Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 330

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 330

“ปิศาจ! ตายซะ!”
คนในเผ่าเจี่ยวอี้คนหนึ่งคารามออกมาขณะพุ่งตัวลงไป
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ในชั่วพริบตาของความเป็นความตาย หร่วนจวินเซียนมีสีหน้าเย็นชาขณะปล่อยให้แขนซ้ายอยู่ในจุดง่ายต่อการโจมตี
ที่มือขวา ทหารเวทย์เริ่มปรากฏตัวและเข้าสู่ทรวงอกของคนในเผ่านั่น
“ชี่!”
เลือดสาดกระจายไปทั่ว
“ดูเหมือนว่าพวกกลายพันธุ์อย่างเจ้าก็มีเลือดเนื้อเหมือนกัน และเลือดของเจ้ายังเป็นสีแดงอีกด้วย!”
หร่วนจวินเซียนหอบหายใจหนัก คนในเผ่าเจี่ยวอี้ที่เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายพึมพาบางอย่าง “ปิศาจ… ข้าจะสาปแช่งพวกเจ้าทั้งหมด!”
“ผู้ที่เก่งกาจกว่าย่อมอยู่รอด! หากเจ้ามีความสามารถสาปแช่งข้าได้ เช่นนั้นข้าก็ตายไปอย่างไม่เสียใจแล้ว!”
ได้ยินคนในเผ่านั่นจะสาปแช่งเขา หร่วนจวินเซียนสูดสมหายใจลึก เพียงแค่ตวัดดาบอีกครั้งหนึ่ง เขาก็ตัดหัวคนเผ่าเจี่ยวอี้ได้
“ข้าว่านี่เป็นวันที่สามหลังจากข้าเข้ามาในสถานที่ลึกลับแห่งนี้แล้ว!”
มองไปรอบ ๆ เขาก็ถอนหายใจออกมา
หลังจากได้เป็นอู่จง เขาก็ออกจากเทือกเขาหลงหู่ แต่ว่า เขาไม่ได้กลับไปที่ตระกูลของตัวเอง แต่กลับกัน เขาออกเดินทางไปทั่วดินแดนเพื่อหาโอกาส
หลังจากออกจากรัฐนั้นมา เขาก็มาถึงที่มณฑลนี้และได้เจอเข้ากับเรื่องใหญ่นี่
แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนพื้นดินแถบนี้แล้วเปลี่ยนสภาพภูมิประเทศไป! พื้นราบนับพันลี้จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นเขตเทือกเขา! แล้วยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กระจัดกระจายอยู่ด้วย!
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ฝึกตนแต่ละมณฑลมักจะมารวมตัวกันบริเวณเทือกเขาเพื่อค้นหาแหล่งทรัพยากรและดินแดนภายในเทือกเขา
เขาเองก็ต้องแข่งขันกับคนพวกนั้นเช่นกัน แต่ว่าตลอดทางมานี่ เขากลับเผชิญแต่กับพวกกลายพันธุ์
“หรือข้าควรจะพูดว่า… ชาวเมิ่ง! เผ่าพันธุ์ใหม่ที่สร้างขึ้นมาโดยจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์สูงสุด…”
ดวงตาของหร่วนจวินเซียนเบิกกว้าง “ตามที่ข้าสืบเสาะมาได้ ชาวเผ่าพวกนี้นั้นปกป้องต้นไม้วิเศษเอาไว้ ‘ผลไม้วิญญาณชิงฮวา’ ซึ่งเติบโตบนต้นไม้นั่นว่ากันว่าสามารถเพิ่มสติปัญญาและสามารถทาให้ระดับพลังเวทย์เพิ่มขึ้น เป็นของวิเศษของเหล่าจ้าวแห่งฝันที่เป็นที่รู้กันทั่วไป! หากข้าได้ผลไม้นั่นมา ข้าก็จะสามารถฝึกตนเป็นจ้าวแห่งฝันได้!”
หลังจากเห็นความสามารถของผู้อาวุโสนักหลอม เขาก็เริ่มคลางแคลงในเส้นทางการฝึกตนเป็นผู้ฝึกยุทธ์และนักรบศักดิ์สิทธิ์
เพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงให้ตนเองในต้าเฉียนและปกป้องตระกูลของตน มีสิ่งเดียวที่เขาจะทาได้ ก็คือเป็นจ้าวแห่งฝันผู้ทรงพลัง!
ไม่ว่านักรบศักดิ์สิทธิ์จะมีระดับการฝึกตนสูงเพียงใด ธรรมชาติของพลังก็ยังเป็นเหมือนเดิม
“ในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ ข้าสร้างความวุ่นวายไปทั่วและยังเข่นฆ่าเผ่าพันธุ์กลายพันธุ์ไปด้วย พวกนี้น่าจะต้องมีผู้ที่มีความสามารถระดับสูงอยู่ในเผ่าด้วย… หลังจากการป้องกันของพวกมันอ่อนลง ข้าก็จะสามารถจัดการกับพวกมันทั้งหมดได้!”
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ในดวงตาก็ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“สี่วัน! ข้ามีเวลาอีกอย่างมากที่สุดก็สี่วัน! เมื่อพวกสมาคมยิ่งใหญ่ทั้งหลายค้นพบสถานที่นี้และส่งสมาชิกระดับสูงมา ข้าก็คงไม่สามารถเก็บเกี่ยวสิ่งใดให้ตนเองได้แล้ว… ข้าไม่ควรละโมบเกินตัว หลังจากได้ผลไม้วิญญาณนั่น ข้าจะกลับออกไปทันที!”
ความคิดหลายอย่างแล่นเข้ามาในใจเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น

ในอาณาจักรแห่งฝัน
หลังจากฟื้นฟูตัวเองแล้ว ฟางหยวนก็เริ่มสื่อสารกับอาณาจักร
เงาร่างของเขาปรากฏขึ้นบนถนน มันยังดูเป็นมายาและยังอ่อนแอมาก
“ในอาณาจักรแห่งฝัน รูปลักษณ์ของแต่ละคนนั้นขึ้นกับความแข็งแกร่งของจิตใจและเจตจานงเวทย์…”
เขาถอนหายใจอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่จะมองไปที่ป้ายประจาตัว
บนนั้น มีหลายข้อความกะพริบอยู่ ส่วนมากแล้วเป็นข้อความจากสามแหล่ง สมาพันธ์แห่งอาณาจักร สองพี่น้องตระกูลเยี่ย และหลิวเมิ่งเหมย!
“สองพี่น้องตระกูลเยี่ยปลอดภัยดี? ดูเหมือนพวกนางก็ค่อนข้างโชคดีเช่นกัน…”
หลังจากตอบข้อความของพวกนางแล้ว เขาก็ตรวจดูข้อความของหลิวเมิ่งเหมย แม่นางผู้นี้ช่างระมัดระวังเสียจริง นางอ้างว่านางช่วยลดความแค้นที่ลัทธิบัวสวรรค์มีต่อเขาได้อย่างช้า ๆ และยังแลกเปลี่ยนเคล็ดเก้าขั้นหลอมวิญญาณฉบับสมบูรณ์มาแล้ว ทั้งหมดเหลือเพียงให้ฟางหยวนไปพบกับนางเพื่อรับเคล็ดวิชา
ฟางหยวนถอนหายใจเมื่อคิดถึงว่านางช่วยเหลือเขาอย่างไร
ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือข้อความจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักร
“เหอเหอ…”
เมื่อคิดถึงสมาพันธ์ ฟางหยวนก็แค่นหัวเราะ
ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสนักหลอมส่งเขาไปเป็นเครื่องสังเวยโดยใช้ภารกิจส่งของเป็นข้ออ้าง นี่ทาให้ฟางหยวนโมโหมาก
“ถ้าพวกเขาไม่เสนอค่าชดเชยใดให้ข้า เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในสมาพันธ์แห่งอาณาจักรต่อไปแล้ว!”
ถึงแม้ว่าข้อตกลงก็คือเพื่อฝึกฝนเขาให้มากขึ้นและเขายังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากในถ้านั่นได้มากทีเดียว แต่สมาพันธ์ทาเช่นนี้กับเขาก็ยังนับกว่าเกินไปนัก
ทันทีที่เขาเห็นผู้ที่ติดต่อเขามา เขาก็ประหลาดใจ “ใครจะคิดว่าเขาจะเป็นตัวแทนสมาพันธ์แห่งอาณาจักรมาติดต่อข้ากัน!”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบข้อความ
“ฮ่าฮ่า… น้องชาย ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว! ข้ากาลังเป็นห่วงเจ้าเลยทีเดียว!”
ไม่นานหลังจากนั้น ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียวก็ปรากฏตัวขึ้น ร่างกายของเขายังล้อมไปด้วยปราณโอสถหลากสี เป็นเฟิงซินจื่อ
“ฮ่าฮ่า ข้าต้องขอแสดงความยินดีกับพี่เฟิงด้วยที่ในที่สุดก็ได้สิ่งที่ท่านปรารถนา บรรลุขั้นสี่ของสวรรค์มายาแล้ว!”
ฟางหยวนคารวะเฟิงซินจื่อ
ตรงหน้าเขาก็คือเฟิงซินจื่อที่เก็บตัวฝึกวิชา
รัศมีพลังของเขากลายเป็นลึกลับกว่าก่อนหน้า และปราณโอสถที่รอบตัวยังแฝงคุณสมบัติวิเศษ มันชัดเจนมากว่าเขาได้บรรลุระดับและเข้าสู่ขั้นที่สี่แล้ว!
สวรรค์มายาขั้นที่สี่หมายความว่าสามารถสร้างของวิเศษและยังเป็นขั้นตอนสาคัญในตัวเองอีกด้วย
หลังจากผ่านระดับนี้แล้ว เฟิงซินจื่อก็กลายเป็นหนึ่งในผู้แปรธาตุที่มีพลังที่สุดในต้าเฉียน
“นอกจากนี้… เขายังบรรลุระดับในสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบ แต่ข้าต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ข้างนอกนั่น นี่เป็นความแตกต่างในด้านฐานะจริง ๆ…”
ฟางหยวนถอนหายใจให้ตัวเองเงียบ ๆ
ที่หน้าผากของเฟิงซินจื่อยังมีพลังงานพลุ่งพล่าน มันเหมือนว่าหลังจากเขาบรรลุระดับได้ ระดับของเขาในสมาพันธ์แห่งอาณาจักรยังเพิ่มขึ้นในระดับเท่า ๆ กันด้วย เขาไม่เพียงเพิ่มระดับในสมาพันธ์แต่อาจจะยังได้รับรางวัลที่ไม่เป็นที่เปิดเผยอีกด้วย
“ข้าเป็นหนี้เจ้าเรื่องนี้!”
ขณะที่เฟิงซินจื่อพูด เขาก็เดินไปกับฟางหยวน ทั้งคู่ไปถึงเขตเทือกเขาสมาพันธ์แห่งอาณาจักร เขาเปิดห้องโถงเล็ก ๆ ออกอย่างง่าย ๆ ต้มน้า เตรียมชา และเชิญฟางหยวนนั่ง “ต้องขอบคุณสมาพันธ์ด้วย ข้าได้รับเลื่อนให้ขึ้นเป็นผู้ฝึกตนระดับห้าและยังได้รับความสะดวกมากขึ้น!”
ถึงเขาไม่บอกเรื่องนี้แก่ฟางหยวน ฟางหยวนก็ยังจะรู้ได้ด้วยตนเองอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องปิดบัง
ตอนที่เขาเทน้าชาให้ฟางหยวนถ้วยหนึ่ง เขาก็ยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ถ้าฉางหลีซาน ดีที่เจ้าเป็นคนโชคดี ไม่เท่านั้น… เจ้ายังดูจะมีโชคในด้านอื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน! สองพี่น้องตระกูลเยี่ยผู้งดงามดูเหมือนจะสนใจในข่าวคราวว่าเจ้าอยู่ที่ใดแล้วมาก!”
เฟิงซินจื่อยิ้ม หยอกล้อฟางหยวน
แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “พูดกันตามจริงแล้ว… ตระกูลเยี่ยเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอานาจและยังมีการสืบทอดกันมานานปี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตกต่าลงและยังเจอกับเรื่องยุ่งยากมากมาย พี่น้องทั้งสองคนก็ยังดีพอที่จะเป็นภรรยาของเจ้าได้ เจ้าชอบคนไหนมากกว่ากันรึ?”
‘จริงเสียด้วย… เมื่อใครสักคนต้องการเพิ่มระดับทางสังคม ก็ย่อมต้องพูดถึงการแต่งงานที่เอื้อประโยชน์…’
ฟางหยวนยังคงสงบเงียบ “ข้าเพียงช่วยพวกนางเพราะว่าพวกนางก็เป็นสมาชิกของสมาพันธ์เช่นกัน ข้าไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดให้ทั้งคู่ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ทางสมาพันธ์ต้องการทาอย่างไรรึ?”
ได้ยินเขาแล้วเฟิงซินจื่อก็ถอนหายใจ
ถึงตอนนี้แล้ว คนพวกนั้นทั้งหมดล้วนพูดถึงแต่ผลประโยชน์ของตนและไม่ได้สนใจเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่สาคัญกับพวกตนเลย หากเขายังทาตัวหน้าไว้หลังหลอกเช่นนั้นเช่นกัน ฟางหยวนต้องไปจากสมาพันธ์อย่างแน่นอน
และที่แย่ไปกว่านั้น ผู้อาวุโสนักหลอมยังเป็นผู้มอบภารกิจให้กับเขาด้วยตนเองอีกด้วย นี่ทาให้เฟิงซินจื่อเองก็รู้สึกขัดแย้ง
“เรื่องนี้… ให้นับว่าเป็นโอกาสอันหาได้ยากเถอะนะ! แน่นอนว่า… สิ่งที่เจ้าควรได้รับสมาพันธ์ย่อมต้องมอบให้เจ้า! สมาพันธ์จะมอบคะแนนให้เจ้าหนึ่งพันคะแนนและเพิ่มระดับบรรณของเจ้าขึ้นอีกหนึ่งระดับ ให้เจ้าได้เป็นผู้ฝึกตนบรรณที่สาม เป็นอย่างไร?”
เฟิงซินจื่อยังเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นข้อเสนอออกมา
“ตกลง!”
ฟางหยวนพยักหน้า
เมื่อคิดดูแล้ว เขาจะทาอันใดได้อีก? หากเขายังไม่พึงพอใจและต่อว่า เขาก็จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่มีกับสมาพันธ์ไปในทางเลวร้ายและรางวัลตอบแทนของเขาก็จะลดต่าลง เขารู้ว่านี่คือด้านมืดของสมาพันธ์!
สิ่งเดียวที่เขาทาได้ก็คือจดจาวันนี้เอาไว้แล้วแก้แค้นในภายหลัง!
“ดีมาก!”
เฟิงซินจื่อถอนหายใจหนัก เรียกได้ว่าดีมากแล้วที่เขาตัดสินใจปฏิบัติกับฟางหยวนเช่นนี้
ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปนั้น เฟิงซินจื่อยังไม่ได้คิดเอาไว้ ต่อให้คนตรงหน้าเขาเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง ก็ยังต้องใช้เวลาฝึกตนอีกเป็นนานกว่า
จะบรรลุขั้นที่สี่สวรรค์มายาได้! เมื่อคิดดูแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่อัจฉริยะสักคนจะบรรลุขั้นที่เจ็ด
เพียงแค่โบกมือ ข้อความหลายแถวก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วลอยเข้าไปในป้ายประจาตัวของฟางหยวนและการแลกเปลี่ยนก็สาเร็จในทันที
‘ต้องการอวดโอ่กันหรืออย่างไร?’
เห็นแล้วฟางหยวนก็กลอกตา
“ยังมีอีกเรื่อง…”
เฟิงซินจื่อจิบน้าชาจากถ้วยและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด “น้องชาย เจ้าได้รับสิ่งใดบ้างจากในถ้า?”
“หืม?”
ฟางหยวนหรี่ตา “อย่าบอกข้านะว่าสมาพันธ์ก็ต้องการส่วนแบ่งด้วยน่ะ…”
“นี่…”
เฟิงซินจื่อหัวเราะขื่น
ตามแผนการแล้ว ผู้อาวุโสนักหลอมไม่ได้สนใจข้าวที่ฟางหยวนได้รับมา
แต่ว่า ไม่มีใครคิดว่าสถานการณ์จะพลิกกลับเช่นนี้ เมื่อมีราชสานักและจอมปราชญ์อีกหลายคนยื่นมือเข้ามาแทรกแซงแบ่งสมบัติในถ้ามิติไป
รวมถึงการทาลายตัวเองของถ้า ผู้อาวุโสหลายคนรวมทั้งเจ้าแม่เทียนมู่ ผู้อาวุโสนักหลอมและคนที่เหลือล้วนจบลงด้วยการหนีรอดมาอย่างฉิวเฉียด
เช่นนี้ พวกเขาจึงอิจฉาสิ่งที่สมาชิกของสมาพันธ์เก็บเกี่ยวจากถ้าได้
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสนักหลอมจะไม่ได้สนใจรางวัลที่ฟางหยวนได้รับ แต่ฝ่ายเขาก็มีสมาชิกคนอื่น ๆ ที่ริษยาในรางวัลนั้นอยู่ดี!
“น้องชาย เจ้าวางใจได้ว่าสมาพันธ์แห่งอาณาจักรไม่ได้ไร้เหตุผลถึงเพียงนั้น!”
เฟิงซินจื่อหน้าแดงอย่างละอาย แต่เขาก็ต้องพูดความจริง “ผู้อาวุโสบอกว่าครั้งนี้ เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนออกมาเท่าใดก็ขึ้นกับเจ้า แต่ว่าก็ยังมีศิษย์หลายคนในสมาพันธ์ที่ต้องการได้รับส่วนแบ่งข้าวรวงทอง… ความตั้งใจดีของเจ้าในครั้งนี้จะไม่ถูกลืมเลือนอย่างแน่นอน”
“หากจะแลกเปลี่ยน ข้าควรจะแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด?”
ฟางหยวนลูบคาง มีท่าทางใจเย็น
“ล้วนอยู่ที่นี่แล้ว!”
เฟิงซินจื่อดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา หลังจากอ่านไปได้หลายบรรทัด ฟางหยวนก็เริ่มหัวเราะเยาะ “ข้ามองไม่เห็นความจริงใจในนี้เลย… หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็คิดว่าคงไม่ต้องเจรจากันแล้ว!”
“น้องชาย อย่าเพิ่งโมโหไป!”
เฟิงซินจื่อรู้ว่าคนจากสมาพันธ์พยายามเอาเปรียบฟางหยวน “เจ้าสามารถยื่นเงื่อนไขของเจ้าออกมาได้!”
“ข้าต้องการดินแดนศักดิ์สิทธิ์สักผืนที่กว้างกว่า 60 หมู่ และพลังวิญญาณที่นั่นต้องเข้มข้นกว่าธรรมดา… แล้วก็ หลังจากภารกิจนี้จบลง ข้าไม่ต้องการถูกบังคับให้รับภารกิจอื่นจากสมาพันธ์ในอีก 10 ปีถัดไปนี้!”
หลังจากคิดดูแล้ว ฟางหยวนก็ยื่นเงื่อนไขของตนออกไปทันที
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ภารกิจ?”
เฟิงซินจื่อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มยิ้มออก “หากเจ้ากล้าเรียกร้องทั้งหมดนี้ เจ้าย่อมได้รับรางวัลมามากทีเดียวใช่หรือไม่?”
“ไม่มากนัก ยังพอรับได้…”
ฟางหยวนบอกตัวเลขออกไป
“ตกลง!”
เฟิงซินจื่อกัดฟัน “พวกเราสามารถมอบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าได้ แต่มันไร้เหตุผลเกินไปสาหรับเจ้าที่จะไม่รับภารกิจใด ๆ สิบปี และสมาพันธ์ก็จะเสียชื่อเสียง ข้ามีทางออกเรื่องนี้ ข้าสามารถมอบภารกิจอารักขาให้เจ้าได้ ภารกิจเช่นนี้นั้นทาง่ายและยังมีค่าตอบแทนดี เจ้าสามารถทาภารกิจนี้ได้สิบปีและยังได้ฝึกตนอย่างสงบ…”
“ตกลง!”
ฟางหยวนหัวใจกระตุก เขาไม่เคยเห็นภารกิจเช่นนี้อยู่บนป้ายหินของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรมาก่อน มันน่าจะเป็นภารกิจที่มอบให้กันลับ ๆ “ข้าอยู่ที่รัฐอวิ๋น มอบหมายภารกิจที่ใกล้ ๆ นั้นให้ข้า รวมทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย!”
“ตกลง!”
เฟิงซินจื่อรับปากทันที ฟางหยวนพยักหน้าและกลับออกไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสนักหลอมก็เข้ามาในห้องโถง “เป็นอย่างไร?”
“คนผู้นี้ฉลาดมาก ตัวเลขที่เขารายงานมานั้นใกล้เคียงกับประมาณการของเรา อย่างมากที่สุด เขาก็เก็บเอาไว้ให้ตัวเองเพียงไม่มาก และนั่นก็เป็นปกติธรรมชาติของมนุษย์…”
เฟิงซินจื่อคารวะลงขณะรายงาน

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ