“ แกไม่มีทางหนีได้”
เสียงที่ไม่แยแสของราชาสวรรค์ต่างโลกดังก้องอยู่ในใจของซูผิง
วินาทีต่อมาพื้นที่ทั้งหมดรอบ ๆ ซูผิงก็แน่นและหนักขึ้น ซูผิงรู้สึกราวกับว่าจู่ๆเขาก็ติดอยู่ในกำแพงหนา และความเร็วเขาก็ช้าลงในทันที
มิติกังขัง?!
มันไม่เหมือนกับสนามแรงโน้มถ่วงที่ราชาอสูรร้ายสร้างขึ้น การกักขังนี้เป็นกับการทำให้พื้นที่รอบ ๆ ตัวเขาแข็งตัว!
เขาเคยไปที่หลุมศพกึ่งเทพหลายครั้ง และสามารถสื่อสารกับเทพสวรรค์ได้บ่อยครั้ง เขาคุ้นเคยกับทักษะที่ทั้งสามสภาวะของระดับในตำนานมี สิ่งมีชีวิตในตำนานที่สภาวะสมุทรสามารถใช้พลังดวงดาวเพื่อสังหารสิ่งมีชีวิตระดับเก้าได้โดยตรง!
คนที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่าสามารถเคลื่อนย้ายผ่านมิติได้ ที่สภาวะชะตากรรมมีพลังดวงดาวเพียงพอ และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับมิติ การคุมขังมิติสามารถเกิดขึ้นได้! นี่เป็นทักษะเฉพาะของสิ่งมีชีวิตที่ระดับสภาวะชะตากรรมและเหนือกว่าสภาวะชะตากรรม!
แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตระดับตำนานที่โดดเด่นบางตัวในสภาวะว่างเปล่าสามารถใช้ มันได้เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตระดับตำนานของสภาวะสมุทรที่สามารถเคลื่อนย้ายได้
อัจฉริยะพยายามที่จะทำลายขีดจำกัดอยู่เสมอ
แต่ในขณะเดียวกันอัจฉริยะแบบนั้นแทบจะไม่มีให้เห็น
ราชาสวรรค์ต่างโลกตัวนี้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่สภาวะว่างเปล่าแต่มีสติปัญญาที่น่าทึ่ง หรือว่ามันอยู่ในสภาวะชะตากรรม?
ซูผิงไม่สามารถหาคำตอบได้ ในไม่ช้าเขาก็รู้ว่าการกักขังมิติมีขนาดใหญ่!
เทพสวรรค์ในหลุมศพกึ่งเทพทั้งหมดอยู่ในสภาวะชะตากรรม; ถึงกระนั้นพวกเขาก็สามารถจำกัดพื้นที่ที่มีรัศมีหนึ่งร้อยเมตรโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง!
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ซูผิงอยู่ห่างจากราชาสวรรค์ต่างโลกอย่างน้อยสองสามพันเมตร!
เขาเข้าใจว่ายิ่งสิ่งมีชีวิตมีพลังมากเท่าไหร่พื้นที่จำกัดก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่นี่มันมากเกินไป!
หวืด!
ในระหว่างนี้เถาวัลย์สีแดงเลือดก็โผล่ขึ้นมาจากพื้น และพุ่งเข้าหาซูผิง เขาพยายามที่จะหนี แต่เขาก็ถูกกักขังไว้อย่างแน่นหนา เขาออกแรงเต็มที่ และกลับดูเหมือนว่าเขาแค่วิ่งจ็อกกิ้งเบาๆ ในทางตรงกันข้ามเถาวัลย์กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วราวสายฟ้า ความพยายามของเขาในการหนีไม่เกิดผลใดๆ
เสียงดังปัง! บ่งบอกว่าเขาถูกกระแทก ของขวัญจากราชามังกรช่วยให้เขาลดผลกระทบ
เขาถูกตรึงไว้กับพื้น ในขณะเดียวกันเถาวัลย์จำนวนมากที่หนาพอ ๆ กับข้อมือของคน ๆ หนึ่งก็คืบคลานมาหาซูผิง และมัดเขาไว้
แสงสีทองปรากฏขึ้นเหนือซูผิง ปกป้องเขาจากการบาดเจ็บจากเถาวัลย์ ถึงกระนั้นชุดเกราะไม่สามารถช่วยให้เขาหลุดพ้นจากสิ่งที่พัวพันได้
เถาวัลย์เหล่านี้…
ทันใดนั้นซูผิงก็เข้าใจว่าเหตุใดราชาสวรรค์ต่างโลกจึงสามารถส่งผลกระทบต่อพื้นที่รอบตัวเขาได้ทั้งที่เขาอยู่ห่างไกล
ปรากฎว่ามีเถาวัลย์อยู่ใต้ดิน
เถาวัลย์นี้เป็นส่วนขยายของราชาสวรรค์!
โดยปกติมิตกักขังสามารถส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่มีรัศมีหนึ่งร้อยเมตรหรือน้อยกว่านั้นได้ แต่ราชาสวรรค์สามารถใช้ร่างกาย และแขนขาขนาดใหญ่เพื่อขยายขอบเขตได้!
ซูผิงบินอยู่ในอากาศ และเขาอยู่เหนือพื้นดินเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
มิติกังขังที่เขาเคยประสบนั้นไม่ได้มีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกตรึงจนแทบกระพริบตาไม่ได้!
เนื่องจากระยะทางต่อนข้างไกลเขาจึงอยู่ภายใต้อิทธิพลของมันโดยมีผลกระทบลดลง แต่ก็เกินพอที่จะหยุด และจับตัวเขาได้ “ทำลาย!”
แม้ว่าเขาจะเข้าใจสถานการณ์อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่จิตใจของเขาก็ยังคงหนักอึ้ง เขาเจาะและทำลายเถาวัลย์รอบตัวเขา ของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาจากเถาวัลย์นั้นเหมือนกับเลือด และมันก็มีกลิ่นเหมือนเลือดด้วย
เมื่อเถาวัลย์หัก เถาวัลห์ใหม่ก็จะงอกออกมา
มาเลย!
ซูผิงใช้หมัดของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว
เขาไม่ยอมให้ตัวเองถูกราชาสวรรค์จับตัวไปได้ ราชามังกรโบราณสามารถป้องกันการโจมตีของเถาวัลย์ได้ โดยไม่ขัดขวางความสามารถในการโจมตีของเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถตัดเถาวัลย์ออกไปได้มากมาย
เช่นเดียวกับที่ซูผิงสันนิษฐานเถาวัลย์เป็นเพียงส่วนขยายของราชาสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่แข็งแรงเท่า หมัดขับไล่วิญญาณทำลายพวกมันได้
“ แกกำลังรอเวลาตาย!”
เสียงของราชาสวรรค์ต่างโลกน่าหวาดกลัว ซูผิงตะโกนในใจว่า“ ไสหัวใจ!!” เขาแอบใช้เสียงคำรามเลียนแบบราชามังกรโบราณ
เสียงคำรามดังก้องและโบราณ มันขับเสียงของราชาสวรรค์ออกจากจิตใจของซูผิงโดยตรง!
ทันใดนั้นลำแสงสีแดงก็พุ่งออกมาจากดวงตาของราชาสวรรค์ ในระยะไกลความเฉยเมยในดวงตาของมันกลายเป็นความเย็นชา
หวืด!
แขนสองข้างโผล่ออกมาจากกลีบ พวกมันดูเหมือนเถาวัลย์สีแดงสองอันในตอนแรก แต่ความแตกต่างคือพื้นผิวของพวกมันกลายเป็นดาบกระดูกที่แหลมคม ตรงส่วนปลายมีช่องว่างคล้ายกากบาท ช่องว่างยืดออกเล็กน้อยเผยให้เห็นงาด้านใน
แขนสีแดงเลือดทั้งสองเคลื่อนผ่านสนามรบ และเข้าหาซูผิงที่ถูกผลักลงพื้นในระยะไกล! ซูผิงเพิ่งฉีกเถาวัลย์บางส่วน เขาอยากจะกลิ้งไปด้านข้างทันทีเมื่อเห็นแขนทั้งสองนั้น อย่างไรก็ตามเถาวัลย์ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด มันจะงอกใหม่ ขยายขึ้นไม่ว่าเขาจะทำลายมันไปแค่ไหนก็ตาม
“ ออกไป !!” ซูผิงตะโกน เขาเทพลังดวงดาวทั้งหมดของเขาลงในหมัดทั้งสอง ขณะที่เขาใช้หมัดขับไล่วิญญาณหลายครั้ง พลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เขาดูดซับเมื่อเขาอยู่ในหลุมศพกึ่งเทพกำลังพุ่งออกมาที่มือของเขาอย่างดุเดือด
ปัง! ปัง! ปัง! !
เถาวัลย์ขาดหลายอัน ซูผิงหันกลับมาและพยายามวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตามพื้นที่รอบตัวเขายังคงหนาและแน่นยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าจะไม่ใช่กักมิติที่แท้จริง แต่ซูผิงก็ไม่พบวิธีแก้
กักมิติสามารถตอบโต้ได้ด้วยกักมิติที่ทรงพลังกว่าเท่านั้น!
น่าเศร้าที่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย!
เขาพยายามวิ่ง แต่ขาของเขาอ่อนแรง เขาแทบจะไม่สามารถยกขาได้ เนื่องจากขายังอยู่ภายใต้เถาวัลย์ที่พันกันยุ่งเหยิง
เถาวัลย์สีแดงกำลังพุ่งเข้ามาที่เขา เสียงโห่ร้องที่เข้าใกล้เขาดังขึ้นเรื่อย ๆ แขนขาหนาสองข้างกำลังจะมาถึงเขาเหมือนลูกศรทำลายล้างสองอันที่ปล่อยออกมาจากระยะไกล
ไม่มีที่ไหนให้วิ่ง ไม่มีที่ให้ซ่อน!
ซูผิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
ในที่สุดเขาก็เห็นว่าเขาอ่อนแอแค่ไหน ทำไมเขาถึงอ่อนแอขนาดนี้!
ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งตะโกน และเดินเข้ามาหาเขา “คุณซูให้ผมช่วย!!”
ซูผิงมองไปรอบ ๆ เขาคือนักรบอสูรกิตติมศักดิ์วัยกลางคนที่มีใบหน้าหยาบกร้าน
ชายคนนั้นระดมพลังดวงดาวของเขาขณะที่เขาตะโกนมาหาซูผิง เมื่อรวมกับอสูรตระกูลธาตุแล้วนักรบอสูรวัยกลางคนก็พุ่งเข้าหาแขนสีแดงทั้งสองข้างนั่น
อสูรตัวนั้นสร้างดาบลมขนาดใหญ่ที่กักเก็บพลังลมไว้ ดาบเจาะเข้าที่แขนสีแดงทั้งสองข้าง
ด้วยเสียงโครมครามดาบลมถูกกวัดแกว่งทิ้งรอยดำไว้ในอากาศที่ปั่นป่วน
อย่างไรก็ตามในวินาทีถัดมา แขนสีแดงทั้งสองก็กระดิก ดาบกระดูกงอกออกมามากขึ้นตัดดาบลมออก ดาบกระดูกบางส่วนบินออกจากแขน และตัดหัวของอสูร
ดาบกระดูกอีกด้ามบินผ่านนักรบอสูรวัยกลางคน และตัดหัวเขาด้วย
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์วัยกลางคนที่รีบมาช่วยตายแล้ว
ซูผิงแทบไม่อยากจะเชื่อ
แขนทั้งสองตรงมาหาซูผิงหลังจากที่นักรบอสูรวัยกลางคนนั่นเสียชีวิต
“ ฉันจะต้องจัดการแกให้ได้!”
“คุณซูเราพร้อมช่วยเหลือคุณ!”
มีคนตะโกนมามากขึ้น นักรบอสูรกิตติมศักดิ์หลายคนรีบวิ่งมาหาซูผิง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับเก้า พวกเขาพุ่งตัวเข้าหาแขนทั้งสองทั้งสองพร้อมกับดึงรั้ง พวกเขาใช้ทักษะระดับเก้ามากมาย และพลังทุกประเภทก็พันรอบแขนทั้งสองข้าง
ในระหว่างนั้นขีปนาวุธหลายลูกถูกปล่อยออกมา และระเบิดใกล้กับแขนสีแดงทั้งสอง
เสียงดัง ไฟปกคลุมแขนทั้งสอง
ซูผิงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่กำแพงด้านนอก มีอสูรร้ายน้อยลงที่นั่น เหล่านักรบสามารถหยุดยั้งอสูรป่าจำนวนมากไม่ให้เข้ามาในเมืองผ่านรูในกำแพงได้!
“คุณซูให้ผมช่วยคุณ!”
ซูผิงเห็นว่าเป็นมู่เป่ยไห่ที่พุ่งเข้าหาเขา
เขากำลังขี่ฟีนิกส์เพลิงดำระดับเก้า ผมของมู่เป่ยไห่ยุ่งเหยิง และชุดเกราะของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจากอสูรป่า มู่เป่ยไห่ไม่ได้รับบาดแผลร้ายแรงใด ๆ
ฟีนิกส์เพลิงดำคำราม จากนั้นก็พ่นไฟจำนวนมากออกมา
ไฟมักถูกมองว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับพืช
อย่างไรก็ตามเถาวัลย์บนพื้นดินยังคงสมบูรณ์หลังจากที่เปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวกวาดไปทั่วพื้นดิน
มู่เป่ยไห่ไม่อยากจะเชื่อ
ไฟที่ออกมาจาก ฟีนิกส์เพลิงดำ เป็นความสามารถหลักของมัน สิ่งที่อสูรในระดับเดียวกันจะต้องกลัว อย่างไรก็ตามไฟนี่ไม่สามารถทิ้งร่องรอยใดๆไว้บนเถาวัลย์สีแดงได้!
เขาเห็นว่าซูผิงเจาะเถาวัลย์สีแดง มู่เป่ยไห่ประเมินมันต่ำไป ความแปลกประหลาดของเถาวัลย์สีแดงกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด!
ซูผิงตะโกนบอกมู่เป่ยไห่ที่เข้ามาใกล้มากขึ้น “ อย่าเข้ามา!”
แต่คำเตือนนั้นช้าเกินไป ฟีนิกส์เพลิงดำเริ่มบินต่ำหลังจากการสั่นสะเทือน โชคดีที่อสูรร้ายตอบสนองรวดเร็ว มันสามารถทรงตัวได้เอง มันเริ่มกระพือปีกหนักขึ้น แต่ก็ยังช้าลง
ในขณะที่เขานั่งบนหลังของอสูรของเขา มู่เป่ยไห่ก็ผงะเพราะเขารู้สึกว่าอากาศรอบตัวเขากดดันเขาจนทำให้หายใจลำบาก
นี่มันอะไร! มู่เป่ยไห่ถามตัวเองด้วยความหวาดกลัว เขามองไปที่ซูผิงอีกครั้ง ในที่สุดมู่เป่ยไห่ก็เข้าใจว่าเหตุใดซูผิงจึงไม่สามารถออกมาได้
จำนวนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!
เถาวัลย์สีแดงเพียงต้นเดียวสามารถฆ่าอสูรร้ายระดับเก้าได้!
นั่นคือความน่ากลัวของราชาสวรรค์ต่างโลก ความคิดแรกที่พึ่งเข้ามาคือการหนี แต่ในไม่ช้ามันกต้องละทิ้งไป มู่เป่ยไห่ตัดสินใจ “คุณซู ผมจะดึงมันออก!”
เขาขี่ฟีนิกส์เพลิงดำพุ่งลงมา เขาเทพลังดวงดาวทั้งหมดของเขาไปที่ฟีนิกส์เพลิงดำเพื่อเพิ่มความเร็ว
หวืด หวืด หวืด!
เมื่อรู้สึกว่ามู่เป่ยไห่กำลังตกที่นั่งลำบาก เถาวัลย์สีแดงบางส่วนก็พลิกกลับและยื่นไปหาเขา
กรี้ส!!
ทันใดนั้นฟีนิกส์เพลิงดำก็กรีดร้อง บินไปรอบ ๆ อากาศดึงดูดความสนใจของเถาวัลย์สีแดง
ซูผิงสามารถเห็นได้ว่ามู่เป่ยไห่พยายามสร้างโอกาสให้เขา
ผู้นำตระกูลมู่ที่ฉลาดจะยอมเสี่ยงเพื่อเขา!
ทันใดนั้นซูผิงก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาน้ำตาไหล นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสองที่เพิ่งเข้ามาช่วยเขาตายแล้ว รวมทั้งอสูรของพวกเขาด้วย
แขนทั้งสองข้างไม่ได้รับบาดเจ็บแม้ใดๆจากการโจมตี แขนหมุนไปรอบ ๆ และเริ่มล่าอสูร! “คุณซูเราจะดึงความสนใจพวกมันเอง!” หวืด!
มีคนบินผ่านซูผิง นักรบอสูรกิตติมศักดิ์รีบออกมาจากกำแพงด้านนอก และบินตรงไปยังแขนสีแดง
ซูผิงอดไม่ได้ที่จะตะโกน“ คุณเอาชนะมันไม่ได้ อย่าไป!!”
“คุณซูไม่ต้องกังวล แค่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะออกไป คุณเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถจัดการกับราชาสวรรค์ต่างโลก ได้” มู่เป่ยไห่ตะโกนบอกซูผิงอย่างกระวนกระวาย
ฟีนิกส์เพลิงดำกำลังจะถูกเถาวัลย์สีแดงจับ เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
ซูผิงอ้าปาก เขารู้สึกมีก้อนจุกในลำคอ
เขาไม่สามารถทำได้ เขาทนไม่ได้ที่จะแบกรับความหวังของผู้คนมากมายขนาดนี้!
“อา!!!” ซูผิงร้องลั่น เขาออกหมัดอย่างบ้าคลั่ง เถาวัลย์สีแดงขาดอย่างรวดเร็วทีละเส้น
มู่เป่ยไห่ตกตะลึงที่เห็นซูผิงสามารถตัดเถาวัลย์สีแดงจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่ายังมีหวัง ซูผิงมีพลังมากกว่าที่เขาคาดเอาไว้!
ในขณะที่มู่เป่ยไห่ยังคงรู้สึกประหลาดใจ เขาเองก็สั่นสะท้าน
ฟีนิกส์เพลิงดำ ร้องด้วยความเศร้าโศก เท้าของมันเพิ่งถูกเถาวัลย์สีแดงพัน
ฟีนิกซ์พ่นไฟเพื่อเผาเถาวัลย์ทันที แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีภูมิคุ้มกันต่อไฟ
เถาวัลย์สีแดงจำนวนมากรัดฟีนิกส์เพลิงดำสูงขึ้น จนมันสูญเสียการควบคุมปีกของมันด้วย ไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไร อสูรนกก็ยังคงล้มลง
มู่เป่ยไห่หน้าซีดจนน่ากลัว เขาชักดาบเพื่อตัดเถาวัลย์ เขารักดาบของเขามาก แต่มันไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเถาวัลย์สีแดงได้ ราวกับว่าดาบทื่อ
“ ไม่ ได้โปรด ไม่!” มู่เป่ยไห่ถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยอสูรของเขาไป
ทันใดนั้น ฟีนิกส์เพลิงดำ ก็ส่งเสียงร้องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
ไฟรอบ ฟีนิกส์เพลิงดำ นั้นรุนแรงกว่าที่เคย ในขณะเดียวกันพลังดวงดาวของมู่เป่ยไห่ก็เพิ่มขึ้น
“นั่นมัน…”
มู่เป่ยไห่อยู่งุนงง
เขารู้สึกได้ถึงพลังดวงดาวที่หลั่งไหลเข้ามาในตัวเขาอย่างต่อเนื่อง!
พลังดวงดาวถูกถ่ายโอนมายังเขาผ่านพันธะสัญญาผ่านการประสานพลังงาน!
พลังดวงดาวจากฟีนิกส์เพลิงดำ!
พลังดวงดาวล้นเหลือ มีมากกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ พลังดวงดาวของเขาถูกส่งมาอย่างเต็มที่ แม้แต่ส่วนเกินก็ถูกหลั่งออกมา
ทันใดนั้นมู่เป่ยไห่ก็นึกอะไรบางอย่างอย่างขึ้นมาได้
เบาะแสในการเป็นนักรบอสูรในตำนาน!
การเรียกจากสวรรค์ และโลกดูเหมือนจะง่ายมากที่ได้รับ!
อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมาเสียงเรียกร้องที่น่าเศร้าก็ทำให้เขาตื่นขึ้น
มู่เป่ยไห่มองลงไป เห็นไฟที่ผิดปกติกำลังลุกไหม้บนตัวฟีนิกส์เพลิงดำ ซึ่งเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของ ฟีนิกส์เพลิงดำ ที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต!
เมื่อใช้ทักษะนั่นแล้ว ฟีนิกส์เพลิงดำ ะมุ่งหน้าสู่ความตายอย่างไม่อาจหวนคืนได้!
ในขณะที่ทักษะมีผล ไฟจะเผาผลาญทุกสิ่งรวมทั้งร่างกาย วิญญาณ และจิตวิญญาณของฟีนิกส์เพลิงดำ ด้วย!
การหลั่งไหลของพลังดวงดาวมากมายที่มู่เป่ยไห่รู้สึกได้นั้นมาจากฟีนิกส์เพลิงดำที่เผาตัวเองจนตาย มันป้อนพลังดวงดาวให้กับมู่เป่ยไห่โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา
หลังจากใช้เวลาหลายปี และต่อสู้ร่วมกันมา มู่เป่ยไห่เข้าใจความตั้งใจของฟีนิกซ์ในทันที
มันเผาตัวเอง และส่งพลังงานมาให้เขา เพื่อที่เขาจะได้หนีไป!
ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“หยุดนะ หยุด!!” มู่เป่ยไห่ร้องขึ้นตะโกนขึ้นไปในอากาศ และเสียงร้องของเขาก็ดังขึ้นไปบนฟ้า อย่างไรก็ตาม ไฟยมโลก ไม่สามารถหยุดได้ ไม่มีอะไรหยุดมันได้เมื่อไฟลุกไหม้
ความผูกพันระหว่างมู่เป่ยไห่และฟีนิกส์เพลิงดำ พลันแตกสลาย สัญญาที่ทำให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันไม่มีอีกแล้ว
มู่เป่ยไห่ไม่สามารถรู้สึกถึงอารมณ์และความคิดของฟีนิกส์เพลิงดำในใจของเขาได้ มีบางอย่างผิดปกติไป
ด้านล่างของเขา ฟีนิกส์เพลิงดำเงยหน้าขึ้นมอง ความสับสนในดวงตาของมันฉายออกมา ดวงตาของมันกระจ่างขึ้น และมองมาที่มู่เป่ยไห่เป็นครั้งสุดท้าย มองมาที่เพื่อนเก่าของมันอย่างอ่อนโยน
วินาทีถัดมา ฟีนิกส์เพลิงดำ กระพือปีก แม้เถาวัลย์สีแดงจะพันอยู่ ฟีนิกส์เพลิงดำ ก็พยายามทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความภาคภูมิใจ
มันออกแรงยกมู่เป่ยไห่ และส่งเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า
ความพยายามนี้ทำให้ ฟีนิกส์เพลิงดำตกลงใส่กลุ่มเถาวัลย์สีแดงที่เลื้อยอยู่ ถูกกลืนกินในทันที
“ ไม่ !!!” มู่เป่ยไห่ตะโกนด้วยความเศร้า
ด้วยเสียงดังนก ฟีนิกส์เพลิงดำก็ระเบิด กลายเป็นไฟมืดที่กวาดไปทั่ว และเผาเถาวัลย์สีแดงทั้งหมด
ไฟยมโลกมีพลังมากพอที่จะทำร้ายราชาอสูรร้ายได้!
เถาวัลย์สีแดงบิดไปมาเมื่อถูกเผาไหม้ ไม่นานก็กลายเป็นฝุ่น!
ซูผิงซึ่งยังคงต่อสู้กับเถาวัลย์สีแดงได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของมู่เป่ยไห่ เขาเห็นไฟยมโลก ซูผิงกัดฟันแน่น เขาต่อยหมัดแรงมากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าเถาวัลย์สีแดงทั้งหมดรอบตัวเขาก็แตกสลาย เถาวัลย์สีแดงอื่น ๆ งอกออกมา แต่มู่เป่ยไห่เบี่ยงเบนมัน ก่อนเถาวัลย์สีแดงอื่นจะมาถึงตัวซูผิง เขาก็ย่อตัวลงและกระโดดขึ้นสุดแรง