348: ขัดแย้ง
ท้องฟ้ามืดแล้ว
นักรบของเผ่าเซี่ยและหยางสนุกสนานไปกับมื้ออาหาร ยิ่งมีแม่นางน้อยงดงามหลายคนเป็นเพื่อนดื่มกิน ไม่ช้าพวกเขาก็หลับสนิทไป
ดาวเริ่มส่องประกายไปทั่วภูเขา
ท่ามกลางความเงียบ กระท่อมหลังหนึ่งในเผ่าฉางจ้างยังไม่ดับไฟ
“ลู่แห่งเผ่าโต่วหลูและคังจากเผ่าลี่โหลว! ข้าดีใจที่เห็นพวกท่านหัวหน้าเผ่าทั้งสอง!”
จ้างยิ้มดวงตาเป็นประกาย
“ผู้ส่งสารของเซี่ยนั้นกาลังจะเปิดเผยความลับของพวกเราออกมาแล้ว พวกเราจะไม่มาได้อย่างไร?”
ลู่นั้นมีรูปร่างท้วม หนวดบาง ๆ อยู่เหนือริมฝีปาก ในสภาพแวดล้อมอันกันดารเช่นนี้ มีเพียงเหล่าผู้มีอานาจที่จะมีความสามารถได้กินอยู่หรูหราจนมีรูปร่างอวบอ้วน
“ข้ายังนานักรบชั้นเยี่ยมของข้ามาด้วยครานี้!”
คังแห่งลี่โหลวหัวเราะ “เผ่าเซี่ยนับว่าล่วงเกินพวกเราแล้วที่มีความมุ่งหมายจะสังหารเทพวารีของพวกเรา เทพวารีย่อมไม่ปล่อยเขาเอาไว้…”
“ทั้งหมดนี้ล้วนเพื่อเทพวารี!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความขัดแย้งกันหลายครั้ง แต่ที่สุดแล้วหัวหน้าเผ่าทั้งสามก็ยังร่วมมือกันสู้กับศัตรูภายนอก “พวกเราต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องผืนดินอุดมแห่งนี้ที่เทพวารีมอบให้พวกเรา ต่อให้นี่หมายถึงต้องขัดแย้งกับเผ่าเซี่ยก็ตาม!”
“สู้! สู้!”
เมื่อหัวหน้าเผ่าทั้งสามเดินออกไป ก็มองเห็นนักรบยืนเรียงแถวเป็นระเบียบอยู่ภายใต้แสงจันทร์ พวกเขาทั้งหมดล้วนสะพายมีดสั้นสีทองแดงและศรที่แกะขึ้นจากกระดูก ดวงตาล้วนเต็มไปด้วยความกระหายการต่อสู้
“นักรบของเผ่าเซี่ยนั้นเมามายไปเกือบหมดแล้ว นี่ย่อมง่ายดายราวกับฆ่าสุกร!”
ในฐานะผู้นา จ้างหยิบมีดสีทองแดงขึ้นมาให้ตนเองด้วยเช่นกัน “การสังหารพวกมันทั้งหมดนั้นเป็นงานง่าย ๆ!”
“ถูกต้อง! ไปกันเถอะ!”
คังและลู่ก็หัวเราะเช่นกันขณะหยิบอาวุธของตนขึ้นมา
การจะเป็นหัวหน้าคนอื่นได้นั้น พวกเขาย่อมต้องมีสติปัญญาและความสามารถในการต่อสู้ และกล้าที่จะลงมือสังหารในช่วงเวลาแห่งสงคราม!
กระทั่งลู่ยังบังคับให้ตนเองต้องเป็นเช่นนี้
ไม่อย่างนั้น คนของเขาจะยินยอมเชื่อฟังให้เขานาผู้คนเอาชีวิตรอดอยู่ในโลกอันโหดร้ายใบนี้ได้อย่างไร?
“อืม… พวกเขาสามารถมีชีวิตต่อไปได้ เหตุใดจึงรนหาที่ตายกันนะ?”
ถึงตอนนี้ ก็มีคนสองคนเดินออกมาจากในเงา
เซี่ยฉีกวัดแกว่งหอกยาวและถอนหายใจ
“เป็นเขา!”
จ้างเพิ่งมองเซี่ยฉีและอุทานเสียงดัง “เขาก็คือผู้ส่งสารของเซี่ย สังหารเขาเสีย!”
ไม่ว่าแผนการของพวกเขาจะถูกเผยออกไปหรือไม่ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงมือโจมตี
“ฆ่า!”
ในตอนนี้ นักรบระดับสูงสามคนล้อมอยู่รอบตัวเซี่ยฉี พวกเขาดูราวกับเสือและเสือดาวดุร้าย พวกเขาคารามและเข้ามาใกล้มากขึ้น
“ฮ่าฮ่า… ข้าเป็นสมาชิกระดับสูงของเผ่าเซี่ยและยังมีสายเลือดของเทพเซียนในร่าง พวกเจ้าไม่กี่คนนี้จะเป็นคู่มือข้าได้อย่างไร?”
เซี่ยฉีหัวเราะ ขณะตวัดหอกออกไป เขาลงมือสังหาร
“ฝุบ! ฝุบ!”
เมื่อหอกปะทะกับมีดสีทองแดงก็เกิดประกายไฟและนักรบคนหนึ่งก็ปลิวถอยหลังไป เลือดสาดกระจาย
‘นี่เป็น… การแสดง?’
เห็นการแสดงของเซี่ยฉีต่อสมาชิกระดับทั่วไปในเผ่าแล้วเขาก็พูดไม่ออกก่อนที่จะค่อยเข้าใจ ‘อยู่ในอาณาจักรอื่น พวกเราย่อมต้องทาตามกฎแห่งอาณาจักรนั้น ๆ สาหรับคนอื่นแล้ว เซี่ยฉีนั้นเป็นเพียงผู้ส่งสารคนหนึ่ง เขาย่อมต้องอธิบายถึงพลังของเขาหากเขาเผยตัวตนที่แท้จริงออกไปโดยวู่วามและใช้พลังของจ้าวแห่งฝัน อาณาจักรย่อมสังเกตเห็นได้และลงมือต่อต้านเขา!’
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ฟางหยวนก็ยั้งมือ
หากจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาผู้มากประสบการณ์ยังต้องระมัดระวังถึงเพียงนี้ ถึงแม้ฟางหยวนจะเรียกคืนพลังทั้งหมดมาได้แล้ว เขาจะผยองนักได้อย่างไร?
“อ้ะ… อวี้สีอยู่ที่ใด?”
เห็นภาพตรงหน้าแล้วลู่ก็คารามขณะที่นักรบอีกคนพุ่งไปหาเซี่ยฉี
เซี่ยฉียกหอกขึ้นรับ อวี้สีไม่หลบแต่กลับหยั่งเท้ามั่น
“เคล้ง!”
เมื่อหอกยาวแทงเข้าไปในร่างอวี้สีก็มีเสียงโลหะกระทบกันดังออกมา หอกเริ่มงอก่อนจะหักไป
“แทงไม่เข้า? ความสามารถในการเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยมนตรา? เจ้าเป็นพ่อมด?!”
เซี่ยฉีอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะมองไปทางลู่และคัง “เป็นอีกหนึ่งความผิดที่พวกเจ้าร่วมมือกับพ่อมดหมอผี!”
“หึ! กฏของเซี่ยใช้กับพวกเราไม่ได้!”
เห็นดังนี้แล้วคังก็ชายตามองและปรบมือเช่นกัน นักบวชสองคนเดินออกมา อักขระสีเขียวและเหลืองเริ่มส่องประกายทั่วร่างของพวกเขา
“ครืน!”
พื้นดินสั่นสะเทือน กาแพงดินผุดขึ้นมา
ตามมาด้วยเถาวัลย์ที่มีหนามสีดาก็ผุดขึ้นจากพื้น ราวกับงูยักษ์ เถาวัลย์เหล่านั้นพุ่งเข้าใส่เซี่ยฉี
“เคล็ดสวรรค์? เคล็ดวิชาจากสายเลือด?”
เซี่ยฉีกวัดแกว่งมีดสั้นสีทองแดงปกป้องตนเอง “หยวน ลงมือ!”
“ฆ่า!”
ฟางหยวนคาราม ขณะที่เขาลงมือสังหาร เขาคว้านักรบผู้หนึ่งด้วยมือขวาและใช้เขาเป็นค้อนมนุษย์ เหวี่ยงเขาไปรอบ ๆ มีเสียงกรีดร้องดังมาจากนับรบอีกหลายคน
“จ้าง… เจ้าหนีไม่พ้น!”
เมื่อเขาระบุตาแหน่งของหัวหน้าทั้งสามได้ ฟางหยวนก็พุ่งไปทางพวกเขา
“เหตุใดจึงยังมีอีกคนเล่า?”
เห็นฟางหยวนใช้นักรบหลายคนนั้นเป็นค้อนและโล่มนุษย์และยังสังหารเหล่าทหารราวกับหนึ่งคนเป็นกองทัพทหารนับพัน และพวกเขาทั้งสามคนก็อึ้งและนิ่งขึงไปด้วยความกลัว
คนเช่นใดกันที่เทียบเท่าได้กับกองทัพทหารหมื่นนาย มันหาได้ยากยิ่งนักและมีมักจะมีอยู่เพียงผู้เดียวในเผ่าใหญ่ ๆ ส่วนมากแล้วก็มักจะเป็นระดับหัวหน้าเผ่า!
ในคนกลุ่มเล็ก ๆ มันนับว่าไม่ปกติเป็นที่สุดที่มีคนถึงสองคนมีพลังมากถึงเพียงนี้
“เผ่าเซี่ยคงรู้แล้วว่าเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลและได้ส่งกองทัพของพวกเขามาที่นี่แล้วใช่หรือไม่?”
คังร้องออกมา
“คิดได้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว… หัวหน้านักบวช!”
จ้างเหลือบมองฟางหยวนและเซี่ยฉีแล้วก็กดดัน
“หัวหน้าเผ่า… ด้วยกาลังรบของเราในตอนนี้พวกเราสามารถรับมือกับพวกเขาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น!”
หัวหน้านักบวชของฉางจ้างนั้นมีผมขาวและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น บนศีรษะแทบจะไร้ผมและมือยังแห้งเหี่ยวราวกับขาไก่ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่จนอายุเกือบแปดสิบปีได้
“เช่นนั้นก็คนผู้นั้น!”
จ้างชี้ไปที่ฟางหยวน
“คิคิ…”
หัวหน้านักบวชหัวเราะประหลาด เผยให้เห็นฟันที่ไม่น่าดูของตน ขณะที่เขาดึงเอาหุ่นฟางตัวหนึ่งออกมา เขาก็หันไปเผชิญหน้ากับฟางหยวนแล้วเริ่มพึมพามนตรา
หมอกสีดาปรากฏขึ้นแล้วเข้าไปล้อมอยู่รอบหุ่นฟางตัวนั้น หุ่นฟางเริ่มเปลี่ยนแปลงและรูปลักษณ์ของมันยิ่งมาก็ยิ่งคล้ายฟางหยวน
‘เอ๋? นี่คือ… ขโมยพลังวิญญาณของข้า? เป็นหนึ่งในคาสาปของพวกพ่อมดหมอผีงั้นรึ? น่าสนใจนัก!’
ฟางหยวนเริ่มออกกระบวนท่าช้าลงอย่างจงใจเพื่อเปิดโอกาสให้นักบวชนั่นร่ายมนตรา จู่ ๆ นักบวชผู้นั้นก็เริ่มสะบัดแขนขา เขาอ้าปากออก ลาแสงสีขาวพุ่งออกมาแล้วตกกระทบลงที่เงาของฟางหยวน
‘เคล็ดเงาทราย?’
ฟางหยวนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย จู่ ๆ ร่างของเขาก็แข็งทื่อ
“สังหารเขาเสีย!”
นักรบที่รอบ ๆ มีกาลังใจขึ้นมาขณะเข้าไปล้อมฟางหยวนเอาไว้
“พวกเจ้าทั้งหมดรนหาที่ตายแล้ว!”
พร้อมกับเสียงหัวเราะ เปลวไฟเริ่มลามไปบนดาบทองแดงของฟางหยวน เพียงตวัดดาบไม่กี่ครั้ง นักรบทั้งหกคนก็นอนทอดร่างบนพื้นไปแล้ว
“คนผู้นี้… แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
หัวหน้านักบวชร้องเสียงแหลม เขาดึงเอาตะปูเหล็กตัวหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว กัดลิ้นตัวเองแล้วละเลงเลือดไปบนตะปูนั่นก่อนจะปักตะปูลงที่หุ่นฟาง
“ซ่า! ซ่า!”
ที่กลางอากาศ มีพลังอันแข็งกล้าและมองไม่เห็นมุ่งเป้าไปทางฟางหยวน ยิงไปที่หน้าผากของเขา
ที่ด้านนอกโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของเขา
อักขระเวทย์สีดาเริ่มปรากฏขึ้นที่กลางอากาศและเริ่มพยายามเข้าสู่โลกแห่งความฝันอันแท้จริง
ค่ายกลดาบแปดประตูสั่น พลังของสายลม สายฟ้า น้าและไฟกวาดผ่านทั่วโลกแห่งความฝันอันแท้จริง ทาลายอักขระเวทย์สีดาไปอย่างหมดจด
‘นี่คืออะไร? มนตราเจ็ดศรกรงเล็บกระดูก? น่าเสียดาย… รัศมีพลังที่แท้จริงของจ้าวแห่งฝันนั้นอยู่ภายในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงและยังอยู่ภายใต้การปกป้องแน่นหนา…’
ฟางหยวนหัวเราะขณะมองไปที่หัวหน้านักบวช
“อ้ะ… เจ้าไม่เป็นอันใดเลย?”
หัวหน้านักบวชตกตะลึง ภายในไม่กี่วินาที หุ่นฟางในมือของเขาก็เริ่มไหม้และสลายไปเป็นเถ้า
จากกองเถ้า หมอกสีดาปรากฏขึ้นก่อตัวเป็นใบหน้าเกรี้ยวกราด ใบหน้านั่นกรีดร้องขณะพุ่งเข้าใส่หัวหน้านักบวชผู้นั้น
“อ๊ากกก!”
หัวหน้านักบวชกรีดร้องอย่างน่ากลัว เขามีสีหน้าตกตะลึงและเริ่มยกมือขึ้นมาข่วนหน้าตัวเองจนเหวอะหวะเลือดไหลโซม ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็กระอักเลือดออกมาเป็นฟูฝอยและล้มลงพื้น ตายตกไป
“หัวหน้านักบวช…”
ใบหน้าของจ้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หัวหน้านักบวชที่มีมนตรากลับตายตกลงไปเช่นนี้ได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังเป็นการตายตกอย่างน่าสยดสยอง!
เห็นภาพนี้แล้ว ถึงแม้จ้างจะเคยเห็นเหตุการณ์น่าสยองมาก่อนเขาก็ยังคงรู้สึกเย็นวาบไปตามสันหลัง
“พวกเรา…ถอยก่อนดีกว่า!”
เห็นความเหี้ยมโหดของฟางหยวนแล้ว จ้างและหัวหน้าเผ่าคนอื่น ๆ ก็ล้วนอยากถอยหนี
‘เขาถูกสังหารจากผลสะท้อนที่พยายามล่วงเข้าสู่โลกแห่งความฝันอันแท้จริงของข้า? น่าเบื่อเสียจริง!’
เห็นดังนี้ดวงตาของฟางหยวนก็เป็นประกายขณะผิวของเขาเปลี่ยนไปมีประกายของโลหะแฝงอยู่
จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาหัวหน้าเผ่าทั้งสามโดยไม่สนใจอาวุธที่รอบตัว “อย่าได้คิดหนี!”
“เคล้ง! เคล้ง!”
เมื่อศรกระดูกและมีดทองแดงกระทบกับผิวของเขาก็เกิดเสียงเคล้งคล้ายกับตัวเขาสร้างขึ้นจากโลหะ
“เจ้าก็เป็นพ่อมดเช่นกันรึ?”
จ้างร้องออกมาขณะเขาตวัดดาบออกโจมตี
ฟางหยวนคว้าดาบเอาไว้ด้วยมือขวาและบิดมันหักอย่างง่ายดาย เขาเหวี่ยงมือออกง่าย ๆ แล้วจ้างก็ล้มลงพื้น
“อึ้ก… ไม่ลงมือก็มีแต่ตายแล้ว!”
ลู่และคังสบตากันขณะหยิบอาวุธออกมา แต่ว่า สาหรับฟางหยวน พวกเขาทาได้แค่ก่อความวุ่นวายและยังพ่ายแพ้ต่อฟางหยวนไปในแบบเดียวกัน
“หัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าอยู่ในมือข้าแล้ว ยอมแพ้ซะ!”
ฟางหยวนพาดดาบทองแดงไว้ที่คอของพวกเขาขณะตะโกนเสียงดัง
“ฮ่าฮ่า… ตายซะ!”
ที่ด้านข้าง เซี่ยฉีนั้นก็ทะลวงออกจากฝูงคนมาได้และสังหารพ่อมดหมอผีอีกสองคนที่กาลังร่างมนตรา เขาแย่งดาบทองแดงจากหนึ่งในนักรบผู้นั้นมา ตัดแขนขวาของอวี้สีทิ้ง
เห็นนักรบที่มีพลังสูงที่สุดของตนพ่ายแพ้แล้วและหัวหน้าเผ่ายังถูกจับตัวเอาไว้ นักรบที่เหลือมองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อ หนึ่งในนั้นทิ้งอาวุธของตนและหอกสีทองแดงของเขาก็หล่นลงพื้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
ความวุ่นวายนั้นแทบจะปลุกทั้งเผ่าขึ้นมา เว่ยนากลุ่มนักรบอาวุธครบมือพุุ่งเข้ามา
“จ้าง ลู่ คัง… หัวหน้าเผ่าทั้งสามนั้นกระทาผิดข้อตกลงร่วมของกลุ่มพันธมิตรและยังร่วมมือกับเหล่าปิศาจ!”
เซี่ยฉียกดาบทองแดงของเขาขึ้นสูงแล้วคารามออกมา
“สังหารพวกมัน!”
“สังหารพวกมัน!”
นักรบของเซี่ยพบว่าพวกตนนั้นถูกหลอกตั้งแต่ต้น ด้วยความอับอายและโกรธเคือง พวกเขาตะโกนซ้า ๆ เสียงดังลั่น
“เป็นไปไม่ได้… บิดาของข้าไม่ทาเรื่องเช่นนั้น…”
ในฝูงชน มีเสียงร้องอย่างเศร้าโศกจากชายหนุ่มผู้หนึ่ง
‘บัดซบ! พวกมันคิดว่าเหตุใดพวกเราจึงสังหารพวกมันได้โดยง่ายกันเล่า นี่ไม่ใช่แค่การรนหาที่ตาย… พวกมันช่างงี่เง่า!’
เซี่ยฉีส่งข้อความให้ฟางหยวนลับ ๆ ‘ท่านทาได้ดีทีเดียวที่ใช้ความสามารถบางอย่างและใช้อย่างไม่เปิดเผย จาเอาไว้ว่าอย่างมากท่านเพียงสามารถใช้วิทยายุทธ์ อย่าได้เปิดเผยตนเองมากเกินไป…’