346: มนตรา
ในอาณาจักรโบราณ กลางดึกในป่า
ลิงยักษ์คืบคลานมา มันมีแขนและขายาวที่ปกคลุมด้วยขนสีดา ดวงตาของมันกลอกไปมาอย่างระแวดระวัง แสงจันทร์เรืองรองส่องลงมา เปลี่ยนขนของมันเป็นสีขาว ทันใดนั้น ที่หน้าผากของมันก็ปรากฏรอยแยกและเกิดเป็นดวงตาที่สาม!
ลิงทั่วไปอย่างมากก็แค่มีพลังวิญญาณ แต่ว่า ในเวลาเพียงคืนเดียว ลิงตัวนี้กลับกลายไปเป็นปิศาจ!
“อ้ะ… ข้ากลายไปเป็นปิศาจ ช่างประหลาดและน่าสนใจนัก!”
เจ้าลิงเกาหูตัวเองและคารามออกมาคล้ายมนุษย์ ดูเคร่งเครียด
“เจ้าโชคดีที่ได้เข้าครอบครองร่างลิง อย่างน้อยก็ยังมีความคล้ายคลึง…”
ที่ข้าง ๆ มัน มีประกายสีเงินแวบเข้ามา จิ้งจอกสีขาวสามหางปรากฏขึ้น และยังนาประกายแสงสีเงินอีกสามเส้นมาด้วย “ผู้ที่ได้เข้าสิงร่างสุกร ม้า วัว หรือกระทั่งแพะนั้นโชคร้ายเป็นที่สุดแล้ว ข้ายังเห็นผู้ที่เข้าสิงร่างสุกรเกือบจะถูกพ่อค้าเนื้อสังหารก่อนที่จะทันได้ฟื้นฟูระดับการฝึกตน นั่นแย่ที่สุดแล้ว!”
“เฮ่ย! ใครก็พูดอะไรไม่ได้เรื่องนี้…”
วานรสามตาส่ายหน้า “ปราชญ์แห่งสมาพันธ์แห่งอาณาจักรนั้นเข้าครอบครองร่างมนุษย์เต๋าและยังครอบครองหม้อหลอมโอสถทั้งเก้า ดังนั้น พวกเราจึงกาลังขัดขืนกฎของอาณาจักรนี้ ไม่ว่าพวกเราจะทาอะไรล้วนมีผลตามมาและพลังชะตายังต่อต้านพวกเราด้วย!”
“นั้นก็ไม่ถูกต้องไปทั้งหมด!”
จิ้งจอกสามหางเริ่มส่งเสียงอย่างลึกลับ “หากปราชญ์สามารถครอบครองเต๋าแห่งฟ้าได้ เช่นนั้นพวกเราก็คงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ สมาพันธ์แห่งอาณาจักรเพียงครอบครองมนุษย์เต๋าส่วนใหญ่และกฎแห่งสวรรค์นั้นจดจาพวกเขาได้ ดังนั้น พวกเราก็ยังมีโอกาสของพวกเรา! ส่วนเรื่องพลังชะตาที่ขาดแคลน ตราบใดที่พวกเราฝึกฝนตนเองและแข็งแกร่งขึ้น พวกเราก็สามารถใช้ร่างเนื้อต่อต้านพลังชะตาได้!”
“ถูกต้อง…”
วานรสามตาเริ่มหัวเราะ “ในเมื่อตอนนี้สมาพันธ์แห่งอาณาจักรครอบครองมนุษย์เต๋า พวกเราก็ต้องสร้างภัยธรรมชาติและภัยพิบัติเพื่อทาลายรากฐานของพวกมัน!”
สัมปชัญญะของอาณาจักรนี้แยกได้เป็นสอง คือมนุษย์เต๋าและเต๋าแห่งฟ้า
ถึงแม้ว่ามนุษย์เต๋าจะสามารถตัดสินใจเองได้ แต่มันก็ยังคงต้องทาตามเต๋าแห่งฟ้าในระดับหนึ่ง
ปราชญ์แห่งสมาพันธ์แห่งอาณาจักรนั้นใช้ตัวตนในฐานะราชาแห่งเซี่ยสั่งสอนมนุษย์นับหลายพัน ดังนั้น เขาจึงครอบครองมนุษย์เต๋าส่วนใหญ่ มีเพียงการครอบครองถึงเพียงนั้นจึงได้มีอิทธิพลบางส่วนต่อเต๋าแห่งฟ้า
แต่ว่า เต๋าแห่งฟ้านั้นกว้างใหญ่! ดังนั้น ปราชญ์จึงยังไม่สามารถขัดขวางการเข้ามาสู่อาณาจักรนี้ของจ้าวแห่งฝันได้ทั้งหมด
หากมนุษย์เต๋าถูกทาลาย โดยเฉพาะเผ่าเซี่ย อย่างนั้นอิทธิพลของเขาย่อมลดลงกว่าครึ่ง
“หากปราชญ์ยังอยู่ที่นี่ เช่นนั้นพวกเราก็คงไม่กล้าหยั่งเท้าลงที่นี่ แต่ว่าเขาจากไปนานแล้ว ราชาแห่งเซี่ยตอนนี้ก็ไม่นับว่าเป็นกระไรได้และหัวหน้าของพวกเราก็จะรับมือกับเขาเอง…”
จิ้งจอกสามหางหัวเราะคิก “นอกจากนี้ หัวหน้าของพวกเรายังเริ่มลงมือแล้ว ต่อให้พวกเราแพ้ พวกเราก็ยังคงมีหน่วยสอดแนมอยู่ในหมู่พวกเขา หากพวกเราสามารถกาจัดเหล่ามนุษย์และส่งผลกระทบต่อเต๋าแห่งฟ้าได้จริง เจ้าคิดหรือว่าจะไม่มีผลตามมา?”
“ภารกิจของเราคืออะไร?”
วานรตัวนั้นพับขานั่งลงด้วยท่าทางแบบมนุษย์
“อย่างแรกเลย พวกเราต้องนาร่างของหัวหน้าทั้งสองที่ถูกผนึกเอาไว้นานแล้วออกมา!”
จิ้งจอกสามหางปล่อยลาแสงออกมาเส้นหนึ่งที่เปลี่ยนไปเป็นกรอบแสงขนาดใหญ่ฉายภาพภาพหนึ่ง
เป็นภาพของที่ใต้น้าแห่งหนึ่ง จากแสงสลัวที่แผ่ออกมาจากเงาดาร่างหนึ่ง พวกมันล้วนมองเห็นได้คร่าว ๆ ว่าเป็นวานรท่าทางดุร้ายดวงตาสีทอง หัวสีขาวตัวสีเขียว ตัวหนึ่ง มันมีกระดิ่งทองคาแขวนอยู่ที่จมูกและยังถูกโซ่เส้นหนาหนักพันรัดเอาไว้
“นี่เป็นร่างสุดท้ายที่หัวหน้าของพวกเราเข้าครอบครอง หลังจากแผนการหยุดยั้งเซี่ยของเขาล้มเหลว เขาก็ทาได้เพียงรักษาร่างนี้เอาไว้ ตอนนี้ เขาให้สิทธิ์พวกเราใช้มันได้ อย่างไรเสีย มันก็เป็นสิ่งที่จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง ต่อให้พวกเราอ่อนแอ พวกเราก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ในช่วงเวลาหนึ่ง!”
จิ้งจอกสามหางหัวเราะเสียงชั่วร้าย
“ยอดเยี่ยม… นี่มันยอดเยี่ยม!”
วานรตัวนั้นเริ่มเกาหูอย่างยินดี “นี่เป็นร่างของปิศาจที่ทรงพลังและดีกว่าร่างวานรนี้ของของข้ามา!”
“ข้าเสียใจด้วย มันไม่ได้มีไว้ให้เจ้า!”
จิ้งจอกสามหางส่ายหน้า “นี่เป็นภารกิจของข้า ภารกิจของเจ้าก็คือเข้าไปที่ภูเขาและค้นหาทายาทของเผ่าจิ่วลี่!”
“เจ้าหมายถึง… คนของอู่?”
ในตอนแรกเจ้าลิงดูจะไม่ค่อยเต็มใจนัก จากนั้นก็มีสีหน้ากังวล
“จริงแล้ว… อันที่จริงพวกเขาเป็นคนของอาณาจักรนี้ แต่ว่า เพราะปราชญ์ผู้นั้นถือกาเนิดและเปลี่ยนชะตาของอาณาจักร… คนของอู่ยังคงได้รับการปกป้องจากสวรรค์และดังนั้นจึงยังไม่สิ้นสูญ เพื่อสู้กับสมาพันธ์แห่งอาณาจักรในอาณาจักรนี้ พวกเราต้องใช้ชะตาของอู่!”
“ทายาทของแม่ทัพโบราณ นามฉือ?”
วานรหัวเราะ “มนตราแห่งเต๋านั้นเน้นไปที่เพิ่มความแข็งแกร่งทางกายของผู้ฝึกและควบคุมพลังปราณให้ปลดปล่อยพลังที่สามารถควบคุมธาตได้ แม่ทัพฉือนั้นสู้กับปราชญ์ ถึงแม้ว่าตอนนี้ปราชญ์จะยังไม่ใช่ปราชญ์ แต่มันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของเขา! ได้ ข้าจะไป!”
เขาก็ค่อนข้างสนใจในมนตราแห่งเต๋าอันประหลาดและลึกลับ
“เมื่อคิดถึงว่าพวกเรายังต้องเรียกหากาลังเสริม สมาพันธ์แห่งอาณาจักรก็ย่อมต้องทาเช่นเดียวกัน ระวังตัวด้วย…”
เสียงของจิ้งจอกสามหางยังดังมา แต่ทั้งคู่นั้นหายลับไปนานแล้ว
…
หัวหน้าเผ่าหยางออกมาส่งพวกเขาด้วยตนเอง “หยวน! เจ้าเป็นนักรบที่กล้าหาญที่สุดในเผ่าของเรา เจ้ารับใช้ราชาซีให้ดีที่สุด!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ฟางหยวนสะพายห่อผ้าเปลี่ยนดาบเล่มใหม่และให้คามั่นอย่างนอบน้อม
เซี่ยฉีนั้นใช้ข้ออ้างในการจัดการกับน้าให้เผ่าหยางส่งคนมาช่วยเหลือ แน่นอนว่าหยางย่อมไม่ปฏิเสธคาขอร้องนี้และส่งนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาสิบคนออกมา โดยมีฟางหยวนเป็นหัวหน้า
มีอีกอย่างหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือแม่นางเว่ยก็อยู่ในสิบคนที่ถูกส่งออกมาเช่นกัน
“เพื่อแก้ปัญหาน้าหลาก จุดสาคัญนั้นอยู่ที่การทาให้น้าในแม่น้าไหลได้อย่างราบรื่น ดังนั้น พวกเราจะต้องจัดการกับปิศาจเก่งกล้าที่อาศัยอยู่ในแม่น้า…”
เซี่ยฉีนั้นอธิบายให้พวกเขาฟังสั้นด้วย ๆ ทีท่านุ่มนวล
ฟางหยวนก็ทาเหมือนกาลังตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ แต่ว่าอันที่จริงแล้ว เขากาลังคิดถึงตัวเอง ‘ข้าจะ… ได้อะไรจากโลกนี้บ้างนะ?’
ถึงแม้ว่าสมาพันธ์แห่งอาณาจักรจะมีรางวัลภารกิจให้เขา ฟางหยวนก็ยังไม่ถูกล่อลวงด้วยแค่นั้น
ทุกอาณาจักรล้วนมีสมบัติล้าค่าของตนเอง! ถึงแม้ว่ามันจะถูกเก็บเกี่ยวไปก่อนแล้ว แต่ก็ยังพอมีให้ฟางหยวนหยิบฉวยได้บ้าง
‘สั่งสอนเหล่ามนุษย์เต๋าและขึ้นเป็นราชา… ปราชญ์ทาทั้งหมดนี้ไปแล้ว มันจึงไม่เข้าทีหากข้าจะทาซ้าเช่นนั้น และข้าก็จะโดดเด่นขึ้นมา! นั่นคือการรนหาที่ตาย! ข้าต้องคิดเรื่องนี้ให้ดี!’
‘นอกจากนี้ อาณาจักรนี้ยังมีระบบการฝึกตนที่จาเพาะ ข้าสามารถใช้จุดนี้ได้! แล้วก็ ข้ายังสามารถสร้างสิ่งของได้จากอาณาจักรนี้…’
สมาพันธ์แห่งอาณาจักรนั้นทาการค้นคว้าเกี่ยวกับอาณาจักรนี้ไว้มากพอ
‘สิ่งสุดท้ายน่าจะเป็นจิตวิญญาณและสายเลือด…’
อาณาจักนี้ยังคงเก่าแก่และเทพเซียนอาจจะยังอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ แม้แต่ในร่างกายคนธรรมดาที่สุดผู้หนึ่งก็อาจจะมีสายเลือดของสัตว์ร้ายลึกลับหรือเทพเซียน ซึ่งทาให้ร่างกายของคนผู้นั้นแข็งแกร่งขึ้นหรือว่าปลุกความสามารถพิเศษที่พวกเขามีขึ้นมา พวกเขายังอาจจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกซึ่งเป็นความสามารถอันมีประโยชน์เป็นที่สุด
ด้วยการค้นคว้าของสมาพันธ์แห่งอาณาจักร พวกเขาพบว่าพลังจากสายเลือดนั้นสามารถกลั่นให้บริสุทธิ์และนาเข้าสู่โลกแห่งความฝันอันแท้จริงได้ นี่ยังอาจจะเป็นไปได้กับจิตวิญญาณของปิศาจอันทรงพลังระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน!
“แน่นอนว่า… นี่เป็นวัฏจักรของเต๋าแห่งฟ้าและยังน่าจะมีกรรมสนอง… เพื่อให้ข้าสามารถนาบางอย่างไปจากโลกนี้ได้ ข้าย่อมต้องทาบางอย่างลงไป นี่คือความหมายที่แท้จริงของกรรม!”
ถึงแม้ว่าโลกนี้จะไม่ได้ตั้งขึ้นบนพื้นฐานของกรรมและยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากกรรมของมนุษย์เต๋าและเต๋าแห่งฟ้าได้โดยตรง แต่ผลโดยอ้อมก็ยังคงเห็นได้จากการกระทาของคนผู้นั้นอยู่ดี
“แล้ว… ต่อให้สัมปชัญญะของอาณาจักรนี้จะยังไม่ตื่นขึ้นมา มันก็ยังสามารถควบคุมอาณาจักรนี้เอาไว้ได้ และยังไม่อนุญาตให้จ้าวแห่งฝันจาก
ที่ใดไม่รู้เข้ามาและฉวยเอาสมบัติล้าค่าไปจากมันได้… นี่จะต่างจากการเป็นโจรที่ตรงใด? ย่อมต้องมีภัยพิบัติเกิดขึ้นแน่นอน!”
“ดังนั้น หากข้าต้องการได้รับสมบัติใด ข้าต้องหาตาแหน่งแห่งที่อันได้เปรียบและรับการปกป้องจากสวรรค์ จากนั้น ข้าจะแลกเปลี่ยนสมบัตินั่นกับการร่วมมือของข้าในอาณาจักรนี้… แน่นอนว่า ข้าอาจจะลองฉวยมันไปดื้อ ๆ ด้วยกาลังก็ได้ แต่ไม่ว่าข้าจะสาเร็จหรือไม่นั้นขึ้นกับความสามารถของข้าและโชค หากข้าโชคไม่ดี ข้าย่อมต้องรับสายฟ้าจากทัณฑ์สวรรค์และจิตวิญญาณของข้าอาจจะถูกทาลายไปก็ได้!”
กระทั่งปราชญ์ยังไม่สามารถแข็งแกร่งกว่าทั้งโลกได้ หากเขาต่อต้านอาณาจักรนี้ เขาย่อมต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
“ทาตามเต๋าแห่งฟ้าและคอยสังเกตการณ์ นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ปราชญ์ผู้นั้นทา…”
ฟางหยวนพึมพากับตัวเองก่อนจะส่งข้อความหากเซี่ยฉี “ระบบพลังของอาณาจักรนี้เป็นอย่างไร?”
“ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง!”
ดวงตาของเซี่ยฉีดูเคร่งขรึม “เจ้าก็รู้สึกเหมือนกันใช่หรือไม่? คุณภาพร่างกายของพวกเราที่นี่นั้นดีกว่าร่างจริงของพวกเราที่ต้าเฉียน… ในหมู่มนุษย์ที่นี่ ยังมีพลังรูปแบบอื่นเรียกว่า ‘มนตรา’ มันเป็นวิธีการนาเอาศักยภาพสูงสุดในร่างของคนผู้หนึ่งออกมาและเผยสายเลือดของผู้นั้น
ตัวอย่างผู้ที่ทาสาเร็จก็คือแม่ทัพฉือ เขาสามารถประมือกับปราชญ์ของเราได้และยังมีชีวิตอยู่ได้โดยไร้หัวถึงเจ็ดวัน!”
“นอกจากนั้น ยังมีปิศาจหลายตน จิตวิญญาณใด ๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นปิศาจได้และพลังยังเหนือกว่าธรรมดา และยังมีสมบัติวิเศษจานวนมากกระจัดกระจายทั่วไปในอาณาจักร และทั้งหมดยังสามารถนาออกไปจากโลกนี้ได้!”
“ส่วนเซียนเต๋านั้น ถึงแม้ว่าผู้คนที่นี่จะเชื่อในเทพเซียน แต่พวกเขากลับไม่เคยพบเจอ ดังนั้น นี่น่าจะเป็นผลจากเต๋าแห่งฟ้า…”
“มนตรา? ดึงเอาศักยภาพสูงสุดของคนผู้หนึ่งออกมา? พลังแห่งสายเลือด?”
ฟางหยวนนิ่งไปอย่างสงสัย
เขาเองก็มีเคล็ดวิชาฝึกฝนร่างกายอยู่แล้วดังนั้นเขาน่าจะได้ประโยชน์จากทั้งสองทาง
แน่นอนว่า ที่สาคัญไปกว่านั้น เขายังอยู่ในโลกอื่นตอนนี้และต้องทาตามกฎของโลกอื่น
“ใครจะรู้… ข้าอาจจะสามารถค้นคว้าหาพลังของมนตราให้ตัวเองได้!”
มองไปที่กลุ่มคนที่รุดหน้าไป ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“ฉี! นี่คือกระดองเต่าพยากรณ์!”
ทันใดนั้น ทั้งกลุ่มก็หยุดเดิน คนจากเผ่าเซี่ยรีบพุ่งเข้ามาหาพวกเขาและยื่นกระดองเต่าหนึ่งออกมา “คนในเผ่าเผากระดองเต่านี้และทานายว่าจะมีคนทาลายผนึกของอู่จือฉีที่ทางใต้ เขาปลดปล่อยปิศาจและราชาซียังสั่งให้พวกท่านทั้งหมดเปลี่ยนแผนการเดินทางไปหยุดมันเอาไว้!”
“เข้าใจแล้ว!”
เซี่ยฉีรับกระดองเต่าพยากรณ์มา มันมีรอยไหม้ เผยให้เห็นรอยแตกบนกระดอง
ผู้คนที่นี่ทานายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยวิธีนี้และยังบันทึกสิ่งที่เห็นเอาไว้บนกระดองเต่าพยากรณ์
‘นี่มันอะไรกัน…’
เห็นภาพนี้ฟางหยวนก็อึ้งไป ‘ไม่ใช่ว่านี่เป็นเพียงข้อมูลภายในจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรว่าองครักษ์มังกรซ่อนอยู่ที่นี่หรอกหรือ? ทาไมพวกเขาถึงต้องส่งข้อมูลให้พวกเราด้วยวิธีการประหลาดอย่างนี้?’
และก็จริง ครู่ต่อมา เสียงของเซี่ยฉีก็ดังมา ‘พวกเรามีปัญหาแล้ว องครักษ์มังกรซ่อนปลดผนึกร่างของอู่จือฉี ในร่างนั่นมีพลังของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดและยังร้ายกาจมาก… จากหน่วยสอดแนม พวกเรายืนยันตาแหน่งของร่างนั่นได้ว่าอยู่ที่ภูเขาหลังเต่าแม่น้าฮวย ต้องรีบไปหยุดพวกเขาเอาไว้!’