“คุณแน่ใจนะ?”
ซูผิงได้รับกำลังใจจากการตอบกลับของเซี่ยจินชุ่ย”งั้นดีเลย ไปกันตอนนี้เลย” เขาพยายามขยับขา แต่แทบทรุด
ใบหน้าของเขากลับไร้สีมากขึ้น ซูผิงดูเหมือนจะกังวลมากกว่าที่เขาคาดไว้ เซี่ยจินชุ่ยจับที่แขนซูผิงเบา ๆ “คุณซูคุณโอเคไหม? ผมคิดว่าคุณต้องพักผ่อนบ้าง”
“ผมสบายดี…”
ซูผิงหอบ แทบจะไม่มีเสียงออกมา เขาเห็นเงาปีศาจและอสูรมากมายในดวงตา และความเหนื่อยล้าก็ทำร้ายเขา
“คุณซู!”
สภาพของเขาทำให้เซี่ยจินชุ่ยและฉินตู้หวงกลัว พวกเขารีบเข้ามาช่วย ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าซูผิงจะทรุดโทรมมากขนาดนี้
สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้ว่าซูผิงต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการตามล่าราชาสวรรค์ต่างโลก
ฉินตู้หวงพยุงซูผิงขึ้นมาและพูดกับเซี่ยจินชุ่ยว่า“ ผมจะพาคุณซูกลับไปที่ร้านของเขา และโทรเรียกผู้รักษา ผมจะปล่อยให้คุณจัดการที่นี่”
เซี่ยจินชุ่ยพยักหน้า ต้องขอบคุณซูผิงที่ราชาสวรรค์ถูกขับไล่ออกไป และเมืองฐานหลงเจียงก็ปลอดภัย ลำดับความสำคัญตอนนี้คือการดูแลซูผิง และทำให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไร
“ไปเถอะ”
“โอเค “
ฉินตู้หวงออกไปทันที
หลังจากฉินตู้หวงจากไป เซี่ยจินชุ่ยก็หายใจเข้าลึก และฟังคำรายงานของด้านต่างๆ
ด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกปลอดภัยซึ่งทำให้เขาโล่งใจ เขารู้สึกขอบคุณซูผิงมากยิ่งขึ้น ด้านเหนือได้รับความปลอดภัยเนื่องจากมังกรของซูผิง มิฉะนั้นด้านเหนือจะเป็นด่านแรกที่ถูกโจมตีเพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลเย่และนักรบที่นั่นจะหยุดยั้งราชาอสูรร้ายทั้งสามตัวได้
“ เข้ามาเลย !!”
เซี่ยจินชุ่ยดึงดาบของเขา และพุ่งเข้าหาอสูรป่า
นักรบอสูรคนอื่น ๆ รับคำสั่งของเขา และกลับเข้าสู่สนามรบ
ขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นที่ด้านเหนือและตะวันตกเมื่อรู้ว่าราชาสวรรค์ถูกไล่ออกไปแล้ว ทุกคนเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า นักรบอสูรกิตติมศักดิ์บางคนเรียกความแข็งแกร่งบางส่วนกลับมาได้เพราะมีแรงบันดาลใจ พวกเขากลับไปที่สนามรบ และในไม่ช้าก็บดขยี้อสูรป่า
อสูรป่าที่มาเพื่อทำลายเมืองฐานหลงเจียงถูกส่งกลับไป นักรบอสูรวิ่งไล่ตามอย่างดุเดือดท่ามกลางอสูรป่า
นักรบอสูรบางคนสามารถรวมทีมกันได้ พวกเขามีส่วนร่วมอย่างมากจากการร่วมพลังกัน
อสูรป่าส่งเสียงร้อง และมนุษย์ก็ร้องเสียงหลง มีแอ่งเลือดและภูเขาของซากศพรอบ ๆ เมืองฐาน
เมื่อราชาสวรรค์จากไป การต่อสู้ดำเนินไปอีกสามชั่วโมง มีอสูรป่าตายหรือบาดเจ็บทุกวินาที ในที่สุดการโจมตีของศัตรูก็ถูกขับไล่!
เมื่ออสูรป่าหนีไปอย่างทุลักทุเล เซี่ยจินชุ่ยก็ส่งข่าวออกไปว่าเมืองฐานนั้นปลอดภัยอีกครั้ง
นักรบอสูรทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังเพื่อปกป้องเมืองฐานหลงเจียงต่างพากันน้ำตาไหล รู้สึกอบอุ่น และตื่นเต้น
เลือดไม่ได้หลั่งไปโดยเปล่าประโยชน์!
พวกเขาทำได้!
พวกเขาช่วยเมืองนี้ที่มีราชาสวรรค์ต่างโลก และราชาอสูรร้ายหลายตัวบุกเข้ามาโจมตี!
ทุกคนมีความสุขและภูมิใจในตัวเอง พวกเขาเสียใจในเวลาเดียวกันกับการสูญเสียคู่หูในอ้อมแขน และคนที่พวกเขารัก
ผู้นำตระกูลทั้งห้าตอบรับข่าวดีด้วยความเงียบ
ตระกูลเหล่านี้ได้เสียสละนักรบอสูรจำนวนมากตั้งแต่รุ่นเยาว์ไปจนถึงนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ เหนือสิ่งอื่นใดพวกเขาเป็นสมาชิกในครอบครัว
แม้ว่าจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ แต่ราคาที่จ่ายไปก็สูงมาก จำนวนอสูรป่าที่ตายนั้นเกินจะนับ และจำนวนของนักรบอสูรที่เสียชีวิตก็เกินกว่าจะคำนวณเช่นกัน!
หลังจากหยุดพักหนึ่งเซี่ยจินชุ่ยได้ส่งคนไปติดตามอสูรป่าที่กำลังหลบหนี และบอกให้ผู้คนติดตามสถานการณ์ต่อไปเผื่อว่าราขาสวรรค์จะกลับมาอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันเซี่ยจินชุ่ยให้คนระบุตัวตนของนักรบอสูรที่เสียชีวิต และนำศพของพวกเขากลับมา
นักรบอสูรเหล่านั้นล้วนเป็นฮีโร่ พวกเขาเสียชีวิตเพื่อปกป้องเมืองฐานหลงเจียง!
พวกเขาจะไม่ทิ้งซากศพไว้ในป่า
ทีมที่เข้าไปเก็บซากต่างปฏิบัติภารกิจด้วยความเศร้าโศก
พวกเขาระบุนักรบอสูรที่เสียชีวิตไปแล้วหลายคน บางคนยังคงอยู่ในปากของอสูรป่า ร่างกายของพวกเขาหายไปกว่าครึ่ง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักก่อนที่พวกเขาจะตาย นักรบอสูรบางคนแขนของพวกเขาอยู่ที่หัวของอสูร บางคนยังคงอยู่ในท้องของอสูรป่าซึ่งถูกทำลายอย่างรุนแรง
มีแขนขาฉีกขาดอยู่ที่พื้น มุมมองนั้นน่ากลัวมาก
นักรบอสูรผู้เสียชีวิตแต่ละคนเป็นตัวแทนของตระกูลต่างๆ
ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามีกี่ตระกูลที่ต้องเสียใจกับสมาชิกในตระกูลที่สูญเสีย!
เมืองฐานหลงเจียงสร้างประวัติศาสตร์
แต่ต้นทุนสูงเกินไป!
จากความสุขในตอนแรก ตอนนี้ค่อยๆหายไป ผู้คนต่างตกตะลึงกับจำนวนผู้เสียชีวิต เมืองฐานหลงเจียงทั้งหมดตกอยู่ภายใต้เงามืดแห่งความโศกเศร้า
ตอนแรกเซี่ยจินชุ่ยคิดอยากจะจัดงานเลี้ยงเนื่องจากมีนักรบอสูรเพียงไม่กี่คนที่เสียชีวิตในการบุกรอบแรก และซูผิงก็กลับมาทันเวลา แต่ตอนนี้เขาไม่มีความคิดนั้นแล้ว
หลังจากจัดการแล้วเซี่ยจินชุ่ยได้ไปเยี่ยมนักรบอสูรจากเมืองฐานอื่น ๆ และขอบคุณพวกเขาด้วยความจริงใจ
พวกเขาช่วยพวกเขาได้มาก เมืองฐานอาจถูกบุกไปแล้วหากไม่ได้รับความช่วยเหลือ
เป็นความจริงที่ซูผิงขับไล่ภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดออกไป แต่อสูรป่าอื่น ๆ ก็ไม่อาจมองข้ามได้ เป็นเพราะความร่วมมือที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ
บางคนออกจากหลงเจียงไปแล้ว และกลับไปที่เมืองฐานของตน
พวกเขาบรรลุเป้าหมายในการให้การสนับสนุนแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ
กองกำลังอื่น ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือเลือกที่จะออกไปหลังจากที่พวกเขาได้เจอกับเซี่ยจินชุ่ยแล้ว
เมืองฐานหลงเจียงปลอดภัย พวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ เซี่ยจินชุ่ยเปิดคลังและให้ของตอบแทนเป็นของขวัญด้วยเงินสมบัติ สมุนไพร พืช หรือไข่ของอสูรหายาก
หลังจากนั้นเขาก็รีบไปที่ร้านขายอสูรพิกซี่
ความดีความชอบมากที่สุดต้องยกให้ซูผิง
พวกเขาจะต้องเสียทุกสิ่งทุกอย่างหากไม่มีเขา และเมืองฐานก็จะถึงวาระ
ไม่มีใครสามารถหยุดราชาสวรรค์ต่างโลกได้ ไม่มีใครใกล้เคียงกับความแข็งแกร่งของราชาสวรรค์
เซี่ยจินชุ่ยค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับซูผิง เขาไปที่ร้านและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคน
นอกจากนี้ยังมีปรมาจารย์ดาบ และอู่กวนเฉิง หมอที่มีชื่อเสียง เซี่ยจินชุ่ยจำได้ว่าเขามาเยือนเมืองฐานหลงเจียงครั้งแรกเป็นเพราะหยวนเทียนเฉิน แต่ซูผิงเป็นสาเหตุของการมาในครั้งนี้
เซี่ยจินชุ่ยถามอู่กวนเฉิงทันที“ คุณซูเป็นยังไงบ้าง? เขาฟื้นหรือยัง?”
อู่กวนเฉิงส่ายหัว “ยัง สถานการณ์ของคุณซูนั้น … แปลก เขาเสียเลือดและเพิ่งสร้างเลือดใหม่จากไขกระดูก ผมใช้ทักษะของผมเพื่อช่วยให้เขาสร้างเลือดได้มากขึ้น เขาอาการคงที่แล้ว ตอนนี้เขาควรจะตื่นได้แล้วในทางทฤษฎี แต่เขายังคงอยู่ในอาการโคม่า ผมคิดว่าจิตวิญญาณของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเช่นกัน”
“ เขาเสียเลือดเหรอ?”เซี่ยจินชุ่ยไม่อยากจะเชื่อเลย
เขาจำได้ว่าซูผิงหน้าซีดแค่ไหน คนจะอยู่รอดได้ยังไงเมื่อไม่มีเลือด?
นั่นจะไม่เกิดขึ้นกับทุกคนไม่ เว้นแม้แต่นักรบอสูร มันเป็นปาฏิหาริย์ที่ซูผิงสามารถรอดชีวิตมาได้
“คุณซู…”
เซี่ยจินชุ่ยกำหมัดแน่น เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหลังจากที่ซูผิงพยายามต่อสู้กับราชาสวรรค์ต่างโลก
การปกป้องเมืองฐานเป็นเรื่องของนายกเทศมนตรี แต่เขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลย
เขาขอนักรบอสูรในตำนานมาช่วยไม่สำเร็จด้วยซ้ำ เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกว่าเขาเป็นจุดอ่อน ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมใดๆ เขาเต็มไปด้วยความสำนึกผิดและเจ็บปวด เธอจะมีทางออกไหมนะ? เซี่ยจินชุ่ยระลึกถึงนักรบอสูรในตำนานในร้าน ไม่นานเขาก็เห็นโจแอนนาที่ยืนพิงประตูห้องอสูร หญิงสาวที่มีใบหน้าน่าทึ่งนั้นห่างเหินจนดูเหมือนเธอไม่ได้มาจากโลกนี้
คนอื่น ๆ ก็หันมามองเธอเช่นกัน
หญิงสาวรับซูผิงตอนที่พวกเขาพาเขากลับมาที่ร้าน และเธอไม่ให้ใครยุ่งกับเขา อู่กวนเฉิงพยายามอย่างมากเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ และแสดงให้เธอเห็นทักษะบางอย่างของเขา ในที่สุดเธอก็ยอมให้เขาช่วยเหลือซูผิง
“ เขาไม่ได้ตาย เขาแค่หมดสติ พวกนายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเขา” โจแอนนาพูดอย่างเย็นชา
คำตอบของเธอสร้างความโล่งใจเป็นอย่างมากมาก “ ดี นั่นดีเลย”เซี่ยจินชุ่ยถอนหายใจยาว “ มันเป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง คุณซูไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพังหากผมสามารถโน้มน้าวให้นักรบอสูรในตำนานมาช่วยเราได้ อย่างน้อยที่สุดก็คงจะมีนักรบอสูรในตำนานมาช่วยเขาจัดการกับราชาสวรรค์”
ฉินตู้หวงเงียบลง
เขาเพิ่งมาถึงระดับตำนาน และเป็นคนเดียวที่อยู่ในระดับนี้นอกเหนือจากโจแอนนา อย่างไรก็ตามเขาทิ้งราชาสวรรค์ต่างโลกให้คนที่ไม่ได้อยู่ในระดับตำนานจัดการ
“ กลับไปทำธุระของพวกนาย ถ้าไม่มีอะไรต้องทำที่นี่ นายอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ”โจแอนนากล่าว
คำพูดของเธอทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น ไม่นานพวกเขาก็จากไปทีละคน
ในคอกเลี้ยงดูของห้องอสูร
ซูผิงกำลังพักผ่อนในขณะที่ไม่ได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ ดวงตาของเขาปิดสนิท
“ นายได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก แต่ตัวตนเบื้องหลังนายก็ยังไม่ออกมา?” หลังจากที่ทุกคนออกไป โจแอนนาก็เข้ามานั่งในห้องอสูร จ้องมองซูผิง
เธอสามารถบอกได้ว่าซูผิงต้องใช้ทักษะพิเศษบางอย่าง เธอได้รู้บางอย่างจากโครงกระดูกแล้ว
ว่ากันว่าราชาโครงกระดูกมีโอกาสที่จะเชี่ยวชาญทักษะในการครอบงำ โครงกระดูกน้อยตื่นขึ้นมาและอยู่ในช่วงเวลาที่ซูผิงใกล้จะหมดพลัง
เห็นได้ชัดว่าโครงกระดูกน้อยอยู่ในระดับดวงดาว ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าการปลุกสายเลือดเสร็จสิ้นแล้ว
“ แกรู้ไหมว่าแกเกือบจะฆ่าเจ้านายของแกแล้ว” โจแอนพูดอย่างไม่พอใจกับโครงกระดูกน้อยซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในคอกเลี้ยงดูอีกอัน
เบ้าตาของโครงกระดูกน้อยเรืองแสง และขยับขากรรไกร
โจแอนนาเลิกคิ้ว “ อย่าคุยกับฉัน เขาจะไม่ลงเอยแบบนี้ถ้าแกไม่ปล่อยให้เขาหักโหมเกินไป เขาเกือบตาย ตอนนี้เขาคงจะตายไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาได้รับพรที่แปลกและโบราณ “
โครงกระดูกน้อยปิดขากรรไกร และแสงที่เบ้าตาก็ดับลง
โจแอนนาตะคอก ไม่พูดอะไรกับโครงกระดูกน้อยอีก
“ทำไมนายถึงทำแบบนี้? ทำไมต้องพยายามอย่างหนักในเมื่อนายมีความแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว? นายควรใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและบ่มเพาะ นายจะเติบโตขึ้นเพื่อไปถึงระดับดวงดาวและแม้กระทั่งกลายเป็นเทพในอนาคต โง่จริงๆ” โจแอนนาพึมพำ
ในความมืดมิด
ซูผิงกำลังฝันร้ายที่ยาวนานที่สุด
ในความฝันของเขามังกรเพลิงนรกเสียชีวิตรวมทั้งโครงกระดูกน้อย,สุนัขมังกรดำ และอสรพิษม่วง พวกมันทั้งหมดตาย
สิ้นหวัง
สยอง!
“ ไม่ !!” ซูผิงตะโกน วินาทีต่อมาเขาลืมตาขึ้น เขาลุกขึ้นนั่ง แสงแยงเข้ามาในสายตาของเขา และเขาก็ค่อยๆมองเห็นสิ่งต่างๆได้
ความเจ็บปวดปกคลุมเขา
เขามองไปรอบ ๆ โดยตระหนักว่าเขาอยู่ในคอกเลี้ยงดู
เขากลับมาที่ร้าน
หลังจากมึนงงอยู่สักพักซูผิงก็ลุกขึ้นนั่งและรีบออกจากคอกเลี้ยงดูโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวด
“อะไร?”
โจแอนนาที่กำลังบ่มเพาะและจับตาดูซูผิงอยู่ในคอกเลี้ยงดูอีกอันลืมตา เธอก้าวออกมาจากคอกเลี้ยงดู “นายเพิ่งตื่น จะไปไหน?”
“ ฉันหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว?” ซูผิงถาม
“สองวัน”
โจแอนนาขมวดคิ้ว “ นายต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ควรจะรู้นะว่าตัวเองเกือบตาย”
สองวัน! ซูผิงเต็มไปด้วยความกลัวและดีใจ โชคดีที่แค่สองวัน หากนานกว่านี้อีกวันหนึ่งเขาคงเกลียดตัวเองจนตาย
เขาต้องการใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหาเซี่ยจินชุ่ย จากนั้นเขาก็สังเกตุว่าเขาสวมชุดใหม่
“ โทรศัพท์ของฉันอยู่ที่ไหน” เขาถามด้วยความงุนงง
โจแอนนาหน้าแดงเล็กน้อย “ ในตู้เก็บของนั่น”
ซูผิงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับความเขินอายของเธอ เขารีบไปที่ล็อกเกอร์ และล้วงโทรศัพท์ของเขาออกมา
เขาโทรหาเซี่ยจินชุ่ยทันที
“ คุณเซี่ย ผมซูผิง คุณมีเวลาไหม? เราต้องไปที่หอคอยเดี๋ยวนี้!” ซูผิงกล่าวด้วยความเร่งรีบ
“คุณซูคุณตื่นแล้ว”เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกประหลาดใจและยินดี “ ไม่มีปัญหา ผมจะรีบไปหาคุณ”
เซี่ยจินชุ่ยมอบหมายเรื่องทั้งหมดของเขาให้กับเลขาหลังจากวางสาย สองวันผ่านไปหลังจากอสูรร้ายถูกขับออกไป ไม่มีเสียงเชียร์ ไม่มีการเฉลิมฉลองในเมืองฐานหลงเจียงซึ่งเป็นการไว้อาลัยให้กับวีรบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วในการสู้รบ
ผู้รอดชีวิตได้เผยแพร่ข้อความบนเว็บไซต์โซเชียลเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิต
การจัดการกับผลพวงเป็นเรื่องลำบาก ถึงกระนั้นเซี่ยจินชุ่ยก็ตัดสินใจที่จะไปที่หอคอยกับซูผิง ซูผิงนั้นรีบร้อนมาก เขาตรวจสอบสถานะวิญญาณของมังกรเพลิงนรกในช่องสัญญา สีของวิญญาณยังคงเป็นสีทอง และมีการยึดเกาะซึ่งช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของเขาได้
“อาจารย์จะไปที่หอคอยเหรอคะ?”
จงหลิงถงดีใจที่เห็นว่าซูผิงฟื้นแล้ว แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเนื่องจากเขาต้องการรีบไปหอคอย
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่นักรบอสูร แต่เธอก็เคยได้ยินเกี่ยวกับหอคอย นั่นคือสถานที่ที่เหล่านักรบอสูรในตำนานรวมตัวกัน ทำไมซูผิงถึงจะไปที่นั่น?
ถังยู่หรานก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่พบว่าซูผิงต้องการออกไปที่หอคอยทันทีที่เขาตื่นขึ้นมา
ซูผิงดีใจมากที่เห็นหญิงสาวทั้งสองยังปลอดภัยดี “ เมืองฐานหลงเจียงเป็นยังไงบ้าง? อสูรป่าถูกจัดการหมดแล้วหรือเปล่า?”
“ใช่” ถังยู่หรานตอบ
ซูผิงตอบด้วยความเงียบ อสูรป่าไปแล้ว แต่คนตายจะไม่กลับมา
ยิ่งคิดถึงมังกรเพลิงนรก มันก็ทำให้เขาเต็มไปด้วยความมืดมนยิ่งขึ้น เขารู้ดีว่าการสูญเสียคนที่รักไปนั้นเจ็บปวดเพียงใด
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยจินชุ่ยก็มาถึงร้านของซูผิง
“คุณซูเราจะไปตอนนี้เลยหรอ?”เซี่ยจินชุ่ยดีใจที่เห็นซูผิงฟื้นตัวขึ้นมา และแก้มของเขาก็มีสีชมพูจางๆ
ซูผิงพยักหน้า “ เราจะไปหอคอยกัน เร็วที่สุดใช้เวลาเท่าไหร่?”
“ครึ่งวัน”เซี่ยจินชุ่ยรับรู้ได้ว่าซูผิงกังวลแค่ไหน
อีกคนมาถึงขณะที่พวกเขาคุยกัน มันคือฉินตู้หวง
“ คุณกำลังจะไปที่หอคอยหรอ? ผมจะไปกับคุณ”
ซูผิงไม่เข้าใจ แต่เซี่ยจินชุ่ยเข้าใจ “ ถูกต้องคุณควรไป คุณเพิ่งถึงระดับตำนาน ดังนั้นคุณต้องรายงานต่อหอคอย พวกเขาจะดุคุณ ถ้าคุณไม่ไปและพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อรับคุณ”
ฉินตู้หวงพยักหน้า
เป็นกฎมาหลายปีแล้วที่ทุกคนต้องรายงานตัวต่อหอคอยหลังจากขึ้นสู่ระดับตำนาน