Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 366

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 366

366: ช่วย
“ฝุบ!”
เงาร่างพร่าเลือนพุ่งผ่านป่า ข้ามผืนดินที่เต็มไปด้วยอันตรายและในที่สุดก็มาถึงที่ชายขอบผืนดินมั่งคั่งจินหยาง
เมื่อเงานั้นหยุดร่างลง คนผู้นั้นที่เผยตัวออกมาก็คือโจวเทียนที่ปลอมตัวเป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง
“ใครจะคิดว่าเพียงแค่คาสั่งง่าย ๆ จากสมาพันธ์จะส่งพวกเราทั้งหมดกระจายตัวกันออกไปแล้ว!”
เขามองไปทางปากถ้าแล้วหัวเราะขื่น ๆ ออกมา “เด็กผู้นั้นมีความสามารถนักและยังเพิ่มพูนระดับการฝึกตนของตัวเองได้เร็วมาก ระดับการเข้าถึงของเขาตอนนี้ยังเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร็วที่น่าตระหนก มันใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็ขึ้นมาเป็นผู้ฝึกตนบรรณที่ห้า พอคิดดูแล้ว ตอนนี้เขาก็นับว่าเหนือกว่าข้าแล้ว!”
การฝึกตนนั้นไม่มีขีดจากัด
เป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างที่สุดที่คนใหม่ ๆ จะเหนือกว่าคนเก่า ๆ ในด้านการฝึกตน
แต่ว่า การที่ฟางหยวนสามารถทาเช่นนี้ได้ในเวลาอันสั้นนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องยากและทาให้โจวเทียนรู้สึกว่ามันต้องมีปริศนาลึกลับสักอย่าง
ตอนนี้เมื่อโจวเทียนมาถึงแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในถ้าและชูป้ายคาสั่งขึ้น “ข้าคือโจวเทียนจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักร ข้าขอเข้าพบท่านฟาง!”
เพราะว่ามีระดับการเข้าถึงสลักเอาไว้บนป้ายนั่น ค่ายกลใหญ่เก้าสิบเก้าตะวันจึงสั่นและส่งข้อความของเขาผ่านเข้าไป
“ฮ่าฮ่า… เป็นพี่โจวนั่นเอง! เหตุใดจึงทาท่าราวกับพวกเราเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน?”
ไม่นาน ค่ายกลก็แยกออกและฟางหยวนก็เดินออกมาต้อนรับโจวเทียน
“ข้าไม่กล้า!”
“โจวเทียนโค้งตัวลงเล็กน้อยและมีทีท่านอบน้อม “ในภารกิจนี้ พวกเรานั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ในฐานะเหรัญญิกและอารักษ์อีกต่อไปแล้ว กลับกัน ท่านนับว่าเป็นหัวหน้าของข้า!”
เขามองไปที่ป้ายคาสั่งด้วยสายตาจริงจัง “…ตามที่ผู้อาวุโสของสมาพันธ์แจ้ง พวกเราทั้งคู่นั้นต้องเดินทางไปที่เทือกเขาเก้าสุดยอดอย่างเป็นทางการ!”
เมื่อคิดดูแล้ว สมาพันธ์ย่อมสามารถส่งเป็นข้อความถึงฟางหยวนผ่านอาณาจักรแห่งฝัน การส่งจ้าวแห่งฝันอื่นมาแจ้งข่าวนั้นนับเป็นการแสดงความจริงใจและความสาคัญของภารกิจนี้ ทาให้ยากที่ฟางหยวนจะปฏิเสธได้
‘ดูเหมือนว่าข้าต้องไปจากที่นี่อย่างน้อยก็ครึ่งปี!’
ฟางหยวนยิ้ม นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้แล้ว “ขอเวลาข้าจัดการธุระปะปังสักครู่ แล้วข้าจะออกเดินทางไปพร้อมท่าน!”
“ได้สิ!”
เรื่องเล็กเพียงนี้ โจวเทียนย่อมต้องปล่อยให้ฟางหยวนไปจัดการ
ตรงกันข้าม เมื่อเห็นฟางหยวนปฏิบัติกับเขาอย่างดีเขาก็ตัวสั่น ‘เด็กผู้นี้ทาให้ข้ารู้สึกถึงอันตรายราวกับเขาเป็นสัตว์ร้ายสักอย่าง หรือว่าเขาฝึกฝนวิชาอันทรงพลังใดกัน?!’
ถึงแม้ว่าเขาจะตกใจ แต่ส่วนหนึ่งของเขาก็โล่งขึ้น ‘มีเขาอยู่ด้วย พวกเราก็มีโอกาสทาภารกิจที่เทือกเขาเก้าสุดยอดสาเร็จสูงขึ้น’
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เรือวิเศษก็ลอยออกจากผืนดินมั่งคั่งจินหยาง เมิ่งเทียน เมิ่งกวง และคนรับใช้อื่่น ๆ ตามหลังมาเพ่ื่่อส่งนายท่านของตัวเองออกไป
สูงไปบนฟ้า สายลมรุนแรง ที่รอบลาเรือนั้นล้อมไปด้วยรัศมีทรงกลมที่ส่องสว่างแยกเรือออกจากสิ่งแวดล้อมด้านนอก
ฟางหยวนยืนอยู่ที่หัวเรือและก็ตกใจ “ยากมากที่จะได้พบเรือวิเศษเช่นนี้!”
“ก็เป็นเพียงการเดินทางในรูปแบบหนึ่งเท่านั้น น้องฟาง ท่านเคยเห็นคุนเผิงของราชสานักหรือไม่? นั่นเป็นเมืองบนฟ้าเลยทีเดียว ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฟากฟ้า!”
โจวเทียนหัวเราะเสียงไม่ดีนักอีกครั้ง “พวกเราต้องแวะรับจ้าวแห่งฝันอีกหลายคนในระหว่างทาง ข้าเตรียมน้าชาและขนมเอาไว้ในห้อง พี่ฟาง ท่านต้องการบ้างหรือไม่?”
“ขอบคุณท่านแต่ตอนนี้ข้ายังไม่หิว!”
ฟางหยวนมีท่าทีจริงจัง เขาปลดเกราะที่รอบ ๆ ลงและปล่อยให้กระแสลมแรงกระทบร่าง
“ซู่!”
ร่างของเขาราวกับเป็นหลุมดา ดูดซับพลังจากทุกอย่างที่รอบตัว
‘ข้าเกรงว่ากระทั่งอู่จงระดับชีพจรที่เก้าก็ยังไม่สามารถเทียบกับร่างนี้ของข้าได้?’
อย่างไรเสียในเวลานี้ฟางหยวนก็ควบคุมร่างกายอันทรงพลังได้เต็มที่แล้ว ร่างกายอันแข็งแกร่งของเขานั้นตอนนี้ก็เหมือนกับค่ายกลดาบจตุลักษณ์ เป็นสิ่งที่เขาสามารถพึ่งพาเพื่อรักษาชีวิตให้รอดได้ นอกจากนี้ เขายังมีข้อจากัดในการใช้พลังจากร่างกายน้อยกว่าเทียบกับค่ายกลดาบจตุลักษณ์
ด้วยพื้นฐานอันแข็งแกร่ง แถบสะสมประสบการณ์ของเคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ตอนนี้นั้น ฟางหยวนสามารถสร้างชีพจรที่เจ็ดได้แล้วและยังบรรลุระดับต่าที่สุดที่เป็นเงื่อนไขในการสร้างร่างสวรรค์แท้จริง!
‘จานวนชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่ข้ามี ยิ่งมีมาก ข้าก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อบรรลุร่างสวรรค์แท้จริง น่าเสียดายที่เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กนั้นจากัดอยู่ที่ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่แปดเท่านั้น! หากข้าต้องการบรรลุระดับต่อไป ข้าจาต้องอาศัยร่างทองคาร้อยพิษแทน!’
ฟางหยวนนั้นคิดมานานแล้วว่าจะรวมทั้งสองเคล็ดวิชาเป็นหนึ่งเดียว ตอนนี้ที่ร่างกายของเขาดีขึ้นมากแล้วย่อมทาให้เขามีพื้นฐานที่ดีมากขึ้นเช่นกัน
เมื่อมองดูค่าสถานะของตัวเองแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายของข้า พลังลมปราณก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน!”
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 96
พลังลมปราณ: 70
พลังเวทย์: 60
สายวิชา: ผู้ป้องฝัน
การฝึกตน: สวรรค์มายา (ขั้นที่ 4), อู่จง (ชีพจรที่ 7)
วิทยายุทธ์: [อินทรียักษ์กายาเหล็ก (ระดับ 8)(5 ใน 100 ส่วน)], ร่างทองคาร้อยพิษ (ระดับที่ 10), [ค่ายกลดาบแปดประตู (ดาบที่ 5)(1 ใน 100 ส่วน)]
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)],[เนตรเพลิงสีทอง (ระดับ 1)]”
มีร่างกายแข็งแกร่งเป็นพื้นฐานและฟางหยวนยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิทยายุทธ์และยังหล่อเลี้ยงร่างกายด้วยสารอาหารและอย่างอื่น เขาก็สามารถทะลวงด่านของวิทยายุทธ์ได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เขายังมีความมั่นใจอย่างยิ่งที่จะใช้เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กได้จนถึงขีดจากัดที่ชีพจรที่แปด
แต่ว่า หากเขาต้องการบรรลุด่านอย่างสมบูรณ์ เขากลับยังไม่มีความสามารถถึงขั้นนั้น อย่างไรเขาก็ยังต้องใช้ร่างทองคาร้อยพิษช่วย
มีสิ่งที่ต้องจดจาเอาไว้หลังจากอ่านประสบการณ์การฝึกตนของปราชญ์ฉางหลีและมนตราพ่อมด ฟางหยวนนั้นเริ่มมองไปที่โลกอื่นและยังมีเส้นทางการฝึกยุทธ์ที่กระจ่างชัดกว่าเดิม
‘แต่ว่า… เพียงแค่มีร่างกายแข็งแกร่งอย่างเดียวนั้นก็ราวกับครอบครองอาวุธทรงพลังในตัวอยู่แล้ว’
ฟางหยวนจมลงไปในห้วงความคิด ‘โดยเฉพาะเมื่อข้าไปถึงเทือกเขาเก้าสุดยอด!’
เพราะคิดเช่นนี้ บนมือเขาจึงปรากฏแสงวาบขึ้นและหยกแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้น รายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจเริ่มหลั่งไหลเข้าไปในสัมปชัญญะของเขา
เทือกเขาเก้าสุดยอด!
เทือกเขานี้นับเป็นหนึ่งในสถานที่อันตรายในต้าเฉียน มันมีตานานเรื่องหนึ่งกล่าวถึงเอาไว้ ตานานบอกว่าเป็นปราชญ์ไร้นามผู้หนึ่งสิ้นชีพลงที่นั่นทาให้เกิดช่องว่างมิติที่หลอมรวมเข้ากับโลกใบนี้!
กระทั่งปราชญ์ก็ยังถูกโจมตีและอาจจะประสบกับความตายได้เช่นกัน!
เมื่อเขาจากไป ช่องว่างมิติเองก็ค่อย ๆ พังทลายลงช้า ๆ ถูกผนึกเอาไว้และทิ้งเอาไว้ให้กับทายาท หรืออาจจะแตกกระจายออกแล้วผสานเข้ากับโลกจริง ทาให้เกิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือผืนดินมั่งคั่งได้
เทือกเขาเก้าสุดยอดนั้นเป็นเทือกเขาที่เหยียดตัวยาวนับพันลี้ ในนั้น มีดอกไม้และหญ้าที่พิเศษเฉพาะ มีสัตว์ประหลาดมากมายนับไม่ถ้วน และยังมีความลับมากมายอยู่ในด้วยด้วย และความลับเหล่านี้แหละที่ดึงดูดเหล่าจ้าวแห่งฝันมากมายให้มาสารวจบนเทือกเขานี้
โชคร้าย บนเทือกเขานั้นมีอันตรายมากมาย ไม่เพียงแค่สัตว์ป่าดุร้ายจานวนมาก ปราชญ์คนสุดท้ายยังวางเขตหวงห้ามเอาไว้บนนั้นด้วย ในที่สุด บนเขาก็กลับกลายเป็นมีคุณสมบัติที่เป็นที่รู้กันว่า ‘สุดยอดของการกีดกัน’ ซึ่งแยกทุกสิ่งบนเขาออกจากภายนอก กระทั่งพลังธาตุธรรมชาติและพลังธาตุฝันก็ได้รับผลกระทบไปด้วย!
และก็เป็นเพราะลักษณะพิเศษเหล่านี้ของเทือกเขาแห่งนี้ที่ทาให้มันได้ชื่อว่า ‘เทือกเขาเก้าสุดยอด’!
“แน่นอนว่า… ถึงแม้ว่านี่จะเป็นดินแดนอันตรายแห่งหนึ่ง แต่ก็มีโอกาสอันงามอยู่ที่นั่นด้วย ท่ามกลางเหล่าจ้าวแห่งฝันที่เข้าไปสารวจบนเขา มีหลายคนที่กลับออกมาแล้วกลายเป็นมีพลังมากขึ้น!”
“ว่ากันว่าเขตหวงห้ามที่กาหนดเอาไว้บนเทือกเขานั้นไม่สมบูรณ์นักเพราะว่าช่องว่างมิตินั้นแตกกระจายไป ดังนั้น จึงจะมีช่วงระยะเวลาหนึ่ที่เขตหวงห้ามจะอ่อนแรงลงที่สุด นั่นเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเข้าไปทาการสารวจ!”
หลังจากช่องว่างมิติแตกกระจายไป มันอาจจะผสานเข้ากับโลกจริงและกระทั่งปราชญ์ก็ไม่สามารถที่จะแยกมันออกมาได้
แน่นอนว่า พวกเขาอาจจะสามารถฝืนแยกมันออกจากโลกจริงได้ แต่ว่าก็อาจจะทาให้สวรรค์พิโรธในกระบวนการนั้นและมันไม่คุ้มเสี่ยง
ถึงแม้ว่าเทือกเขาเก้าสุดยอดนั้นจะอันตรายอย่างสุดแสนและยังเป็นช่องว่างมิติที่ปราชญ์ผู้หนึ่งทิ้งเอาไว้ มันก็ยังสามารถดึงดูดเหล่าจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์สูงสุดมากมาย
“อันที่จริง ยังมีปราชญ์อีกหลายคนที่เข้าไปสารวจในนั้นแล้ว แต่พวกเราน่ะเพียงแค่ไม่รู้เท่านั้น!”
ฟางหยวนนั้นมัวเหม่อคิดถึงภารกิจครั้งนี้ “… พวกเราได้รับมอบหมายให้เข้าไปในเทือกเขาเก้าสุดยอด! กระทั่งแค่ชายขอบของเทือกเขานี้ ทั้งสี่สานักยิ่งใหญ่ก็ยังร่วมแรงกันแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าเทือกเขานี้พิเศษจริง ๆ!”
เพราะว่าความล้มเหลวก่อนหน้านี้ของสมาพันธ์แห่งอาณาจักร สมาพันธ์จึงทาตัวเงียบเชียบตั้งแต่นั้นมา แต่ว่า สมาพันธ์ก็ยังคงส่งจ้าวแห่งฝันหลายคนมาที่เทือกเขาเก้าสุดยอดนี้ และนี่ก็เป็นเช่นเดียวกับอีกห้าสานักยิ่งใหญ่ ยิ่งทาให้เทือกเขานี้พิเศษเหนือธรรมดาไปอีก!”
“เดี๋ยวก่อนนะ…”
สีหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนไปเหมือนคิดถึงอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา “เทือกเขาเก้าสุดยอด… ดูเหมือนข้าจะได้อ่านเกี่ยวกับสิ่งนี้ในมรดกของปราชญ์ฉางหลี มันเป็นจุดสาคัญอะไรสักอย่าง…”
โชคร้าย เขาเพียงได้อ่านคาอธิบายโดยย่อยของมันเท่านั้นและยังครอบครองไว้แค่หนึ่งในหกของมรดกทั้งหมด ดังนั้น เขาจึงยังไม่ค่อยเข้าใจนัก

ตลอดหลายพันลี้ของเทือกเขาเก้าสุดยอดนั้นแทบจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอก และยังมีประกายหลากสีปกคลุมอยู่ตลอดแนวเทือกเขาและผู้ฝึกตนโดดเดี่ยวที่หลงเข้าไปในประกายแสงนั่นล้วนแต่ล้มตายอย่างน่าสยดสยอง
ยังมีสองสามจุดที่อ่อนแรงกว่า ที่ช่องว่างมิติแตกออกนี้นั้นอาจจะเกิดจากชะตาฟ้าลิขิตหรือมันอาจจะอ่อนแรงลงเพราะจ้าวแห่งฝันที่ทรงพลังหลายคนก็ได้ จุดอ่อนนั้นเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดที่ผู้อื่นจะล่วงเข้าไปได้ ดังนั้น จุดเหล่านี้จึงถูกวางเอาไว้เป็นจุดรวมพลของเหล่าจ้าวแห่งฝัน
ถึงแม้ว่าเทือกเขาเก้าสุดยอดจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่สมบัติในนั้นก็คุ้มค่า มันจึงดึงดูดและเล่นกับความละโมบของเหล่าจ้าวแห่งฝัน
แต่ว่า จ้าวแห่งฝันของห้าสานักยิ่งใหญ่นั้นก็ควบคุมทางเข้าออกอย่างเข้มงวด ไม่ยอมให้คนของราชสานักหรือว่าผู้ฝึกตนโดดเดี่ยวเข้าไปได้โดยเด็ดขาด
ในเวลาเดียวกัน ที่ฐานที่มั่นของสมาพันธ์แห่งอาณาจักร
เรือเหอะหลายลาปรากฏขึ้นที่กลางอากาศในรูปแบบของลาแสงหลายเส้น พวกเขารวมตัวกันอยู่เหนือฐานที่มั่นอย่างรวดเร็ว
ที่ด้านล่างจ้าวแห่งฝันหลายคนปรากฏตัวออกมา พวกเขาล้วนตื่นตัวและยังมีความคาดหวังอยู่บนใบหน้า
“อืม พวกเราติดต่อกับพวกเขาแล้ว สัญลักษณ์ถูกต้อง พวกเขาเป็นคนของเรา!”
หนึ่งในจ้าวแห่งฝันพยักหน้า “ให้พวกเขาเข้ามา!”
แรงสั่นสะเทือนที่มองไม่เห็นเริ่มกระจายออกไปและจ้าวแห่งฝันที่รอบ ๆ ก็เริ่มลดการระวังตัวลง โดยเฉพาะพวกพวกที่อยู่ใกล้กับสิ่งก่อสร้างสูงหลังหนึ่ง รัศมีพลังอันเกรี้ยวกราดของพวกเขาค่อย ๆ สลายไปอย่างช้า ๆ
“ฝุบ! ฝุบ!”
เรือเหาะสามลาลงจอดอย่างช้า ๆ ก่อให้เกิดกระแสอากาศปั่นป่วนเมื่อลงถึงพื้น จ้าวแห่งฝันกว่าสิบคนลอยลงมาจากบนเรือและมองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย
‘แค่สิบห้าเองหรือ?’
ที่ด้านใต้นั้น หัวหน้าของเหล่าจ้าวแห่งฝันมีสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่จะยิ้มออกมาแล้วตรงไปหาผู้ที่มาใหม่ “ข้าคือสิงอวิ๋นจื่อ อารักษ์แห่งดินแดนแห่งนี้ ยินดีต้อนรับ!”
“ยินดีเช่นกัน!”
ฟางหยวนและคนที่เหลือคารวะกลับ
สิงอวิ๋นจื่อนั้นมีรัศมีพลังอันคาดเดาไม่ได้ เขาเป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่หก อยู่ห่างจากขั้นที่เจ็ดเพียงแค่ก้าวเดียว!
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ห่างเพียงแค่ก้าวเดียวแต่เขาก็ยังคงต่างไปจากจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ด แต่ที่สุดแล้วเขาก็นับว่ายังมีโอกาส
“ฮ่าฮ่า… ไม่ต้องมากพิธีไป ข้าเตรียมงานเลี้ยงเอาไว้และหวังว่าพวกท่านทุกคนจะเข้าร่วมกินดื่ม พวกเราจะพักกันสามวันก่อนที่จะเข้าสู่เทือกเขาเก้าสุดยอด!”
สิงอวิ๋นจื่อนั้นเป็นผู้ที่มีความเด็ดขาด
ดังนั้นเขาจึงเริ่มตรวจดูผู้ที่มาใหม่ ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นฟางหยวน โจวเทียนและจ้าวแห่งฝันอีกคนที่อยู่ในระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่
จ้าวแห่งฝันทั้งสามคนล้วนเป็นคนที่สมาพันธ์แห่งอาณาจักรส่งออกมาให้ความช่วยเหลือ
“เชิญ!”
เขารู้สึกตื้นตัน เขาเดินตรงเข้าไปเชื้อเชิญโจวเทียนและจ้าวแห่งฝันอีกคนเข้าร่วมงานเลี้ยง และเขาก็ชาเลืองมองฟางหยวน “ท่านคงจะเป็นฟางหยวนใช่หรือไม่? ท่านอายุน้อยเพียงนี้กลับบรรลุระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่และยังเป็นผู้ฝึกตนบรรณที่ห้า ท่านเป็นผู้กล้าวัยเยาว์โดยแท้! ท่านคือความหวังของสมาพันธ์ของพวกเราแล้ว ข้าจะโล่งใจนัก!”
ฟางหยวนยิ้มขณะเดินตามสิงอวิ๋นจื่อเข้าไปในห้องโถงหลัก
ตอนที่พวกเขานั่งลงที่นั่นสาวใช้หลายคนก็เริ่มยกสุราออกมา เขาค่อย ๆ ตรวจดูรอบ ๆ ตัวและสังเกตเห็นคนคุ้นเคยหลายคน จากนั้นฟางหยวนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
ที่อีกฟากห้อง หลี่ไป๋ก้มหน้าต่และอยากจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนกกระจอกเทศในทันใดนั้น ทั้งร่างของเขาสั่นด้วยความหวาดกลัว
หลังจากไม่มีท่านปู่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแล้ว มันก็เหมือนกันเขาสูญเสียกระดูกสันหลังไปเลยทีเดียว

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ