Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 299

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 299

ตอนที่ 299: คนชั่ว
ครึ่งเดือนให้หลัง เกาะหลิวซา
หมู่บ้านแออัดถูกเผา ควันดาหนาลอยขึ้นฟ้า
ซูถิงมองเหล่าผู้อพยพภายใต้การรับผิดชอบของเขาและเลือกเฉพาะผู้ชายที่แข็งแรงกายาออกมาก่อนจะจัดกลุ่มพวกมันใหม่ เขาพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
มีลู่เจียเป็นสายลับอยู่ข้างกาย ซูถิงนาปฏิบัติการกาจัดกวาดไปทั่วเกาะรอบ ๆ นี้ เก็บเกี่ยวเงินและทองจานวนมาก ที่สาคัญที่สุด อดีตโจรสลัดแห่งเกาะเฮยกวนล้วนเข้าปะทะกับเหล่าพี่น้องดั้งเดิมเพื่อยืนยันความจงรักภักดีของพวกมัน
ถึงวันนี้ เหล่าผู้ลี้ภัยนั้นมีจานวนกว่าสองพัน และมีผู้ชายที่ใช้งานได้กว่าสามร้อยคน
ผู้ชายเหล่านี้นั้นไม่นับว่าดีที่สุดแต่ว่าไม่กลัวตาย เมื่อมีอาหารเพียงพอและการฝึกฝนที่ถูกต้อง พวกมันก็กลายเป็นกองกาลังอันน่าเกรงขาม
หลังจากสังหารหัวหน้าโจรสลัดไปหลายคน ซูถิงก็ทาให้ผู้ชายพวกนั้นเกิดความกลัว จนตอนนี้ไม่กล้าสร้างปัญหาใด
“นายท่าน…”
กัวกุ่ยซิงยืนอยู่ข้างหลังเขาและพูดอย่างระมัดระวัง
“นายท่านเมตตาไว้ชีวิตคนพวกนี้ แต่พวกเราจะมีเสบียงไม่เพียงพอต่อพวกนี้ทั้งหมดนะขอรับ!”
“ข้ารู้!”
ซูถิงพยักหน้าให้ เขาเข้าใจดีว่าทุกอย่างย่อมต้องมีขีดจากัด
มันเป็นภาระหนักของเขตทะเลสาบจินที่จะรองรับคนมากขึ้นอีกเป็นพัน
นอกจากนี้ สิ่งของที่เก็บเกี่ยวได้จากลู่เจียและเหล่าหัวหน้าโจรสลัดที่ยอมแพ้นั้นก็หมดไปแล้วเช่นกัน
ค่ายหลักของโจรสลัดนั้นตั้งอยู่ในตาแหน่งสาคัญ และพวกมันย่อมไม่ยอมแพ้โดยง่ายดายนัก
และเหล่าโจรสลัดอาจจะเปลี่ยนที่ตั้งค่ายหลักไปแล้วเมื่อได้ยินข่าวการบุกรุกของกองทัพ นี่จะยิ่งทาให้เรื่องยุ่งยากขึ้น
“การออกกาจัดเหล่าโจรสลัดของทะเลสาบจินถิงอาจจะน่าเบื่อหน่าย แต่ข้าเห็นว่ามันเป็นโอกาสให้ฝึกฝนทหารของข้า!”
ซูถิงนั้นเหนื่อยอ่อนแล้วแต่ยังมีดวงตาที่เต็มไปด้วยพลังใจ
“ข้าเป็นผู้บัญชาการคนเดียวในทะเลสาบกว้างใหญ่แห่งนี้ ข้าเป็นผู้ตัดสินใจ ข้าจะตัดสินเองว่าใครควรอยู่ ใครควรตาย.. เมื่อการกวาดล้างครั้งนี้เสร็จสิ้น ชื่อเสียงของข้าก็จะเพิ่มขึ้นอีก”
แน่นอนว่า ถึงตอนนี้ ทั้งคนและอาวุธนั้นถึงขีดจากัดแล้ว ทุกคนล้วนต้องการการหยุดพัก
ซูถิงพูดกับคนในตาแหน่งรองจากตน
“ไม่ต้องห่วง ข้าเข้าในแนวโน้มของสถานการณ์ บอกให้เรือทุกลาถอย!”
กองกาลังของซูถิงนั้นแย่งชิงเรือมาได้หลายลาและยังส่งคนออกไปเป็นกลุ่ม ๆ แต่ระยะเดินเรือไม่ห่างกันเกินไปเพื่อให้ยังจัดการได้
ซูถิงสังเกตเห็นคนของตนยังดูวิตก
“…บิดาสัญญากับข้าว่าเขาจะมอบที่ดิน บ้าน และเสบียงให้พวกเรา ข้าคิดว่านั่นน่าจะพอช่วยเหลือให้คนเหล่านี้ลงหลักปักฐานได้!”
ได้ยินว่ามีการเตรียมการเอาไว้แล้วโดยผู้ดูแลเขต ทุกคนก็สงบลง
ใครจะรู้ว่าซูถิงนั้นกลับหัวเราะเย็น ๆ กับตัวเอง ครอบครัวของโจรสลัดที่ยอมจานนนั้นจะกลายมาเป็นตัวประกัน เขาย่อมไม่เป็นห่วงว่าพวกนั้นจะลุกขึ้นต่อต้านเขา
การเดินทัพครั้งนี้ทาให้เขาเข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น เขายังเชี่ยวชาญในการทาสงครามทางน้ามากขึ้น
ครั้งต่อไป เขาจะพยายามให้มากขึ้นและร้องขอกาลังเสริมจากตระกูล เขาต้องมีชัยเหนือเขตทะเลสาบและมีอิทธิพลสูงสุดในแถบนี้!
“เวลาไม่คอยใครจริง ๆ…”
ซูถิงถอนหายใจลึก มองไปทางพระอาทิตย์ที่กาลังคล้อยต่าลง

ในเมืองต้าฉู่
คฤหาสน์แห่งหนึ่ง
นี่ไม่ใช่ตาหนักขององค์ชาย แต่ประตูกลับใหญ่และโอ่อ่า สวนกว้างและลึก องครักษ์เดินลาดตระเวนรอบตาหนักด้วยท่าทีเคร่งขรึม มันเทียบได้กับตาหนักขององค์ชายสักแห่งเลยทีเดียว
ทั้งต้าฉู่ มีเพียงตระกูลเดียวที่มีอานาจเช่นนี้ เป็นตระกูลของอัครเสนาบดีของต้าฉู่ หวังเฉียว
หวังเฉียวนั้นถือกาเนิดในตระกูลที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นมาตั้งแต่ยังเยาว์ เขาเข้าร่วมกับราชสานักในฐานะข้าราชสานักชั้นผู้น้อยและใช้เวลายี่สิบปี ไต่เต้าขึ้นมาถึงตาแหน่งอัครเสนาบดีนี้
จักรพรรดิองค์ก่อนนั้นเป็นทรราชลุ่มหลงสุรานารี สวรรคตตั้งแต่ยังเยาว์วัย และหวังเฉียวก็กลายเป็นผู้สาเร็จราชการแทนทายาทบัลลังก์
หวังเฉียวเลิกสร้างภาพลักษณ์ผู้จงรักภักดีเมื่อได้เป็นผู้สาเร็จราชการและยังตั้งกองกาลังที่ภักดีต่อตนเองขึ้นด้วย เขายังสมรู้ร่วมคิดกับเหล่าขันทีและสนมชั่วช้าในตาหนักหลังเพื่อรักษาอานาจของตนเองเอาไว้
ในปีแรก ๆ ราชสานักนั้นได้ยกเว้นการคารวะเต็มพิธีการต่อจักรพรรดิแก่หวังเฉียวและยังให้เขาพกอาวุธเข้าวังได้ นี่เป็นสิทธิ์พิเศษและยังเป็นเครื่องยืนยันอิทธิพลอันเหลือล้นของเขา
“ฮ่าฮ่า… แม่นางคนงาม ดื่มให้หมดจอกสิ!”
ที่สวนด้านหลัง นักดนตรีบรรเลงเพลงอันประโลมใจ หญิงงามผิวขาวราวหยกเอวเล็กบางขับร้องและร่ายรา เป็นภาพอันน่าดู
นางอยู่ในชุดผ้าไหมบางเบาเผยส่วนนูนส่วนเว้าอันสวยสมบูรณ์ออกมา ใบหน้าน่ารักน่าปรารถนา กระทั่งหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่รอบ ๆ ยังมีรูปโฉมอันสบายตา
หวังเฉียวนั่งอยู่ในตาแหน่งสูงสุด ยกจอกสุราขึ้น
เขาดูอายุราวห้าสิบปีและยังมีรัศมีอันสง่างามไม่ธรรมดาอยู่รอบตัว ดวงตาเป็นประกายมองไปที่การร่ายราและขับร้อง
“ขอบพระคุณ นายท่าน!”
หญิงงามก้าวมาข้างหน้าด้วยกริยางดงามและยื่นปลายนิ้วเรียวบางรับจอกสุราไป นางดื่มสุราหมดจอกด้วยกริยาคล่องแคล่ว สุราบางส่วนหยดลงที่มุมปากเป็นภาพอันกระตุ้นเร้า
หวังเฉียวชอบใจ
“ชีวิตของข้ามีสีสันมากขึ้นเมื่อมีโฉมงามเช่นเจ้าอยู่ข้าง ๆ แม่นางเช่อ!”
หวังเฉียวกาลังจะดาเนินการละเล่นต่อไปตอนที่พ่อบ้านรีบร้อนเข้ามา
“นายท่าน!”
เห็นสีหน้าหวังเฉียวเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ พ่อบ้านก็คุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“ขออภัยที่เข้ามารบกวนนายท่าน แต่มีเรื่องสาคัญมากที่ข้าต้องรายงาน!”
พ่อบ้านเสนอจดหมายขึ้น
เมื่อหวังเฉียวอ่าน ใบหน้าก็เปลี่ยนสีอย่างรุนแรง เขากาหมัดทุบโต๊ะ
“ผู้ตรวจการผู้นี้กล้าดีอย่างไร!”
ผู้ตรวจการนั้นเป็นตาแหน่งที่สามารถรายงานขึ้นตรงต่อจักรพรรดิได้ ตาแหน่งนั้นอันที่จริงไม่ได้อยู่ในระดับสูง แต่ว่าผู้ตรวจการนั้นมีความสาคัญ
ผู้ตรวจการผู้นี้นามว่า ไห่ชิง และเขาได้ยื่นรายงานการกระทาผิดใหญ่หลวงถึงแปดข้อของหวังเฉียว ข้อกล่าวหามีหลักฐานยืนยัน และหวังเฉียวก็รู้สึกหวาดกลัวจริง ความกลัวของเขาเปลี่ยนไปเป็นความโกรธแค้นอย่างรวดเร็ว
แต่ว่า รายงานนี้ไม่เคยถึงมือจักรพรรดิ เพราะว่าหวังเฉียวสกัดเอาไว้ก่อน
หวังเฉียวโกรธแล้วจริง ๆ และเริ่มกระหายเลือด
หวังเฉียวอาจจะไม่ใช่จักรพรรดิ แต่ความโกรธแค้นของเขานั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องระวัง เหล่าคนรับใช้ล้วนลงไปคุกเข่ากับพื้น กระทั่งหญิงงามเช่อก็ยังตัวสั่น
“เหอเหอ… ไห่ชิง? คารมคมคายดีเสียจริง!”
เมื่อหวังเฉียวสงบใจลงได้ เขาก็หัวเราะออกมา
“เจ้า ส่งองครักษ์ส่วนตัวของข้าไปจับตัวมันโยนเข้าคุกเสีย ตัดเส้นเอ็นและกระชากลิ้นของมันทิ้ง…”
“นายท่าน!”
พ่อบ้านตัวสั่น เขาพักดีและยังเป็นที่ปรึกษาที่มีความสามารถของหวังเฉียวพูดขึ้น
“ตามประวัติศาสตร์แล้ว ผู้ตรวจการไม่เคยถูกลงโทษเพราะรายงานของตน หากท่านต้องการจัดการกับเขา ท่านควรจะส่งเสริมให้เขาขึ้นสู่ตาแหน่งอื่นให้เขาไม่ได้รับความคุ้มกันจากตาแหน่งอีกต่อไป เมื่อถึงเวลานั้น ท่านก็สามารถจัดการกับเขาได้ในทุกวิธีที่ต้องการ!”
“เจ้าพูดก็ถูก แต่ข้าต้องฟังเจ้าด้วยรึ?”
หวังเฉียวรู้ว่าคาสั่งก่อนหน้าของเขานั้นหุนหันพลันแล่นเกินไปและตั้งใจจะแก้คาสั่ง แต่ว่า เมื่อฟังว่าสิ่งที่พ่อบ้านแนะนานั้นเหมือนกับแผนการที่เขาวางเอาไว้ในใจ และยังเกิดขึ้นภายใต้การจับตามองจากหญิงงามทั้งหลายรอบตัว เขาก็ไม่ยินยอมทาตาม
พ่อบ้านเหงื่อกาฬหลั่งไหล
“ไม่ นายท่าน! ข้าจะออกไปทาตามที่ท่านสั่ง!”
‘พ่อบ้านผู้นี้คิดว่าข้าจะทนกับความอวดดีของเขาเพียงเพราะว่าเขาชราแล้วงั้นรึ…’
เมื่อเขาเห็นพ่อบ้านถอยออกไปห่างแล้ว ความคิดหนึ่งก็เข้ามาในใจหวังเฉียว
‘ข้าสามารถใช้โอกาสนี้ลองทดสอบดู ข้าต้องการรู้ว่าจะมีสักกี่คนที่กล้าข้ามหน้าข้า!
’ในชีวิตก่อนของฟางหยวน มีเหตุการณ์ของจ้าวกั่วที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ตามประวัติศาสตร์ กลยุทธ์ในการรวมอานาจนั้นก็ยังคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก หวังเฉียวนั้นวางแผนจะใช้กลวิธีเก่าแก่จากในตารานี้เช่นกัน
หลังจากได้รับรายงาน หวังเฉียวก็ไม่อยู่ในอารมณ์รื่นเริงอีกต่อไป และผละไปที่ห้องหนังสือ
นักดนตรีหยุดเล่นและแยกย้าย แต่แม่นางเช่อยังเดินเล่นอยู่ในสวน หลังจากนั้นเป็นนาน นางก็มาถึงที่ริมป่าไผ่โดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง
มีศาลาหลังหนึ่งสร้างจากไม้ไผ่ทั้งหลัง เป็นผลงานที่ละเอียดลออให้ศาลาหลังนี้เย็นรื่นได้ทั้งกลางฤดูร้อนอบอ้าว
แต่ว่า แม้ตอนนี้ศาลาจะร่มรื่น แต่กลับไม่มีใครอยู่ที่รอบ ๆ นี่
แม่นางเช่อคนงามพูดกับความว่างเปล่า ท่าทางลึกลับ
“ท่านกล้าลักลอบเข้ามาที่นี่… ท่านไม่กลัวผลสะท้อนจากมนุษย์เต๋าหรือพลังชะตาหรือไร?”
เสียงล่องลอยนุ่มนวลสายหนึ่งดังมาจากที่ใดไม่ทราบได้
“เหอเหอ… หวังเฉียวนั้นเป็นผู้ไร้ศีลธรรมที่กาลังจะหมดซึ่งวาสนาแล้ว เหตุใดข้าต้องเกรงเขาด้วย?”
แม่นางเช่อหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงตอบ
“ช่างดื้อรั้นอะไรเช่นนี้ หากท่านไม่กลัว เหตุใดจึงไม่เผยตัว?”
ตัวตนในอากาศเงียบไปครู่หนึ่ง
“ความรุ่งเรืองของมนุษย์เต๋านั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ระดับสูงของเผ่าพันธุ์ปิศาจเริ่มเข้าใจแนวโน้มนี้แล้วเช่นกัน… นี่เป็นเหตุให้ปิศาจเช่นเจ้ากลับมาเกิดโดยแลกเปลี่ยนกับพลังและอายุขัย และยังแทรกตัวเข้ามาอยู่ในสังคมมนุษย์ นี่ทาให้เกิดการล่มสลายของมนุษยชาติและไม่ให้พวกเขาทาตามมติสวรรค์ได้”
“ภารกิจก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิองค์ก่อนก็ผ่านไปด้วยดี แล้วหวังเฉียวในคราวนี้เล่า?”
แม่นางเช่อตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“เพื่อประโยชน์แห่งเผ่าพันธุ์ปิศาจ ข้ายินดีทาทุกอย่าง หวังเฉียวนั้นลุ่มหลงสุราและนารี ข้าคิดว่าเขาน่าจะจบลงเช่นเดียวกับจักรพรรดิองค์ก่อน…
มันน่าสนุกที่เขาไม่พอใจแค่เพียงข้าแต่ยังลามปามไปถึงจักรพรรดินี… เผ่าพันธุ์ของนางนั้นมีชื่อเรื่องความสามารถในการปรุงแต่งรูปโฉมและกระทั่งข้ายังต้องเกรงกลัว!”
“ยอดเยี่ยม แต่เขายังคงมีประโยชน์และเจ้าต้องให้เขามีชีวิตอยู่ไปก่อน…”
เสียงในอากาศพูดต่อ
“ตอนนี้พวกเราต้องมุ่งไปที่การยุยงให้หวังเฉียวชิงบัลลังก์ นี่น่าจะก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองในต้าฉู่และนาไปสู่การล่มสลายของมนุษยชาติ!!”
“เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว!”
อากาศสั่นเล็กน้อยและตัวตนนั้นก็จากไป แม่นางเช่อถอนหายใจโล่งอก
ทุกวันนี้ เจตจานงของสวรรค์ยิ่งมายิ่งชัดเจน
ภัยพิบัติของเผ่าพันธุ์ปิศาจเพิ่มมากขึ้น และสายฟ้าจากท้องฟ้าก็รุนแรงมากขึ้น กลุ่มเทพเซียนจากมนุษย์เต๋าและปิศาจทรยศบางส่วนนั้นผนึกกาลังกัน มันเป็นเวลาอันยากลาบาก
เบื้องบนของเผ่าพันธุ์ปิศาจพยายามอ่านชะตาและตัดสินใจว่ามันไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะขัดขืน การต่อต้านไร้ผล ดังนั้น พวกเขาจึงวางแผนสร้างความขัดแย้งภายในและทาลายมวลมนุษย์จากภายใน
เมื่อเหล่าปิศาจกลับชาติมาเกิด พวกมันเปลี่ยนเป็นมนุษย์ แต่ว่า นี่ต้องแลกกับการฝึกตนครึ่งหนึ่งและยังสูญเสียพลังปิศาจ รวมทั้งอายุขัยของพวกมันด้วย
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและหนีจากชะตากรรม กระทั่งเบื้องบนของเหล่าปิศาจยังต้องสละการฝึกตนสูงส่งของตน
นี่เป็นแผนการหลักที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์ปิศาจ ไม่เพียงในต้าฉู่ แต่ต้าฉีและต้าเหลียงด้วย!

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ