351: คลื่นทาลายล้าง
“ฝุบ!”
สายน้าท่วมรอบกายอู่จือฉี
ขณะที่อักขระเวทย์ปรากฏขึ้นบนร่างของอู่จือฉี พลังที่ราวกับเทพเจ้าก็ดูจะปรากฏออกมา
อู่จือฉีดูราวกับเทพเซียนที่แท้จริงเมื่อภาพมายาของแม่น้าฮวยทั้งสายปรากฏที่เบื้องหลังของมัน พลังจากการไหล่บ่าของสายน้าค่อย ๆ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับปิศาจที่ด้านหน้า
“อักขระเวทย์มหาศาล!”
เห็นอักขระเวทย์ธาตุน้าที่อยู่รอบร่างลิงของอู่จือฉีก่อตัวเป็นบางอย่างคล้ายเกราะรอบตัว ฟางหยวนก็ถอนหายใจ
“พลังของแม่น้าฮวย เข้าสู่ร่างของข้าแล้วระเบิดออก!”
อู่จือฉีคารามขณะแม่น้าพุ่งขึ้นสู่ฟ้าเกิดเป็นกระแสน้าราวฟ้าผ่าตวัดลงมาใส่ผืนดิน
“ปัง! ปัง!”
พื้นดินที่ด้านหลังเซี่ยฉีเกิดรอยแหว่งเว้าเป็นร่องใหญ่และยังเกิดรอบแตกที่รอบ ๆ ผิวดินไหม้เกรียม แต่ว่า แค่พริบตาเดียวพื้นก็เริ่มฟื้นฟูตัวเอง
นี่คือพลังของพ่อมดแห่งผืนดิน! ตราบใดที่เขายืนอยู่บนพื้น เขาก็มีแหล่งพลังงานอันไร้จากัด!
นี่เป็นคู่มือที่สมกับการโจมตีจากแม่น้าของอู่จือฉี
“พ่อมดแห่งผืนดินช่างน่าประทับใจจริงแท้!”
จากใบหน้าลิงของอู่จือฉี มีเสียงผู้หญิงดังมา ช่างเป็นสิ่งประหลาดแก่สายตานัก “ผืนดินจะขัดขวางแม่น้าทั้งสายได้อย่างไรกัน? ต่อให้เจ้ากลายไปเป็นพ่อมดจิง ๆ แล้วเจ้าจะเทียบกับการฝึกตนนับร้อยปีในร่างปิศาจนี้ได้หรือ? แม่น้าพันลี้!!”
เมื่อมันคาราม น้าในแม่น้าฮวยก็ระเบิดออกและเริ่มบ่าท่วมออกไปพันลี้
“ไม่!”
ฟา ที่สาบานตนต่อต้านปิศาจวารี พบว่าคลื่นยักษ์นั้นใกล้ตัวเข้าไปแล้ว น้าจากแม่น้าปกคลุมทั้งท้องฟ้าแล้วกระแทกเข้าสู่ในเผ่า ท่วมทับทั้งหมดไป
“ถึงผืนดินจะสามารถต่อกรกับน้าได้ ข้าก็ยังสามารถใช้พลังปิศาจเพียงอย่างเดียวเปลี่ยนรอบด้านให้เป็นเมืองใต้น้า นี่คือถิ่นของข้า ไม่ใช่ของเจ้า!”
อู่จือฉีหัวเราะอย่างเบิกบาก “อสนีบาตธาตุน้า! ไป!”
“ครืน!”
น้ารวมตัวกันเป็นลูกกลมรวมหนึ่งร้อยแปดลูกปรากฏขึ้นบนฟ้าก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นอัสนีบาต
“ปัง! ปัง!”
ยักษ์ธาตุดินตะโกนลั่นขณะผืนดินที่รอบตัวเขานูนสูงขึ้น เกราะดินปกป้องเขาจากอัสนีบาตธาตุน้ากว่าเจ็ดสิบลูกก่อนที่เกราะจะถล่มลง
“ครืน!”
อัสนีบาตที่เหลืออยู่กระแทกเข้ากับร่างของเซี่ยฉีอย่างเต็มที่
เขากรีดร้อง รอยแผลเป็นมากมายปรากฏขึ้นบนร่างเขา คราวนี้ มันไม่สามารถฟื้นฟูได้ทันทีอีกแล้ว กลับกัน เซี่ยฉีรีบร้องออกมา “ฟางหยวน… รีบมาช่วยข้า!”
“ค่ายกลดาบสามสามารถ ไป!”
ฟางหยวนถอนหายใจขณะพายุหมุนสีเขียวปรากฏขึ้นที่รอบตัวเขาเพื่อปกป้องเขาเอาไว้ เสาดาบสามเส้นลอยขึ้นฟ้า กักอู่จือฉีไว้ที่ด้านใน
พลังแห่งน้าแข็ง ไฟ และสายฟ้าปรากฏขึ้น พวกมันบีบตัวเข้าด้านในพร้อมกัน
“ชี่! ชี่!”
เกิดการระเบิดขึ้น ค่ายกลดาบพังทลายลง ดาบเวทย์ทั้งสามปรากฏขึ้นและส่องประกายพลังวิญญาณออกมา พวกมันบินไปมาด้วยตนเองและรวบรวมพลังวิญญาณ เพิ่มพลังของตนเองขึ้นเป็นร้อยเท่าก่อนจะโจมตีใส่อู่จือฉี
“ชี่!”
ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ กระทั่งร่างกายอันไร้อาวุธกล้ากรายได้ของอู่จือฉีก็ยังเริ่มได้รับบาดเจ็บและมีแผล
“ทหารเวทย์? ผู้ป้องฝัน?”
อู่จือฉีคารามขณะเหวี่ยงกรงเล็บวานรออกมา “ตายซะ!”
“ปัง!”
อัสนีบาตธาตุน้าสายหนึ่งปรากฏขึ้น สะบัดไปทางที่ฟางหยวนยืนอยู่
แต่ว่า ฟางหยวนนั้นมีพายุหมุนสีเขียวล้อมรอบอยู่และถูกพาลอยสูงขึ้นฟ้า
“นายท่าน!”
ทหารเวทย์ทั้งสามสัมผัสได้ถึงอันตรายขณะรีบบินกลับไปปกป้องฟางหยวน
“ปิศาจตนนี้มีพลังอย่างยิ่ง! หากข้าไม่ใช้ค่ายกลดาบจตุลักษณ์ ข้าอาจจะจัดการกับมันไม่ได้!”
ฟางหยวนโบกมือและค่ายกลดาบสามสามารถก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาเป็นประกาย
ค่ายกลดาบจตุลักษณ์นั้นรวบรวมพลังของน้า ไฟ สายลมและสายฟ้าเอาไว้ และพลังของมันก็ยังรุนแรงมาก แต่ว่า ท่ามกลางเหล่าจ้าวแห่งฝัน มีจ้าวแห่งฝันเพียงตระกูลเดียวที่สามารถใช้ค่ายกลเช่นนั้นได้ หากเขาใช้มัน
ออกไป เขาย่อมเท่ากับเผยมรดกของเขาออกไปและอาจจะนามาซึ่งปัญหาแก่ตัวเขาเอง แน่นอนว่า เขาย่อมไม่เสียสละตนเองเพื่อคนอื่น
“อันที่จริง ด้วยความแข็งแกร่งของค่ายกลดาบสามสามารถหลังจากดาบเวทย์มีจิตวิญญาณของตนเองแล้ว มันก็เทียบได้เท่ากับพลังของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่!”
ฟางหยวนตัดสินใจเก็บท่าไม้ตายของตนเองไว้
เซี่ยฉีย่อมไม่สงสัยอันใด เขาประหลาดใจอย่างยิ่งแล้วที่จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาที่เพิ่งรุดสู่ขั้นที่สี่นั้นมีพลังในการต่อสู้ถึงระดับนี้
“เอาละ! ช่วยกันจัดการกับอู่จือฉี!”
พ่อมดธาตุดินคารามและพื้นดินรอบ ๆ ตัวพวกเขาก็สะเทือน “แล้วก็ผนึกตัวคนทรยศผู้นี้ด้วย ฮ่าฮ่า… ข้าจะทิ้งให้นางติดอยู่ในร่างลิงน่าเกลียดนี่ไปอีกสักหลายร้อยหรือหลายพันปี! นี่ย่อมดีกว่าสังหารเจ้านัก!”
หากวิญญาณติดอยู่ที่นี่ จิตวิญญาณแท้จริงของจ้าวแห่งฝันย่อมกลับไปที่ต้าเฉียน แต่ว่า ก็ยังมีเคล็ดผนึกหนึ่งที่หากทาสาเร็จ จิตวิญญาณที่แท้จริงก็จะถูกผนึกอยู่ในอาณาจักรนี้และร่างของจ้าวแห่งฝันผู้นั้นในต้าเฉียนย่อมกลายเป็นร่างกลวงเปล่า
“เจ้า… เจ้าทาให้ข้าโมโหแล้ว!”
เมื่อเผชิญกับคาขู่เช่นนี้ อู่จือฉีกลับยังสงบอยู่ได้
“ในเมื่อพวกเจ้าสองคนรนหาที่ตายนัก ข้าก็จะช่วยเจ้าแล้ว!”
เมื่อมันโบกมือ รัศมีพลังสองสาย สีดาและจาว ก็ลอยออกมา พวกมันหมุนวนเข้าด้วยกันเกิดเป็นรูปร่างของไทจี๋
“ซ่า!”
ภาพของไท่จี๋เริ่มขยายออกไป เพียงแค่ครู่เดียว มันก็ขยายไปกว่าหนึ่งร้อยลี้และยังขยายต่อเนื่องไปยังผืนดินและแผ่นฟ้า
“เอ๋?”
ฟางหยวนตัวสั่นด้วยความกลัวราวกับเรื่องเลวร้ายบางอย่างกาลังจะเกิดขึ้นแล้ว
“อ้ะ… นี่มันลักษณ์วิเศษสวรรค์ มันสามารถแยกพวกเราออกจากร่างจริงของเราได้เมื่อข้ามฝันมา!”
เซี่ยฉีเริ่มกรีดร้องและดูตื่นตระหนก เขาไม่ใช่ชายที่สงบนิ่งอยู่ตลอดเหมือนที่เคยเป็นแล้ว “ระวัง! หากพวกเราตายตกอยู่ในลักษณ์นี้ มันจะกลายเป็นการตายที่แท้จริงของพวกเรา! จิตวิญญาณแท้จริงของพวกเราจะยังอยู่ที่นี่! นี่เป็นสมบัติปราชญ์ เหตุใดจึงมาอยู่กับเจ้าได้?”
“ผนึก?”
คิ้วของฟางหยวนขมวดขณะที่เริ่มเข้าใจบางอย่างได้ “พวกเราถูกแยกออกจากร่าง? นี่หมายความว่าไม่มีหนทางหนีแล้ว?”
“ใช่ ลักษณ์นี้มีค่ามากและไม่ใช่สิ่งที่จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ทั่วไปจะถือครองได้ แต่ว่า นี่เป็นปราชญ์ของพวกเรามอบให้ข้า ดังนั้นข้าย่อมใช้งานได้!”
อู่จือฉีหัวเราะ “ถึงแม้ว่าพวกห้าสานักยิ่งใหญ่จะเป็นฝ่ายควบคุม เจ้าคิดหรือว่าหัวหน้าของพวกข้าจะนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ทาอันใด? พวกเราได้เตรียมการมากมายและยังใช้สมบัติวิเศษทั้งหมดที่พวกเรามี พวกเราจะต่อสู้กับพวกเจ้าจ้าวแห่งฝันจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรจนตายไปข้างหนึ่ง!”
นางดูสงบราวกับคิดว่าพวกเขาสองคนนั้นต้องตายตกลงอย่างแน่นอนและยังเผยข้อมูลระดับสูงออกมา
ถึงตอนนี้ เซี่ยฉีก็ใบหน้าซีดเผือด
การคาดเดาว่าจะมีตัวตนอันทรงพลังผู้เดียวในอาณาจักรโบราณของเขานั้นผิดพลาดแล้ว!
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงเผยสิ่งต่าง ๆ ออกมามากนัก? นี่เป็นเพราะว่าลักษณ์วิเศษสวรรค์นั้นแยกทุกอย่างได้ พวกเจ้าทั้งคู่ไม่สามารถนาข้อมูลเหล่านี้ออกไปได้ นอกจากนี้ วันนี้ พวกเจ้าทั้งคู่จะตายอยู่ที่นี่แล้ว!”
อู่จือฉีพูดขณะฉีกแขนทั้งสองข้างของตน เลือดไหลลงมา ก่อเกิดเป็นอักขระเวทย์อันจาเพาะ “ทาลายร่างปิศาจสวรรค์ กระบวนท่าเดียว!”
“ครืน!”
พลังมหาศาลระเบิดออก ผนึกทั้งฟ้าและดินที่รอบตัว
“นี่คือ… พลังของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดอย่างนั้นหรือ?”
ฟางหยวนดูงุนงง “เป็นไปได้อย่างไร?”
“นี่น่าจะเป็นประทับที่หัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนเหลือทิ้งเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน… ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว ร่างสิงสู่ของเขาก็ยังเก็บมันไว้ใช้งานได้ รวบรวมพลังจากที่รอบด้าน นี่เทียบเท่ากับการโจมตีจากจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ด!”
เซี่ยฉีคาราม “ข้าเข้าใจแล้ว! ร่างสิงสู่นี้นั้นไม่ได้ถูกวางแผนเอาไว้ใช้การเป็นเวลานาน แต่ว่ามันเตรียมทาลายตัวเองทันทีที่คลายผนึกออกมา!!!”
อันที่จริงแล้ว นี่คือการสะสมพลังทั้งหมดที่ได้รับมาเพื่อระเบิดการโจมตีครั้งสุดท้าย จึงมีความรุนแรงเทียบเท่ากับจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ด!
ถึงแม้ว่าจะเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่มันก็ถูกวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี มันเป็นส่วนที่สาคัญทีเดียว
“พวกเจ้าทั้งคู่ล้วนสมควรตาย!”
อู่จือฉียังคารามต่อ เดิมที มันไม่ควรใช้กระบวนท่าเดียวนั้นที่นี่ แต่ว่า ในเมื่อมันถูกเผยตัวออกมาแล้ว มันก็ต้องกาจัดจ้าวแห่งฝันทั้งสองคนนี้เสีย ถึงแม้ว่าจ้าวแห่งฝันที่ควบคุมอู่จือฉีอยู่นั้นจะต้องเผชิญหน้ากับการลงโทษในภายหลัง
‘อันที่จริงนี่เตรียมเอาไว้สาหรับราชาซี มาใช้กับพวกเจ้าทั้งคู่ช่างเป็นการเสียเปล่า…’
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายขณะกัดฟัน ‘สมาพันธ์ย่อมไม่สนใจเรื่องทั้งหมดนี้ หากพวกเราตายตกไป อย่างนั้นพวกเราจะสูญเสียทุกสิ่ง!’
คิดดังนี้แล้ว พายุหมุนที่รอบตัวเขาก็รุนแรงขึ้นและดาบเวทย์สีเขียวก็ปรากฏขึ้นจากในนั้น “นายท่าน!”
“สี่จิตวิญญาณของดาบทั้งสี่ สร้างค่ายกลดาบจตุลักษณ์! ไป!”
เมื่อพลังของน้า ไฟ สายลม และสายฟ้า รวมตัวกัน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงลึกลับขึ้น ค่ายกลดาบเริ่มหดตัวอยู่รอบฟางหยวน ปกป้องเขาเอาไว้ตรงกลาง
ที่ด้านข้างเขา เซี่ยฉีก็คารามเช่นกัน ที่รอบตัวเขานั้นเป็นดินชั้นแล้วชั้นเล่าปกคลุมอยู่
เมื่อพวกเขาทั้งคู่สร้างเกราะป้องกันตนเองเรียบร้อยแล้ว พระอาทิตย์สีเขียวก็ระเบิดออก
“ครืน!”
คลื่นกระแทกออกมาและพื้นดินสั่นสะเทือน พระอาทิตย์สีเขียวเริ่มแผ่ออกรอบด้าน การปกป้องที่เซี่ยฉีสร้างขึ้นด้วยการฝึกตนพ่อมดของตนสลายไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ กระทั่งเมฆบนฟ้ายังราวกับถูกพระอาทิตย์สีเขียวซัดกระเด็นไป เผยอให้เห็นท้องฟ้ากระจ่างที่ด้านหลัง
น้าเริ่มระเหยเป็นไอ เกิดเป็นเมฆรูปดอกเห็ด
หลังจากนั้นเป็นนาน ทุกอย่างก็เริ่มสงบลงอย่างช้า ๆ
อู่จือฉียืนอยู่บนผิวน้า ทันใดนั้น รอยแตกก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน ราวกับใยแมงมุม มันค่อย ๆ กระจายไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ
“ซ่า!”
จากนั้น ปิศาจร่างยักษ์ก็เริ่มแตกสลายและหล่นลงไปในน้า
แสงสีขาวแวบขึ้นที่ใกล้ ๆ เผยให้เห็นร่างพลังหยินซึ่งลอยเข้าไปในร่างของจิ้งจอกสีขาวอย่างรวดเร็ว
“ตายแล้ว? มาลองคิดดู… ใครจะสามารถรับพลังถึงเพียงนี้ได้? มันช่างน่าเสียดายที่ร่างสิงสู่นี้เสียเปล่าไปเสียแล้ว… แต่ว่า มันก็คุ้มค่าที่ข้าสามารถสังหารจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ได้ถึงสองคน…”
จิ้งจอกสีขาวพึมพากับตนเอง ขณะที่มันมองตรงไปยังที่ที่ทั้งสองคนนั้นเคยยืนอยู่
ที่นั่นว่างเปล่า ราวกับทุกอย่างที่เซี่ยฉีสร้างขึ้นนั้นระเหยไปจากการระเบิด จิ้งจอกหัวเราะคิกคักกับตนเองอย่างพึงพอใจ “เหอเหอ… ไม่มีใครขอให้พวกเจ้ามายุ่งกับข้า เจ้ารนหาที่ตายเองแท้ ๆ!”
“อย่างนั้นหรือ?”
“ชี่! ชี่!”
พื้นดินระเบิด เผยให้เห็นค่ายกลดาบ มีเสียงฟางหยวนดังออกมาจากในนั้น
“เป็นไปได้อย่างไร?”
จิ้งจอกขาวอึ้งไป “เจ้ารอดจากกระบวนท่านั้นได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!”
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในโลกนี้!”
ฟางหยวนโบกมือแล้วค่ายกลดาบจตุลักษณ์ก็ปรากฏขึ้น กักจิ้งจอกขาวเอาไว้ด้านใน
ตอนแรก ฟางหยวนก็สงสัยการตัดสินใจของตนเอง ‘ค่ายกลดาบจตุลักษณ์นั้นไม่ทาให้ข้าผิดหวัง แน่นอนว่า ข้าสามารถสัมผัสได้ว่าพลังรุนแรงนั้นทรงอานาจจริง แต่ว่า เมื่อไม่มีเจ้าของคอยควบคุมแล้ว มันก็เป็นเพียงพลังของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่หกเท่านั้น ใกล้เคียงกับขั้นที่เจ็ด แต่ไม่ใช่ขั้นที่เจ็ดอย่างแน่นอน! ความแตกต่างนี้เป็นความแตกต่างระหว่างความเป็นและความตาย!’
“น้า ไฟ สายลมและสายฟ้า? สี่ลักษณ์นี้… ค่ายกลดาบนี้ทรงพลังยิ่งกว่าที่ผู้ป้องฝันทั่วไปจะควบคุมได้ ข้าเคยเห็นมันที่ใดมาก่อน?”
จิ้งจอกขาวเริ่มสงสัย เมื่อมันเห็นฟางหยวนเข้ามาใกล้ มันก็เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว “ข้าเป็นสมาชิกของราชสานักและข้ายังมีผู้สนับสนุนเบื้องหลังที่มีอานาจ!”
“ถูกต้อง…”
ฟางหยวนหัวเราะเยาะ “น่าเสียดาย… ที่นี่นั้นถูกลักษณ์วิเศษสวรรค์ของเจ้าผนึกเอาไว้แล้ว ความตายของเซี่ยฉีนั้นเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย… แล้วเจ้าล่ะ?”
จิ้งจอกขาวตัวแข็งทื่อ
นางไม่เคยคิดเลยว่าท่าไม้ตายของนางในการผนึกคนทั้งคู่ไว้ที่นี่ก็จะกักตัวนางเองไว้เช่นกัน!