367: จุดสาคัญ
ในสายตาฟางหยวน หลี่ไป๋นั้นก็เป็นแค่วัชพืชไร้ราคาต้นหนึ่งเท่านั้น ตราบใดที่หลี่ไป๋ไม่เข้ามาวุ่นวายกับฟางหยวน ฟางหยวนก็ไม่สนใจเรื่องเขา
หลังจากงานเลี้ยง จ้าวแห่งฝันก็กลับห้องของตัวเอง ฟางหยวนลงนั่งขัดสมาธิและเริ่มทาการค้นหาภายในมรดกของปราชญ์ฉางหลีอย่างละเอียด
ในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของเขา ไข่มุกมังกรส่องสว่าง ที่ด้านในเม็ดมุกนั้นพร่ามัว และมังกรสีเขียวทองก็กาลังดึงสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาเป็นเส้นสายเพื่อวิเคราะห์
“นี่คือมรดกของปราชญ์ฉางหลี ข้าที่เป็นเพียงจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ผู้หนึ่ง ข้าก็สามารถมองเห็นอย่างมากที่สุดก็แค่ระดับกลาง และไม่สามารถไปถึงแก่นของมันได้… แต่ว่า นี่ก็เพียงพอแล้ว!”
ตามที่เขาจาได้ ฟางหยวนเลือกจุดสีเทาจุดหนึ่งออกมาวิเคราะห์ มันเปลี่ยนไปเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ของโลกใบนี้
อาณาจักรต้าเฉียนอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นอยู่ตรงกลาง ภายในแบ่งออกเป็น 99 รัฐ และยังครอบครองพลังชะตาส่วนใหญ่เอาไว้ ที่บนนั้นยังมีดวงดาวเล็กจิ๋วลอยไปมา
“ลิขิตขะตาและชีพจรดินนั้นปรากฏอยู่บนโลกนี้ โดยเฉพาะกับชีพจรดิน พวกมันมีจุดชีพจรให้พบเจอได้และยังมีดวงตาปฐพี…”
พื้นที่ที่มีดวงตาปฐพีอยู่รวมกันเยอะ ๆ นั้นย่อมก่อให้เกิดผืนดินมั่งคั่งหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ตามธรรมชาติ บางพื้นที่นั้นเป็นศูนย์รวมของชีพจรดินและยังเป็นสิ่งสาคัญที่ดึงดูดผู้คนมากมาย
เห็นได้ชัดว่ามีพื้นที่เช่นนั้นอยู่ภายในเทือกเขาเก้าสุดยอดนี่!
“ปราชญ์ฉางหลีนั้นคานวณเอาไว้ว่าทั้งอาณาจักรต้าเฉียนนั้นมีดวงตาปฐพีกว่าหนึ่งพันจุด แต่ว่า แผนที่นี้นั้นนับว่ารุ่งริ่งนักและมีปรากฏดวงตาปฐพีอยู่เพียงแค่สามร้อยหกสิบห้าจุดเท่านั้นซึ่งเป็นจานวนเท่ากับจานวนวันในหนึ่งปี… หากมีการจัดการใดกับดวงตาเหล่านี้และทาการกระตุ้นในช่วงเวลาอันสาคัญ อาจจะสามารถควบคุมทิศทางการหมุนเวียนของชีพจรดินได้ นี่จะเป็นการลงมือต่อราชสานักต้าเฉียนครั้งใหญ่!”
ฟางหยวนมีสีหน้าจริงจังขึ้นเมื่อคิดต่อ “แต่ดูเหมือนว่าการจัดการของปราชญ์ฉางหลีนั้นก็ไม่ธรรมดา ต้องมีอะไรมากกว่านี้เป็นแน่!”
ฟางหยวนนั้นมีมรดกของปราชญ์อยู่เพียงแค่หนึ่งจากหกส่วน ขณะที่จ้าวแห่งฝันอื่น ๆ และคนในราชวงศ์ต้าเฉียนนั้นอาศัยข้อมูลจากการค้นคว้าของฉางหลี ดังนั้น ฟางหยวนย่อมได้อ่านมากกว่าจะได้เห็นกับตา
“มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพียงแค่ทาลายรากฐาน… แต่ข้ายังต้องรอและดูว่าแท้จริงแล้วเกิดอันใดขึ้น…”
ท่ามกลางชีพจรดินกว่าหนึ่งพันจุดในต้าเฉียน บางจุดใหญ่ บางจุดเล็ก หนึ่งจุดที่บนเทือกเขาเก้าสุดยอดนั้นย่อมนับเป็นจุดที่สาคัญอย่างยิ่งจุดหนึ่ง
แน่นอนว่า ฟางหยวนเองนั้นเข้าใจแจ่มชัดในเรื่องนี้และสมาพันธ์แห่งอาณาจักรก็เช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าต้าเฉียนและองครักษ์มังกรซ่อนจะทาอะไร
…
สามวันให้หลัง
จุดเปิดที่ในเทือกเขาเก้าสุดยอด
ในป่าทึบ หมอกสีขาวหนาหนักผนึกจุดเปิดนั่นไว้ มันมีเขตแดนอันทรงพลังที่แยกเทือกเขาออกจากทุก ๆ อย่าง
ในตอนบ่าย หมอกขาวก็สลายไปอย่างช้า ๆ เปิดให้เห็นเส้นทางสายหนึ่ง
“ตอนที่เทือกเขาเก้าสุดยอดถูกค้นพบนั้นน่ะเกิดภัยพิบัติขึ้นเลยนะ มันทาให้อาณาจักรโบราณแห่งหนึ่งล่มสลาย…”
สิงอวิ๋นจื่อลูบหนวดตัวเองและพูดต่อ “น่าขายหน้านักที่เขตแดนจากัดนี่อยู่มาได้นับพัน ๆ ปีและไม่พังทลายไปเสียก่อน โดยเฉพาะค่ายกลสุดยอดแห่งการกีดกันนั่น เมื่อท่านเข้าไปในเทือกเขา ไม่เพียงแค่พลังธาตุของท่านจะถูกจากัดเอาไว้ กระทั่งพลังธาตุฝันก็ด้วย! ท่านต้องระมัดระวังด้วย!”
ที่ด้านหลังเขาก็คือ ฟางหยวน โจวเทียน และจ้าวแห่งฝันที่ระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่อีกหนึ่งคนนามว่า เผิงซวน เผิงซวนนั้นดูบอบบางมากและยังถือแส้ปัดจากขนหางม้าเอาไว้ในมือและอยู่ในชุดคลุมสีเขียวอ่อน
ไม่ว่าจะอยู่ในอาณาจักรหรือว่าโลกใด พลังนั้นเป็นสิ่งที่ตัดสินฐานะของคน
สิงอวิ๋นจื่อเดินนาพวกเขาไป ที่ด้านหลังคือจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่สามคน ที่ห่างออกไปก็เป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาคนอื่น ๆ ส่วนคนอย่างหลี่ไป๋นั้น ทาได้เพียงยืนอยู่ที่ไกลที่สุดและรับฟังคาสั่งเงียบ ๆ
เผิงซวนยิ้มและพูด “ท่านวางใจได้เลย … พวกเราจะระมัดระวังอันตรายของเทือกเขาเก้าสุดยอด นี่เป็นเหตุให้พวกเรานาคนมาด้วยเพื่อใช้ในการนี้!”
เมื่อเทือกเขาเก้าสุดยอดนั้นถูกกีดกันจากภายนอก เหล่าจ้าวแห่งฝันและนักรบศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่สามารถใช้วิชาของตนได้อย่างอิสระ ดังนั้น พวกเขาจึงจาเป็นต้องพึ่งพาวิทยายุทธ์ของตัวเองซึ่งถูกกีดกันน้อยที่สุด
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ และเห็นผู้ฝึกยุทธ์เก่งกาจแต่ดูนอบน้อมมากมายตามที่คาด ฟางหยวนอดประเมินอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้
ไม่มีระดับร่างสวรรค์แท้จริงอยู่ในนั้นซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์แท้จริงนั้นฝึกร่างกายตนเองและยังไม่ถูกผูกมัดด้วยเลือดเนื้อของตน พวกเขายังมีเคล็ดวิชาที่มีพลัง ถ้ามอบความจงรักภักดีกับต้าเฉียนแล้วย่อมสามารถใช้ชีวิตได้อย่างร่ารวยและสุขสบาย แล้วเหตุใดจึงจะลดตัวลงมาอยู่ที่นี่กัน?
มีเพียงผู้ที่เก่งกาจระดับสวรรค์สูงสุดเท่านั้นที่จะสามารถหาร่างสวรรค์แท้จริงมาเป็นคนรับใช้ของตนได้ แต่นี่ย่อมไม่ใช่กรณีของเหล่าจ้าวแห่งฝันที่อยู่ที่นี่
“ฟางหยวน… ท่านไม่มีใครให้ใช้งานได้เลย ต้องการให้ข้าแบ่งให้ท่านยืมสักสองคนหรือไม่?”
โจวเทียนเดินตรงเข้ามาถามด้วยท่าทางดูหมิ่น
“ไม่จาเป็น!”
ฟางหยวนเหลือบมองผู้ที่อยู่ด้านหลังโจวเทียนและชายที่ดูแข็งแรงผิวเป็นสีทองแดงและยังรัศมีพลังที่เปล่งออกจากร่างพวกเขา พวกเขาเป็นอู่จงระดับชีพจรที่ห้าหรือหกทีเดียว!
ช่างเป็นคนรับใช้ที่ภักดียิ่งนักที่ตามติดเจ้านายใกล้ชิดกระทั่งในสถานการณ์เป็นตายเช่นนี้ พวกเขาย่อมได้รับการเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเยว์และยังค่อย ๆ ซึมซับอิทธิพลแบบที่ฟางหยวนทาไม่ได้
แต่ว่า เขาก็ไม่ได้รู้สึกโหยหาและตรงกันข้าม กลับกาหมัดแน่นและยังหัวเราะอยู่ในใจเงียบ ๆ
ถึงแม้ว่าจ้าวแห่งฝันหลายคนนั้นจะสามารถฝึกฝนร่างกายของตนได้ ก็อาจจะไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดจากการฝึกได้นัก และพวกเขายังไม่สามารถเทียบได้กับฟางหยวนที่ฝึกร่างกายจนถึงระดับสิบแล้ว ส่วนความสามารถของร่างกายของเขาในตอนนี้น่ะหรือ? เหอเหอ…
“ดี ไปกันเถอะ!”
สิงอวิ๋นจื่อไม่พูดอะไรอีกและสั่งให้ชายแข็งแรงสองคนคอยปกป้องเขาอยู่ซ้ายขวาเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในเทือกเขาเก้าสุดยอด
“ครืน!”
ฟางหยวนและคนที่เหลือตามหลังเข้าไปทันทีและรู้สึกราวกับว่าพวกตนเดินผ่านเขตแดนเข้ามาในดินแดนวิเศษ
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที!
“จริงด้วย มีชั้นของขีดจากัดที่กดข่มลงมาที่พวกเรา ช่องทางที่ข้าใช้ดูดซับพลังธาตุฝันนั้นถูกกีดกันออกไป เดี๋ยวนะ ไม่! ข้าไม่สามารถพูดว่ามันถูกกีดกันออกไปโดยสมบูรณ์ได้ มันเพียงถูกจากัดเอาไว้ เหมือนกับเดิมเคยเป็นแม่น้าสายใหญ่ แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นลาธารสายเล็ก ๆ พลังธาตุที่ข้าสะสมเอาไว้นั้นไม่ถูกกระทบไปด้วย นี่คือสุดยอดการกีดกันงั้นหรือ?”
ผู้ฝึกตนไม่ว่าคนใดล้วนใช้พลังเวทย์!
พลังเวทย์นั้นผสานกับความแข็งแกร่งทางจิตของผู้ฝึกซึ่งทาให้พวกเขาสามารถดูดซับพลังธาตุจากรอบตัวเพื่อฝึกฝนร่างกายของตนเอง และจากนั้นก็สร้างเคล็ดวิชาขึ้น
เหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นนี้! จ้าวแห่งฝันก็เช่นกัน!
เพียงแค่พลังธาตุที่เหล่าจ้าวแห่งฝันดูดซับนั้นเป็นพลังธาตจากขอบเขตที่เหนือกว่าซึ่งก็คือพลังธาตุฝัน พลังธาตุฝันนั้นใช้งานได้หลากหลายและยังสามารถกดข่มทุกสิ่ง!
ดังนั้น การเป็นจ้าวแห่งฝันจึงมีเงื่อนไขสูงเกี่ยวกับพลังเวทย์ของผู้ฝึก ไม่ใช่ทุกคนจะได้เป็นจ้าวแห่งฝันและผู้ที่ฝึกตนเป็นจ้าวแห่งฝันได้ล้วนมีพรสวรรค์!
ในต้าเฉียน ผู้มีพรสวรรค์และเฉลียวฉลาดที่สุดล้วนเป็นจ้าวแห่งฝัน! ถัดจากจ้าวแห่งฝันก็ยังมีจ้าวแห่งค่ายกล นักปรุงยา นักรบศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกยุทธ์ และอื่น ๆ มากมาย!
นอกจากนี้ การดูดซับพลังธาตุฝันจากอาณาจักรอื่นก็ยังไม่มีปัญหาใดอีกด้วย
แต่ว่า ไม่ใช่กับที่เทือกเขาเก้าสุดยอดนี้!
“ในเทือกเขานี้ เมื่อพลังธาตุฝันลดลงไปแล้ว มันก็ยากเย็นยิ่งนักที่จะฟื้นฟูมันขึ้นมา! ดังนั้น พยายามอย่าใช้คาถาเวทย์! ใช้แต่พอดี!”
เสียงของสิงอวิ๋นจื่อนั้นดังพอที่จะได้ยินกันทั่วทั้งกลุ่ม
“พลังธาตุจากสิ่งแวดล้อมนั้นลดลงไปถึงเกือบสิบส่วนเช่นกัน มันแทบจะไม่เหลืออะไรเลย… ผู้ฝึกยุทธ์ยังไม่เป็นไรถึงแม้พลังธาตุจะฟื้นฟูได้ยาก พวกเขายังมีร่างกายอันทรงพลังอยู่!”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ และเห็นสีหน้าหวาดกลัวอยู่บนใบหน้าของจ้าวแห่งฝันส่วนใหญ่
“นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่พลังของพวกเขาถูกกีดกันออกไป พวกเขายังสามารถใช้พลังได้เล็กน้อย…” ฟางหยวนคิด
ฟางหยวนอดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้ขณะคิด “จ้าวแห่งฝันสามารถสร้างเคล็ดวิชาขึ้นมาได้ แต่ในความจริงแล้ว พวกนี้ล้วนเป็นสวรรค์มอบให้จากโลกที่เต็มไปด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ… ค่ายกลสุดยอดกีดกันนี้เป็นการยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากจ้าวแห่งฝันจะฝึกตนจนกระทั่งไม่ต้องการพลังจากภายนอกร่างกายแล้ว ผู้อื่นล้วนได้รับผลกระทบทั้งหมด!!!”
แต่การไม่ต้องการพลังจากภายนอกนั้น ย่อมหมายความว่าร่างของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยพลังอันไม่หมดสิ้น กระทั่งปราชญ์ยังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น!
อย่างไรเสีย กระทั่งห้วงมิติของพวกเขาก็ยังต้องอิงอยู่กับโลกเพื่อเติบโต!
“ต้องขอบคุณที่นอกจากในเทือกเขาเก้าสุดยอดแล้วก็ไม่มีผู้ใดในต้าเฉียนที่สามารถร่ายค่ายกลสุดยอดกีดกันอันทรงพลังเช่นนี้ได้ ไม่อย่างนั้น… วิทยายุทธ์คงจะรุ่งเรืองยิ่งกว่านี้แล้ว!”
ฟางหยวนมองไปที่ผู้ฝึกยุทธ์สองคนที่ด้านหน้าเขา
อู่จงสองคนนี้เป็นเพียงคนรับใช้ในสายตาของจ้าวแห่งฝันและยังเรียกขานเป็นเพียง “ผู้กล้า” เท่านั้น และยังมีอู่จงที่ระดับต่าง ๆ กันไปในหมู่พวกเขาด้วย
ตัวอย่างเช่น อู่จงของโจวเทียนนั้นอยู่ที่ระดับชีพจรที่ห้าหรือหก รวมทั้งของเผิงซวนด้วย ในขณะที่จ้าวแห่งฝันที่ด้านหลังนั้นมีเพียงอู่จงธรรมดาทั่วไปและยังมีที่มาคนเดียวไม่มีอู่จงด้วย
ผู้กล้าสองคนที่ข้างตัวสิงอวิ๋นจื่อนั้นอย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับชีพจรที่เจ็ดและมันยังให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขานั้นฝึกฝนวิทยายุทธ์ระดับร่างสวรรค์แล้วด้วย!
เมื่อพวกเขาฝึกสาเร็จ ก็จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์แท้จริงและสถานะของพวกเขาก็จะสูงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว! กระทั่งสิงอวิ๋นจื่อก็จะไม่สามารถสั่งการพวกเขาได้โดยง่าย
“แน่นอนว่า… ผู้ฝึกยุทธ์นั้นต้นง่ายปลายยาก กว่าจะผ่านสิบสองประตูทอง อู่จงที่สามารถฝึกจนสูงกว่าชีพจรที่เจ็ดได้นั้นหาได้ยากยิ่ง ท่ามกลางอู่จงที่มีความสามารถถึงระดับนี้หนึ่งร้อยคน ยังไม่มีแม้สักคนที่ฝึกร่างสวรรค์ได้สาเร็จ” ฟางหยวนคิด
ฟางหยวนแอบประเมินอู่จงทั้งสองของสิงอวิ๋นจื่ออยู่เงียบ ๆ พวกเขาดูเป็นชายวัยกลางคนแต่ว่าร่างกายกลับมีรัศมีที่หมองลง เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้อายุน้อยแล้ว พวกเขาอาจจะกินยาบางอย่างเพื่อยืดอายุขัยออกไป
การฝึกวิทยายุทธ์นั้นยากเย็นอย่างยิ่ง ผู้ฝึกต้องใช้ศักยภาพร่างกายตัวเองจนถึงที่สุดซ้า ๆ และยังอาจจะต้องใช้ร่างกายแบบผิด ๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่มองเห็นได้ ต่อให้อู่จงอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยพลังธาตุ ก็ยังต้องพยายามทะลวงชีพจรศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ และดังนั้น ก็อาจจะทาลายชีวิตของตัวเองไปและอายุขัยก็ยังจะสั้นกว่านักรบศักดิ์สิทธิ์และจ้าวแห่งฝันด้วย
นอกเสียจากว่าจะฝึกร่างสวรรค์ได้ เปลี่ยนไปสู่ร่างใหม่และชะล้างร่างกายของตนเอง ไม่อย่างนั้นอายุขัยของพวกเขาก็ยังคงสั้น
ด้วยแต่ละก้าวล้วนยากอย่างเกินธรรมดา ดังนั้นจึงมีคนที่ผ่านไปได้ไม่มากนัก
“ภารกิจตอนนี้นั้นไม่ได้ต้องการให้พวกเราทาอะไรมากนัก พวกเราเพียงแค่ต้องตั้งฐานที่มั่นที่รอบนอกของเทือกเขาเก้าสุดยอดและจากนั้นก็คอยเฝ้าระวังเอาไว้!”
ฟางหยวนคิดถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาคราวนี้
อันที่จริงแล้ว ถ้าไม่มีการรบกวนจากราชวงศ์ต้าเฉียนและองครักษ์มังกรซ่อน พวกเขาก็เพียงแค่ต้องเผชิญอันตรายของเทือกเขาเท่านั้นซึ่งในตอนนี้ก็ค่อนข้างง่ายดาย
ป่านั้นหนาแน่นและหมอกก็หนามากเป็นพิเศษ ทั้งกลุ่มเงียบลงและมีเพียงแค่เสียงฝีเท้าให้ได้ยิน
“เงียบมาก! ไม่… มันเงียบเกินไป ข้าเกรงว่าจะมีบางอย่างไม่ถูกต้องแล้ว!”
ทันใดนั้น สิงอวิ๋นจื่อก็ตะโกนมาจากด้านหน้า “พวกเราเตรียมตัว!”
“ฝุบ!”
เงาร่างคล้ายลูกศรสีเขียวจานวนมากปรากฏขึ้นจากรอบด้าน
เมื่อมองใกล้ ๆ พวกมันคืองูตัวเล็กมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกกาลังแลบลิ้นสีแดงสด ก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาพวกมันดูกลืนไปกับรอบด้าน และกระทั่งจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายายังไม่รู้สึกถึงเจตจานงเวทย์ของพวกมัน เมื่อจู่ ๆ พวกมันปรากฏตัวออกมา มันก็เหมือนกับลูกศรนับพัน ๆ ดอกถูกยิงออกมาพร้อมกันอย่างกะทันหัน!
“ผัวะ!”
จ้าวแห่งฝันคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไกลออกไปนั้นหลบไม่เร็วพอ เกราะแสงปรากฏขึ้นที่รอบร่างของเขาแต่ว่าเลือดก็ยังสาดออกมาเมื่อเงาร่างสีเขียวทะลุผ่านมันไปได้โดยไม่มีทีท่าว่าจะช้าลงสักนิด!
“งูทะลวงธาตุ? งูชนิดนี้รวดเร็วมากและร่างกายของมันยังราวกับทาจากโลหะและสามารถทะลวงผ่านเกราะธาตุได้! ระวังตัวด้วย!”
เผิงซวนเตือนทุกคนทันที จากนั้นเขาก็สะบัดแส้ปัดและเส้นสีเงินนับพันก็ปรากฏขึ้นและกรีดผ่านงูสีเขียวไปทาให้เกิดหยดเลือดสาดกระจายไปทั่ว
อย่างไรเสียมันก็เป็นแค่สัตว์ดุร้ายธรรมดาที่ลอบโจมตีเท่านั้น แค่จ้าวแห่งฝันทั่ว ๆ ไปก็สามารถรับมือกับมันได้แล้ว
“ฆ่า!”
ในที่สุดผู้กล้าทั้งหลายก็เริ่มลงมือ ชักอาวุธออกมาสู้และปกป้องเหล่าจ้าวแห่งฝัน
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเสียงกรีดร้องดังออกมาหลายเสียงเมื่อจ้าวแห่งฝันบางคนก็ยังถูกโจมตีใส่
“ฟ่อ! ฟ่อ!”
ทันใดนั้น ก็เกิดหลุมใหญ่ขึ้นที่พื้น แสงสีเขียวผุดออกมาและพุ่งเข้าใส่ฟางหยวนด้วยความเร็วดุจแสง!