิ่งที่ฉินชูไห่พูดทำให้เขาเต็มไปด้วยความกังวล
“มานี้สิ!”
จระเข้ออกมาผ่านสัญญาทาส
ในทะเลสาบห่างออกไปหลายสิบช่วงตึก เงาขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำลืมตาขึ้น นั่นคือดวงตาคู่หนึ่งที่สามารถฝังความกลัวให้กับทุกคนได้ ในวินาทีต่อมาน้ำที่สงบเงียบก็พุ่งสูงขึ้นราวกับมีอสูรร้ายหลุดออกมา จระเข้สงครามรับรู้ถึงการเรียกร้องของเจ้าของ มันหันไปในทิศทางนั้น อสูรร้ายขึ้นจากน้ำ สร้างสะพานหินขนาดใหญ่ใต้เท้าของมัน สะพานได้ยกจระเข้ขึ้นในอากาศแบกมันข้ามทะเลสาบ
สะพานโค้งบนท้องฟ้าทอดเงาขนาดใหญ่ลงบนพื้น
นักรบอสูรที่เดินเตร่อยู่บนท้องถนนมองเห็นเงา เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และพูดไม่ออก
ภายในสนาม
ซูผิงถือหินพรสวรรค์ และยืนอยู่บนเวทีอย่างเงียบ ๆ ผู้อาวุโสหยานยืนอยู่ข้างๆด้วนความเคารพ เขาแค่สงสัยว่าทำไมซูผิงถึงยังไม่ไป
เขาจำได้ว่าซูผิงบอกว่ารีบ ทำไมเขาถึงยืนอยู่ตรงนี้อย่างเหม่อลอย?
ผู้ชมก็สงสัยเช่นกัน ดูเหมือนว่าซูผิงกำลังรออะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นผู้คนก็ได้ยินเสียงดัง และมีบางอย่างที่น่ากลัวใกล้เข้ามา สิ่งนั้นไม่ได้ซ่อนพลังงานเอาไว้เลย ในห้องส่วนตัวราชาแดนเหนือยังคงไม่พอใจกับแผนการที่ถูกทำลายของเขา ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขามองขึ้นไปบนฟ้าผ่านเพดานกระจกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
อสูรร้ายกำลังใกล้เข้ามา อยู่บนสะพานหิน! “ผู้ท้าทายโชคชะตาซู …” ผู้อาวุโสหยานรวบรวมความกล้า และพยายามถามซูผิง
จากนั้นผู้อาวุโสหยานก็ได้ยินเสียงเหมือนเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ข้างๆหูของเขา
ผู้อาวุโสหยานพลิกตัวไปมองอย่างแปลกใจ
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ข้างเวทีก็หันไปมองเช่นกัน
เพดานของสนามพังลงแล้ว เงาขนาดใหญ่ทอดผ่านเข้ามาข้างใน พลังงานที่ท่วมท้นทำให้สิ่งที่เหลืออยู่บนเพดานพังลง
ท่ามกลางการจ้องมองของทุกคน อสูรตัวนั้นก็ร่อนลงบนเวทีกลางสนาม
สนามสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ถูกโยนขึ้นไปข้างบน
กำแพงสนามที่แตกร้าวไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้อีกต่อไป พวกมันแตกเหมือนเปลือกไข่ และเศษซากมากมายก็ตกลงมา โชคดีที่คนส่วนใหญ่ที่สนามเป็นนักรบอสูร พวกเขาสร้างโล่ดวงดาวเพื่อไม่ให้หินที่ตกลงมาทำร้ายพวกเขาได้
ฝุ่นฟุ้งกระจาย และทำให้การมองเห็นของผู้คนเลือนราง
บนเวทีเหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ได้สร้างโล่ดวงดาวขึ้นด้วย บางคนที่มีปฏิกิริยาที่รวดเร็วได้ปลดปล่อยพลังดวงดาวออกมาเพื่อปัดฝุ่นออกไป
เมื่อฝุ่นจางลงอสูรร้ายก็แสดงตัวออกมา ซึ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจจนพูดไม่ออก มีอสูรร้ายตัวหนึ่งคลานอยู่บนพื้นกว่าครึ่งหนึ่งของเวที ราวกับว่าอสูรร้ายเต็มไปด้วยอำนาจครอบงำ
ราชาอสูรร้าย!
นั่นคือราชาอสูรร้าย!
ครู่หนึ่งผู้คนไม่แน่ใจว่าสายตาของพวกเขากำลังเล่นตลกกับพวกเขาหรือเปล่า เพราะซูผิงที่ยืนอยู่บนเวทีได้ขยับตัวและขึ้นไปยืนอยู่บนหัวของราชาอสูรร้าย
ซูผิงกำลังนั่งอยู่บนตัวราชาอสูรร้าย
นี่มัน….
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์บางคนโชคดีพอที่จะมีราชาอสูรร้ายเป็นของตัวเอง แต่ราชาอสูรของพวกเขาไม่มีอะไรเหมือนตัวนี้ ถ้าราชาอสูรร้ายของซูผิงเป็นอสูรป่า ราชาอสูรร้ายของพวกเขาจะได้รับการเลี้ยงดู คนที่มีราชาอสูรร้ายสามารถสัมผัสได้โดยตรงถึงความรุนแรงของสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนเวที
ราชาอสูรร้ายตัวนี้…
ราชาแดนเหนือหัวใจเต้นรัว ในฐานะนักรบอสูรในตำนานเขามีอสูรราชาอสูรร้าย และเขาได้พบกับราชาอสูรร้ายมากมาย ดังนั้นเขาจึงเข้าใจราชาอสูรร้ายได้ดีกว่า
ไม่ใช่ธรรมดา และดูเหมือนว่า…ราชาอสูรร้ายตัวนี้ไม่ได้มาจาดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
แม้เขาเองยังรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
“ หมอนั่น…เขาไม่ได้ใช้ราชาอสูรร้ายในการต่อสู้ ถ้าใช้ อาวุโสคนนั้นของตระกูลฉินคงจะถูกกินจนไม่เหลืออะไรไปแล้ว…” เขาอุทานกับตัวเอง ประหลาดใจที่พบว่าซูผิงยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งเต็มที่
เขามีราชาอสูรร้ายรออยู่ข้างนอก!
ราชาแดนเหนือไม่รู้ว่าซูผิงฝึกราชาอสูรร้ายด้วยตัวเองหรือมีคนช่วยจับมันมาให้
“ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราไม่สนใจผู้ชายที่น่ากลัวแบบนี้ หน่วยสืบราชการลับที่หอคอยควรทบทวนผลงานล่าสุดของพวกเขา!” ราชาแดนเหนือพูดกับตัวเอง
บนเวที
บนเวทีเกิดหลุมในขณะที่จระเข้สงครามลงมาจากท้องฟ้า กำแพงถล่มลงมา ผู้คนสามารถมองเห็นถนน และอาคารภายนอกได้ ซูผิงไม่สนใจว่าผู้คนจะตกตะลึงเพียงใด เขาตะโกนไปยังจุดที่รวบรวมนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ “ พี่ฉิน จะกลับด้วยกันไหม?”
ฉินชูไห่อยู่ในความงุนงง
เขารู้ว่าซูผิงมาที่นี่ด้วยราชาอสูรร้าย แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าราชาอสูรร้ายของเขาจะเปิดตัวได้อย่างน่าทึ่ง และทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้า!
เขาคิดว่าซูผิงขี่สุนัขมังกดำรซึ่งเก่งเหมือนราชาอสูรร้าย แต่มันกลายเป็นว่าเขาขี่ราชาอสูรตัวจริง
คำพูดของซูผิงทำให้ฉินชูไห่ตกใจ เขารู้สึกแทบจะสำลักอารมณ์เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เขา มันน่าตื่นเต้นมาก
“มานี่!” เขาตะโกนทันที
เขาบินขึ้นไปบนเวทีทันที เขาลอยอยู่ในอากาศเหนือหัวของราชาอสูรร้าย มองเข้าไปในดวงตาที่ดุร้ายนั้น ฉินชูไห่ร่อนลงบนเวที
“ มาตรงนี้” ซูผิงพูด ฉินชูไห่หายใจเข้าลึกและเรียกความกล้าที่จะเข้าใกล้ซูผิง
จระเข้สงครามคร่ำครวญและส่ายหัวอย่างไม่พอใจ เมื่อเท้าของฉินชูไห่เหยียบลงบนตัวมัน
“ ไป” ซูผิงกล่าว
ครื่นนนน ~!
พื้นสั่นสะเทือนราวกับเสาหินโผล่ขึ้นมา จระเข้สงครามลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เสาหินยื่นออกไปในแนวนอนเหนือหัวของผู้คน และยื่นออกไป
ในไม่ช้าจระเข้สงครามรวมถึงซูผิงและฉินชูไห่ก็หายไปในขอบฟ้า
สิ่งที่เหลืออยู่ข้างหลังพวกเขาคือเสาหินภายในสนาม
สนามไม่เรียบร้อย ผู้สังเกตการณ์ต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจพูดไม่ออกที่ลีกสูงสุดจบลงอย่างน่าทึ่ง
แชมป์ไปแล้ว
ใครจะอยู่ในอารมณ์ที่จะ … ต่อสู้เพื่อชิงอันดับสอง?
หวืด!
สะพานหินที่จระเข้สงครามสร้างผ่านครึ่งหนึ่งของเมืองฐานสายรุ้งไปที่กำแพงด้านนอกของเมืองฐาน เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่คอยปกป้องสถานที่นั้นต่างหวาดกลัวสะพานหินเช่นเดียวกับจระเข้สงครามที่อยู่บนนั้น พวกเขาสองคนบินขึ้นไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ซูผิงสังเกตว่าพวกเขาเป็นคนที่นำทางเขาตอนที่เขามาถึง “ พวกคุณโปรดถอยออกไป ผมกำลังรีบ!”
“ นี่ยังอยู่ในเมืองฐานสายรุ้ง มันไม่ค่อยเหมาะสม…” หนึ่งในสองคนรีบกล่าว การขี่ราชาอสูรร้ายหมายความว่าซูผิงไม่สนใจใคร อย่างไรก็ตามเมืองฐานสายรุ้งอยู่ภายใต้การบริหารขององค์การการค้าเสรี และผู้สนับสนุนขององค์กรคือหอคอย ไม่สามารถอนุญาตให้นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ประพฤติแย่ๆในเมืองฐานได้
“ หุบปาก!” ซูผิงตะโกนด้วยความโกรธ
เมื่อเขามาถึงเมืองฐานครั้งแรกเขาไม่อยากให้จระเข้สงครามเหยียบท้องถนน และส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย ดังนั้นเขาจึงยอมพยายามที่จะออกไปโดยอยู่สูงในอากาศ พวกเขาจะหยุดเขาตอนนี้เพื่ออะไร? เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจกฎของเมืองอีกต่อไป
“ คุณ…” กิตติมศักดิ์นักรบอสูรกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จระเข้สงครามคำรามใส่เขา!
พวกเขาทั้งหมดลอยนิ่งอยู่ในอากาศ เสียงคำรามนั้นเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง นักรบอสูรกิตติมศํกดิ์ทั้งสองตัวสั่นสะท้าน คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจระเข้สงครามเริ่มมีเลือดออกจากจมูก
สะพานหินยื่นออกไปอีก
ด้วยความตกใจทั้งสองรู้ดีว่าไม่ควรขวางซูผิงในตอนนี้ พวกเขาปล่อยให้เขาขี่ราชาอสูรร้ายออกไป
ทั้งสองมองไปยังสถานที่ที่สะพานหินเริ่มมา นั่นคือที่ตั้งของสนาม ราชาแดนเหนืออยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้?
จระเข้สงครามลงมาบนพื้นนอกกำแพงเมืองด้วยเสียงโครมคราม การสร้างกำแพงหินที่พาดผ่านครึ่งเมืองฐานใช้พลังงานของจระเข้สงครามไปมากแล้ว
พื้นดินส่งเสียงดัง ด้วยความหวาดกลัว และมีความสุขในคราวเดียวกัน ฉินชูไห่ใช้พลังดวงดาวเพื่อที่เขากับซูผิงจะไม่ตกจากราชาอสูรร้าย
หากต้องขอความช่วยเหลือ ซูผิงกับอสูรของเขาสามารถใช้ราชาอสูรร้ายบุกยึดเมืองฐานหลงเจียงได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นอสูรร้ายอื่น ๆ ก็จะหนีไปอย่างหัวซุกหัวซุน
เมืองฐานหลงเจียง ทางหลวงนอกเมืองฐานนั้นพังทลายไปแล้ว และมีรอยเท้าของอสูรร้ายบางชนิดเต็มไปหมด
ป้อมปราการที่สร้างนอกเมืองฐานก็ว่างเปล่าในขณะนี้ มีศพมนุษย์ และเลือด จากนั้นก็มีอสูรบางตัวมารวมตัวกันที่จุดรวมพลของพวกเขา อยู่บนกำแพงด้านนอกของเมืองฐานมีนักรบจำนวนมากยืนอยู่ นักรบทั้งหมดในค่ายทหารถูกระดมมาที่กำแพงแล้ว
หอนาฬิกาสำรอง และป้อมปืนซุ่มยิงระยะไกลที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นบางส่วนถูกเติมเต็มด้วยพลังงาน และเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ เมืองฐานหลงเจียงเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินระดับหนึ่ง
“ อสูรร้ายเหล่านั้นกำลังล่าถอยอีกครั้ง!”
ที่ผนังด้านนอก นายพลกำลังใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอก และเห็นว่ามีซากศพอสูรร้ายจำนวนมากหลงเหลืออยู่ในดินแดนรกร้างนอกกำแพง ในขณะที่อสูรร้ายที่เหลือได้ล่าถอยไปราวกับว่ามีการวางแผนไว้
“ สถานการณ์ทางตอนเหนือปกติดี ทางตะวันออกเป็นยังไงบ้าง?” นายพลรายงานและถามสถานการณ์
มีเสียงกรอบแกรบดังในวิทยุ และครู่ต่อมาก็มีน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวลกล่าวว่า“ ทางทิศตะวันออกต้องการกำลังเสริม และเราต้องการนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ คุณ…อ๊า !!!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็กรีดร้อง นายพลได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมสูงอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี และเขาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกอย่างช่วยไม่ได้ กำลังพลของเขามีจำกัด และเขาสามารถขอกำลังเสริมจากด้านหลังได้เท่านั้น เขาไม่สามารถเคลื่อนกำลังคนไปสนับสนุนทางตะวันออกได้ ในโอกาสที่อสูรร้ายที่เพิ่งล่าถอยไปกลับมา พวกเขาก็จะถึงวาระเช่นกัน!
ทางทิศตะวันออก
ตูม! ตูม! ไฟสงครามโหมกระหน่ำทั่วแผ่นดิน! ชุดปืนสไนเปอร์ระยะไกลได้รับพลังงานอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระสุนถูกยิงทีละนัด ขีปนาวุธถูกนำมาตั้งเช่นกันบินไปทางด้านนอกของเมืองฐาน เปลวไฟลุกโชติช่วงยิงใส่อสูรร้ายจำนวนมากลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
นอกเมืองฐานมีอสูรร้ายมากมายหลายชนิด อสูรร้ายส่วนใหญ่อยู่ในขั้นกลางหรือขั้นสูง โดยมีอสูรขั้นต่ำไม่กี่ตัวปะปนอยู่
ในหมู่พวกมันยังมีอสูรร้ายบางตัวที่มีร่างกายเหมือนรถถังขนาดใหญ่ และขีปนาวุธที่ถูกยิงใส่พวกมันถูกขวางด้วยทักษะต่างๆที่มันปลดปล่อยออกมา และระเบิดในอากาศ
“ บ้าเอ้ย พลังยิงไม่พอ” บนกำแพงด้านนอก มีมนุษย์ที่แข็งแกร่งอย่างเซี่ยจินชุ่ยซึ่งเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ยืนอยู่ ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาคือฉินตู้หวงซึ่งแสดงสีหน้าเคร่งเครียด โจวเทียนหลินยืนเคียงข้างกับฉินตู้หวงจ้องมองอสูรป่าด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน “ ให้ผมไปจัดการดีกว่า”
ฉินตู้หวงจ้องมองจากระยะไกล มีอสูรร้ายปรากฏอยู่บนขอบฟ้า นั่นคือราชาอสูร
โชคดีที่ราชาอสูรร้ายไม่ได้ลงมาจัดการด้วยตัวเอง ในขณะนี้มันแค่สั่งให้อสูรร้ายมารวมตัวกัน
ฉินตู้หวงไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรเพื่อหยุดมันได้
“ ฉินนำอสูรของคุณไป ผมสงสัยว่าราชาอสูรร้ายนั้นฉลาด และกำลังสังเกตพวกเราอยู่ ผมกลัวว่ามันจะเห็นคุณ ถ้าเห็นคุณลงไปที่นั่น”เซี่ยจินชุ่ยเตือนฉินตู้หวง
แม้จะฟังดูอุกอาจ เซี่ยจินชุ่ยคิดว่าเป็นความคิดที่ถูก ราชาอสูรร้ายหลายตัวฉลาดมากเกือบจะฉลาดเท่ามนุษย์ และพูดได้หลายภาษา ราชาอสูรร้ายไม่เพียงแต่มีพฤติกรรมที่โหดร้ายเท่านั้น พวกมันเป็นอสูรที่มีเล่ห์เหลี่ยม ซึ่งสามารถใช้กลอุบายได้ ราชาอสูรร้ายที่แอบดูนักรบอสูรกิตติมศักดิ์เป็นสิ่งที่มนุษย์ดูถูก แต่นั่นเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดที่ราชาอสูรร้ายใช้
การลอบโจมตีเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
นั่นเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดจากมุมมองของราชาอสูรร้าย! “ตกลง”
ฉินตู้หวงพยักหน้า อันที่จริงเขาไม่สามารถขาดความรับผิดชอบได้ ตระกูลฉินต้องการเขา
ในไม่ช้าวังวนหลายวังวนก็ปรากฏขึ้น อสูรของเขาคลานออกมา รวมถึงลิงไฟเกรี้ยวกราดที่เขาเพิ่งซื้อจากร้านค้าของซูผิง
โฮก!
ทันทีที่ลิงออกมาฉินตู้หวงสั่งให้มันพุ่งเข้าไปในฝูงอสูรร้าย
อสูรอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับเก้าขั้นสูงสุดก็คำราม และพุ่งออกไป พวกมันไล่ฝูงอสูรออกไปในคราวเดียว
โจวเทียนหลินไม่ได้ยืนดูเฉยๆ เขาเรียกอสูรของเขาด้วย
อสูรป่าถูกขัดขวางเมื่ออสูรของพวกเขาเข้าร่วมในการต่อสู้ หลายเส้นทางถูกจัดการ ในขณะที่อสูรเข้าร่วมการต่อสู้ นักรบอสูรในปัจจุบันอาจมุ่งเน้นไปที่พื้นที่อื่น
“ ให้ตาย ลิงนั้นโหดเหี้ยมมาก” แม้แต่ฉินตู้หวงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นว่าลิงต่อสู้แบบไหน นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาใช้มันต่อสู้
เขาทำความคุ้นเคยกับอสูรหลังจากที่เขาซื้อมันจากร้านค้าของซูผิง เขาไม่รู้ว่าอสูรนั้นป่าเถื่อนขนาดนี้ ดูเหมือนว่าพลังงานของมันจะไม่มีวันหมด ด้วยเปลวไฟที่ลุกไหม้ ลิงไฟเกรี้ยวกราดพุ่งไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง ทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง!
ฉันสงสัยว่าคุณซูจะเสียใจที่ขายอสูรนี่ให้ฉันไหม ถ้าเขารู้ว่าลิงน่ากลัวขนาดไหน ฉินตู้หวงบอกตัวเอง
เขาดีใจมาก เขาซื้ออสูรระดับเก้าขั้นสูงสุดในราคาหกสิบล้านเหรียญดวงดาว นี่มันสวรรค์ชัดๆ
โจวเทียนหลินรู้สึกหวาดกลัวลิงไฟเกรี้ยวกราดเล็กน้อย เขาน่าจะเป็นคนที่ไปถึงร้านของซูผิงก่อนในวันนั้น
แม้ว่าจะรู้สึกเสียใจ แต่โจวเทียนหลินก็ไม่ได้คิดฟุ้งซ่านนาน เขามุ่งความสนใจไปที่อสูรของเขา เผื่อว่าพวกมันจะโดนโจมตีอยู่ อสูรของเขาจะเสียเปรียบ หากพวกมันตกอยู่ภายใต้การโจมตีแบบกลุ่ม
อสูรป่าส่วนใหญ่ในปัจจุบันอยู่ในขั้นกลางและขั้นสูง ทักษะของอสูรร้ายสามารถให้ผลที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหากมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจทำร้ายอสูรระดับเก้าได้
โฮก!โฮก!
ลิงไฟเกรี้ยวกราด และอสูรอื่น ๆ ของฉินตู้หวงก้าวไปไกล
เซี่ยจินชุ่ยผู้ซึ่งประหลาดใจกับลิงไฟเกรี้ยวกราดก็สังเกตเห็นว่าอสูรร้ายกำลังแยกตัว เขาตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวกำลังเกิดขึ้น “ ฉินนำอสูรของคุณกลับมาเดี๋ยวนี้!” เขาตะโกนเตือน
ฉินตู้หวงยังคงรู้สึกดีใจกับลิงไฟเกรี้ยวกราด เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเซี่ยจินชุ่ยเขาก็ได้สติ หลังจากนั้นเขาสั่งให้อสูรของเขาหยุด และล่าถอย
ราชาอสูรร้ายที่อยู่ห่างไกลหายไป!
ทันใดนั้น ใต้เท้าของมังกรระดับเก้า กลุ่มแยกตัวและปากก็โผล่ออกจากรอยแตก
ปัง!
ปากนั้นกัดมังกรที่กำลังกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาน ดวงตาของฉินตู้หวงแดงขึ้น เขาแบ่งปันพลังดวงดาวของเขากับมังกรทันที
ฉินตู้หวงได้ยินเสียงดังก่อนที่การแบ่งปันจะเริ่มขึ้น มังกรกำลังคร่ำครวญ ร่างกายมันขาดรึ่ง!
ฉินตู้หวงหน้าซีดจากความตกใจ เขาสั่งให้ลิงไฟเกรี้ยวกราดกลับมาพร้อมกับครึ่งบนของมังกร
ลิงไฟเกรี้ยวกราดตอบสนองอย่างรวดเร็ว มันจ้องไปที่ปากแปลก ๆ บนพื้น แม้ว่าปากจะเป็นของราชาอสูรร้าย แต่ลิงก็ไม่กลัว ลิงกระโดดเพื่อดึงมังกร; มันจับปีกแล้วเหวี่ยงไปในเมือง ฉินตู้หวงกระโดดขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจากอสูรอื่น ๆ ของเขา เขาพามังกรซึ่งแทบไม่หายใจออกมาได้ “อดทนหน่อยนะ ฉันจะให้แกไปรักษาเดี๋ยวนี้”ฉินตู้หวงเกือบจะหลั่งน้ำตา มังกรอยู่กับเขามาครึ่งชีวิตแล้ว!
เขาใช้พลังดวงดาวเพื่อห้ามเลือดและนำมังกรกลับเข้าไปในการป้องกันของกำแพง ทันทีที่พวกเขาลงบนกำแพง ฉินตู้หวงจำได้ว่าลิงไฟเกรี้ยวกราดยังคงอยู่ที่นั่น เขารีบหันไปมองไปและเห็นว่าลิงไฟเกี้ยวกราดกำลังวิ่งอย่างดุเดือด
ข้างหลังมัน ปากนั้นอ้างับอยู่ตลอด และมีอสูรร้ายตัวอื่นๆพยายามขัดขวางลิง “วิ่ง วิ่ง!”ฉินตู้หวงออกคำสั่งทันทีและแบ่งพลังดวงดาวของเขากับลิงไฟเกรี้ยวกราด
โฮก !!
ลิงไฟเกรียวกราดส่งเสียงร้อง และเปลวไฟกำลังลุกโชนยิ่งขึ้น ลิงกำลังวิ่งอย่างรวดเร็วราวกับอุกกาบาตที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
อสูรร้ายที่พยายามหยุดลิงไฟเกรี้ยวกราดถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นเถ้าถ่าน
หวืด!
ทันใดนั้นแขนขาที่เหมือนเถาวัลย์ก็งอกขึ้นมาจากราชาอสูรร้ายซึ่งเข้าไปพัวพันกับลิงไฟเกรี้ยวกราด ปราศจากความหวาดกลัวจากเปลวไฟที่แผดเผารอบตัวลิง ในที่สุดลิงก็ถูกยับยั้ง
ลิงไฟเกรี้ยวกราดคำราม และพยายามที่จะฉีกเถาวัลย์ แต่มันไม่แข็งแกร่งพอ
ฉินตู้หวงสั่นไปทั้งตัว เขาอยากจะวิ่งออกไป แต่เซี่ยจินชุ่ยหยุดเขาไว้ “ ฉินใจเย็น ๆ มันก็แค่อสูร!” ตาของฉินตู้หวงเปลี่ยนเป็นสีแดง อสูร? ไม่ไม่ใช่แค่อสูร!
จากนั้นพื้นก็เริ่มสั่น
เสียงดังมาจากด้านหลังของอสูรป่า และมันก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลาเดียวกันโทรศัพท์ของเซี่ยจินชุ่ยก็ดังข