Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 341

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 341

341: กลียุค
ภายในหอสัมฤทธิ์ หลี่ฉินมองไปที่เงาหนึ่งด้านล่างเขาแล้วขมวดคิ้ว
“ท่านปู่…”
หลี่ฉินคุกเข่าลงใบหน้าซีด “ข้าเพิ่งได้เป็นจ้าวแห่งฝัน มันเสี่ยงมากหากข้าต้องรับภารกิจในตอนนี้! เหตุใดผู้อาวุโสหลายคนในสมาพันธ์แห่งอาณาจักรถึงได้เห็นแก่ตัวถึงเพียงนี้สละพวกเราเพื่อปกป้องศิษย์สายตรงของพวกเขา!”
“สวะ!”
หลี่ฉินขมวดคิ้วแน่นขึ้นและยังมีสีหน้าจริงจัง “อย่าได้พูดจาไร้สาระ… แม้ต่อหน้าข้า! เก็บความคิดเหล่านั้นเอาไว้กับตัวเจ้าเอง ไม่อย่างนั้น… ข้าจะเป็นคนส่งเจ้าเข้าไปในสนามรบที่คนตายกลาดเกลื่อนด้วยตนเองเพื่อแสดงความภักดีของข้าต่อสมาพันธ์ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“เข้า… เข้าใจขอรับ!”
หลี่ไป๋มองเห็นแววเย็นชาในดวงตาของท่านปู่ของตนเองขณะตัวสั่นด้วยความกลัว จากนั้นเขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามอีกครั้งอย่างลังเล “ข้าไม่ไปได้หรือไม่? เทือกเขาเก้าสุดยอดน่ะเป็นหนึ่งในสิบสถานที่ที่อันตรายที่สุดในต้าเฉียน… ต่อให้ข้าเพียงให้การสนับสนุนอยู่ภายนอกมันก็อันตรายแล้ว!”
“… ไม่มีที่อื่นที่เหมาะสมให้เจ้าไปแล้ว เจ้าจะไม่เข้าร่วมที่นั่นก็ได้ แต่หากเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็จะถูกส่งไปอยู่แนวหน้า!”
หลี่ฉินหยุดครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “ถึงแม้ว่าที่นั่นจะอันตราย แต่หากเจ้ารับภารกิจไปที่นั่นแล้ว เจ้าก็จะสามารถปฏิเสธภารกิจอื่นได้ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าจะทาให้เจ้าได้ จงสานึกในสิ่งที่ข้าทาให้เจ้าเสีย ตอนข้าอายุเท่าเจ้า ข้าสังหารคนมากมาย มือของข้าเต็มไปด้วยเลือดกว่าจะพลิกชีวิตกลับมาได้ ผู้คนแย่งชิงกันไปที่นั่น แต่ดูเจ้าสิ ไม่ยินยอมไป!”
มันไม่ใช่การตัดสินใจอย่างกะทันหันในการเริ่มสงครามกับต้าเฉียน จ้าวแห่งฝันนั้นตั้งค่ายทัพก่อนที่จะเริ่มกาจัดผู้ที่ไม่สาคัญไปก่อนสงคราม คนพวกนี้ที่ไม่มีสานักและยังไม่มีผู้สนับสนุนเบื้องหลัง อาจจะเป็นอู่จง นักรบศักดิ์สิทธิ์ หรือกระทั่งจ้าวแห่งฝันไร้สานัก ทุกคนล้วนต้องเลือกข้าง ไม่มีใครที่จะสามารถเป็นกลางอยู่ได้!
ในเวลาเช่นนี้ ในเมื่อสมาพันธ์แห่งอาณาจักรนั้นมีเงื่อนไขการเข้าร่วมน้อยที่สุด แน่นอนว่าย่อมมีจ้าวแห่งฝันมากมายแทบจะคุกเข่าขอเข้าร่วมสมาพันธ์!
โชคไม่ดี หลี่ไป๋ไม่เข้าใจความปรารถนาดีของปู่ของเขา
“แต่…”
หลี่ไป๋ลังเล “เหตุใดฟางหยวนจึงได้เป็นอารักษ์แห่งผืนดินมั่งคั่งเล่า?”
หลี่ฉินใบหน้าทะมึนขึ้น “เขาโชคดีพอที่จะทาการตกลงได้สาเร็จก่อนที่ทุกอย่างนี้จะเริ่มต้นขึ้น เขาเพิ่งเข้ารับตาแหน่งอารักษ์ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป พวกเราจะทาอันใดได้?”
แต่ว่า ที่ด้านใน หลี่ฉินนั้นก็รู้สึกไม่ยุติธรรม เขากัดฟันด้วยความคั่งแค้น
หน้าที่ในฐานะอารักษ์นั้นเป็นหน้าที่อันเต็มไปด้วยผลประโยชน์ตั้งแต่แรกเริ่ม มันยังยิ่งมีคุณค่ามากขึ้นในช่วงสงครามและยังเป็นไปไม่ได้ที่จะมีตาแหน่งว่าง
“ไม่ต้องห่วง รออยู่ที่เทือกเขาเก้าสุดยอด ตราบใดที่เจ้าไม่เข้าไปในเขตลึกลับ เจ้าย่อมไม่พบเจออันตรายแท้จริงใด ต่อไป เจ้าย่อมมีโอกาสที่จะได้เป็นอารักษ์แห่งผืนดินมั่งคั่ง!”
หลี่ฉินมองอย่างเย็นชาขณะพึมพา
แผนการของโจวเทียนในการขัดขวางฟางหยวนน่าจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ฟางหยวนย่อมถูกบีบและไม่สามารถตอบโต้ได้!
หลังจากกาจัดฟางหยวนแล้ว ตาแหน่งอารักษ์ย่อมว่างลงอีกครั้งและดังนั้น หลี่ฉินย่อมสามารถช่วยหลานชายของเขาให้ได้เป็นอารักษ์คนต่อไป
“จริงหรือ?”
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้ากังวลของหลี่ไป๋ก็เปลี่ยนเป็นยินดี “ท่านปู่ ท่านต้องช่วยข้านะ!”
“ฝุบ!”
ในตอนนี้เอง ประกายเพลิงพุ่งเข้ามาในหอสัมฤทธิ์ มันคือดาบเล่มเล็กที่มีหยกชิ้นงามติดอยู่ หยกนั้นเต็มไปด้วยกระไอของพลังธาตุ
“นี่…”
สีหน้าของหลี่ฉินเปลี่ยนไปเพราะสังหรณ์ไม่ดีถึงบางอย่าง เขาแตะผิวดาบด้วยปลายนิ้วชี้
“หลี่ฉินสหายเก่าของข้า!”
จากดาบเล่มเล็ก เสียงของโจวเทียนดังมา “เกี่ยวกับเรื่องของฟางหยวน ข้าตัดสินใจไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว ข้าคืนผลึกพลังธาตุลึกลับให้เจ้าในสภาพเดิม… ให้ข้าเตือนเจ้านะว่าคนผู้นี้นั้นบรรลุระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่แล้วและเขายังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกตนบรรณที่สี่ ตอนนี้เขามีอานาจเทียบเท่ากับพวกเราสองคนและยังเป็นบุคคลอันตรายอย่างยิ่ง ต่อไปก็จะยิ่งรับมือได้ยากมากขึ้น!”
“อะไรนะ? ขั้นที่สี่?”
หลี่ฉินปล่อยพลังธาตุก้อนหนึ่งออกมาระเบิดที่กลางอากาศราวกับสูญเสียการควบคุมบางอย่าง “เจ้าเด็กนั่น… เหตุใดจึงก้าวหน้าเร็วเพียงนี้?”
“ผู้ฝึกตนบรรณที่สี่?”
หลี่ไป๋ก็อึ้งไปเช่นกัน
นี่หมายความว่าฟางหยวนนั้นเป็นหนึ่งในจ้าวแห่งฝันที่นับว่ามีพลังมากกว่าผู้อื่นในสมาพันธ์และยังได้รับสิทธิ์การเข้าถึงสูงในระดับหนึ่ง สาหรับหลี่ไป๋แล้ว ผู้ที่มีอานาจล้วนต้องเคารพนับถือ
“เจ้าเด็กนั่น!”
ดวงตาของหลี่ฉินเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ฟาง… ฟางหยวน!”
หากถ้อยคาแรกของฟางหยวนที่พูดกับเขาเทียบได้กับการปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัวเอาไว้ในใจเขา อย่างนั้นการพัฒนารวดเร็วของฟางหยวนนั้นก็คือการตบหน้าเขานั่นเอง!
“ได้อย่างไร! เป็นไปได้อย่างไร!”
ที่สาคัญที่สุด แหล่งที่มาของข่าวยังมาจากเบื้องบนและดังนั้น หลี่ฉินจึงปฏิเสธความจริงนี้ไม่ได้
ในเวลากลียุคเช่นนี้ ทุกคนล้วนต้องหลีกทางให้กับผู้ที่สามารถเพิ่มพลังได้รวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ หลี่ฉินยังต้องได้รับความช่วยเหลือจึงทะลวงสู่ขั้นที่สี่สวรรค์มายาได้ แต่ว่าตั้งแต่นั้นมา ความก้าวหน้าของเขาก็ดูจะชะงักลง
ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาขวนขวายข้ามฝันเผชิญอันตรายยิ่งยวดนั่นมันนานเท่าใดกันแล้วนะ?
หลี่ฉินดูหมองหม่นลง “ข้าใช้ทรัพยากรไปตั้งมากเพื่อบรรลุระดับเมื่อหลายปีก่อน และยังติดหนี้บุญคุณคนมากมาย! กระทั่งความก้าวหน้าใน
ด้านสิทธิ์การเข้าถึงของข้าก็ยังชะงักลง และเจ้ากลับสามารถไล่ตามทันได้ภายในวันเดียว เจ้าช่างดีนัก…”
“ท่านปู่ อย่าได้โมโหไป…”
หลี่ไป๋พยายามปลอบหลี่ฉินและรู้สึกว่าท่านปู่ของเขานั้นกาลังจะเสียสติแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร!”
หลี่ฉินโบกมือ “มันแค่นานมาแล้วตั้งแต่ข้าลงมือ และข้าก็ไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาดูถูกข้า! เจ้าออกไปก่อน ข้าจะเก็บตัวฝึกวิชา!”
สงครามที่กาลังจะเกิดขึ้นและการคุกคามจากผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ผู้นั้น ทั้งสองอย่างทาให้เขารู้สึกถึงอันตราย!
ภายใต้การกระตุ้นเช่นนี้ จ้าวแห่งฝันชราผู้นี้ในที่สุดก็กลับไปฝึกฝนตนแล้ว!

ในผืนดินมั่งคั่งจินหยาง
ฟางหยวนเรียกเมิ่งเทียนและเมิ่งกวงเข้ามาแจ้งพวกเขาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรที่ถูกร้องขอ ทั้งคู่ยินดีมาก “ขอแสดงความยินดีกับนายท่าน! ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว!”
“อืม พวกเจ้าไปทางานต่อได้!”
ฟางหยวนโบกมือ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังจากทั้งสองคนมากนักในตอนแรก ตอนนี้เขาก็แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ควรเสียแรงฝึกฝนทั้งคู่แล้ว
“เฮ่ย… บางครั้ง สัตว์ก็จงรักภักดียิ่งกว่ามนุษย์… ข้าอยากรู้นักว่าฮวาหูเตียวและตัวอื่น ๆ เป็นอย่างไรแล้วบ้าง?”
ฟางหยวนจมลงในห้วงความคิด “หากต่อไปเบื้องหน้าการฝึกตนของข้าก้าวหน้าขึ้นกว่านี้ ข้าอาจจะสามารถกลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดเขาชอุ่มเพื่อเยี่ยมเยียนพวกมัน…”
ฟางหยวนไม่ได้ติดค้างสิ่งใดต่ออู่จงทั้งสองนั้น ในระยะเวลาอันสั้นเพียงนี้ เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะยอมตายเพื่อเขา กระทั่งอารักษ์คนก่อนก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับความภักดีจากคนทั้งคู่มากกว่าเขา
“ข้าจัดการทุกอย่างในฝั่งของโจวเทียนแล้วและระดับของข้าตอนนี้ก็เป็นผู้ฝึกตนบรรณที่สี่แล้ว ข้าว่าหลี่ฉินคงทาอะไรข้าไม่ได้มากแล้วตอนนี้… ยิ่งแก่ตัว ก็ยิ่งกลัวตาย ต่อให้ข้าไม่ไปหาเขา เขาก็ย่อมต้องฝึกฝนตนเองมากขึ้นและเตรียมตัวสู้ตายกับข้า…”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายระยิบ
เขารู้ว่าในเมื่อโจวเทียนไม่ได้อะไรจากความขัดแย้งระหว่างพวกเขา ก็ย่อมต้องหวาดกลัวมากเมื่อคิดถึงการสู้จนตายไปข้างหนึ่ง แต่ว่า กับหลี่ฉินนั้นมันต่างออกไป!
หากฟางหยวนไปหาเขา เขาย่อมตกลงเข้าสู่สังเวียนเป็นตายกับฟางหยวน
ถึงแม้ว่าฟางหยวนจะมีโอกาสชนะ แต่ที่สุดแล้ว หลี่ฉินก็เป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ผู้มีประสบการณ์และน่าจะมีไม้ตายแอบซ่อนเอาไว้มากมายทีเดียว หลี่ฉินอาจจะยังสามารถบีบให้ฟางหยวนต้องเผยวิชาค่ายกลดาบจตุลักษณ์ออกมาได้
ตอนนี้เขาทาให้โจวเทียนหวาดกลัวได้ ฟางหยวนย่อมไม่บีบคั้นต่อและเลือกที่จะเก็บตัวราวเต่าหดหัวอยู่ในผืนดินมั่งคั่งและฝึกตน
“ในเมื่อโอกาสยังอยู่ข้างข้าและข้ายังจัดการเรื่องกับโจวเทียนแล้ว ดูสิว่าหลี่ฉินผู้นั้นจะยังทาอันใดได้!”
ด้วยระดับความเร็วในการฝึกตนของเขา ฟางหยวนไม่กลัวหลี่ฉิน!
หากเขาสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วและบรรลุขั้นที่เจ็ดสวรรค์มายา การสังหารหลี่ฉินก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว!
“แล้ว… สงครามกาลังจะเกิดขึ้นจริง ๆ หรือ? สมาพันธ์คงต้องสังหารผู้ฝึกตนไร้สังกัดพวกนั้น…”
ในฐานะผู้ฝึกตนบรรณที่สี่ เขามีสิทธิ์การเข้าถึงระดับสูงในสมาพันธ์และยังสามารถเข้าไปดูสิ่งที่จัดไว้เป็นความลับได้ในระดับหนึ่ง
เพียงแค่ดึงข้อมูลออกมาดูอย่างง่าย ๆ ฟางหยวนก็ได้รับข้อมูลทั้งหมดนี้
สาหรับตอนนี้ สมาพันธ์นั้นได้เร่งตุนเสบียงและทรัพยากรและตอนนี้ยังเตรียมกาจัดเหล่าสานักเล็ก ๆ นอกจากนี้ สมาพันธ์ยังเพิ่มเงื่อนไขการเข้าร่วมและไม่รับผู้ฝึกตนไร้สานักง่าย ๆ อีกต่อไป
“หากเฟิงซินจื่อไม่เข้าหาข้าเมื่อตอนนั้น ข้าย่อมไม่กล้าเข้าร่วมกับสมาพันธ์แห่งอาณาจักร— ข้าอาจจะถูกสังเวยในสงคราม!”
ฟางหยวนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นเล็กน้อย “หากข้ายังคงเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัดอยู่? ข้าก็คงต้องหาการรับรองจากสานักอื่น ๆ เช่นกัน? นั่นคงจะยาก…”
ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมตัวก่อนสงครามจะมาถึง!
มีผู้ฝึกตนเพียงน้อยนิดที่มีค่าพอให้สมาพันธ์สังเกตเห็น
“สงครามครั้งนี้ยังเป็นสงครามระหว่างทั้งห้าสานักยิ่งใหญ่และยังกับต้าเฉียนด้วย!”
เมื่อคิดเช่นนี้ ฟางหยวนก็หลับตาลง…

รัฐจิน
รัฐนี้อยู่ทางเหนือของรัฐอวี้ และยังมีชื่อเสียงในด้านการทาเหมืองทองที่มีอยู่มากกว่าสิบแห่งทั่วรัฐ
ถึงแม้ว่าทองจะไม่ได้มีค่าเท่าที่มันเคยเป็นในชีวิตอื่น ๆ ของฟางหยวน พวกมันก็ยังนับเป็นทรัพย์สมบัติของคนทั่วไป
ที่สาคัญไปกว่านั้น ยังมีของวิเศษลึกลับอยู่รอบ ๆ เหมืองทอง ของวิเศษที่กระทั่งจ้าวแห่งฝันยังต้องการ
ดังนั้น รัฐนี้จึงร่ารวยเป็นอย่างยิ่ง มีสานักจัดตั้งอยู่มากมาย และสานักที่เป็นผู้นาก็คือสานักจินติ่ง
เมืองหงเฟิง สานักเฉาหยาง
“ตายซะ!”
มีเสียงลั่นเปรี๊ยะ ประตูของสานักเฉาหยางถล่มลงมา
“อั้ก… เจ้ากล้าดีอย่างไร?”
เจ้าสานักเฉาหยางนั้นเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สี่เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันทีที่เห็น “เป็นผู้ใด? เจ้ามีความแค้นเคืองอันใดกับพวกเรา?”
“เจ้าไม่จาเป็นต้องรู้เรื่องนั้น!”
เงาร่างสีดาแวบเข้ามา เพียงแค่โบกมือ หมอกสีดาก็ปรากฏขึ้นและเริ่มแผ่กระจายออกไป
“เป็นจ้าวแห่งฝัน!”
ในหมอกสีดา เสียงแฝงแววตกใจของเจ้าสานักดังออกมา “สานักจินติ่งจะล้างแค้นให้พวกเรา!”
“เหอเหอ… พวกเจ้านักรบศักดิ์สิทธิ์และอู่จงครอบครองรัฐจินมาตั้งนานและยังได้เสวยสุขกับทรัพย์สมบัติที่นี่นานพอแล้ว แต่พวกเจ้ากลับยังไร้สามารถ! สานักของข้าทนเรื่องนี้มานานแล้ว ให้ข้าบอกเจ้า กระทั่งสานักจินติ่งก็หนีพวกเราไม่พ้นหรอก!”
เสียงแหลมราวกับนกร้องดังมา ในน้าเสียงแฝงแววเหี้ยมโหดและชั่วร้ายเอาไว้
ไม่นาน หมอกสีดาก็สบายไป เผยให้เห็นประตูที่พังทลาย
เจ้าสานักเฉาหยางมองไปที่ซากปรักหักพัง ร่างเอนตัวพิงกับกาแพง ที่หน้าอกของเขามีโพรงใหญ่และอวัยวะภายในก็ไหลออกมากองอยู่นอกตัว เขาตายตกอย่างสยดสยอง
“สานักเฉาหยางถูกทาลายแล้ว!”
ตอนที่หมอกสีดายังหนาตัวอยู่ เงาร่างสิบเงาปรากฏขึ้น “หลังจากนี้ พวกเราก็จะไปที่สานักชิงจู่… หลังจากกาจัดพวกมันลงทีละสานัก ในที่สุดพวกเราก็จะกาจัดสานักจินติ่ง! ถึงตอนนั้น ผู้อาวุโสของสานักเราย่อมยื่นมือมาช่วยพวกเราเช่นกัน! เหอเหอ สานักจินติ่งนั้นใช้การมีราชสานักคอยสนับสนุนเลือกปฏิบัติกับพวกเราในรัฐจิน ในที่สุดมันก็จะได้รับผลกรรม!”

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ