Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 342

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 342

342: สมาพันธ์
สานักจินติ่งนั้นมีอานาจปกครองเหนือรัฐจิน อานาจของพวกเขานั้นดูแคลนไม่ได้
ในสานัก มีหนึ่งนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับพลังธาตุที่แท้จริงและยังมีร่างสวรรค์อีกสองคน ทั้งสามคนนั้นเป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ของสานัก
สานักอื่นในรัฐจินนั้นล้วนสวามิภักดิ์แก่สานักจินติ่ง และยังมีการสื่อสารที่ซับซ้อนอยู่ในความร่วมมือนี้
เป็นขุมอานาจที่ทาให้จ้าวแห่งฝันยังรู้สึกไม่สบายใจนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันดูเหมือนจะร่วมมือกับราชสานัก
แน่นอนว่า ความแตกต่างนั้นก่อนหน้านี้ยังไม่ชัดเจน และความขัดแย้งส่วนมากนั้นก็สามารถแก้ไขได้โดยการต่อรองของสองฝ่าย แต่ตอนนี้ ไม่มีเวลาให้ละเมียดเช่นนั้นแล้ว!
แต่ว่า ถึงแม้พวกเขาจะสู้กันเอง แต่ก็ยังมีกลยุทธ์ให้ปฏิบัติตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือกับผู้นาหลักของสานักจินติ่งในทันที และมันยังได้ผลไม่เท่าจัดการกับพรรคพวกของเขาก่อน
จ้าวแห่งฝันนั้นลงมืออย่างอุกอาจทาลายพรรคพวกของสานักจินติ่งลงทีละสานัก พวกเขากระทั่งล้อมบางสานักเอาไว้เพื่อล่อกาลังเสริมออกมาและจัดการสังหารหมู่ ทั้งรัฐจินตอนนี้นองไปด้วยเลือดและซากศพ
สานักจู้ฉือ
เป็นหนึ่งในสานักที่มีอานาจมากที่สุดในเมือง แต่ถูกทาลายลงเพราะเป็นพวกเดียวกับสานักจินติ่ง
“จวินเซียน! เห็นเช่นนี้แล้วเจ้าคิดอย่างไร?”
ที่ด้านล่าง การสังหารหมู่กาลังดาเนินไป จ้าวแห่งฝันใช้พลังมายาของตนสังหารศัตรูในขณะหลับใหล
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นนาน ๆ ครั้งในความตายอันเงียบงันทาให้พวกเขาเย็นเยือกไปถึงกระดูก
หร่วนจวินเซียนไต่ขึ้นไปบนหอคอยเพื่อให้มองเห็นได้ดีขึ้น เขาตัวสั่น
ตรงหน้าเขา ชายชราในชุดแบบบัณฑิตกาลังกินและดื่มอย่างเพลิดเพลิน บนโต๊ะมีไหสุราและยังอาหารอีกหลายจาน
ความขัดแย้งระหว่างอาหารมื้อหรูหรากับการสังหารหมู่ทาให้หร่วนจวินเซียนรู้สึกคลื่นเหียน
แน่นอนว่าเขาไม่กล้าเผยท่าทีนั้นออกไป ได้แต่เทสุราเต็มจอกให้ชายชรา “สานักจู้ฉือไร้ศีลธรรมและยังกดขี่ผู้คนมานาน ถึงแม้ว่าการกระทาของพวกเขานั้นจะไม่ได้รบกวนพวกเรา แต่หากพวกเราตั้งใจจะทาลายพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ขัดขืนไม่ได้ ในโลกนี้ ย่อมมีเหยื่อที่แข็งแกร่งในหมู่เหยื่ออ่อนแอ…”
หร่วนจวินเซียนดูจะพูดออกมาจากประสบการณ์ของตนเอง
“เหยื่อแข็งแกร่งในหมู่เหยื่ออ่อนแอ พูดได้ดี! นี่เป็นกฎของธรรมชาติ… จ้าวแห่งฝันเช่นพวกเราฝึกฝนบนวิถีแห่งธรรมชาติ พวกเราจะหันหลังให้กับวิถีดั้งเดิมได้อย่างไร?”
ชายชราหัวเราะเสียงลั่น ดวงตาส่องประกายวาววาม เขากวาดตามองหร่วนจวินเซียนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“เจ้าไร้พรสวรรค์และยังไม่มีศักยภาพที่จะเป็นจ้าวแห่งฝัน แต่หลังจากกินอาหารวิเศษลงไปเพื่อเพิ่มพูนรากฐาน เจ้าก็พอที่จะนับว่าใช้ได้… แต่ว่าเจ้าจะสามารถทนสูญเสียความก้าวหน้าในด้านวิทยายุทธ์ได้หรือ? มันยังพอเป็นไปได้ที่เจ้าจะกลายเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะยอมละทิ้งทั้งหมดเพื่อโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะได้เป็นจ้าวแห่งฝันหรือ?”
“ข้าไม่เสียใจ ได้โปรดรับข้าไว้!”
หร่วนจวินเซียนคารวะชายชราหลังจากพูดจบ เขาโขกศีรษะกับพื้นจนเลือดออก
“ลุกขึ้น!”
ชายชราลูบเครายาวของตน
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกตนไปแล้ว แต่ด้วยเจ้าโชคดีพอที่จะได้พบกับข้า มันอาจจะมีผลข้างเคียงบ้างแต่ความสามารถของข้ายังเพียงพอที่จะช่วยให้เจ้าได้เป็นศิษย์แห่งฝัน… ส่วนที่เหลือนั้น ข้าบอกไม่ได้ มันขึ้นกับโชคของเจ้าแล้ว”
“ขอบพระคุณอาจารย์!”
หร่วนจวินเซียนลุกขึ้นยืนดวงตาแน่วแน่
“ฮ่าฮ่า… ทนเอาไว้!”
ชายชรายกสุราดื่มหมดจอกแล้วกดปลายนิ้วหนึ่งลงที่หว่างคิ้วของหร่วนจวินเซียน
“อ้ะ!!”
ความเจ็บปวดที่แทบจะกรีดลึกเข้าไปในกระดูกและแก่นวิญญาณทาให้เขากรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เส้นเลือดของเขาปูดโปนราวกับมีหนอนตัวอ้วนไชอยู่ในร่าง
มันเหมือนมดนับหมื่นตัวรุมกัดแขนขา กระดูก และอวัยวะภายใน…
หลังจากความเจ็บปวด เลือดเนื้อของเขาก็ราวกับเหี่ยวเฉาลง ที่แก่นกลางของเขา เขารู้สึกเหมือนพลังธาตุของตัวเองเหือดแห้งหายไป
“เข้าสู่ฝันด้วยพลังยุทธ์ แตกสลายวันนี้เพื่อเปิดทาง!”
ขณะหัวเราะ ชายชราก็ดึงนิ้วกลับและหร่วนจวินเซียนก็ล้มลงกับพื้น เขาชุ่มไปด้วยเหงื่อและรู้สึกราวกับเพิ่งผ่านทัณฑ์ทรมานอันน่ากลัวที่สุดมา
“ขอบ… ขอบพระคุณที่ช่วยเหลือ ท่านอาจารย์!”
ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีเหงื่อชุ่มโชก ดวงตาของเขากลับส่องประกายและเขาคารวะลงอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ
“อืม ตั้งแต่นี้ไป เจ้าก็เป็นคนของไป๋เจ๋อซานแล้ว”
ชายชราลูบเคราตนเอง
“ตอนนี้เจ้าเข้าสู่สานักแล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ก็ได้ ตอนนี้กาลังจะมีสงครามเกิดขึ้น รางวัลตอบแทนนั้นดีงาม หากเจ้าสามารถลองพยายามกับสงครามครั้งนี้แล้วใช้สินสงครามให้เกิดประโยชน์ เจ้าจะสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าที่จ้าวแห่งฝันอื่น ๆ ทาได้โดยใช้เวลาหลายปี…”
“เอาละ พวกเราจะยังไม่คุยเรื่องนี้มากนัก ตามข้ามา สังหารและทาลาย!”
ชายชราหันกลับไปและเห็นทหารกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวที่ขอบฟ้า
“ขอรับ!”
หร่วนจวินเซียนนั้นหมดแรง แต่เขาไม่กล้าขอเวลา เขาตามหลังไปขณะจิตใจยังวุ่นวายเรื่องอื่น
‘ข้าอยู่ที่จุดเริ่มต้นแล้วตอนนี้ ก้าวต่อไปก็คือผ่านการทดสอบและสะสมพลังธาตุฝันแล้วข้าก็จะได้เป็นจ้าวแห่งฝัน!’
‘ไป๋เจ๋อซานนั้นเป็นหนึ่งในห้าสานักยิ่งใหญ่ ด้วยการปกป้องของพวกเขา ตระกูลย่อมปลอดภัย… แล้วยังความขัดแย้งระหว่างบิดากับอาจารย์คนเก่าของเขา…’

ผืนดินมั่งคั่งจินหยาง
“นายท่าน ตามคาสั่งของท่าน เด็ก ๆ ในผืนดินมั่งคั่งอายุสิบถึงสิบสามขวบปีล้วนอยู่ที่นี่แล้ว…”
ในห้องโถง มีเด็กกว่ายี่สิบคนมารวมตัวกันอยู่ บางคนอยากรู้อยากเห็น บางคนกระวนกระวาย
“อืม… ในเมื่อข้าเป็นอารักษ์ ข้าย่อมต้องรับผิดชอบดูแลที่นี่ให้ดี ในฐานะคนของข้า พวกเจ้าล้วนได้รับอนุญาตให้เข้าห้องหนังสือและเรียนรู้การอ่านและเขียน พวกเจ้ายังต้องเรียนวิทยายุทธ์ด้วย…”
ฟางหยวนสั่งลงไปอย่างง่าย ๆ
พวกคนเก่าคนแก่นั้นมีความคิดเป็นปัจเจกของตัวเองและไม่มีเหตุผลใดให้ต้องช่วยขัดเกลาพวกเขา แต่พวกผู้เยาว์นั้นยังโน้มน้าวใจได้และสมควรที่จะลองฝึกดู
ฟางหยวนนั้นไม่กล้าหวังมากว่าจะมีจ้าวแห่งฝันผู้มีศักยภาพอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ แต่มันก็ยังดีหากจะมีนักรบศักดิ์สิทธิ์หรือว่าอู่จงสักหลายคนปรากฏขึ้นมา
อย่างไรเสีย หากเขาจะปักหลักอยู่ที่นี่ถึงสิบปี เขาก็ต้องมีแผนการสาหรับระยะยาว
“เร็วเข้า คารวะนายท่านเสีย!”
เมิ่งเทียนและเมิ่งกวนให้เด็ก ๆ คารวะฟางหยวน
“นายท่าน!”
เสียงของพวกเด็ก ๆ ดังสดใสแต่ไม่พร้อมเพรียงนัก มันน่าตลกดีทีเดียว
“อืม พวกเจ้าทั้งสองคนไปวางแผนการเรียนรู้ให้พวกเขาและแต่งตั้งอาจารย์มาสอน ข้าจะคอยตรวจสอบความก้าวหน้าของพวกเขาเป็นประจา…”
อันที่จริงฟางหยวนนั้นกาลังตระเตรียมหน่วยต่าง ๆ
นี่ไม่ใช่ความคิดอันผิดธรรมดา อารักษ์คนก่อนหน้านั้นก็ทาเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะต่างวิธีก็ตาม
เมิ่งเทียนและเมิ่งกวงมองเด็กเหล่านี้อย่างอิจฉา
พวกเขาย่อมไม่มีทางได้เป็นคนสนิทของเหล่าจ้าวแห่งฝัน แต่เด็ก ๆ รุ่นเยาว์เหล่านี้กลับมี และยังนาความสาเร็จมาให้ตนเองได้ด้วยเช่นกัน! หากเด็กเหล่านี้มีพรสวรรค์ ฟางหยวนย่อมรับเข้าเป็นศิษย์ของตน และนั่นก็จะเป็นความก้าวหน้าชนิดก้าวกระโดดและยังเป็นเกียรติอย่างสูง
แน่นอนว่า แผนการเดิมของฟางหววนก็คือคัดเลือดผู้ติดตามที่จะจงรักภักดีสักหลาย ๆ คน
การมีผู้ช่วยเพิ่มมากขึ้นและมีแผนการรองรับย่อมเป็นเรื่องดีเสมอ
“ความสงบสุขนั้นอาจจะอยู่ไม่นาน…”
ฟางหยวนสัมผัสได้เลยว่าสงครามกาลังจะเกิดขึ้นแล้วและเขาก็สงสัย
“หืม?”
จู่ ๆ ฟางหยวนก็มองไปที่ทางเข้าผืนดินมั่งคั่ง
“ซ่า”
มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ตามมากด้วยหมอกที่มารวมตัวกัน จากนั้นก็ลาแสงสีทอง ค่ายกลใหญ่เก้าสิบเก้าตะวัน! มันตอบสนองไม่รุนแรงนัก แสดงให้เห็นว่าใครก็ตามที่มาเยือนนั้นยั้งมือเอาไว้
“นักพรตสามตะวัน และศิษย์ เหอชิง มาเยี่ยมเยือน!”
ยันต์วิเศษแผ่นหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศและมีเสียงดังออกมาขณะฟางหยวนยื่นมือออกไปรับ
“อ้ะ เป็นสหายผู้หนึ่ง! ขอเวลาข้าสักครู่!”
ฟางหยวนเดินไปที่ทางเข้าค่ายกลใหญ่เก้าสิบเก้าตะวัน และเห็นคนสองคนรออยู่ที่นั่น
หนึ่งนั้นเป็นนักพรตที่สวมชุดยาวและมีเครายาวเข้าคู่กัน เขาดูสุขภาพดีผิวเป็นสีระเรื่อ ฟางหยวนรู้ว่าการฝึกตนของคนผู้นี้นั้นอยู่ที่ระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่แล้ว
ชายหนุ่มที่ข้างเขานั้นฟางหยวนคุ้นเคยดี เป็นเหอชิง นายน้อยของตระกูลเหอ
“คารวะท่านฟาง!”
เหอชิงคุกเข่าลงเมื่อเห็นฟางหยวนเดินตรงเข้ามา
“ต้องขอบพระคุณท่านที่ให้การแนะนา อาจารย์ของข้าตัดสินใจรับข้าเป็นศิษย์แล้ว!”
“เจ้าต้องขอบคุณชะตาของเจ้าเอง!”
ฟางหยวนยิ้มและส่ายหน้า เขาไม่ได้คิดจะสร้างความสัมพันธ์กับคนผู้นี้ต่อ เขาหันไปหานักพรตสามตะวันแทน
“ข้ายินดีที่ท่านมาเยี่ยมเยียน เชิญเข้าไปดื่มชาก่อน!”
“เอาสิ!”
นักพรตสามตะวันตกลงทันทีและตามฟางหยวนเข้าไป
“บรรยากาศในผืนดินมั่งคั่งนี้ยอดเยี่ยมมาก และยังมีพลังเวทย์ที่คอยบารุงดิน ท่านเป็นผู้ที่โชคดีเสียจริง! ข้านาของขวัญมาแสดงความยินดีที่ท่านได้เลื่อนระดับด้วย!”
นักพรตสามตะวันเหลือบมองรอบ ๆ และยิ้ม
อันที่จริง เขาไม่ได้คาดหวังมากนักกับผืนดินศักดิ์สิทธิ์นี้ แต่เมื่ออารักษ์ฟางหยวนสามารถบรรลุขั้นที่สี่สวรรค์มายาได้ ผืนดินนี้ก็กลายมาเป็นรากฐานพลังอันน่าจับตามองและต้องรับมืออย่างจริงจังมากขึ้น
“ขอบคุณท่าน!”
ฟางหยวนนั้นรู้ดีว่าหากเขายังไม่ได้บรรลุระดับ ผู้มีพลังเหล่านี้ย่อมไม่มาเยี่ยมเยือนเขาด้วยตนเอง
ผู้ที่เสมอภาคกันย่อมคบหากัน นี่เป็นสิ่งที่เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้
ทั้งสองคนไม่ได้เข้าไปในห้องโถงแต่ว่าไปหยุดพักอยู่ที่ใต้ร่มไม้ เขาเริ่มชงชา
“เจ้าถอยออกไปก่อน!”
นักพรตสามตะวันบอกเหอชิงหลังจากดื่มชาถ้วยแรกหมด
“ขอรับ อาจารย์!”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจนักแต่เหอชิงก็ไม่กล้าไม่เชื่อฟังอาจารย์ของตนและถอยออกไปอย่างนอบน้อม
ฟางหยวนขมวดคิ้วนิด ๆ นักพรตสามตะวันน่าจะต้องการพูดคุยเรื่องจริงจัง
“เฮ่ย… ในสมาพันธ์วุ่นวายขึ้นในช่วงนี้ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
นักพรตสามตะวันช่างตรงไปตรงมาเสียจริง
“หากสงครามเริ่มขึ้น ก็ยากที่พวกเราจะผ่านมันไปได้โดยตัวคนเดียว!”
ฟางหยวนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการรับรองจากผู้อาวุโสนักหลอม แต่หากสงครามเริ่มร้ายแรงมากขึ้นและต้องการความร่วมมือจากเขา เขาก็จาต้องทิ้งผืนดินนี้เอาไว้เบื้องหลัง
“ท่านพูดถูก สหายข้า ข้าก็เชื่อเช่นนั้น!”
นักพรตสามตะวันหัวเราะขื่น
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะยังไม่ถูกเรียกตัว แต่มันก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้น ท่านยังสามารถอยู่ห่างจากเรื่องนี้ได้แต่สาหรับข้านั้นต่างออกไป… หากเกิดอะไรขึ้นกับข้า ข้าอาจต้องรบกวนท่านดูแลสานักสามตะวันให้…”
“ท่านคิดมากไปแล้ว สหายข้า…”
ฟางหยวนเข้าใจแล้วว่านักพรตผู้นี้มาเพื่อหาพวก และดังนั้นจึงพูด
“หากพวกเราสามารถร่วมมือกัน เช่นนั้นย่อมมีโอกาสมากขึ้นที่จะผ่านช่วงเวลาลาบากเช่นนี้ไปได้!”
“ข้าเห็นด้วย!”
นักพรตสามตะวันยิ้มกว้างออกมา

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ