333: รับตาแหน่ง
“อ๊ะ… สาเร็จแล้วหรือ?”
เหอชิงอึ้งไป เขาเพิ่งออกปากขอความช่วยเหลือไปเมื่อครู่นี้ ทั้งหมดที่ฟางหยวนทาก็คือหลับตาลงเพียงไม่นานก่อนที่จะบอกเหอชิงว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและเขาสามารถเข้าไปที่สานักสามตะวันได้อีกครั้ง
‘เขาพยายามหลอกข้าอยู่หรือเปล่า?’
เหอชิงพูดไม่ออก เห็นทีท่าสง่างามของฟางหยวนตอนที่เขาโบกมือ เหอชิงก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคาขณะเดินออกมาอย่างงุนงง
ความคิดต่าง ๆ วิ่นพล่านในใจเขา ครู่ต่อมา เขาก็สรุปได้ “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ควรลองพยายามดูอีกสักครั้งเพื่อแสดงความจริงใจของข้า… ส่วนที่นี่ ข้าจะให้สาวใช้สักหลายคนมาคอยรับใช้เขาเผื่อว่าพวกเราจะลงมือทาอะไรหลังจากรู้ผลลัพธ์แล้ว…”
ดังนั้น เขาจึงสั่งให้พ่อบ้านเตรียมของขวัญอีกครั้งและมุ่งหน้าขึ้นเขาไปอีกรอบหนึ่ง
สานักสามตะวัน
“จ้านถัง ไปที่ประตู หากเจ้าพบเหอชิงก็พาเขามาพบข้า!”
นักพรตสามตะวัน ที่เข้าสมาธิอยู่ ลืมตาขึ้นมาและพึมพาสั่งการ
“อาจารย์?”
หยางจ้านถังงุนงง เขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น
“คนผู้นี้มีผู้สนับสนุนเบื้องหลัง นี่เป็นคาของจากอารักษ์แห่งดินแดนมั่งคั่งจินหยางให้ข้าพบเขา นอกจากนี้… พวกเรายังได้รับของขวัญจากพวกเขามากมายก่อนหน้านี้ หากเขามีความสามารถ พวกเราก็ให้เขาเข้าร่วมสานักเรา!”
นักพรตสามตะวันลูบเคราขณะดวงตาเป็นประกายขึ้น “ทาไม… เจ้าไม่ยินยอมรึ?”
“ข้าไม่กล้า!”
หยางจ้านถังตัวสั่น เขารู้ว่าอาจารย์ของตนนั้นรู้เรื่องที่เขาทาลงไปแล้ว เขาคุกเข่าลงอย่างควบคุมตนเองไม่ได้และขออภัย
“ข้ารู้ว่าเจ้ากาลังคิดอะไรอยู่ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะยกทุกอย่างให้กับคนนอก?”
นักพรตสามตะวันส่ายหน้า สีหน้าหมดความอดทน “ตาแหน่งเจ้าสานักสามตะวันจะเป็นของเข้าไม่ช้าก็เร็ว แต่ว่า ด้วยความคิดและนิสัยเช่นเจ้า เจ้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก หากเจ้ายังเจ้าคิดเจ้าแค้น อย่างนั้นจะประสบความสาเร็จได้เช่นใดในอนาคต?”
“อาจารย์… ท่านลุง!”
หยางจ้านถังโล่งอกและตกใจในเวลาเดียวกันขณะน้าตาแทบจะไหลออกมา “ข้าจะออกไปเชิญศิษย์น้องเข้ามาเดี๋ยวนี้!”
ด้วยคาสัญญาเช่นนี้ เขารู้ว่าเขาต้องเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นและรับหน้าที่ศิษย์พี่ให้ดี
“คิคิ…”
เห็นเงาร่างของเขาจากไปแล้ว นักพรตสามตะวันก็เผยรอยยิ้มลึกลับ
เขาพูดความจริง แต่ว่า มันก็ต้องหลังจากเขาตายไปแล้วนั่นแหละ เห็นเรื่องราวเป็นเช่นนี้ หากศิษย์ผู้เป็นหลานของเขาด้วยผู้นี้ไม่บรรลุขั้นที่สี่ของนักรบศักดิ์สิทธิ์เขาก็คงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในฐานะลูกศิษย์ รับใช้อาจารย์ของตน
“ไม่มีทางเลือกอื่นหรอก… จ้าวแห่งฝันนั้นมีขีวิตยาวนานเกินไป และข้าก็โชคดีพอที่จะได้ครอบครองยาต่อชีวิต… ทุกคนล้วนต้องการรับตาแหน่งของข้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าข้าอาจจะมีชีวิตยืนยาวกว่าศิษย์ของข้า ดังนั้น ข้าจะไม่โกหกเจ้า… แต่ว่า ฟางหยวนผู้นั้นดูเหมือนจะบอกใบ้ว่านี่เป็นความตั้งใจของฝ่ายของผู้อาวุโสนักหลอม! ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องตกลงรับปากคาร้องของของเขาเพื่อประโยชน์ของสมาพันธ์…”
สาหรับเขา มันก็เป็นเรื่องเหมาะสมพอดีที่จะรับศิษย์คนอื่น นี่เป็นอิสระที่จ้าวแห่งฝันมี
นอกจากนี้ เขายังมีโอกาสที่รีดไถจากศิษย์ใหม่จนตัวแห้ง หลังจากรับเหอชิงเข้ามาเพราะฟางหยวนแล้ว จากนั้นเขาก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเหอชิงได้
นี่เป็นสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้ในตอนนี้
สุดท้ายทุกอย่างก็แค่กลับไปดาเนินตามแผนเดิม
…
“หลังจากช่วยเหลือเหอชิงในครั้งนี้แล้ว ก็ได้เวลาที่ข้าจะไปรับตาแหน่งและเข้าครองผืนดินของข้า…”
การขอร้องเพื่อเหอชิงในครั้งนี้นั้นเพียงพอที่จะตอบแทนทุกอย่างที่เขาทาให้ฟางหยวนแล้ว
นอกจากนี้ ถึงตอนนี้ ร่างเนื้อของเขาก็ฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว และดาบทั้งสามในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของเขาก็ฟื้นฟูเต็มที่แล้ว เขากลับมาสูงสภาพยอดเยี่ยมที่สุดของตัวเองและกาลังจากไปรับรางวัลที่เขาควรได้
เขาโยนก้อนทองไว้บนโต๊ะเถ้าแก่แล้วก็ออกจากโรงพักแรมไป
ที่ด้านนอก สาวใช้หลายคนกาลังมองมา ฟางหยวนเดินตรงออกไปโดยไม่สนใจคนพวกนั้น
พวกเขาราวกับคนตาบอด ถึงดวงตาจะลืมกว้างอยู่ แต่ก็มองไม่เห็นฟางหยวน และยังพยายามมองเข้าไปในโรงพักแรมต่อ
เมืองจินหยางนั้นอยู่ใจกลางรัฐอวิ๋น คนจากรัฐอื่นรอบ ๆ นั้นจะเข้ามาทาการค้าขายที่นี่และมันจึงเป็นเมืองที่คึกคักเมืองหนึ่ง
ที่รอบ ๆ นั้นมีภูเขาและหุบเขาหลายลูก ตามเฟิงฉุย*ของสถานที่นี่แล้ว มันเป็นสถานที่ที่รวบรวมพลังอันดีงามเอาไว้
ดังนั้น สานักสามตะวันจึงเลือกตั้งสานักที่นี่ เช่นเดียวกัน สานักอื่นก็ย่อมทาตาม
เขาจินหยาง
ในป่าทึบ ฟางหยวนเดินทางลึกเข้าไปเร็วราวกับสายลม เมื่อเขาเข้าไปถึงป่าลึก เขาก็ไปถึงสถานที่หนึ่งซึ่งไม่มีพรานหรือว่าคนเก็บสมุนไพรคนใดกล้าเดินทางเข้ามา
บนเขาลึก มีกลิ่นเหม็นอันไม่น่ายินดี สัตว์ร้ายกลางพันธุ์ร่อนเร่ไปทั่วบริเวณและยังมีดอกไม้และหญ้านานาพันธุ์แข่งกันเจริญเติบโต ทั้งพื้นที่นั้นอันตรายอย่างอธิบายไม่ได้
“สมาพันธ์แห่งอาณาจักร ไป๋เจ๋อซาน ลัทธิบัวสวรรค์ สานักเทพปิศาจ และสานักหยวนซู… กระทั่งห้าสานักยิ่งใหญ่ของจ้าวแห่งฝันก็ยังเป็นเพียงเปลือกกลวงเปล่า กินใช้รากฐานที่มีมาและยังแหล่งพลังงาน แล้วรากฐานที่ว่ามาจากที่ใดกัน? องครักษ์มังกรซ่อนของต้าเฉียนนั้นอาศัยราชวงศ์ และห้าสานักยิ่งใหญ่ก็สูญเสียส่วนนี้ไป แต่ว่า พวกเขาก็สามารถสร้างดินแดนมั่งคั่งของตนเองที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ… แน่นอนว่า ที่สาคัญที่สุด พวกเขาก็ยังอาศัยดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ที่สร้างโดยจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ด หรืออาศัยถ้ามิติที่จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์สูงสุดสร้างขึ้น! ดินแดนมั่งคั่งและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผืนเล็กกระจัดกระจายล้วนถูกสร้างขึ้นจากกระบวนการนี้ แต่ว่าไม่ได้มีความหมายกับพวกเขา!”
ขณะเดินทาง ฟางหยวนก็ย่อยข้อมูลที่เพิ่งได้รับจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรมาก่อนหน้านี้อย่างช้า ๆ
“แน่นอนว่า พลังยิ่งใหญ่นั้นเป็นของพวกเขากันเอง ทันทีที่ถ้ามิติหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้นมา พวกเขาย่อมเป็นผู้ที่ใช้มันยังประโยชน์แก่
สมาชิกของพวกตนก่อน และนี่ก็เป็นเรื่องปกติ… สาหรับสมาชิกใหม่เช่นข้า มันยากยิ่งนักที่จะได้ช่วยพวกเขาดูแลจัดการผืนดินมั่งคั่งที่เป็นที่รู้จักทั่วไปนี้!”
ในเมื่อเขาไม่ใช่ทายาทสายตรงของพวกผู้มีอานาจ มันก็ยิ่งยากมากที่เขาจะเข้าถึงดินแดนเช่นนั้น แต่ว่า เรื่องก็ต่างออกไปแล้วในตอนนี้ที่เขาแลกเปลี่ยนดินแดนเช่นนี้มาได้ผืนหนึ่ง
เมื่อไปถึงที่หุบเขา หมอกก็เริ่มหนาตัวขึ้น แต่ว่า ในฐานะจ้าวแห่งฝัน เขาก็บอกได้อย่างรวดเร็วว่าหมอกพวกนี้นั้นไม่ได้เกิดจากละอองน้า แต่ว่า เป็นจ้าวแห่งฝันผู้หนึ่งสร้างขึ้น
“ที่นี่เป็นตาแหน่งของดินแดนมั่งคั่งจินหยางจริง ๆ…”
ฟางหยวนยิ้มแล้วเดินเข้าไปในหุบเขา
“ซ่า!”
ทันทีที่เขาเข้าไปในหุบเขา รอบด้านก็เกิดการเปลี่ยนแปลง หมอกสีขาวค่อย ๆ ลอยขึ้นและเปลี่ยนไปเป็นหมอกสะกด กลางหมอก มียันต์สีสันสดใสแผ่นหนึ่งกะพริบวาบ เผยให้เห็นว่าอันที่จริงแล้วนั้นมันเป็นค่ายกลอันทรงพลังค่ายกลหนึ่ง
“เจ้ามาจากที่ใด? นี่คือดินแดนมั่งคั่งจินหยางของสมาพันธ์แห่งอาณาจักร หากเจ้าเป็นคนนอก ก็จงถอยกลับออกไป!”
เสียงราวกับฟ้าผ่าดังมาจากด้านในหุบเขา
“อืม นี่คือค่ายกลใหญ่เก้าสิบเก้าตะวัน? มันสามารถใช้ปกป้องดินแดนมั่งคั่ง เพิ่มพูนพลังภายในผืนดินและยังมีผลชักนาและกักคนที่ผ่านเข้ามา แน่นอนว่า ที่สาคัญที่สุด มันแข็งแกร่งได้ก็ด้วยค่ายกลหลัก ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีสิทธิ์ควบคุมค่ายกล แต่เจ้าก็ไม่ใช่เจ้าของดินแดนมั่งคั่งนี้ เป็นเพียงแค่ผู้ดูแลเท่านั้น”
ฟางหยวนพยักหน้าและดึงบรรณสีทองชิ้นหนึ่งออกมา
“ซ่า!”
เมื่อบรรณสีทองแผ่นนั้นส่องประกายสว่างจ้า หมอกก็เริ่มจางไป ข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นและลอยเข้าไปในค่ายกล
เพียงครู่เดียว หมอกก็สลายไปจนหมด เผยให้เห็นดินแดนมั่งคั่งผืนหนึ่ง ที่ตรงกลาง มีเนินเขาเล็ก ๆ ที่ส่องประกายจาง ๆ ออกมา ที่นี่ไม่มีอะไรที่ดูธรรมดา
“โอ้ เป็นอารักษ์คนใหม่นั่นเอง!”
ลาแสงสายหนึ่งพุ่งลงมาจากบนสิ่งก่อสร้างและชายชราผู้หนึ่งที่มีเครายาวก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเริ่มมองพิจารณาฟางหยวน
ภารกิจให้มาเป็นอารักษ์นั้นเป็นภารกิจที่ล้วนได้กาไรงดงาม นอกจากนี้ คนผู้นี้ยังได้รับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกหกสิบหมู่ไว้ใช้เป็นการส่วนตัว เขาน่าจะมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งทีเดียว แต่ชายชราก็เดาไม่ออกว่าเขามาจากฝ่ายใด
“คารวะพี่จิน!”
ฟางหยวนถือบรรณสีทองเอาไว้ในมือ ทันทีที่เห็นเขา เขาก็เดาได้คร่าว ๆ ว่าคนผู้นี้เป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สาม เทียบกับตนเองแล้ว ชายชราผู้นี้นั้นอ่อนด้อยกว่าเขามาก หากเขาไม่มีค่ายกลปกป้อง เขาก็คงจะถูกโจมตีได้ง่ายแล้ว
“ฮ่าฮ่า… น้องฟาง ขอเวลาข้าสักครู่หนึ่ง ข้าจะนาผู้ดูแลของข้ามาที่นี่เพื่ออานวยความสะดวกในกระบวนการสืบทอดตาแหน่ง!”
อารักษ์คนก่อนหน้านี้คือจินซิ่ง เขาอายุมากแล้วและมีท่าทีเป็นมิตร แต่ว่า ในฐานะจ้าวแห่งฝันสวรรค์มายาขั้นที่สาม ฟางหยวนก็บอกได้ว่าเขาไม่ยินดีที่จะปล่อยมือนัก
อย่างไรเสีย ภารกิจนี้ก็มีผลกาไรดีนัก ตอนนี้เมื่อเขาต้องส่งมอบออกไป เขาก็ย่อมไม่รู้ว่าสมาพันธ์จะมอบหมายภารกิจใดให้เขาต่อ
แต่ว่า นี่ก็ไม่ใช่ธุระของเขา ฟางหยวนเดินตรงไปที่ห้องโถงหลัก และสั่งให้เริ่มงานเลี้ยงฉลอง
“ข้ากาลังจะต้องถ่ายทอดตาแหน่งแล้ว นี่คืออารักษ์คนใหม่และหัวหน้าของพวกเจ้า รีบมาคารวะเร็ว!”
จินซิ่งปรบมือและผู้คนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาในหอแล้วคารวะลง “คารวะนายท่าน!”
“ชีวิตเช่นนี้… ช่างฟุ้งเฟ้อนัก! มีคนอยู่ที่นี่เกินร้อยคนใช่หรือไม่? มีพวกเขาทั้งหมดคอยรับใช้คงจะทาให้ข้ารู้สึกเหมือนเป็นราชา…”
จากนั้น เหล่าคนรับใช้ก็เริ่มยกสุราอาหารรสชาติดีขึ้นมา นางราในเสื้อผ้าโปรงบางเผยสัดส่วนเริ่มร่ายราอยู่รอบ ๆ
“เอ้า! ฉลองให้แก่ความสาเร็จของเจ้า!”
จินซิ่งยกถ้วยขึ้นอวยพรฟางหยวน
“ขอบคุณ!”
ฟางหยวนดื่มสุราไปถ้วยหนึ่งและยิ้ม “สุราและงานเลี้ยงจบลงแล้ว พวกเราจะคุยกันเรื่องส่งมอบสิ่งของต่าง ๆ โดยเฉพาะบันทึกสิ่งของห้องเก็บของได้หรือยัง?”
จินซิ่งใบหน้าซีดเผือด
ถึงแม้จ้าวแห่งฝันผู้นี้จะยังเยาว์ แต่เขาก็ไม่โง่
ในประวัติศาสตร์ เมื่อมีการเปลี่ยนมือ ห้องเก็บของล้วนมีความสาคัญที่สุด หากมีการนับคานวณผิดพลาด บันทึกก็จะผิดพลาดต่อไป
เห็นสีหน้าของเขาแล้ว ฟางหยวนก็ยิ้มกับตัวเอง เขารู้ว่าชายชราผู้นี้หยิบฉวยไปใช้จ่ายส่วนตัวมากนัก แต่ว่า เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ตราบใดที่มันไม่กระทบต่อเขา เขาย่อมไม่วุ่นวายเรื่องนี้ อย่างไร ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นฝีมือของชายชรา
“ได้สิ ย่อมได้…”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จินซิ่งก็ยิ้มและสั่งให้นาบันทึกมาที่นี่ “ดินแดนมั่งคั่งจินหยางนั้นสมาพันธ์ของพวกเราค้นพบเมื่อห้าร้อยปีก่อน
ตั้งแต่นั้น พวกเขาก็ตั้งค่ายกลใหญ่เอาไว้เพื่อปกป้องและยังเปลี่ยนที่รอบ ๆ ไปเป็นไร่สวนพืชวิญญาณถึงเก้าร้อยหมู่ แน่นอนว่า ในเก้าร้อยหมู่นี้ หกสิบหมู่ตอนนี้เป็นของเจ้า พวกเรามีคนรับใช้ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคน และมีผู้อื่นอีกห้าร้อยหกสิบสองคนอาศัยอยู่ที่นี่ คนที่นี่ทั้งหมดนั้นอ่านเขียนได้และฝึกวิทยายุทธ์ สามร้อยคนในนั้นสามารถใช้กาลังภายในได้ และมีอู่จงสองคน…”
ส่วนนักรบศักดิ์สิทธิ์นั้น ย่อมเป็นจินซิ่งนาพวกเขาเข้ามาพร้อมตนเอง
“ดินแดนมั่งคั่งผืนนี้นั้นหลัก ๆ แล้วมีเหมืองทองคาอยู่บนยอดเขา ทุกปี พวกเราจะได้ผลผลิตราวห้าร้อยชั่ง ส่วนไร่สวนวิญญาณ พวกเราสามารถผลิตได้ปีละสองหมื่นชั่ง เป็นข้าววิญญาณรวมกับผลไม้และผักวิเศษ… พวกเราส่งผลิตผลของปีนี้ไปที่สมาพันธ์แล้ว ตอนนี้พวกเรามีข้าววิญญาณสามพันชั่งกับทองอีกยี่สิบชั่งอยู่ในห้องเก็บของ เจ้าสามารถเอาทั้งหมดนี้เป็นของเจ้าได้เลยน้องฟาง!”
“อืม!”
ฟางหยวนรับบัญชีมา ถึงแม้ว่าเขาจะสงสัย แต่ก็ยังพยักหน้าเงียบ ๆ
อารักษ์คนเก่านี้คิดไว้แล้วว่าไม่ควรทาเรื่องวุ่นวายให้ฟางหยวนต้องมาจัดการ แน่นอนว่า นี่เป็นเพราะว่าฟางหยวนมีผู้สนับสนุนเบื้องหลังที่มีอานาจ ไม่อย่างนั้น คงไม่มีใครได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากผู้อื่น
“ถึงแม้ว่าจะมีความผิดพลาดเล็กน้อยในบัญชีก็ไม่ต้องกังวล! ปล่อยมันไว้เช่นนั้นแหละ!”
หลังจากครู่นั้น ๆ ถึงแม้ว่าฟางหยวนจะพบความผิดพลาดในการบันทึก เขาก็ไม่ได้เค้นถามเรื่องนี้
อย่างไรเสีย ทรัพยากรอันไม่สลักสาคัญนี้ก็ไม่พอที่จะกระตุ้นความสนใจของเขาได้ เห็นอารักษ์คนก่อนหน้าไม่ทิ้งเรื่องวุ่นวายให้เขาต้องการจัดการ เขาก็ตัดสินใจไม่เค้นถามเขามากไปกว่านี้
“ได้!”
จินซิ่งดีใจมาก อันที่จริง นี่เป็นภารกิจสาคัญ ถึงแม้ว่าเขาจะเก็บทรัพยากรบางส่วนเอาไว้เอง ฟางหยวนก็ไม่ได้สนใจว่าในส่วนที่เขาเอาไป
เห็นท่าทีใจกว้างของฟางหยวนแล้ว เขาก็ประทับใจในตัวฟางหยวนอยู่ลึก ๆ “ถึงแม้ว่าข้าจะมีเส้นสายอยู่บ้างและยังเก็บซ่อนทรัพย์สมบัติบางส่วนเอาไว้ ข้าก็ยังเทียบไม่ได้จริง ๆกับทายาทสายตรงที่ใจกว้างเหลือแสน”