356: เผ่าหูเล่อ
“คานับ!”
ที่หน้าแท่นบูชา ฟางหยวนนาเว่ยและทาสอื่น ๆ สวดบูชา
เทพที่พวกเขาสวดภาวนาถึงนั้นไร้หน้าตาและยังไม่มีรูปปั้นหรือรูปสลัก
กริยาของฟางหยวนนั้นเป็นขั้นเป็นตอนและฝึกซ้อมมาอย่างดี แต่จิตใจของเขานั้นคิดอย่างอื่นวุ่นวาย
“ฟู่!”
เปลวไฟพุ่งสูงขึ้นสู่ฟ้า และยังมีสายลมอ่อน
นี่เป็นเวลาบ่ายคล้อยใกล้ค่า เมื่อพิธีการจบลง ฟางหยวนก็หรี่ตามองไปทางใต้และรู้สึกสั่นไหวเล็ก ๆ
‘ดูเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนไป!’
“หยวน ดูนั่น!”
เว่ยดึงข้อมือเขาไปเขย่า
“ท้องฟ้า…”
“หืม?”
ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นและเห็นเมฆสีแดงเกาะกลุ่มกัน พวกมันดูมหัศจรรย์และยังงดงาม มันเหมือนกับเมฆพวกนั้นกาลังจะคล้อยหล่นลงมา
“สวรรค์รับรู้บรรณาการของพวกเรา!”
หัวหน้านักบวชในพิธีใบหน้าแดงเรื่อตะโกนออกมา
“นี่เป็นเกียรติของเผ่าเรา!”
“ขอบคุณสวรรค์และผืนดิน!”
ทุกคนคานับลงอีกครั้ง โดยเฉพาะหัวหน้าเผ่าและนักรบจากเผ่าอื่น ใบหน้าของพวกเขานั้นเผยความไม่อยากเชื่อเมื่อได้เห็น
“ไม่มีทาง!”
เห็นสายตาประหลาดใจแกมยินดีในดวงตาของพวกเขาแล้วฟางหยวนก็หมดคาพูด
‘ทั้งหมดนี่ก็เพียงแค่การแสดง… เหตุใดจึงกลายเป็นจริงไปได้? ไม่! เป็นไปไม่ได้ หากข้ามีคนสักหมื่นและนาพวกเขาบูชาแก่ฟ้าและดิน นั่นอาจจะน่าเชื่อถือมากกว่า แต่การละเล่นแบบเด็ก ๆ เช่นนี้ เหตุใดจึงกลายเป็นจริงไปได้?”
“นอกเสียจากว่า จะมีพลังอื่นเกี่ยวข้องด้วย… มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทางใต้งั้นหรือ?”
ฟางหยวนลูบคาง และชี้ไปที่หัวหน้านักบวชในพิธี
“นี่เป็นสัญญาณจากสวรรค์ ข้าขอสั่งให้เจ้าทานายชะตา!”
“ขอรับนายท่าน!”
ชายชราหยุดพูดจาเกินจริงและเริ่มกระบวนการด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง เขาโยนกระดองเต่าหลายอันเข้ากองไฟและเริ่มท่องมนตรา
สวรรค์นั้นเป็นวงกลมส่วนผืนดินเป็นสี่เหลี่ยม ส่วนโค้งของกระดองเต่านั้นแทนฟ้า และส่วนท้องแบนราบแทนผืนดิน ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมระหว่างฟ้าและดินและถูกนามาใช้ในการทานาย
เมื่อเปลวไฟมอดลงจนเหลือถ่านก้อนสุดท้าย หัวหน้านักบวชในพิธีก็หยิบกระดองเต่าออกมาอ่านลวดลายที่บนนั้น
“นายท่าน หัวหน้าเผ่าทั้งหลาย!”
ชายชราหมอบตัวราบลงต่อหน้าฟางหยวน
“ตามลิขิตสวรรค์ ทางใต้จะเกิดหายนะขึ้น! พวกเรานั้นตรงกันข้าม จะรุ่งเรืองยิ่งขึ้น!”
‘บ้าชะมัด!’
ฟางหยวนเบิกตากว้าง
“เยี่ยม! ให้เจ้าได้เป็นหัวหน้านักบวชในพิธีอย่างเป็นทางการ”
“ขอรับ นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ของข้า!”
ชายชรายังคงหมอบอยู่บนพื้น หน้าผากแตะพื้น ดวงตามีน้าตาคลอ
“ตอนที่ข้าภาวนาต่อฟ้าและดิน ข้าสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังจากเบื้องบน และยังได้รับพลังจากบรรพบุรุษของพวกเรา– ผู้รู้แจ้งบอกข้าว่าท่านคือ
ผู้ที่ถูกลิขิตให้มาเป็นหัวหน้าพวกเรา และจะนาพวกเราสู่ยุคสมัยอันรุ่งเรือง!”
“หยวน!”
“หยวน!”
“หยวน!”
ทาสและนักรบทั้งหมดรวมถึงเผ่าไป๋ซาน เฮยสุย และซวนตู้ล้วนรื่นเริงขึ้น
ระหว่างเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ หัวหน้าเผ่าทั้งสามก็มีสีหน้าไม่สู้ดี แต่ก็ยังเค้นรอยยิ้มออกมาจนได้
“ท่านหัวหน้าหยวน พวกเราจะจงรักภักดีต่อท่าน นักรบสามร้อยจะส่งให้ท่านอย่างเร็วที่สุด!”
“ดี!”
ฟางหยวนตอบรับแต่กลับสงสัยเล็กน้อย
‘นี่หมายความว่าอย่างไร? กลับตัวกลับใจงั้นหรือ?’
…
หลังจากทาพิธีสาเร็จ ผู้คนก็กลับมาเกรงกลัวในสวรรค์อีกครั้งและนามาซึ่งความมั่นคงในการขึ้นสู่ตาแหน่งของฟางหยวน
เผ่าอื่นล้วนส่งชายฉกรรจ์เผ่าละสามร้อยคนตามที่สัญญาเอาไว้มาให้ในวันถัดมา จากทั้งหมดนี้ ชายฉกรรจ์กว่าพันคนก็ถูกเลือกให้เข้ารับการฝึกรบ
สงครามที่ใกล้เข้ามากดดันให้ทุกคนฝึกหนัก และนักรบจากทุกเผ่าก็เข้ามาร่วมด้วยในสงครามที่จะเกิด บรรพตฟางเปลี่ยนเป็นวุ่นวายไปหมด
ฟางหยวนนั้นรับหน้าที่หัวหน้าสูงสุด การจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่ใช่หน้าที่ของเขา เขาให้แม่นางเว่ยเป็นคนจัดการทั้งหมดนั่น
อย่างไรเสีย การปกครองที่ดินศักดินานี้ก็เป็นแค่การละเล่นหนึ่งของเขา มันไม่ได้ทาให้เขามีพลังอย่างแท้จริงได้
เวลาผ่านไป ข่าวจากทางใต้นั้นไหลมาเป็นสาย
“เผ่าจิ่วลี่ที่นาโดยสิงนั้นมีทหารเพิ่มขึ้นเป็นห้าหมื่น พวกมันทาลายเผ่าจูรื่อได้ภายในสามวัน?”
“ชายแดนเซี่ยไม่มั่นคงแล้ว เผ่าขัวอีที่ทางตะวันตก เผ่าซังเจี่ยที่ตะวันออก และเผ่าหูเล่อที่ทางเหนือล้วนก่อกบฏแล้ว?”
“เผ่าปิศาจรุ่งเรืองขึ้น และยังกลายเป็นสิ่งคุกคามใหญ่หลวง แต่ว่า พวกมันมีเซี่ยเป็นเพียงเป้าหมายเดียว?”
…
ฟางหยวนหยิบผลไม้ลูกเล็กเข้าปาก พอกัดลงไปก็มีทั้งหวานและเปรี้ยว เป็นการผสมผสานที่เอร็ดอร่อยของทั้งเนื้อและน้า
“ทุกอย่างกาลังดาเนินผิดทางแล้ว!”
หากดินแดนอื่น ๆ ต้องรับมือกับปัญหาภายนอกเหล่านี้ ร่วมกับปัญหาภายในของตนเอง แน่นอนว่าต้องล่มสลายลงเป็นแน่
แต่สาหรับเซี่ยแล้ว นี่กลับเป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ ตราบใดที่องครักษ์มังกรซ่อนยังไม่เข้ามาวุ่นวาย
“หยวน! เจ้ายังมีอารมณ์มากินอยู่อีก!”
เว่ยเดินกระแทกเท้าเข้ามา
“ในฐานะขุนนางคนหนึ่งของเซี่ย เจ้าย่อมต้องถูกเรียกตัวเมื่อสงครามเกิดขึ้น!”
“ใช่!”
ฟางหยวนหยิบผลไม้ทั้งพวงขึ้นมา
“แล้วการฝึกทหารของพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วก็… ระเบิดเพลิงพร้อมแล้วหรือไม่?”
“ใช่ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เจ้าวางแผนเอาไว้ หนึ่งหน่วยประกอบด้วยชายห้าคน มีหัวหน้าหน่วยขนาดห้าหน่วยและสิบหน่วยที่ทหารเป็นผู้คัดเลือกกันเอง พวกเขาจะรายงานต่อหัวหน้าระดับหนึ่งร้อยหน่วยที่จะมารายงานต่อพวกเราโดยตรง ทั้งหมดรับผิดชอบหน้าที่ต่างกันไป… และ
ระเบิดเพลิงก็ทดสอบแล้วเรียบร้อย มันสามารถเผาผลาญบนผิวน้าและยังดับได้ยากเป็นอย่างยิ่ง พวกเราต้องสอนหนึ่งร้อยหน่วยให้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธนี้!”
เห็นได้ชัดเจนว่าเว่ยนั้นรอคอยที่จะได้ทดสอบมันดู
“นายท่าน! มีทูตจากเซี่ยมา!”
คนรับใช้นาทูตเข้ามา ทูตผู้นั้นอยู่ในชุดสีดาและยังดูค่อนข้างกระวนกระวาย ทันทีที่เห็นฟางหยวน เขาก็รีบยื่นป้ายกระดูกในมือให้ ฟางหยวนรับมาอ่าน
“อา… ราชาซีสั่งให้ข้าเคลื่อนทัพและไปรวมเข้ากับทัพจากทางเหนือ พวกเราต้องเอาชนะเผ่าหูเล่อและส่งกาลังเสริมไปยังเมืองหยาง! แน่นอนว่า… ข้าย่อมต้องได้เป็นแม่ทัพ!”
อันที่จริง ข้อความนั้นประกอบด้วยเจตจานงเวทย์สายหนึ่งจากจ้าวแห่งฝันผู้มอบข้อมูลและภารกิจเพิ่มให้
“ถึงแม้ว่าทหารหนึ่งพันที่พวกเรามีนั้นจะยังไม่เคยผ่านการฝึกฝน แต่พวกเราก็ไม่มีเวลาแล้ว สั่งให้พวกเขาเตรียมตัวเคลื่อนทัพ!”
เว่ยยกมือขึ้นและตะโกน
“อื้อ ข้าไปด้วย! ข้าด้วย!”
“ได้สิ เจ้าไปด้วยได้ แต่แค่เผ่าหูเล่อเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ตามไปที่เมืองหยาง!”
ฟางหยวนพยักหน้าและตัดสินใจ
…
ทางเหนือของเซี่ย
ผืนดินกว้างใหญ่และราบเรียบสุดลูกหูลูกตา
บนพื้นที่ราบกว้างใหญ่นี้ มีชนเผ่าราวหนึ่งแสนกาลังเคลื่อนตัวลงใต้
“พวกเรา เผ่าหูเล่อ ครั้งหนึ่งเคยเป็นพันธมิตรกับเซี่ย และหลังจากทั้งเก้ารัฐสงบสุขลง พวกเรากลับได้รับเพียงผืนดินแห้งแล้งทางเหนือเป็นการตอบแทน!”
“ที่นี่ปลูกพืชไม่ได้ และพวกเราจานวนมากยังตายจากความหนาวเย็นในทุกฤดูหนาว! นี่ล้วนเป็นความผิดของเซี่ย!”
“ถูกต้อง นี่เป็นเหตุผลให้พวกเราเคลื่อนย้ายลงใต้ เพื่อเอาทุกอย่างคืนมาจากพวกเขา!”
…
“เหอเหอ แม่ทัพใหญ่มู่ ดูสิ คนของท่านเผชิญหน้ากับทางใต้แล้ว!”
ที่ตรงหน้าทัพ ชายในชุดคลุมดาคนหนึ่งหัวเราะในลาคอ ดวงตาของเขาส่องประกายจากใต้หมวกคลุมศีรษะราวกับเปลวไฟสีเขียวสองดวง
“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อพวกเรา เผ่าหูเล่อ มีข้อตกลงพันธมิตรอยู่ พวกเราย่อมไม่ละเมิดข้อตกลงของตน!”
มู่ หัวหน้าเผ่าหูเล่อ ดูอายุราวสี่สิบปี จอนผมข้างหูเริ่มเป็นสีเทาเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังเป็นสีชมพูอย่างสุขภาพดี
“หัวหน้ามู่วางใจได้ หากท่านจัดการกับข้อตกลงในส่วนของท่านได้ ผืนดินทางเหนือของเมืองหยางย่อมเป็นของท่าน!”
ชายในชุดดายินดียิ่งนัก
หลังจากนั้นมู่ก็โบกมือแล้วก็ควบม้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ม้าอีกตัวหนึ่งที่มีชายชราผู้หนึ่งอยู่บนหลังของมันก็ตามไป
“มู่… ข้าไม่เคยสงสัยในการตัดสินใจของเจ้า แต่การเคลื่อนย้ายทั้งเผ่ามาทางใต้ ท้าทายคนของเซี่ย… นี่มันเสี่ยงเกินไป!”
“หมอผีของพวกเราได้สวดภาวนาต่อสวรรค์แล้วและได้รับคาอานวยพร… จะยังมีอันใดให้ต้องกังวลอีก?”
มู่ยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะพูด
“ข้ารู้ ไม่ว่าจะเป็นจิ่วลี่ เซี่ย ซังเจี่ย หรือว่าเผ่าอื่น พวกมันล้วนเป็นศัตรูของเรา… เหอเหอ… พวกมันมอบพื้นดินทางเหนือเมืองหยางให้พวกเรา แต่พวกเราไม่ต้องการเช่นนั้น! พวกเรา เผ่าหูเล่อ นั้นควบขับบนหลังม้า ทุ่งหญ้าต่างหากที่ควรเป็นของเรา!”
ในฐานะหัวหน้าเผ่าที่ทะเยอทะยาน เขารู้ถึงความแตกต่างอย่างมากในด้านประเพณีและยังไม่ได้คิดจะยอมรับกฎของเซี่ย ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือรักษาสถานะนี้เอาไว้เพื่อปกป้องบางอย่างที่สาคัญมาก
“อย่างนั้นเหตุใดพวกเราจึงจะยังเดินทางลงใต้ต่อเล่า?”
ชายชราไม่เข้าใจ
“เหล่านักล่าแห่งท้องทุ่งออกล่ากันอย่างไร? พวกมันบุกไปข้างหน้าอย่างไม่ปรานี บีบคั้นให้เหยื่อของมันใช้เรี่ยวแรงเอาตัวรอดจนหมด และจากนั้นเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็จะเก็บกวาดเหยื่อของมันได้อย่างง่ายดาย นี่ก็คือกลยุทธ์ของพวกเรา!”
มู่เปิดถุงหนังในมือและยกขึ้นดื่มสุราลงไปอึกใหญ่
“พวกเราจะปล้นทุกอย่างที่พวกเราทาได้ในช่วงที่ไปถึงทางใต้ แล้วพวกเราก็จะผ่านฤดูหนาวบนทุ่งหญ้าไปได้ หากพวกเราทาให้เซี่ยอ่อนแอลงได้ในครั้งนี้ อย่างนั้นพวกเราก็จะเข้าโจมตีพวกมันทุก ๆ ปี ข้าต้องการให้ราชาเซี่ยยอมรับว่าข้านั้นเป็นจ้าวแห่งทุ่งหญ้า!”
และยังมีอย่างอื่นอีก แต่เขาเก็บมันเอาไว้ในใจ
“เมื่อเผ่าหูเล่อมีรากฐานมั่นคงแล้ว และเมื่อเซี่ยตกต่าลงจากการเข้าสู่สนามรบหลายครั้ง พวกเขาย่อมสามารถสร้างชาติขึ้นมาได้ เผ่าหูเล่ออาจจะหลอมรวมวัฒนธรรมเข้ากับพื้นที่ราบและปกครองเหนือพวกมันได้!”
ถึงแม้ว่ามันอาจจะใช้เวลายาวนานกว่ามู่จะทาความฝันสาเร็จได้ เขาก็นับได้ว่ามีความมุ่งมั่นของสุนัขป่า
“ถูกต้อง!”
ชายชราถอนหายใจ
“ข้าคิดว่าเจ้าถูกทูตผู้นั้นเกลี้ยกล่อมไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังคงเป็นหัวหน้าเผ่าผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา! ไม่ต้องห่วง แม่ทัพและเหล่าหมอผีจะคอยอยู่เบื้องหลังเจ้า!”
“ดีมาก!”
มู่ยินดีมาก
“ข้า มู่ สาบานไว้ตรงนี้ว่าข้าจะนาคนของพวกเราไปสู่เบื้องหน้าอันสว่างไสว!”
“หรืออาจจะขึ้นเป็นผู้ปกครองแห่งเก้ารัฐ!”
มู่บอกตัวเอง