ซูผิงไม่อยากไป ข้อแรกเป็นเพราะร้านของเขา เขาไม่สามารถนำมันติดตัวไปด้วยได้ อีกข้อคือเขาไม่อยากเห็นเมืองฐานหลงเจียงล่มสลายจริงๆ!
เขาสามารถหาเลี้ยงชีพในเมืองฐานอื่นได้ อย่างไรก็ตามแต่ละเมืองฐานนั้นแตกต่างกัน เมื่อเขาไปเยี่ยมชมเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาสังเกตเห็นว่าเมืองนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองและถนนก็สะอาด แต่เขาไม่รู้สึกเหมือนอยู่ที่นี่
เรียกได้ว่าเป็นบ้านเพียงแห่งเดียวและไม่มีที่ไหนมาแทนที่ได้!
“คุณซู ทำไม?”เซี่ยจินชุ่ยพบว่ามันยากที่จะเข้าใจ ทำไมเขาถึงอยู่ ในเมื่อแม้แต่นักรบอสูรในตำนานจากหอคอยก็ไม่กล้าที่จะช่วยเหลือพวกเขา? มันคุ้มหรอ?
“ ผมต้องมีเหตุผลด้วยหรอ?” ซูผิงตอบคำถามด้วยคำถาม
คนอื่น ๆ จ้องมองเขาด้วยความงุนงง
‘ผมต้องการเหตุผลด้วยหรอ?’
คุณไม่ต้องการเหตุผล?
พวกเขารู้สึกว่าซูผิงคงจะบ้าไปแล้ว แต่ชายหนุ่มจริงจัง และสงบมากกว่าที่เคยเป็นมา
เขาอยากจะเผชิญกับอันตรายร้ายแรงมากกว่าจากไป?
ไม่มีใครพูดอะไรสักพัก
“ เนื่องจากคุณซูเต็มใจที่จะอยู่ต่อ ผมจึงเต็มที่จะอยู่ช่วยรักษาธุรกิจของเขา!”โจวเทียนหลินกล่าวทันที เขาหายใจเข้าลึก และมีท่าทีมุ่งมั่น
เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นตกตะลึงในครั้งนี้
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าโจวเทียนหลินจะสามารถกล้าหาญได้แบบนี้! เขาพูดแบบนี้เพราะซูผิงเหรอ?
แต่ทว่า มันดูเหมือนจำเป็นต้องประจบซูผิงในสถานการณ์นี้เพราะแม้แต่หอคอยก็ยังไม่เต็มใจช่วย!
โจวเทียนหลินกำลังเสี่ยงแลกตระกูลโจวในครั้งนี้!
พวกเขาเห็นบางอย่างที่มักจะไม่มีอยู่บนใบหน้าของผู้ชายคนนี้ เขาไม่ได้เอาใจผิง และเขาก็ไม่ได้พูดเล่น ๆ
ฉินตู้หวงส่ายหัวและหัวเราะ “ ตระกูลฉินอาศัยอยู่ในเมืองฐานหลงเจียงมานานกว่าร้อยปี คุณปู่ของผมอยู่ที่หลงเจียง คนของผมยังคงถูกฝังอยู่ในสุสานที่นี่ ผม…ไม่มีทางทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่ ตระกูลฉินจะอยู่ แต่ผมต้องบอกก่อนว่าเราจะส่งผู้หญิงและเด็กบางคนออกไป เพียงเพื่อรักษาความหวังในอนาคตของตระกูลฉิน”
คำพูดของชายชราคนนั้นน่าชื่นชม
โจวเทียนหลินตบไหล่ของฉินตู้หวงพร้อมกับหัวเราะ“ เฒ่าฉิน มาดูกันว่าคราวนี้พวกเราคนไหนสามารถฆ่าอสูรป่าได้มากกว่ากัน ฉันอยากจะแข่งขันกับนาย จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์!”
ฉินตู้หวงไม่รังเกียจการตบเบา ๆ นี่ “ ยินดี แต่นายไม่เก่งเท่าฉัน ฉันไม่ยอมนายง่ายๆแน่!”
“ฮ่า!”โจวเทียนหลินหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ พวกนาย…” มู่เป่ยไห่จ้องมองพวกเขา “บ้าหรือเปล่า? คุณซูอยู่ภายใต้การคุ้มครองของนักรบอสูรในตำนาน และเขาสามารถออกไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ราชาอสูรร้ายเพียงอย่างเดียวสามารถเอาชีวิตนายได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าราชาสวรรค์ต่างโลกที่สามารถมาได้ทุกนาที!”
ฉินตู้หวงยิ้ม“ บางทีฉันอาจจะบ้า เนื่องจากคุณซูมีความกล้าที่จะอยู่ เราจึงยินดีที่จะอยู่กับเขามากกว่า บ้าไปด้วยกันเถอะ!”
“พูดได้ดี!” ผู้นำตระกูลเย่หยุดชะงักกะทันหัน ความกังวลบนใบหน้าของเขาหายไป “ ฉันรู้สึกอายเพราะโดยปกติแล้วฉันมักจะภูมิใจในตัวเองที่เป็นวีรบุรุษและตระกูลเย่นั้นดีที่สุดเมื่อต้องออกศึก แต่กลับกลายเป็นว่าเทียนหลินเป็นคนที่กล้าหาญในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ให้ฉันจะบอกความจริงกับนาย ก่อนวันนี้ฉันดูถูกนาย แต่ตอนนี้ฉันยินดีที่จะบอกว่าตระกูลโจวมีคุณสมบัติมากพอที่จะแข่งขันกับตระกูลเย่!”
“ พูดอะไร ฉันไม่เคยมีความรู้สึกแบบเดียวกันกับตระกูลเย่ ฉันรู้ว่านายจัดอันดับตระกูลโจวของฉันอยู่ที่ห้า แต่คู่แข่งเดียวของฉันคือตระกูลฉิน!”โจวเทียนหลินโต้กลับ
ฉินตู้หวงหัวเราะ “ พวกคนง่า!” มู่เป่ยไห่จ้องมองพวกเขาทั้งสามคนที่กำลังสนทนา
เขากำลังเม้มปาก “ พวกนายรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอยู่ต่อไป? ตระกูลของนายจะไม่มีอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป! คุ้มหรอ?”
“ เราจะไม่รู้คำตอบสำหรับคำถามนั้นจนกว่าเราจะลอง”ฉินตู้หวงตอบ“ ตระกูลฉินเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองฐานหลงเจียง! เมื่อผู้คนพูดถึงเมืองฐานหลงเจียง พวกเขาจะนึกถึงตระกูลฉิน!
“ แม้ว่าพวกเราทุกคนจะจากไป ตระกูลฉินก็จะไปเป็นคนสุดท้าย!”
ความโกรธของมู่เป่ยไห่ได้รับคำตอบจากความสงบของฉินตู้หวง มู่เป่ยไห่มองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เขากำหมัดแน่น และต่อยอากาศ
“ ฉันไม่สนใจว่านายกำลังคิดอะไร ตระกูลมู่จะไม่ลงไปเล่นด้วย!” เขาพูดพลางกัดฟัน
เขานึกถึงบางสิ่งบางอย่าง และพูดกับซูผิงว่า“ คุณซูนี่ไม่เกี่ยวกับคุณ ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ!”
ซูผิงตอบ“ คุณคิดมากเกินไป ไม่ว่าคุณจะอยู่หรือไปก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผม ผมจะไม่ตัดสินคุณ!
“ ผมอยากอยู่ต่อ และนั่นเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของผมล้วนๆ ผมจะไม่ขู่หรือบีบบังคับให้คุณทำอะไร คุณมาจากตระกูลใหญ่ และคุณมีสมาชิกในตระกูลมากมายที่ต้องนึกถึง ถ้าผมเป็นคุณผมก็คงไปเหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวล”
มู่เป่ยไห่รู้สึกโล่งใจ เขามองไปที่ทั้งสาม แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
ฉินตู้หวงและโจวเทียนหลินไม่แปลกใจที่ได้ยินว่ามู่เป่ยไห่จะไป พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะซูผิง พวกเขาตัดสินใจด้วยตัวเอง พวกเขาจะอยู่แม้ว่าซูผิงจะไป!
แน่นอนว่าพวกเขาอาจต้องตาย
พวกเขาพยายามทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้!
แต่นี่คือเมืองฐานหลงเจียง!
หากพวกเขาต้องไปที่เมืองฐานอื่น พวกเขาจะไม่รู้สึกมีชีวิตเหมือนอยู่บ้านเกิด
เมืองฐานอื่น ๆ ไม่สามารถแทนที่บ้านของพวกเขาได้!
ดังที่กล่าวมาพวกเขาจะไม่ให้สมาชิกในตระกูลทั้งหมดอยู่ที่นี่ พวกเขาจะให้แค่นักรบอสูรอยู่ มิฉะนั้นพวกเขาจะส่งทั้งตระกูลไปสู่ความพินาศ!
“ ผมขอโทษ แต่ผมไม่คิดว่าตระกูลหลิวจะมีกำลังพลเหลือสำหรับการต่อสู้อีกแล้ว” หลิวเทียนจงกล่าวขอโทษ ผู้คนไม่ได้พูดอะไรกับสิ่งนั้น
ทุกคนมีอิสระในการเลือก ไม่มีใครห้ามใครไม่ให้ไปได้
เซี่ยจินชุ่ยไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดเวลา
เขายังคงเงียบแม้ว่าคนอื่นจะหยุดพูดแล้วก็ตาม
“เซี่ยแผนของคุณคืออะไร?”ฉินตู้หวงถามขมวดคิ้ว
เซี่ยจินชุ่ยมองไปที่ผู้นำตระกูล และจากนั้นหันไปหาซูผิง“ ผมวางแผนที่จะอพยพ” เขาพูดเสียงเบา
นั่นเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ
เซี่ยจินชุ่ยกำลังดิ้นรน เขาก้มหน้าลง “ผมขอโทษ ในฐานะนายกเทศมนตรีผมไม่สามารถปล่อยให้ทุกคนอยู่ในเมืองเพื่อเผชิญกับการต่อสู้ที่อันตรายนี้ได้ ผมหวังว่าจะมีบางส่วนออกไปโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ๆ พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ในเมืองฐานอื่น ๆ และสืบสานมรดกของเราได้ สำหรับผม … ผมจะอยู่กับคุณจนถึงที่สุด!”
คนอื่น ๆ รู้สึกประทับใจกับคำพูดของเขา
ฉินตู้หวงหายใจเข้าลึก ๆ “เซี่ยคุณไม่ต้องขอโทษอะไรเลย คุณทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว” “ อันที่จริง เราไม่สามารถสูญเสียมรดกของเมืองฐานหลงเจียงได้!”
“ แม้หลังจากเมืองฐานหลงเจียงจะหายไป แต่หลายปีต่อมาผู้คนก็ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีสถานที่ที่เรียกว่าหลงเจียง!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเซี่ยจินชุ่ยก็รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น “ผมขอโทษ. ผมไม่ใช่นายกเทศมนตรีที่ดี เราคงไม่ต้องตัดสินใจเช่นนี้ หาก…ถ้าผมสามารถนำนักรบอสูรในตำนานมาจากหอคอยได้ ถ้าผมสามารถโน้มน้าวพวกเขาได้…”
“เซี่ยนั่นไม่ใช่ปัญหาของคุณ นั่นคือชะตากรรมของเมืองฐานของเรา”ฉินตู้หวงตบไหล่เขา และถอนหายใจ
โจวเทียนหลินกล่าวเสริมว่า“ ใช่ การพึ่งพาตัวเองดีกว่าพึ่งพาคนอื่น นักรบอสูรในตำนานยังไม่มา แล้วไงล่ะ? ผมไม่เคยต่อสู้กับราชาอสูรร้ายมาก่อน คราวนี้ผมจะได้ลองสักที!”
ผู้นำตระกูลเย่มองไปที่โจวเทียนหลิน ช่างน่าประหลาดใจ โจวเทียนหลินและเขาคิดเหมือนกัน
ผู้นำตระกูลเย่คิดมีความคิดที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับโจวเทียนหลินในขณะนี้ สิ่งที่เขาคิดกับตระกูลโจวในอดีตนั้นผิด เขาจะลืมตระกูลหลิวและมู่ ถ้าเขารู้เรื่องนี้ก่อนหน้านี้
มู่เป่ยไห่พูดกับเซี่ยจินชุ่ยด้วยใบหน้าที่ขุ่นมัว“เซี่ยการโทษตัวเองจะไม่ทำให้ดีขึ้น เนื่องจากมีความคิดที่จะอพยพเราจึงต้องพูดคุยเกี่ยวกับแผนในขณะนี้ มันจะสายเกินไปหากอสูรร้ายมาถึง!”
“ใช่”หลิวเทียนจงพยักหน้า
เซี่ยจินชุ่ยหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้า “ใช่ เราต้องรีบ ผมได้วางแผนไว้แล้ว ตอนนี้ผมจะอธิบายให้พวกคุณฟัง…”
“ ได้เลย”
ในไม่ช้าเซี่ยจินชุ่ยก็บอกรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการของเขา มู่เป่ยไห่และหลิวเทียนเสริม มีคนในตระกูลฉิน โจวและเย่ที่ต้องออกไปเช่นกัน ผู้ที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้จะไม่สามารถช่วยได้แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ พวกเขาต้องออกไป วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขามีความหวังสำหรับตระกูล
พวกเขายังต้องย้ายทรัพย์สินบางส่วนของตระกูล
ซูผิงกำลังคิดเรื่องอื่นในระหว่างหารือเกี่ยวกับแผนการอพยพ
พวกเขาแยกกันหลังการประชุม ผู้นำตระกูลทั้งห้ามีงานของตัวเอง เซี่ยจินชุ่ยไม่ได้ขอให้ซูผิงอะไร แค่เขาอยู่ก็เกินพอแล้ว การอพยพไม่เกี่ยวข้องกับซูผิง
ที่ร้านค้า
ซูผิงดึงหน้าต่างสถานะของระบบขึ้นและตรวจสอบแต้มพลังงานของเขา เขาใช้ไปสามล้านแต้มในสระวิญญาณ และได้รับอสูรสามตัว หลังจากนั้นเขาก็ขายอสูรและได้รับเงินคืนมา ปัจจุบันเขามีแต้มพลังทั้งหมดเจ็ดล้านแต้ม
เขาสามารถเลื่อนขั้นร้านค้าด้วยเงินอีกสามล้าน
แต่การเลื่อนขั้นร้านค้าจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้
ฉันสามารถให้จระเข้สงครามเฝ้าด้านหนึ่ง สุนัขมังกรดำอีกด้านหนึ่ง และฉันดูแลอีกด้าน ตระกูลฉิน และตระกูลโจวจะปกป้องด้านที่เหลือ อย่างไรก็ตามมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาหากราชาอสูรร้ายมุ่งหน้าไปหาพวกเขา มีอสูรร้ายทั้งหมดห้าตัว ด้านหนึ่งของเมืองจะเจอราชาอสูรร้ายสองตัว
ราชาสวรรค์ต่างโลกก็จะมาที่นี่เช่นกัน ฉันจะต้องเป็นคนจัดการกับเรื่องนั้น
ในกรณีนี้คนอื่น ๆ จะต้องต่อสู้กับราชาอสูรร้าย
ในที่สุดซูผิงก็ตัดสินใจและเดินเข้าไปในห้องที่มีสระวิญญาณ เขาวางแผนที่จะใช้พลังงานทั้งหมดเจ็ดล้านแต้ม!
หากเขาได้รับราชาอสูรร้ายมากขึ้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้น! ปัญหาเดียวคือราชาสวรรค์ต่างโลก!
เมื่อเข้าไปในห้องสิ่งที่ซูผิงสามารถมองเห็นได้คือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่ที่ขยายออกไปไม่สิ้นสุด
เขาเดินไปท่ามกลางดวงดาวและมีสระน้ำอยู่ตรงหน้าเขา
“ เริ่ม!”
ซูผิงตัดสินใจแล้ว เขาเริ่มกระบวนการโดยไม่รอช้า ลบหนึ่งล้านแต้มพลังงาน
ไม่นานสระวิญญาณก็เริ่มเรืองแสง
โฮก!
หลังจากนั้นไม่นาน – ด้วยการผสมผสานของความโกลาหลและรูปแบบพลังงานที่ซับซ้อนทางจิตวิญญาณก็เริ่มปรากฏขึ้น และเสียงคำรามดังมาจากข้างใน!
เสียงคำรามดังมากและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ซึ่งทำให้ดวงตาของซูผิงเปล่งประกาย
อสูรวัยผู้ใหญ่!
เขาเห็นเงายักษ์ ร่างกำยำค่อยๆลอยขึ้นเหนือบ่อน้ำ มันเป็นอสูรประหลาดที่มีปีกบนหลัง และมีร่างกายคล้ายกับแมงป่อง มันคือราชาอสูรร้าย!
“ ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของที่ได้รับ แมงป่องพายุ!” ระบบกล่าว
ซูผิงตรวจสอบคุณสมบัติของราชาอสูรร้าย ความแข็งแกร่งของราชาอสูรร้ายคือ 16.5!
ทรงพลังยิ่งกว่าสุนัขมังกรดำ!
ความแข็งแกร่งของสุนัขมังกรดำอยู่ที่ 14 เท่านั้น
ซูผิงเก็บอสูรร้าย และไปต่อ
ไม่นานอสูรตัวที่สองก็ปรากฏตัว เสียงคำรามบ่งบอกว่าเป็นวัยผู้ใหญ่เช่นกัน! แต่ซูผิงโชคดีน้อยกว่าครั้งก่อน อสูรตัวนี้เป็นอสูรระดับเก้าขั้นสูงสุด
ซูผิงทำซ้ำโดยไม่ลังเล
ครั้งที่สาม ที่สี่ …
ในไม่ช้าซูผิงก็ใช้พลังงานไปทั้งหมดเจ็ดล้านแต้ม!
เขาได้รับอสูรเจ็ดตัว ในเจ็ดตัวมีสองตัวอยู่ที่ระดับเก้าขั้นสูงสุด และอีกห้าตัวเป็นราชาอสูรร้ายทั้งหมด!
ครั้งนี้เขาค่อนข้างโชคดี โชคดีกว่ารอบที่แล้วมาก อย่างไรก็ตามในบรรดาราชาอสูรร้ายทั้งหมดมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่า และเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว มีหนึ่งในนั้นยังอยู่ในวัยแรกเกิดที่มีความแข็งแกร่งซึ่งแทบจะเทียบไม่ได้กับระดับหก สำหรับอีกสามตัวความแข็งแกร่งของพวกมันคือ 12, 15 และ 16 ตามลำดับ
ในสามตัวไม่มีตัวใดดีเท่ากับจระเข้สงคราม
ราชาอสูรร้ายที่ทรงพลังที่สุดในห้าตัวคือแมงป่องพายุ
“ ฉันพยายามเจ็ดครั้ง แต่ไม่ได้ราชาอสูรร้ายแม้แต่ตัวเดียวในสภาวะชะตากรรม” ซูผิงรู้สึกกังวล ราชาอสูรร้ายในสภาวะชะตากรรมยังคงเป็นราชาอสูรร้าย เขาสามารถได้รับมันตามกฎของระบบ!
เขาจะไม่ต้องกังวลราชาสวรรค์ต่างโลกถ้าเขามีมัน ท้ายที่สุดนั่นก็เป็นราชาอสูรร้ายเช่นกัน การมีหนึ่งตัวในสภาวะชะตากรรมดีที่สุด
แต่ถึงแม้ว่าฉันจะได้รับหนึ่งในราชาอสูรร้ายสภาวะโชะตากรรมฉันก็ไม่สามารถใช้มันได้ ฉันไม่มีสัญญาทาสเหลือ มันต้องใช้นักรบอสูรในตำนานเพื่อควบคุมราชาอสูรร้ายที่สภาวะว่างเปล่า นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะได้รับบาดเจ็บจากราชาอสูรร้ายเช่นนี้ได้ง่ายๆ
ซูผิงขมวดคิ้ว
เขาคงไม่รังเกียจที่จะขายอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าให้กับนักรบอสูรในตำนาน หากหอคอยตัดสินใจที่จะส่งมันมา
แต่ไม่มีนักรบอสูรในตำนานที่จะมาช่วยพวกเขา
เมืองฐานหลงเจียงไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักรบอสูรในตำนาน! กล่าวได้ว่าราชาอสูรร้ายจากสภาวะว่างเปล่าเป็นอสูรที่ทรงพลังที่สุด แต่เขาก็ใช้มันไม่ได้! น่าหงุดหงิดชะมัด!
ซูผิงถอนหายใจ เขาจะขายอสูรอื่น ๆ ทั้งหมดยกเว้นราชาอสูรร้ายที่สภาวะว่างเปล่า
เขากำลังจะโทรหาฉินตู้หวง และคนอื่น ๆ แต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นก่อน
สายจากเซี่ยจินชุ่ย
ซูผิงหยิบมันขึ้นมาทันที
“ครับ?”
“คุณซูช่วยด้วย!”เซี่ยจินชุ่ยฟังดูกลัว และตื่นตระหนกมาก “ ผมเพิ่งได้รับแจ้งว่าอสูรร้ายกำลังมาที่เมืองฐาน! เรารวบรวมคนที่ต้องการอพยพยังไม่เสร็จ! อสูรร้ายจะมาถึงแล้ว ผมต้องเลือกบางส่วนในพวกเขา และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะออกไปได้ คุณซูสงครามกำลังจะเริ่มแล้ว!”
ซูผิงประหลาดใจเมื่อรู้ว่าอสูรร้ายเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
จิตใจของเขาชั่งน้ำหนักลงด้วยความคิดที่ว่าประชาชนทั่วไปยังคงรวมตัวกันอยู่
“ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ คุณทำงานของคุณให้เสร็จ อพยพออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”ซูผิงกล่าว
เซี่ยจินชุ่ยตอบทันทีว่า“ โอเค ระวังด้วย”เซี่ยจินชุ่ยวางสายก่อนที่ซูผิงจะตอบ
ซูผิงโทรหาฉินตู้หวงทันที
น่าเสียดายที่สายไม่ว่าง
ด้วยความตกตะลึงซูผิงรีบออกจากร้านของเขาและเห็นว่าอาคารฝั่งตรงข้ามว่างเปล่า เขาจำแผนการอพยพได้ ผู้นำตระกูลทั้งห้ากำลังไปช่วยเซี่ยจินชุ่ยอพยพ รวบรวมเด็กและผู้หญิง
“อาจารย์?”
จงหลิงถงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าที่เห็นซูผิงลุกลี้ลุกลน
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาแบบนั้น
ซูผิงไม่ได้อธิบาย เขาบอกให้ถังยู่หรานดูแลจงหลิงถง จากนั้นเขาก็เรียกสุนัขมังกรดำ และบอกให้มันใช้ร่างมังกร
ซูผิงกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน และบินไปที่กำแพงด้านนอกเมืองฐาน