364 การทดสอบ
ผืนดินมั่งคั่งจินหยาง อาณาจักรต้าเฉียน
“ชีวิตนั้นก็เหมือนความฝัน!”
ฟางหยวนเหยียดตัว เดินออกจากห้องนั่งสมาธิและสั่นกระดิ่งทอง
“นายท่าน ท่านตื่นแล้ว?”
สาวใช้ที่รออยู่ด้านนอกนั้นประหลาดใจแกมยินดีและเข้าไปในห้องช่วยฟางหยวนล้างหน้าและแต่งตัว
ครู่ต่อมา แม่ครัวผู้หนึ่งก็ยกอาหารมาให้เขา
ในชามหยกนั้นเต็มไปด้วยข้าวรวงทองและยังมีกับข้าวที่ทาจากผลไม้และผักวิเศษ รสชาติเรียบง่ายของอาหารนั้นเข้ากันกับความชื่นชอบของฟางหยวนเพราะว่าเขาอาศัยอยู่อย่างสันโดษมาเป็นเวลานาน
“ไม่เลว…”
ฟางหยวนกินข้าวจนอิ่มและรู้สึกถึงความอบอุ่นในร่างกายเมื่อพลังธาตุฝันฟื้นฟูขึ้น เขาพอใจมาก
“พวกเจ้าทั้งหมดออกไปได้แล้ว!”
หลังจากกินอาหารเสร็จ เขาก็ให้บรรดาสาวใช้กลับออกไป ตัวเองนั่งขัดสมาธิลง
“ค่าสถานะ!”
ภาพที่มีเพียงเขามองเห็นได้เพียงผู้เดียวปรากฏขึ้น
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 48
พลังลมปราณ: 48
พลังเวทย์: 60
สายวิชา: ผู้ป้องฝัน
การฝึกตน: สวรรค์มายา (ขั้นที่ 4), อู่จง (ชีพจรที่ 5)
วิทยายุทธ์: [อินทรียักษ์กายาเหล็ก (ระดับ 6)(1 ใน 100 ส่วน)], [ร่างทองคาร้อยพิษ (ระดับที่ 1)], [ค่ายกลดาบแปดประตู (ดาบที่ 5)(1 ใน 100 ส่วน)]
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)]”
“หลังจากละทิ้งร่างกายนั้นไป ทักษะของพ่อมดที่ข้าได้ฝึกฝนเอาไว้ก็หายไป…”
ฟางหยวนคิดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาใช้เจตจานงเวทย์ของตนเองมองเข้าไปในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของตนและมองเห็นหยดเลือดแท้ของพ่อมดสีแดงสดหยดนั้น เขาก็ยิ้มและคิด “เมื่อมีสิ่งนี้ การข้ามฝันครั้งนี้ก็ยังเรียกว่าคุ้มค่า แน่นอนว่า สิ่งที่ทาให้ข้ายินดีกว่านั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอาณาจักรโบราณที่ทาให้มันกาจัดเหล่าคนนอกออกไป แล้วมันก็กลายมาเป็นอาณาจักรของข้า…”
เขาสัมผัสได้ว่าอาณาจักรที่เดิมกว้างใหญ่นั้นหดตัวลง พลังแห่งฟ้าที่เข้มข้นนั้นก่อตัวเป็นกาแพงผลึกที่มีโครงสร้างคล้ายรังผึ้งล้อมรอบอาณาจักรนั้นไว้ป้องกันไม่ให้ถูกล่วงล้าเข้าไปสารวจได้อีก
มันยากมากที่จ้าวแห่งฝันจะเข้าไปในอาณาจักรนี้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
“อาณาจักรหดตัวลงและยังปกปิดตัวเองมิดชิดราวกับไข่ฟองหนึ่ง ด้วยขนาดเท่านี้… ต่อให้เป็นปราชญ์คิดจะเข้าไปในอาณาจักรนั้นก็ยังต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากใช่หรือไม่? นอกจากนี้ เขายังต้องถูกกดข่มและไม่ได้มีพลังเหมือนที่เคย…”
เดิมที ด้วยความช่วยเหลือจากเก้าหม้อโอสถเต๋ามนุษย์ จ้าวแห่งฝันที่เข้าไปในอาณาจักรนั้นอย่างมากก็มีพลังที่ราวกึ่งหนึ่งและฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้ ต่อให้เป็นปราชญ์ก็ไม่สามารถเรียกคืนพลังได้รวดเร็วนักเมื่อเข้าไปในอาณาจักรนั้น
“องครักษ์มังกรซ่อนก็คือสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลง! ปราชญ์ช่างฉลาดนักที่เลือกรออยู่ภายนอกอาณาจักรนั้น…”
ฟางหยวนถอนหายใจ “สมาพันธ์แห่งอาณาจักรสูญเสียมากนักในครั้งนี้!”
วิธีการหนีออกมาจากอาณาจักรโบราณในครั้งนี้นั้นต่างจากวิธีการปกติในการออกจากอาณาจักร เพื่อที่จะหนีออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทา
ได้ จ้าวแห่งฝันจานวนมากใช้วิธีการฆ่าตัวตายเพื่อหนีออกมา กระทั่งจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดก็ยังได้รับความสูญเสียระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ ด้วยผนึกของอาณาจักร ยังมีโอกาสหนีรอดออกมาได้เพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้น
ฟางหยวนหลับตาลงและเจตจานงเวทย์ก็เชื่อมเข้ากับอาณาจักรแห่งฝัน เขาไปที่เทือกเขาสมาพันธ์แห่งอาณาจักร
ถึงแม้ว่าที่นี่ยังเหมือนเดิม แต่มีผู้คนอยู่รอบ ๆ น้อยลง จ้าวแห่งฝันหลายคนมีสีหน้าซึมเซาและดูเหมือนจะมีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น
“ดูเหมือนว่าสมาพันธ์แห่งอาณาจักรจะได้รับผลกระทบรุนแรงทีเดียวในคราวนี้…” ฟางหยวนคิด
ช่างนับว่าเป็นโชคร้ายอย่างที่สุดที่องครักษ์มังกรซ่อนนั้นวางแผนชักนาและล่อลวงให้สมาพันธ์แห่งอาณาจักรส่งกาลังเสริมเข้าไปเป็นจานวนมาก
เมื่อฟางหยวนมาถึงสมาพันธ์แห่งอาณาจักร ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในเมื่อเขาก็เป็นคนของสมาพันธ์คนหนึ่ง
“พี่ฟาง!”
มีข้อความหลายข้อความปรากฏบนแผ่นป้ายประจาตัวของเขา ข้อความแรกมาจากสองพี่น้องตระกูลเยี่ย “พวกเราดีใจที่รู้ว่าท่านปลอดภัย พวกข้าเป็นห่วงท่านมาก!”
“ก็ได้รับผลสะท้อนกลับอยู่บ้าง แต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไร!”
ฟางหยวนตอบกลับ “แล้วสถานการณ์ในสมาพันธ์เป็นอย่างไร?”
“จะเป็นอย่างไรได้? ก็บาดเจ็บและล้มตายกันไปมากพอตัวเลยน่ะสิ! มีจ้าวแห่งฝันที่กลับมาจากอาณาจักรโบราณได้เพียงแค่สี่ส่วนเท่านั้น ที่เหลือล้วนตายตกลงไป… สามผู้อาวุโสยังได้รับบาดเจ็บด้วยแต่ว่าไม่สาหัสนัก และยังปรากฏตัวออกมาเพื่อปลอบประโลมผู้อื่นแล้ว!”
“นั่นดีแล้ว!”
อันที่จริงแล้ว พลังของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ถึงสิบคนก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดเพียงคนเดียว
ตราบใดที่สามผู้อาวุโสไม่เป็นอะไร สมาพันธ์แห่งอาณาจักรก็ยังคงไม่เป็นอะไร
แน่นอนว่า ในเวลาเช่นนี้ กลยุทธ์บางอย่างนั้นได้รับผลกระทบจากความสูญเสียนี้
“แล้วก็…”
เยี่ยชูฮวาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่งข้อความมาอีก “หลี่ฉินตายแล้ว… เขาเองก็เป็นหนึ่งในกาลังเสริมครั้งนี้เช่นกัน!”
“หลี่ฉิน?!”
ศัตรูของเขาผู้นี้ จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ที่หัวโบราณผู้นั้นก็ตายอยู่ในอาณาจักรโบราณด้วย?
ฟางหยวนคิดอย่างหนัก นอกจากช่วงระยะที่กาลังเสริมสุดท้ายถูกส่งเข้าไปเขาก็อยู่ที่ทางเหนือตลอดเวลา เขาไม่ได้ชื่นชอบคนผู้นี้นักแต่ก็อดถอนหายใจไม่ได้
ถึงแม้ว่าฟางหยวนจะยังคงมีเรื่องราวที่ต้องจัดการกับคนผู้นี้ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าคนผู้นี้จะตายไปเช่นนี้
อาณาจักรนั่นช่างโหดร้าย ฟางหยวนนั้นหนีมาได้ก็เพราะโชคเท่านั้นแต่ครั้งต่อไปเล่า? เขาจะยังโชคดีเหลือเชื่อเช่นนี้อีกหรือไม่?
…
ฟางหยวนเดินเข้าไปในหอสัมฤทธิ์และเห็นเฟิงซินจื่อในครู่ต่อมา
“น้องชาย!”
เฟิงซินจื่ออยู่ในชุดคลุมห้าสีและยังมีกระไอยาล้อมรอบเอาไว้อย่างสมบูรณ์ เจตจานงเวทย์ของเขาดูประหลาดไป ถึงแม้ว่าจะดูเหนื่อย แต่สีหน้ายินดีก็ปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นฟางหยวน
“ข้าได้ยินว่าเจ้าไปที่อาณาจักรโบราณแล้วก็กาลังเป็นห่วงเจ้าทีเดียว! เห็นเจ้าสบายดีแล้ว ข้าก็เบาใจได้!”
อันที่จริงแล้ว ก็มีเพียงเฟิงซินจื่อเองเท่านั้นที่รู้ว่าจริง ๆ ในใจของตนนั้นรู้สึกอย่างไร เพียงแต่จ้าวแห่งฝันล้วนแต่เชี่ยวชาญการจัดการอารมณ์และจิตใจของตน จึงไม่มีใครบอกได้ว่าเขากาลังโกหกหรือไม่
“ข้าเพียงแค่โชคดี!”
ฟางหยวนเองก็บอกไม่ได้เช่นกัน ขณะที่ฟางหยวนนั้นระมัดระวังเป็นนิสัย เขาก็ตอบอย่างระวังและทาให้แน่ใจว่าไม่ได้หลุดอะไรออกไปและยังหยุดความพยายามที่จะซักไซ้ของเฟิงซินจื่อ
“เฮ่ย… เรื่องคราวนี้แย่ทีเดียว!”
เฟิงซินจื่อถอนหายใจและพูดต่อ “ในสมาพันธ์ตายกันไปหลายคน ตอนนี้เป็นเวลาแห่งการสูญเสีย แล้วก็ หลายตาแหน่งตอนนี้ว่างลงแล้วและต้องมีการทดแทนตาแหน่งหรือย้ายตาแหน่ง… เจ้าทาได้ดีในครั้งนี้และยังสร้างคุณความดี! เมื่อเจ้าไปพบผู้อาวุโสนักหลอมในภายหลัง ระดับการเข้าถึงของเจ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นบรรณที่ห้า!”
หากฟางหยวนได้รับระดับการเข้าถึงเป็นบรรณที่ห้าในสมาพันธ์ ระดับของเขาก็จะเทียบเท่ากับเฟิงซินจื่อ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินใจได้โดยง่ายและฟางหยวนก็ต้องผ่านผู้อาวุโสไปให้ได้ก่อน
เฟิงซินจื่อนั้นรู้สึกแย่นิด ๆ แต่ว่าไม่ได้เผยอะไรออกมาทางสีหน้าและพูดต่อ “แล้วก็ จากบรรณที่ห้าเป็นต้นไป เจ้าก็จะนับว่าเป็นระดับกลางค่อนสูง และเจ้าต้องผ่านการทดสอบก่อน!”
ฟางหยวนอึ้งไป เขารู้ว่านี่ยังเป็นการหาประโยชน์จากกฎของสมาพันธ์อีกครั้งแล้ว
“ทดสอบ?”
ฟางหยวนมองจ้องเฟิงซินจื่ออีกครั้งและจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา “แล้วหากข้าเลือกที่จะไม่เพิ่มระดับการเข้าถึงเล่า?”
“อะไรนะ?”
เฟิงซินจื่ออ้าปากค้าง เขาเกือบจะไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน “นี่… ถึงแม้ว่าจะไม่มีกฎในเรื่องนั้น แต่เหตุใดจึงเลือกที่จะไม่รับรางวัลเล่า?”
“ฮ่าฮ่า… ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้กันเมื่อข้าไปพบผู้อาวุโสและได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการทดสอบก่อน!”
ฟางหยวนประสานมือและเดินออกประตูไป
“ฮึ…”
ครู่ต่อมา หลังจากไม่มีผู้ใดในหอสัมฤทธิ์แล้ว รอยยิ้มของเฟิงซินจื่อก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อและสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นบึ้งตึง
…
“เฮอะ… อย่างไรบรรณที่หนึ่งหรือสองก็เป็นเพียงสถานะเท่านั้น ไม่ได้ทาให้ข้ามีฐานะอันใดในสมาพันธ์ ผลประโยชน์ก็เล็กน้อยเท่านั้น! ข้าไม่โง่พอที่จะเสี่ยงชีวิตของข้ากับของเช่นนั้นหรอก!”
ฟางหยวนเข้าร่วมกับสมาพันธ์แห่งอาณาจักรเดิมดีก็เพื่อต่อต้านแรงกดดันจากลัทธิบัวสวรรค์
ตอนนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากสงครามใหญ่เมื่อมันเริ่มขึ้น เขาจึงไม่ได้สนใจสิทธิ์การเข้าถึงของตนนัก
ตราบใดที่ตัวฟางหยวนเองเป็นจ้าวแห่งฝันที่ทรงอานาจทั้งหมดล้วนไม่สาคัญ
ที่ระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ด เขาจะสามารถสร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเผ่าพันธุ์ได้
เมื่อเขาไปถึงระดับนั้นได้ เขาย่อมนับได้ว่ามีอานาจและมีความสาคัญอย่างแท้จริง! แล้วสถานะพวกนั้นจะนับเป็นอะไรได้อีก?
“แต่อย่างไร… ตอนนี้ข้ายังคงต้องการการปกป้องจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักร ในสานักและสมาพันธ์ สมาชิกระดับต่าย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังคาสั่ง ต่อให้มันเป็นเพียงกฎที่ไม่ได้ตราเอาไว้ก็ตาม! ก็ยังมีวิธีการที่สานักจะใช้บีบบังคับได้! ดังนั้นข้ายังคงต้องมีสิ่งบังหน้าเอาไว้… ข้าไม่เชื่อฟังไม่ได้ แต่ข้าถ่วงเวลาได้!”
ถ่วงเวลาการทดสอบออกไปยังต้องการเล่ห์กลเล็กน้อยเช่นกัน
ที่เขาไม่ต้องการเพิ่มระดับการเข้าถึงของตนเองก็เป็นเพียงหนทางการป้องกันไม่ให้พวกเขาบีบบังคับให้ต้องรับการทดสอบซ้า ๆ เท่านั้น
ความตั้งใจของเขาอาจจะอ่อนลงและการตัดสินใจอาจจะกลับไปกลับมา โดยรวมแล้วก็คือเขาต้องชี้แจงแก่คนพวกนั้น!
เวลาที่ได้มาจากการถ่วงเวลานั่นสามารถใช้ไปกับการฝึกตนและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองได้
เมื่อเขามีพลังของเขามากถึงระดับหนึ่งแล้ว ทุกอย่างก็จะเข้าทางเขา การทดสอบย่อมไม่นับว่ายากอีกต่อไป
ฟางหยวนนั้นวางแผนทั้งหมดเอาไว้และมุ่งหน้าไปพบผู้อาวุโสนักหลอม
…
หลายวันให้หลัง ที่ผืนดินมั่งคั่งจินหยาง
“หลังจากถกเถียงกันเล็กน้อย ข้าก็สามารถทาข้อตกลงได้… ข้ายังคงเก็บผืนดินมั่งคั่งจินหยางเอาไว้ได้และยังไม่ต้องเข้ารับภารกิจอื่นใดสิบปี เพียงแค่ข้าต้องรับภารกิจหนึ่ง!” ฟางหยวนคิด
อันที่จริงแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
หลังจากเกิดเรื่องที่ในอาณาจักรโบราณ ผู้อาวุโสทั้งสามได้รับบาดเจ็บและสมาชิกในสมาพันธ์เสียชีวิตไปเป็นจานวนมาก ตาแหน่งเดิมว่างลงและสายเลือดใหม่ก็ต้องเข้ามาเติมตาแหน่งว่างเหล่านี้
นอกจากนี้ ยังไม่แค่เขาเท่านั้น กระทั่งโจวฮั่นและสมาชิกอื่น ๆ ของสมาพันธ์ที่ทางานอยู่เบื้องหลังก็รับผลกระทบไปด้วย
“แล้วก็… ข้าเพียงสามารถยืดระยะเวลาออกไปได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น! ในครึ่งปีนี้ ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง!”
การแอบเข้าไปในอาณาจักรโบราณนั้นเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่ฟางหยวนจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองได้
ถึงแม้ว่าอาณาจักรนั้นจะมุ่งโจมตีรุนแรงแต่ว่ามันกลับไม่ได้เพ่งเล็งมาที่ฟางหยวน แต่ตอนนี้ หลังจากเหตุการณ์นี้ ก็ดูเหมือนว่าเหล่าระดับสูงนั้นจะให้ความสนใจในตัวเขาเป็นพิเศษแล้ว เขายังอาจถูกจับได้หากเข้าไปในอาณาจักรใด! นอกจากนี้ อาณาจักรนั้นยังอยู่ในช่วงหายนะ ต่อให้เขาสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใดมาได้ ก็น่าจะเป็นความเกลียดชังเสียมาก ดังนั้น ฟางหยวนจึงยังไม่เข้าไปในอาณาจักรนั้นแต่ว่ายังคงวางแผนการล่วงหน้าอย่างช้า ๆ
“นอกจากอาณาจักรโบราณ ตาแหน่งของอาณาจักรอื่นที่ข้าสามารถเข้าถึงได้ล้วนจากัด นอกจากนี้ ก็เป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ที่ถูกโจมตีหลายครั้งแล้วและคงไม่เหลืออะไรแล้ว…”
ฟางหยวนถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องฝึกตนไปตลอดระยะเวลานี้ก่อนแล้ว”
โชคดี เขาไม่ได้กลับมาจากอาณาจักรโบราณมือเปล่า
ที่ด้านในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของเขานั้น ผลึกสีเลือดเม็ดหนึ่งสั่นเบา ๆ มันมีประกายลึกลับแผ่ออกมาและยังมีเส้นเสี้ยวของมรดกของเต๋าพ่อมดด้วย
“พวกพ่อมดให้ค่าร่างกายนี้ที่สุด นี่เข้ากันได้กับเคล็ดวิชาร่างทองคาร้อยพิษที่ข้าฝึกฝนอยู่… หากข้าสามารถดูดซับเลือดนี่และตีความเคล็ด
สวรรค์ของมันได้โดยสมบูรณ์ วิทยายุทธ์และร่างกายของข้าต้องพัฒนาไปอีกก้าวใหญ่”
“นอกจากนี้ ข้ายังมีมรดกจากปราชญ์ฉางหลีที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง ที่ระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ ตอนนี้ข้าสามารถมองเห็นและตีความเนื้อหาได้มากขึ้น!”
“สิ่งที่สาคัญที่สุดในครึ่งปีนี้ย่อมเป็นสองอย่างนี้แล้ว!”