361: คืนชีพ
“เผาผลาญ!”
เพลิงสวรรค์ของมนุษย์เต๋านั้นมีรัศมีสีทอง มันราวกับกาลังร้องสรรเสริญแก่ธรรมชาติและเสน่ห์ของความมีอารยะ มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความปรารถนาของมนุษยชาติและยังเต็มไปด้วยความหวังและความงาม
แต่ว่า เพลิงสวรรค์นั้นเป็นศัตรูของร่างสวรรค์ของพ่อมดของสิง ทันทีที่เปลวเพลิงสัมผัสถูกร่างของเขา อักขระเวทย์บนร่างของเขาก็สลายไปทันที!
“สวรรค์!”
วิญญาณจานวนมากของวีรบุรุษในอดีตปรากฏขึ้นและเข้าไปล้อมซีเอาไว้ พวกเขาเริ่มร่ายมนตราและแสงสว่างฉายออกรอบตัวราวกับซีเป็นเทพเจ้า
ดวงตาของซีเปล่งประกาย เขายกกระบี่วิเศษของตนขึ้นและตวัดไปที่ลาคอของสิง!
“อืม…”
เสียงถอนหายใจต่า ๆ ดังก้อง แผ่นดินไหวและงูยักษ์สีแดงก็เลื้อยขึ้นมาจากรอยแตกบนพื้น
ร่างของงูยักษ์นั้นเป็นสีแดงตลอดตัว มันมีใบหน้าของมนุษย์ ร่างของงู และมีดวงตาเพียงดวงเดียว เมื่อดวงตาที่มีม่านตาเป็นรูปรีเช่นงูของมัน
ปิดลง ทั้งแผ่นฟ้าก็มืดครึ้มทันที เมื่อมันลืมตาขึ้น ท้องฟ้าก็กลับสว่างอีกครั้ง พระอาทิตย์เป็นสีแดงสุกสว่าง!
“ซีเฉิน!”
งูยักษ์คารามและรัศมีราวกับพระอาทิตย์ของมันก็สาดส่องไปที่ร่างของซี
“กลับไปซะ!”
หลังจากงูยักษ์ปรากฏขึ้น ผืนดินก็แตกเป็นชิ้น กระทั่งกาแพงเมืองหยางบางส่วนยังถล่มลงมา
กองทัพทั้งเผ่าเซี่ยและเผ่าจิ่วลี่ล้วนได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี้ ทหารมากมายถูกฝังเอาไว้ใต้กองดินและหิน
“นี่คือ… มังกรแห่งแสง?”
ฟางหยวนนั้นมีปราณดาบล้อมอยู่รอบตัว ลาแสงสีเขียวลอยออกไปแล้วทาลายหินก้อนใช้ตรงหน้าเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาไม่สนใจมังกรวารีสีดาที่เขาสู้ด้วยอีกต่อไปแล้วและรีบถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว
มันมีบันทึกเอาไว้ “… มีเทพมนุษย์อยู่ที่นี่ มีใบหน้ามนุษย์และร่างของงู ร่างกายเป็นสีแดง เขามีม่านตารูปรี เมื่อเทพมนุษย์ผู้นี้หลับตา จะเกิดความมืดมิด เมื่อเปิดตามอง จะเกิดแสงสว่าง เขาไม่กิน ไม่นอน ไม่หายใจ สายลมและสายฝนเขาล้วนเรียกหาได้ เทพมนุษย์นี้ส่องสว่างเหนือความมืดมิดทั้งเก้า เทพมนุษย์ผูันี้คือมังกรแห่งแสง!”
งูยักษ์ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมานั้นเหมือนกับมังกรแห่งแสงที่บรรยายเอาไว้
ยกเว้นว่า ตานานของมังกรแห่งแสงนั้นบอกไว้ว่ามันตัวยาวกว่าพันลี้ แต่ว่า มังกรแห่งแสงตัวนี้นั้นยาวอย่างมากก็เพียงครึ่งลี้เท่านั้น แต่ทว่า พลังของมันก็สั่นสะเทือนผืนดินได้
“มันซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผืนดินได้อย่างเงียบเชียบ! เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น มันก็ลงมือรวดเร็วราวกับสายฟ้า! ช่างสมกับเป็นร่างสิงสู่ของหัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนจริง ๆ!”
ชัดเจนว่า มังกรแห่งแสงนั้นก็คือร่างสิงสูงของผู้ทรงพลังระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ด นอกจากนี้ มันยังฝึกตนมาเป็นเวลานาน สั่งสมพลังอันน่ายาเกรงเอาไว้!
“ฮ่าฮ่า… จิ่วอินจื่อ ในที่สุดเจ้าก็โผล่หน้าออกมา!”
ไม่มีใครสามารถเข้าไปในบริเวณต่อสู้ระหว่างผู้ทรงพลังได้ แต่ทันใดนั้น เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังมา
“ฮู่! ฮู่!”
ที่บนฟ้า เมฆที่เดิมเป็นสีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด หัวมังกรที่พ่นไฟได้ปรากฏออกมาจากหมู่เมฆบดบังรัศมีของมังกรแห่งแสงเอาไว้
“เสียงนี่!”
ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นและเห็นเมฆสลายไป มังกรเพลิงหกหัวกวัดแกว่งกรงเล็บและกระโจนลงมา เป้าหมายของมันก็คือมังกรแห่งแสง
“ผู้อาวุโสนักหลอม! ไม่อยากเชื่อว่ากาลังเสริมที่ถูกส่งมาที่นี่ก็คือเขา!”
แม้เมื่อกาลังเสริมนั้นเป็นคนคุ้นเคย ฟางหยวนก็ไม่คิดที่จะตรงเข้าไปแสดงตัว กลับกัน เขาถอยห่างออกมาในทันที
แค่ผลสะท้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ของผู้ทรงพลังระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดสองคนก็สามารถทาร้ายผู้คนได้อย่างสาหัสแล้ว! มีแค่คนโง่เท่านั้นที่จะพุ่งตัวออกไป!
“เจ้านักหลอม!”
มังกรแห่งแสงและมังกรเพลิงหกหัวขดตัวพันกัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้ามนุษย์ของมังกรแห่งแสงขณะที่เขาหัวเราะหยัน “เจ้าก็คือผู้ที่ข้าต้องการล่อออกมา!”
“อะไรนะ?”
ซีเฉินตกใจ เขาใช้เจตจานงเวทย์และคิดถึงบางอย่างออกทันที “องครักษ์มังกรซ่อนยังคงมีผู้ช่วยเหลืออื่น? เป็นไปไม่ได้! หัวหน้าของพวกเรายืนยันแล้ว นอกจากจิ่วอินจื่อ ที่เหลือล้วนอยู่ในอาณาจักรอื่น!”
จิตใจของผู้ทรงพลังล้วนหล่อหลอมผ่านประสบการณ์มากมายย่อมต้องเด็ดเดี่ยวเป็นที่สุด
ถึงแม้ว่าเขาจะกระวนกระวาย แต่มือที่ราวกับหยกของเขากลับสงบนิ่งเหมือนเคยเมื่อตัดคอสิงออกมา
“ปัง!”
อักขระมนตราบนร่างของสิงนั้นถูกเพลิงสวรรค์ของมนุษย์เต๋าเผาไปหมดแล้ว ตอนนี้ เพียงแค่หนึ่งกระบี่จากดาบสวรรค์ของผู้มีพลังหัวของเขาก็ปลิวหลุดไปเลือดอุ่น ๆ พุ่งออกมา
“เกลียด! เกลียด! เกลียดนัก!”
ถึงแม้ว่าสิงจะถูกตัดศีรษะไปแล้ว ร่างกายของเขากลับยืนนิ่งอยู่ เขาใช้นิ้วเขียนคาว่า ‘เกลียด’ สามครั้งด้วยเลือด
“ตูม!”
ปราณอัปมงคลที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจพุ่งขึ้นฟ้าและดูดซับเมฆสีแดงเข้มก่อนที่จะพุ่งกลับลงมา
“ข้า สิงแห่งเผ่าจิ่วลี่ มอบร่างกายของตนเป็นบรรณาการให้สวรรค์! ไม่เสียดายที่ต้องตาย! เพียงต้องการแก้แค้น!”
“ตูม!”
สายฟ้าสีม่วงตวัดลงมาใส่ร่างไร้ศีรษะของสิง
เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้นทันที
ดวงตาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าอกเปลือยเปล่าของสิง และที่ท้องก็เปลี่ยนไปเป็นปาก จากนั้นมันก็คารามออกมา เสียงของมันเป็นเสียงจากโบราณไกลโพ้น “ข้า… กลับมาแล้ว!!!”
“ตูม!”
เมฆดารวมตัวกันและสายฟ้าสีม่วงก็แลบปลาบ ปิศาจร่างยักษ์ไร้หัวปรากฏขึ้นและรวมเข้ากับร่างของสิง
บรรยากาศน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ได้ก่อเกิดขึ้นทันที!
“นี่คือ… ฟื้นคืนชีพจากหนึ่งหยดเลือด? ไม่ เป็นการเข้าสิงร่าง! นี่ไม่ใช่สิง นี่คือฉือ!” ซีเฉินครางออกมา
“ผู้รอดชีวิตจากโบราณกาล? ปิศาจจากที่ข้างนอกนั่น? ตายเสีย!”
ดวงตาบนหน้าอกของฉือเริ่มจับจ้องไปที่ซี เขาขยับแขนขวาและขวานก็ส่องประกายก่อนจะพุ่งออกไป
ในเวลาเดียวกัน มังกรโลหิตเก้าตัวบนร่างของเขาก็รวมตัวกันก่อนจะคารามออกมา พวกมันทาลายการกดข่มของเก้าหม้อโอสถออกมาอย่างง่ายดาย
“เคล้ง!”
ขวานและกระบี่กระทบกันอีกครั้งและซีก็ถอยกลับออกมาทันที รอยแตกปรากฏขึ้นบนกระบี่สวรรค์มนุษย์เต๋า
“ฉือช่างมีพลังยิ่งนัก! เขาเคยสู้กับปราชญ์มาก่อน! ในด้านของพลังแล้ว เขามีพลังมากกว่าสิงเสียด้วยซ้า!”
สายของซีเฉินจับจ้องขณะพูดต่อ “แล้วก็… เขาดูจะได้รับพลังสนับสนุนจากเผ่าและยังความแค้นของฟ้าและดิน เขาเป็นผู้ลงทัณฑ์แทนสวรรค์และยังไม่สามารถกดข่มได้ด้วยเก้าหม้อโอสถ!”
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”
ฉือไร้หัวก้าวยาว ๆ ตรงมาและพื้นดินก็สั่นสะเทือนรับ มันสะเทือนไปถึงอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ด้วย! เมื่อเขาเหวี่ยงขวานอีกครั้ง เขาก็คาราม “เปล่าปิศาจชั่วร้ายจากภายนอก ตายซะ! สงคราม!!!”
ทันทีที่คาว่า ‘สงคราม’ ดังออกจากปากเขา บรรยากาศก็เปลี่ยนไปในทันที ราวกับพลังจากทั้งสนามรบมารวมตัวกันอยู่ที่ขวานยักษ์ของเขา
ที่รอบด้าน ภาพสงครามและการต่อสู้ปรากฏขึ้นและยังผลักเอาอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์อื่นถอยออกไป กระทั่งมังกรแห่งแสงและมังกรเพลิงยังถูกผลักไปด้านข้าง
นอกจากนี้ สายฟ้าสีม่วงยังตวัดลงมาและรวมเข้ากับขวานยักษ์
“อ้ะ! ช่วยข้าที ชิงมู่!”
เป็นครั้งแรกที่ซีสูญเสียความเยือกเย็น เขาส่งเจตจานงเวทย์ออกไป
“ป่าเขียวงอกงาม! ถึงไฟป่าเผาผลาญมันลงไป มันก็จะเติบโตขึ้นมาใหม่ในฤดูใบไม้ผลิหน้า!”
ภายในวังหลวง ผู้อาวุโสผอมแห้งในชุดสีเขียวปรากฏตัวขึ้น ทุกย่างก้าวของเขา รอบด้านก็เปลี่ยนไปเป็นผืนป่าเขียวชอุ่มที่มีชีวิตชีวาที่สุด
“เพลิงจากไม้! เร็ว!”
อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยสีเขียวเหยียดขยายออกไปและเข้ากันได้กับพระอาทิตย์ของซีเฉิน สถานการณ์คงที่ขึ้นขณะที่พวกเขาทนรับพลังสงครามจากการต่อสู้ในทั้งเก้ารัฐ
“น่าเสียดายนัก…” ซีเฉินคิด
ซีเฉินมองไปและส่ายหน้าขณะคิด “อย่างไรเสีย อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของข้าเองก็ไม่ใช่ธาตุไฟบริสุทธิ์แท้จริง หากเป็นผู้อาวุโสทั้งสอง ชิงมู่และนักหลอมสามารถร่วมมือกันได้ พลังของพวกเขาย่อมส่งเสริมกันได้ดีกว่า น่าเสียดาย ทั้งสองนั้นมีความแค้นอันอภัยต่อกันชนิดไม่อาจอภัยและเป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกัน!”
“อีก!”
แม่ทัพฉือยังคงไม่สะทกสะท้านหรือหวาดกลัวขณะพุ่งตรงเข้าไปในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ซ้อนทับกัน
“ตายซะ!”
ที่ด้านหลังเขา เงาของเก้ารัฐปรากฏขึ้น ที่ด้านบนนั้นเป็นภาพของทหารจานวนนับไม่ถ้วนต่อสู้กัน นอกจากพื้นที่ทางเหนือ การต่อสู้รุนแรงนั้นปรากฏขึ้นทางตะวันออก ตะวันตก และทางใต้ด้วย
กระทั่งอาณาเขตซ้อนทับที่ใกล้กับร่างของฉือยังอ่อนกาลังลง
“ฉือสร้างตัวเองขึ้นมาผ่านสงครามนับไม่ถ้วน ตอนนี้ทั้งเก้ารัฐนั้นตกอยู่ในภาวะสงคราม เขาย่อมสอดคล้องไปกับมติสวรรค์!”
สีหน้าของชิงมู่กลับเป็นนิ่งขรึมและพูดกับซีเฉิน “ผู้อาวุโสซี ได้เวลาที่ต้องลงมือสุดกาลังแล้ว!”
“ถูกต้อง!”
เมื่อซีเฉินเห็นด้วย ต้นไม้ยักษ์ทั้งหมดในอาณาเขตก็ลืมตาขึ้นและเปลี่ยนไปเป็นมนุษย์ต้นไม้สงคราม เหล่านางไม้ที่ราวกับนกเพลิงก็ปรากฏขึ้นและเปลี่ยนไปเป็นกองทัพพุ่งตรงเข้าใส่ฉือ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหล่านางไม้ที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้มีพลังทั้งสองในช่วงที่พวกเขามีเวลาว่าง พวกนางไม้ถูกฝึกมาอย่างดีและพลังยังเทียบได้กับจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายา นอกจากนี้ ยังสามารถออกไปต่อสู้นอกอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยตัวเองเพราะว่ามีพื้นฐานการฝึกตนและพลังธาตุเป็นของตนเอง
แต่ว่า พวกเขาล้วนยินดีสละตนเองเพื่อลดพลังของฉือลง
เมื่อแม่ทัพฉือคืนชีพขึ้นมาและยังได้รับการเพิ่มพลังจากพลังแห่งสงครามของอาณาจักร ถึงแม้ผู้มีพลังทั้งสองจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้อย่างไร
…
ที่อีกบริเวณหนึ่งของสนามรบ มังกรแห่งแสงกาลังสู้กับมังกรไฟหกหัว จิ่วอินจื่อแค่นเสียง “เหอะ… ไม่อยากเชื่อว่าพวกมันจะส่งผู้อาวุโสมาที่นี่ถึงสามคน! พวกเจ้าสมาพันธ์แห่งอาณาจักรไม่สนใจหรือต้องการอาณาจักรอื่นหรือแม้แต่ต้าเฉียนอีกต่อไปแล้วหรือ?”
ในสมาพันธ์แห่งอาณาจักรนั้นมีผู้อาวุโสทั้งหมดเจ็ดคน พวกเขาเสี่ยงเอาไข่ทั้งหมดใส่ในตะกร้าใบเดียวด้วยการส่งพวกผู้อาวุโสเกือบครึ่งเข้ามาที่นี่!
“ผู้อาวุโสสามคน?!”
ที่ไกล ๆ ฟางหยวนเองก็มีปฏิกริยาแบบเดียวกัน
เพราะว่ามีจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดอยู่ที่นี่ถึงสามคน ไม่แปลกใจเลยว่าทาไมซีเฉินจึงได้มั่นใจนัก
ด้วยพลังของพวกเขา แม้ว่าแม่ทัพฉือจะฟื้นคืนชีพพวกเขาก็ยังเอาชนะได้อยู่ดี!
“แต่ว่า…”
ใบหน้าฟางหยวนปรากฏสีหน้าสงสัยขณะคิด “ข้าไม่คิดว่าองครักษ์มังกรซ่อนจะเผยไพ่ตายของพวกเขาออกมาทั้งหมดแล้ว!”
เมื่อฟางหยวนสังหารอู่จือฉีเมื่อครั้งก่อน อู่จือฉีนั้นจงใจปิดบังบางอย่างเอาไว้ ในเมื่อองครักษ์มังกรซ่อนยังไม่ทันได้ใช้งานมัน ฟางหยวนจึงรู้ทันทีว่าพวกนั้นยังมีแผนการอย่างอื่นซ่อนอยู่
“มันอันตรายเกินไปสาหรับข้าที่จะเข้าไปอยู่ที่ศูนย์กลางของสนามรบ… เหตุใดข้าจึงไม่…”
ที่ปลายหางตาของฟางหยวนเปล่งประกายขึ้นมา และเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสายลมหอบหนึ่งลอยออกไปนอกเมืองหยางในทันที
…
ลึกเข้าไปในหุบเขา เสียงดังลั่นดังมากะทันหัน
ศีรษะสีดาตกจากฟ้าและกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรงเกิดหลุมเล็ก ๆ ขึ้นมา
แต่ว่า ถึงแม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมา มันช่างประหลาดยิ่งนัก
“ฮู่…”
ครู่ต่อมา มันกระทั่งลืมตาขึ้นมา
“ข้าไม่ใช่ฉือ ข้าคือสิง!”
“ข้าเสียสละร่างกายและเลือดของข้า ข้าคืนชีพให้แก่บรรพบุรุษผู้เก่งกล้า ฉือ! นี่เพียงพอแล้ว… ตอนนี้ข้าควรจะคิดเพื่อตัวข้าเอง! เคล็ดมนตราของพ่อมด เคล็ดคืนชีพ!”
ประกายสีเลือดส่องสว่างจากดวงตาของเขาและเลือดจานวนมหาศาลก็ไหลลงมาตามลาคอค่อย ๆ ก่อร่างมนุษย์ขึ้นช้า ๆ กระดูก เส้นเลือด และกล้ามเนื้อ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละอย่าง
สุดท้ายแล้ว สายลมสีดาก็ลอยขึ้นมากลืนกินเขาเข้าไป
ครู่ต่อมา ชายที่ราวกับเทพเจ้าที่มีร่างกายส่องประกายราวหยกก็เดินขึ้นมาจากหลุม มันลูบไปตามใบหน้าและร่างกายขณะพึมพา “ยอดเยี่ยม! ถึงแม้ว่าข้าจะสละกายเนื้อของข้าไปแล้ว ข้าก็ยังได้รับมรดกจากฉือ! ไม่เสียแรงเลย… เพียงแต่น่าเสียดาย เคล็ดมนตรานี้สร้างขึ้นโดยแม่ทัพจากความคับแค้นทั้งหมดเมื่อหลายปีหลังเขาตายตกไป ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะสามารถฟื้นฟูร่างสวรรค์ได้ตั้งแต่ตอนนั้นและสู้กับกู้ได้!”
ในตอนนี้ เขาก็หลับตาลง ขมวดคิ้ว “ข้าสูญเสียเคล็ดมนตรานี้และเรี่ยวแรงไปกึ่งหนึ่ง ตามที่ท่านแม่ทัพบอกไว้ ข้าต้องจากไปในทันทีพร้อมกับเมล็ดพันธุ์ของเผ่าจิ่วลี่เพื่อรักษาสายเลือดสุดท้ายของพวกเราเอาไว้!”
สิงแตะบริเวณหว่างคิ้วของตนเองแล้วเส้นสีแดงก็ปรากฏขึ้นจาง ๆ
นั่นคือหยดเลือดแท้ของพ่อมด มันเป็นของขวัญจากฉือ
ถึงแม้ว่าสิงจะอ่อนแอนักตอนนี้ แต่เขาก็ต้องการเวลาไม่มากที่จะฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่
“แม่ทัพ… ท่านต้องชนะ!”
ขณะที่สิงมองไปทางเมืองหยาง น้าตาก็ไหลลงมาตามใบหน้า
ทันใดนั้น เขาก็หันหลังกลับ ดวงตาจ้องเขม็งและตะโกนออกมา “นั่นใคร?”