Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 340

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 340

340: แก้เผ็ด
“ฟางหยวน… เจ้า… อืม?”
ในอาณาจักรแห่งฝัน เฟิงซินจื่อมองฟางหยวนและปราณดาบที่อยู่รอบมือของเขา ดวงตาเบิกกว้างขึ้นในทันที
“เจ้า… เจ้าบรรลุขั้นที่สี่แล้ว?”
ฟางหยวนเล่นกับปราณดาบสายหนึ่งที่ไถลไปมากลางอากาศราวกับงูน้อย มันดูราวกับมีชีวิต
สามารถที่จะควบคุมปราณดาบได้ถึงเพียงนี้นั้นเหลือเชื่อนัก เฟิงซินจื่อรู้ว่านี่คือระดับการฝึกตนขั้นที่สี่สวรรค์มายาที่จิตวิญญาณถูกกระตุ้นให้ก่อเกิดแล้ว
“ถูกต้อง!”
ฟางหยวนยิ้มรับ
อันที่จริง มันปิดบังเอาไว้มิได้ ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มมากขึ้น แต่ว่าระดับในสมาคมก็ยังไม่ได้เพิ่ม เผชิญหน้ากับศัตรูเลยตอนนี้ไม่ใช่เรื่องฉลาด และฟางหยวนยังจาต้องหาผู้สนับสนุนและพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง
“ยินดีด้วย… ข้ายินดีด้วยจริง ๆ!”
เฟิงซินจื่อนั้นอารมณ์ต่าง ๆ ท่วมท้นขึ้นมา เขาจาได้ว่าตัวเองนั้นติดอยู่ที่ขั้นสี่นานหลายปีและยังเพิ่งบรรลุได้เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ในระหว่างนั้นเขายังสละหลายสิ่งอย่างไป ตอนนี้เมื่อมองฟางหยวนแล้ว เขาก็รู้สึกว่าที่สูญเสียไปนั้นสูญเปล่าเหลือเกิน
โดยไม่รู้ตัว ความริษยาและหดหู่ก็เริ่มก่อตัวขึ้น
แน่นอนว่า จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่นั้นทรงพลังอย่างปฏิเสธไม่ได้ เฟิงซินจื่อยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้
“ข้าจะช่วยเจ้าแจ้งเรื่องนี้แก่ผู้อาวุโสนักหลอม! พวกเรามีผู้มีพรสวรรค์เพิ่มอีกหนึ่งคน ผู้อาวุโสต้องยินดีมากเป็นแน่!”
เฟิงซินจื่อกลับออกไปทันทีหลังจากพูด
ฟางหยวนมองตามไปเงียบ ๆ
ถึงแม้ว่าเฟิงซินจื่อจะไม่ได้พูดอันใดออกมาแต่กลับยิ่งเผยความรู้สึกแท้จริงของเขามากยิ่งขึ้น! เป็นผู้ใดก็ยิ่งต้องริษยาเมื่อเห็นความสาเร็จของเขา การกดมันเอาไว้ได้ถึงเพียงนี้ย่อมหมายความได้เพียงว่าคนผู้นี้นั้นร้ายกาจเพียงใด
การบรรลุระดับเรื่อย ๆ ไม่รู้สิ้นสุดของฟางหยวนในที่สุดแล้วย่อมนามาซึ่งการแตกหักของมิตรภาพกับเฟิงซินจื่อ!

ในห้อง
“อะไรนะ? เจ้าเด็กแซ่ฟางผู้นั้นบรรลุขั้นที่สี่แล้ว?”
ผู้อาวุโสนักหลอมที่นั่งอยู่ตาแหน่งหัวโต๊ะในรูปลักษณ์ของมังกรเพลิง เขาตื่นตัวขึ้นทันที
“ช่างเป็นคุณสมบัติที่อย่างน้อยที่สุดก็พาเขาเข้าไปในสิบอันดับยอดนักสู้ของสมาพันธ์… ไม่ อันดับของจ้าวแห่งฝันนั้นต้องคานึงถึงอย่างอื่นที่นอกจากคุณสมบัติเหล่านี้ และยังเรื่องทรัพยากรอีกด้วย ไม่ว่าเขาจะได้รับมรดกมาจากบรรพบุรุษ หรือว่าการข้ามฝันนั้นยังประโยชน์มาให้เขาอย่างมากก็ตาม!”
“คนผู้นี้นั้นมีพรสวรรค์นัก ข้าเทียบกับเขาไม่ได้เลย!”
เฟิงซินจื่อค้อมหลังลงขณะพูด
“แล้วยัง… ดูเหมือนเขาจะยังมีความลับเก็บซ่อนอยู่ และมรดกของเขายังนับว่าไม่ธรรมดา ผู้อาวุโส ท่านต้องตัดสินใจแล้วว่าจะทาอย่างไรกับเขา!”
“ถ้าจะว่าไปแล้ว มีผู้ใดที่บรรลุสู่ระดับสวรรค์มายาโดยไม่ได้ครอบครองความลับใดเอาไว้กับตัวด้วยหรือ?”
ผู้อาวุโสนักหลอมนั้นไม่ได้คิดมากนัก เขาเป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดซึ่งมีพลังมากยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์และนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับใช้พลังธาตุที่แท้จริง เขายังเป็นผู้ที่มีความสามารถอันยอดเยี่ยมและยังไม่ขาดโอกาส
เขาอยู่ในตาแหน่งที่สูงกว่าและยังไม่รู้สึกประทับใจใดเป็นพิเศษกับสวรรค์มายาขั้นที่สี่
แต่ว่า ถ้อยคาของเฟิงซินจื่อก็ทาให้เขาสนใจได้ เขามองเฟิงซินจื่อ
“เช่นนั้น… เจ้าคิดว่าควรจะทาอย่างไร?”
เฟิงซินจื่อรู้สึกตัวเย็นวาบ เขารู้แล้วว่าผู้อาวุโสนักหลอมนั้นจับความรู้สึกริษยาในน้าเสียงของเขาได้ เขาคุกเข่าลงโดยทันที
“ฟังข้าก่อนผู้อาวุโส พวกเรานั้นยังไม่มีผู้มีพรสวรรค์ผู้อื่นอีก และข้าก็ยินดีมาก ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถยินดีกับเรื่องทั้งหมดนี้อย่างเต็มที่ แต่ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกเช่นนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง!”
ผู้อาวุโสนักหลอมนั้นยอมรับความตรงไปตรงมาของเฟิงซินจื่อและพยักหน้า
“เจ้าพูดต่อ!”
เฟิงซินจื่อถอนหายใจ เขารู้ว่าเขายังได้รับความเชื่อใจจากผู้อาวุโส
“ตอนนี้ฟางหยวนนั้นอยู่ที่ขั้นที่สี่แล้ว ความสามารถของเขานั้นสมาพันธ์ย่อมต้องรับรู้ไม่ช้าก็เร็ว และพวกเขาคงมอบระดับบรรณที่สูงกว่านี้ให้ฟางหยวน เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์อันไม่ราบรื่นนักระหว่างท่านกับเขาเหตุใดพวกเราจึงไม่มอบสิทธิ์นั่นให้เขาก่อนเสียเดี๋ยวนี้เล่า?”
“คนผู้นั้นอาจจะมีความลับบางอย่างที่ทาให้สามารถเลื่อนระดับได้เร็วถึงเพียงนี้ แต่ว่าพวกเราก็มีรากฐานอันมั่นคงและพวกเราก็สามารถยื่น
ข้อเสนอให้เขาได้มากกว่านี้มาก ตราบใดที่พวกเรายังดาเนินกลวิธีหว่านล้อมเช่นนี้ สักวันเขาต้องเข้าร่วมกับพวกเราเป็นแน่ การลงมือรุนแรงจะทาให้เขาหันหนีจากพวกเราแทน แต่มันจะดีกว่าหากเจ้ามองในภาพรวม!”
ผู้อาวุโสพูดต่อ
“จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่อย่างน้อยต้องได้สิทธิ์เข้าถึงในระดับผู้ฝึกตนบรรณที่สี่ พวกเราควรจะมอบให้เขาด้วยตัวพวกเราเองหรือไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะเป็นหนี้บุญคุณผู้อื่นแทน แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่สมาชิกหลักและพวกเราก็ควรต้องทดสอบเขาก่อน! บอกให้เขาเข้ามาและข้าจะพูดกับเขาและมอบสิทธิ์เหล่านั้นให้เขาด้วยตัวข้าเอง!”
“ขอรับผู้อาวุโส!”
เฟิงซินจื่อคารวะลง เขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ผู้อาวุโสให้คารับรองกับเขา ใช่ ถึงแม้ว่าทั้งฟางหยวนและเขาจะอยู่ที่ระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ด้วยกันทั้งคู่ แต่ตัวเขาเองนั้นอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ต้นและยังเป็นสมาชิกหลักขณะที่ฟางหยวนเพิ่งมาเข้าร่วมตอนครึ่งทาง
ฟางหยวนนั้นต้องผ่านการทดสอบและฝึกฝนอีกหลายอย่างก่อนจึงจะเป็นประโยชน์ต่อสมาพันธ์ได้
‘บรรลุสู่ขั้นที่สี่นั้นรีดเค้นพลังจากรากฐานของผู้ฝึกจนเหือดแห้งและต้องสะสมใหม่อีกครั้ง… พวกเราตอนนี้เริ่มจากจุดเดียวกัน ข้าได้เปรียบเพราะว่าข้าเป็นสมาชิกหลัก เขาย่อมเอาชนะข้าไม่ได้”
ความคิดของเฟิงซินจื่อนั้นทาให้เขามั่นใจขึ้นและเขาก็เดินอาด ๆ ออกไป
ที่ด้านหลังเขา ผู้อาวุโสนักหลอมลอบยิ้ม
มีจ้าวแห่งฝันสวรรค์มายาขั้นที่สี่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขานั้นทาให้เขามีสิทธิ์มีเสียงในสมาพันธ์แห่งอาณาจักรมากขึ้น นี่สาคัญที่สุดเมื่อคิดถึงว่าสงครามกาลังจะเกิดขึ้นแล้ว

ไม่นานหลังจากนั้น ที่เทือกเขาสมาพันธ์แห่งอาณาจักร
ที่พักของเหรัญญิกแห่งรัฐอวิ๋น
เหรัญญิกผู้ที่มีบรรยากาศราวกับบัณฑิตผู้หนึ่งอยู่รอบกายกาลังฟังรายงานจากโจวฮั่นสีหน้าทะมึน
“นายท่าน…”
โจวฮั่นคุกเข่าอยู่ ใบหน้าของเขายังมีรอยน้าตาเป็นสายและยังมีรอยฝ่ามืออยู่ที่สองแก้มที่เขาจงใจปล่อยมันทิ้งเอาไว้
“อารักษ์ผู้นั้นช่างเหิมเกริมนัก เขาทาร้ายข้าซึ่งเท่ากับไม่เคารพต่อท่าน!”
“บัดซบ!”
ดวงตาของเหรัญญิกแฝงแววอันตรายไว้
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนผู้นี้นั้นทระนงตนเกินไป แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะเหี้ยมโหดและยังไม่ยั้งมือเช่นนี้… เขายังไม่ได้ล้าเส้น ข้ายังจัดการกับเขาไม่ได้”
เขาหัวเราะเย็นกับตัวเอง
‘ในเมื่อเขาได้รับมอบหมายงานแล้ว ผืนดินที่ยังใช้การได้ในผืนดินมั่งคั่งจินหยางย่อมไม่เพียงพอ ไม่ว่าอย่างไร เขาย่อมต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทาตามที่ได้รับมอบหมายและยังต้องหลีกเลี่ยงสงครามไปด้วย! นี่ยิ่งกว่าเพียงพอที่จะทาลายแผนการใด ๆ ของเขา!’
จากนั้นเหรัญญิกก็หันไปหาโจวฮั่น
“อีกหนึ่งเดือนกลับไปพบเขาอีกครั้ง หากเขาสามารถทาตามที่ได้รับมอบหมายได้ เช่นนั้นก็มอบงานให้เขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของที่เขาทาได้!”
“นะ… นายท่าน นี่จะเป็นการท้าทายกัน!”
โจวฮั่นอึ้งไป
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการแก้แค้นมากเพียงใด เขาก็ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงโดยไม่จาเป็น
“ก็แค่เขาผู้เดียว! หากผืนดินมั่งคั่งจินหยางรับส่วนแบ่งไปเยอะ รัฐอวิ๋นและที่อื่นย่อมลงแรงน้อยลง นี่เป็นเรื่องดีและไม่มีใครคัดค้านนอกเสียจากอารักษ์แห่งผืนดินมั่งคั่งจินหยาง”
เหรัญญิกหัวเราะเบิกบาน
“ส่วนเขาน่ะเหรอ? หึ… ก็แค่ผู้ฝึกตนบรรณที่สามเท่านั้น หากเขาไม่เชื่อฟังคาสั่ง ย่อมหมายความว่าเขาไม่มองภาพรวม ข้าสามารถรายงานขึ้นไปเบื้องบนที่สามารถย้ายเขาออกจากตาแหน่งและส่งเข้าสนามรบได้!”
“นายท่านช่างฉลาดล้าเลิศ!”
โจวฮั่นรู้สึกเย็นเยือกไปถึงกระดูก
เขาคิดภาพไม่ออกเลยว่าหากตนเองเป็นผู้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ความละโมบของนายท่านของเขานั้นไม่เคยเติมเต็ม แต่ความรู้สึกนี้ก็หายไปในทันทีแทนที่ด้วยความรู้สึกพึงพอใจ
‘ฮ่าฮ่า… เมื่อคิดถึงว่าหากวันนั้นมากถึง นี่ย่อมเป็นผลกรรมที่เจ้าทาร้ายข้าเมื่อตอนนั้น… เอ๋?”
ในตอนนี้เอง เขาก็มองเห็นเขาร่างหนึ่งเข้ามาในเขตที่พักจากปลายสายตา
“นั่นใคร?”
เหรัญญิกก็งุนงงเช่นกัน
เขายังไม่รู้ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาเป็นใคร แต่แน่ใจว่าคนผู้นั้นมีสิทธิ์การเข้าถึงที่เทียบเท่าเขา ผู้ฝึกตนบรรณที่สี่แห่งสมาพันธ์แห่งอาณาจักร หนึ่งในผู้มีพลังอันโดดเด่น
“ออกไปซะ!”
ฟางหยวนเตะเท้าออกไปง่าย ๆ และโจวฮั่นก็ปลิวไปหลายจั้งพร้อมร้องเสียงลั่น
“อ้ะ… เจ้าคืออารักษ์แห่งผืนดินมั่งคั่งจินหยาง? ฟางหยวน?”
เหรัญญิกอึ้งไป
“เจ้า? เจ้าบรรลุสวรรค์มายาขั้นที่สี่แล้ว? เจ้ายังมีสิทธิ์การเข้าถึงบรรณที่สี่ด้วย?”
ความรวดเร็วในการเลื่อนลาดับของเขาช่างน่าตกใจ เขาช่างเก่งกาจเสียจริง
“เจ้าคือเหรัญญิกแห่งรัฐอวิ๋น?”
ฟางหยวนมองเขาอย่างเย้ยหยัน เขารู้ว่าเหรัญญิกผู้นี้กับเขานั้นเท่าเทียมกันทั้งในด้านพลังและอานาจ
“ข้าคือโจวเทียน เจ้าต้องการอะไร?”
เหรัญญิกขมวดคิ้ว
“ข้าต้องการอะไรงั้นรึ?”
ฟางหยวนหัวเราะเสียงลั่น
“โจวเทียน! พวกเราต่างล้วนรู้ดี เจ้ากล้าเข้ามาข้องเกี่ยวในความขัดแย้งระหว่างข้ากับหลี่ฉิน เจ้าคิดจะท้าทายข้าขึ้นสังเวียนเป็นตายใช่หรือไม่?”
“เจ้า…”
โจวเทียนสาลักและเงียบไปครู่หนึ่ง
สังเวียนเป็นตายนั้นเป็นวิธีการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างจ้าวแห่งฝันในสมาพันธ์แห่งอาณาจักร พวกเขาจะต้องสู้กันจนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตายตกไปบนลานประลอง
กฎนั้นมีไว้สาหรับจ้าวแห่งฝันที่มีระดับการฝึกตนเทียบเท่ากันที่สามารถสู้กันได้ และยังได้รับคารับรองจากผู้อาวุโส อาวุธและของวิเศษล้วนถูกห้ามใช้เพื่อความยุติธรรม
โจวเทียนย่อมไม่คาดคิดว่าฟางหยวนจะทาเรื่องให้ใหญ่โตเช่นนี้ เขาเพียงแค่ท้าทายฟางหยวนเพียงเล็กน้อย และตอนนี้ฟางหยวนกลับท้าทายเขาสู่สังเวียนเป็นตาย จากนั้นการฝึกฝนทั้งหมดของเขาล้วนไร้ค่า?
ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจกว่าเก้าส่วนว่าจะชนะ สังเวียนเป็นตายก็ยังน่ากังวลอยู่ดี
ในฐานะจ้าวแห่งฝัน เขาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอมตะ เขาสมควรจะมีชีวิตยืนยาว แล้วจะยินยอมเข้าสู่สังเวียนเป็นตายอย่างพร้อมใจได้อย่างไร?
จุดสาคัญก็คือ เขาขัดแย้งอันใดกับฟางหยวนหรือ? มันไม่คุ้มค่าที่เขาจะเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงกับผลึกธาตุปริศนาเพียงก้อนเดียว เขาไม่ได้โง่
‘บ้าชะมัด! ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าคนนี้มันโคถึกพิโรธ! เพียงเพื่อพี่น้องตระกูลเยี่ย เขาก็กล้าท้าทายหลี่ฉินทั้งที่อยู่แค่บรรณที่สาม…”
โจวเทียนยิ่งมายิ่งหวาดกลัว เหงื่อผุดที่หน้าผากเป็นเม็ด เขาตัดสินใจยิ้มประจบออกมา
“น้องฟาง ท่านใจเย็นก่อน บางทีอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกัน!”
“เข้าใจผิด?”
ฟางหยวนหัวเราะเยาะ
“แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องส่วนแบ่งอย่างไร?”
“ทั้งหมดนั่นเป็นความผิดของผู้ใต้บัญชาของข้าเอง… โจวฮั่นผู้นี้สะเพร่าแล้ว และข้าจะลงโทษเขาเอง! ส่วนเรื่องของส่วนแบ่ง ย่อมต้องแก้ไข! แก้ไขแน่นอน!”
โจวเทียนมีสีหน้ามาดร้ายขึ้นมาทันที สะบัดมือออกไป โจวฮันร้องออกมาและเจตจานงเวทย์ของเขาก็สลายไปในอากาศ
ฟางหยวนหัวเราะกับตัวเองเมื่อเห็นภาพนี้ นี่คือชะตาของการเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน ตัวเขาเองก็เป็นเพียงหน้าใหม่คนหนึ่ง เพื่อปกป้องสิ่งของของตนเอง เขาย่อมต้องหาผู้สนับสนุนเบื้องหลังที่ทรงอานาจเช่นกัน หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องทาตัวให้ร้ายกาจเพื่อให้ศัตรูของเขาต้องคิดซ้าสองก่อนที่จะเข้ามาวุ่นวายกับเขา
นอกเสียจากจะมีเหตุผลดี ๆ ให้ต้องสังหารเขา ศัตรูของเขาย่อมปล่อยเขาเอาไว้ไม่ยุ่งเกี่ยว
อารมณ์ของฟางหยวนเปลี่ยนไปทันที ครั้งนี้เขายิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล
“โอ้ เช่นนั้นก็เป็นแค่ความเข้าใจผิด เหรัญญิกโจว ถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่ในบรรณเดียวกันแล้ว แต่ด้วยตาแหน่ง ท่านก็ยังนับว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าข้า ต้องรบกวนท่านดูแลข้าด้วย!”
“ได้… ได้…”
ใบหน้าของโจวฮั่นกระตุก
“คนผู้นี้ช่างกลับกลอกไปมา ช่างชั่วร้ายเสียจริง!”
เห็นฟางหยวนไม่ดึงดันต่อ โจวเทียนก็พบว่าแผนการมากมายของเขานั้นกลายเป็นใช้การไม่ได้ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดหลี่ฉินขึ้นมา

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ