Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 349

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 349

349: เนตรเพลิง
“อู่จือฉีนั้นเป็นปิศาจวารี! มันทาให้เกิดน้าท่วมในเก้าแคว้นและยังทาให้พวกเราต้องประสบหายนะ!”
เซี่ยฉีคารามขณะให้สัญญาณเว่ยและนักรบที่เหลือมัดหัวหน้าเผ่าทั้งสามเอาไว้ เขามองไปที่ฟาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ฟา! ข้าเชื่อว่าบิดาของเจ้านั้นถูกชักนาไปในทางที่ผิด…”
“ใช่แน่ขอรับ!”
ชายหนุ่มมีหัวใจอันบริสุทธิ์และยังไม่สามารถลงมือทาเรื่องชั่วร้ายได้ นี่เป็นเหตุให้บิดาของเขานั้นไม่อนุญาตให้เขาเข้าร่วมในกระบวนการตัดสินใจ
ฟาพยักหน้าให้อย่างไม่รั้งรอเมื่อคิดว่าเซี่ยฉีจะยินดีไว้ชีวิตบิดาของเขา
“บิดาของข้าต้องถูกปิศาจวารีผู้นั้นชักนาไปเป็นแน่!!”
“อืม ดีมาก!”
เซี่ยฉียิ้ม “ดังนั้น… เจ้าต้องพิสูจน์ความภักดีของเจ้าต่อหน้าคนของพวกเจ้า ฟา! เจ้ายินดีนานักรบของพวกเราไปจัดการกับปิศาจวารีหรือไม่?”
มันฟังเหมือนกับว่าเซี่ยฉีนั้นกาลังล่อลวงฟาอยู่
“ตราบใดที่เจ้าสามารถทาได้สาเร็จ ข้าไม่เพียงสามารถปล่อยตัวบิดาของเจ้า ข้ายังแน่ใจด้วยว่าเผ่าเซี่ยจะสนับสนุนเจ้าขึ้นรับตาแหน่งหัวหน้าเผ่าด้วย!”
ในตอนนี้ หัวหน้าของเผ่านั้นแต่งตั้งโดยหัวหน้าเผ่าคนก่อนและเป็นวัฏจักรวนไปเช่นนั้น
แน่นอนว่า ในเผ่าเซี่ย ก็ยังมีระบบที่บิดาสามารถส่งต่อตาแหน่งหัวหน้าให้บุตรชายสืบทอดได้ ดังนั้น ผู้คนจึงมักนับเผ่าเซี่ยเป็นประเทศเซี่ย
แต่ว่า ในบรรดาเผ่าบนเทือกเขาหลังเต่านี้ พวกเขายังเลือกหัวหน้าเผ่าผ่านการแต่งตั้งโดยหัวหน้าเผ่าคนก่อน
ทันทีที่ฟาได้ยินที่เซี่ยฉีพูด ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
“ท่านผู้ส่งสารผู้ทรงเกียรติจากเซี่ย ข้ายินดีช่วยเหลือท่านจัดการกับปิศาจวารีเพื่อยืนยันความจงรักภักดีของข้าต่อคนของข้า!”
ขณะที่เขาคุกเข่าลง เขาก็วางดาบทองแดงในมือลง
“ไม่…”
จ้างต้องการพูดบางอย่างแต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูด ฟางหยวนก็ตรงไปทางพวกเขาแล้วยัดเศษผ้าปั้นเป็นก้อนเข้าไปในปากพวกเขาให้เขาเงียบเสียงลง
“พวกเรายินดีติดตามท่าน หัวหน้าเผ่าน้อย!”
นักรบของเผ่าฉางจ้างมองหน้ากัน แต่ว่า เมื่อเห็นหัวหน้าเผ่าของตนถูกจับได้ พวกเขาย่อมทาตามที่สมควร พวกเขาคุกเข่าลงและมอบอาวุธของตนออกไปเป็นสัญลักษณ์ของการยินดีติดตาม
“เอาละ!”
เซี่ยฉีหัวเราะ “เช่นเดียวกันกับเผ่าโต่วหลูและลี่โหลว หยวน! นานักรบเหล่านี้ไปกับฟา และให้พวกเขารู้ความสามารถของพวกเรา! หากพวกเขายอมจานน เช่นนั้นก็ให้พวกเขาติดตามพวกเราไปได้!”
“ขอรับ!”
ฟางหยวนรับคา และเขาก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
การจับตัวหัวหน้านั้นเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการโน้มน้าวนักรบที่เหลือให้ยินยอมติดตามพวกเขา
พวกเขายังคงอ่อนแอเกินไปที่จะเผชิญหน้ากับปิศาจวารี นอกจากนี้ นักรบเหล่านี้ยังอาจจะขัดขืนพวกเขาได้หากหัวหน้าเผ่าคนใดสามารถหนีรอดไปได้ ดังนั้นพวกเขาจาต้องลงมือทันทีและจัดการกับอีกสองเผ่าในขณะที่เสริมสร้างความขัดแย้งระหว่างแต่ละเผ่าเหล่านี้บนเทือกเขาหลังเต่าไปด้วยในเวลาเดียวกัน หลังจากนี้พวกเขาย่อมได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ!
ตราบใดที่พวกเขาทาได้สาเร็จโดยเร็ว ต่อให้หัวหน้าของทั้งสามเผ่าหนีรอดไปได้ พวกมันก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้แล้ว
ได้ยินดังนี้ลู่และคังก็ยิ่งดูสิ้นหวัง พวกเขาส่งเสียงพึมพาแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
อย่างไรเสียพวกเขาก็นาเหล่าทหารชั้นเยี่ยมมาด้วยหมดแล้ว เผ่าของพวกเขาตอนนี้ไร้การป้องกันและหากพวกเขาถูกกวาดล้าง ก็ย่อมต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
‘กลยุทธ์นี้มีแต่จ้าวแห่งฝันจากโลกภายนอกเท่านั้นที่คิดได้ คนที่นี่เหล่านี้นั้นมีจิตใจไม่ซับซ้อนและข้าเกรงว่าพวกเขาคงต้องโชคร้ายแล้ว!’
เซี่ยฉียังอยู่ที่เผ่าฉางจ้างเพื่อคอยระวังอยู่ข้าง ๆ หัวหน้าเผ่าที่ถูกจับเอาไว้ขณะที่ฟางหยวนเริ่มเคลื่อนย้ายกาลังคนที่เขาเตรียมเอาไว้เพื่อโจมตี เขาถอนหายใจเงียบ ๆ กับตัวเอง “แค่พริบตาเดียว ทหารนับหมื่นก็หยุดพวกเราเอาไว้ไม่ได้และยังกลายมาเป็นมือเท้าให้พวกเรา พวกเราควบคุมทุกอย่างได้จริง ๆ นั่นแหละ!’
“หยวน หากพวกเราสามารถจัดการกับอีกสองเผ่าได้แล้ว จาไว้ว่าให้แบ่งปันสิ่งที่ฉวยมาได้กับเผ่าหยางด้วย!”
เว่ยแบกธนูคันใหญ่ไว้บนหลังดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้นทาให้ฟางหยวนพูดไม่ออก
แม่นางน้อยผู้เคร่งขรึมที่มีเขียนไว้ในตาราอยู่ที่ใดกัน?

พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
เผ่าฉางจ้างนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
นักรบหลายกลุ่มเดินไปตามถนนและใบมีดของพวกเขายังคงมีคราบเลือดติดอยู่ พวกเขาหิ้วหัวที่ตัดมาได้เอาไว้ข้างตัวเป็นหลักฐานความพยายามของพวกตน
ที่ด้านหลัง เป็นผู้หญิงหลายคนถูกเชือกหญ้าถักมัดเอาไว้ และยังมีเนื้อสัตว์และไหที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย เหล่านี้ล้วนเป็นของมีค่าที่พวกเขาหยิบฉวยมาได้
นี่เป็นเรื่องปกติของอาณาจักรนี้ที่จะโจมตีเผ่าอื่นและลักพาตัวคนเผ่านั้น ๆ มา ปกติถึงขนาดที่เหล่าหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวมานั้นเชื่อฟังผู้ที่ลักพาตัวพวกนางมาเหมือนเคยชินกับเรื่องเช่นนี้แล้ว
“ผู้ส่งสาร ครั้งนี้พวกเรากาจัดเผ่าโต่วหลูและลี่โหลวเรียบร้อยแล้ว มันเป็นชัยชนะเบ็ดเสร็จและพวกเรายังสังหารพวกมันไปกว่าหนึ่งร้อยคน พากลับมาอีกกว่าพันคน และยังเผาบ้านของพวกมันเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว!”
ต่อหน้าผู้อื่น ฟางหยวนทาตัวปกติและรายงานต่อเซี่ยฉีอย่างนอบน้อม
“ดีมาก เอารางวัลไปแบ่งให้คนของพวกเรา ปันส่วนผู้หญิงและเสบียงอาหาร!”
ฐานของศัตรูนั้นค่อนข้างว่างเปล่า ในขณะที่กองกาลังจู่โจมนั้นประกอบด้วยนับรบระดับสูงและยังนาไปโดยจ้าวแห่งฝันผู้หนึ่ง ย่อมไม่มีสิ่งที่เรียกว่าภารกิจล้มเหลว และดังนั้น เซี่ยฉีจึงตัดสินใจ “แล้วก็ให้นักรบเหล่านั้นที่ว่าง่ายเข้าร่วมกับพวกเรา ส่งผู้ส่งสารออกไปแจ้งเผ่าอื่น ๆ บน
เทือกเขาหลังเต่านี้… เช่นนี้ เผ่าเล็ก ๆ อื่น ๆ ย่อมไม่กล้ารุกรานมา! จากนั้นพวกเรายังสามารถให้คนนับหมื่นช่วยกันค้นไปตามแม่น้าฮุยและระบุตาแหน่งของอู่จือฉีได้!”
“นั่นฟังดูดีทีเดียว!”
มองฟาที่มีท่าทีพึงพอใจ ฟางหยวนก็รู้สึกสงสารเขาเล็กน้อย
เพราะชายหนุ่มผู้นี้มีอานาจไม่มาก หนทางเดียวที่เขาจะยังกุมมันเอาไว้ได้ก็คือแสดงความภักดีต่อเผ่าเซี่ยและจาต้องใช้วิธีการอันไม่สมควรเพื่อที่จะรักษาฐานะในเผ่าของเขาเอาไว้
แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่กงการอันใดของฟางหยวน
ในตอนนี้เซี่ยฉีก็เริ่มแบ่งรางวัลอย่างเท่าเทียมและทุกคนก็พึงพอใจ
“หยวน เจ้าคิดว่าผ้าชิ้นนี้ข้าใส่แล้วดูดีหรือไม่?”
เว่ยไม่สนใจสมบัติอื่น นางยินดีอย่างยิ่งกับดาบทองแดงและผ้าย้อมสีผืนหนึ่ง
“มันสวยมาก!”
ฟางหยวนอึ้งไป ผู้หญิงล้วนเป็นเช่นเดียวกันไม่ว่าจะในช่วงเวลาหรืออาณาจักรใดก็ตาม
“พวกเรายังต้องใช้เวลาในการไปเยือนเผ่าต่าง ๆ และรวบรวมผู้คน…”
หลังจากแบ่งรางวัลแล้ว ฟางหยวนก็ไปที่กระท่อมฟางและเริ่มตรวจดูส่วนแบ่งของตน
เขาไม่ได้สนใจในขวดยามากมายเหล่านั้น แต่ว่าเขาได้ฉวยกระดูกทานายมาเป็นตะกร้าและเชือกมัดปมมาจากหลายวิหารในเผ่าเหล่านี้ที่เขารู้มาว่ามีการสืบทอดทายาทของพวกพ่อมดหมอผี ตอนนี้เขาก็มาตรวจสอบสิ่งของและไม่มีสิ่งใดเลยที่เขาจะเข้าใจได้
“ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนกระดูกทานายตะกร้าใหญ่ แต่ข้อมูลในนี้กลับไม่มากเท่าในกระดาษไม่กี่แผ่นนั่น… นี่มันช่างแย่เสียจริง บนกระดูกทานายมีการสลักสัญลักษณ์เอาไว้ข้าย่อมสามารถตีความได้ แต่ว่าปมเชือกเหล่านี้นั้นผูกด้วยมือและข้าก็ไม่เข้าใจมันเลยสักนิด ดูเหมือนว่าข้าคงต้องขอให้เซี่ยฉีส่งศิษย์ของเหล่านักบวชให้ข้าสักคนสองคนเพื่อช่วยข้าตีความของเหล่านี้…”
เขาหยิบกระดูกชิ้นสีเทาขึ้นมาชิ้นหนึ่ง มีการทาสัญลักษณ์เอาไว้เป็นรูปมนุษย์กางแขนออกกว้างและเดินมุ่งหน้าไปหาดวงตะวัน
“นี่ต้องมีความหมายบางอย่าง… แน่นอนว่า ที่สาคัญไปกว่านั้น มันมีพลังแห่งอาณาจักรนี้ติดอยู่ในรอยแตกของกระดูกทานายชิ้นนี้…”
ฟางหยวนลูบนิ้วไปตามรอยแตกของกระดองเต่าและสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังอันเก่าแก่อยู่ในนั้น
“การฝึกตนของพ่อมดหมอผีนั้นเริ่มจากกายเนื้อของผู้ฝึก บันทึกเหล่านี้นั้นเป็นเพียงตัวกระตุ้นให้คนผู้หนึ่งควบคุมพลังจากธรรมชาติเพื่อปลุกสายเลือดของผู้อื่น… จากนั้นความสามารถของพวกเขาก็จะปรากฏขึ้นบนร่างและมีพลังมากขึ้นได้!”
“จากทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าคนในอาณาจักรนี้ทั้งหมดล้วนมีความสามารถที่จะเป็นพ่อมดหมอผีได้ แน่นอนว่าคนในเผ่าจิ่วลี่นั้นเหมาะสมที่สุด… หลังจากพวกเขาพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของปราชญ์ ทั้งเผ่าจิ่วลี่ก็ถูกกาจัดและผู้ที่รอดชีวิตก็มีทั้งที่แยกตัวออกจากผู้อื่นและผู้ที่ไปอยู่ร่วมกับเผ่าอื่นแล้วให้กาเนิดเชื้อสายที่มีสายเลือดเจือจางลง หรือพวกเขาอาจจะยังซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งพยายามเอาตัวรอดจากโลกอันโหดร้ายนี้… หากข้ามีโอกาส ข้าก็อยากจะเห็นเชื้อสายของเหล่าพ่อมดพวกนั้น!”
ฟางหยวนพลิกกระดูกทานายในตะกร้า ในที่สุดแล้วเขาก็หยิบได้กระดูกทานายสีแดงชิ้นหนึ่ง พลังงานในร่างของเขาเริ่มมีการตอบสนอง
“นี่น่าจะเป็นคาว่า ‘ไฟ’!”
เห็นสัญลักษณ์ที่สลักเอาไว้นั้นดูคล้ายกับลูกไฟ ฟางหยวนเริ่มคิดกับตนเอง “คุณภาพของร่างกายนี้ยังไม่เป็นน่าถึงพอใจนัก แต่ว่า พลังเวทย์ของข้านั้นเพิ่มขึ้น ข้าสามารถตรวจพบความผิดปกติในสายเลือดของข้าได้ นี่คือรากฐานของการเป็นพ่อมด ดูเหมือนว่าในร่างของหยวนนั้นจะมีสายเลือดของพ่อมดธาตุไฟแฝงอยู่ หากข้าสามารถฝึกฝนมันจนถึงระดับสูงสุดได้ ข้าย่อมกลายเป็นจูหรง เทพแห่งไฟได้?”
จูหรงเทพแห่งไฟนั้นเป็นเทพจากทางใต้ ว่ากันว่านางมีศีรษะของสัตว์ร้ายและร่างกายอย่างมนุษย์ที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดง มีงูเพลิงอยู่ในหูและมังกรเพลิงอยู่ใต้เท้า
“แน่นอนว่า จากการฝึกตนตอนนี้ของข้า ข้าเชื่อว่าข้ายังอยู่อีกห่างไกลนัก!”
รอยแตกในกระดูกทานายชิ้นนี้นั้นมีเพียงรัศมีพลังของพ่อมดธาตุไฟและยังไม่สามารถใช้ออกได้โดยพ่อมดอื่นทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ฟางหยวนเป็นจ้าวแห่งฝันผู้หนึ่ง! ตราบใดที่เขาเริ่มต้นการฝึกตนและผ่านพ้นระดับพื้นฐานไปได้ เขาย่อมสามารถใช้เจตจานงเวทย์เพื่อดูดซับพลังธาตุไฟจากสิ่งแวดล้อมไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้
ด้วยการหล่อเลี้ยงจากพลังธาตุไฟ สายเลือดพ่อมดที่แฝงอยู่ในร่างก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นและเปลี่ยนไปเป็นประกายสีแดงทองส่องเรืองอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
“สายเลือดนี่แข็งแกร่งขึ้น!”
หลังจากนั้นเป็นนาน ฟางหยวนก็ลุกขึ้นยืนและสัมผัสได้ว่าถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในร่างของเขา เขากลับไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น
ขณะที่เขาเดินไปยังถังน้าใบหนึ่ง เขาก็เห็นเงาสะท้อนของชายหนุ่มที่มีดวงตาโตคิ้วหนา เขายังมีร่างกายกายาและมีประกายสีแดงแผ่เรืองออกมา
ที่ด้านข้างคิ้วของเขา ยังมีเส้นสีแดงก่อตัวเป็นอักขระเวทย์ และดวงตาของเขาก็เป็นประกายราวกับเปลวเพลิงจะพุ่งออกมาได้
“ดูเหมือนว่าสายเลือดของข้าและกายเนื้อนี้จะแข็งแกร่งขึ้น และข้ายังได้รับความสามารถบางอย่างของพ่อมด! แน่นอนว่า รากฐานของข้านั้น
ทรงพลังเกินไปอยู่ตั้งแต่แรกเริ่มและการกระตุ้นเล็ก ๆ จากมนตราย่อมไม่ได้ผลกับตัวข้านัก…”
เขาขมวดคิ้วและมองไปที่หน้าต่างสถานะของเขา
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 48.0
พลังลมปราณ: 48.0
พลังเวทย์: 60.0
สายวิชา: ผู้ป้องฝัน
การฝึกตน: สวรรค์มายา (ขั้นที่ 4), อู่จง (ชีพจรที่ 5)
วิทยายุทธ์: [อินทรียักษ์กายาเหล็ก (ระดับ 6)(1 ใน 100 ส่วน)], ร่างทองคาร้อยพิษ (ระดับที่ 1), [ค่ายกลดาบแปดประตู (ดาบที่ 5)(1 ใน 100 ส่วน)]
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)], [เนตรเพลิง (ระดับ 1)]”
“ทักษะใหม่ เนตรเพลิง? เป็นไปได้ไหมว่าข้าจะสามารถฝึกฝนมันจนกลายเป็นเนตรเพลิงสีทองได้?”
ฟางหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งขณะเพ่งสมาธิไปที่ทักษะใหม่ของตน จากนั้นเขาก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวทักษะมากขึ้น
“เนตรเพลิง (ระดับ 1): ความสามารถจากสายเลือดของพ่อมดเพลิง มันสามารถทาลายมนตราลวงตา กับดัก และพลังธาตุพื้นฐานได้ ที่ระดับหนึ่ง เจ้าสามารถสร้างอักขระเวทย์ธาตุไฟได้”
“อักขระเวทย์ธาตุไฟ…”
เขาขมวดคิ้วสีแดงของตนอย่างไม่รู้ตัว “หมายถึงอะไรกันน่ะ?”
เขารีบออกจากบ้านมาตามหาเซี่ยฉี
“เอ๋? เหตุใดเจ้าจึงเริ่มต้นฝึกมนตราเร็วเช่นนี้? นี่มันคิ้วเพลิงของเนตรเพลิงมิใช่หรือ? ดูเหมือนว่าเลือดของจูหรงในร่างกายนี้จะเข้มข้นทีเดียว!”
เซี่ยฉีอึ้งไปเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดว่าการฝึกมนตราพ่อมดนั้นเลวร้าย
ผู้อื่นอาจจะมองการฝึกมนตราพ่อมดเป็นบาป แต่สาหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรผิดไป

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ