Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 368

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 368

368: ยุงโลหิต
“เหอเหอ เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายขณะที่ปราณดาบธาตุลมและสายฟ้าปรากฏขึ้นเฉือนงูตัวนั้นขาดกลางตัว
สายลมและสายฟ้านั้นรวดเร็วยิ่งนัก! กรีดเพียงแค่ดาบเดียบก็กุดหัวอสรพิษได้ เลือดสาดกระจายออกมา
เมื่อเขาเหยียดมือออกไป ส่วนหัวของงูตัวนั้นก็พุ่งเข้ามาที่มือของเขาและยังบิดไปมาอยู่เลย
“งูทะลวงธาตุนั้นมีเขี้ยวที่คมและยังมีพิษร้ายแรง!”
ที่ด้านข้างเขา โจวเทียนเอ่ยเตือนฉันมิตร
“ขอบคุณที่เตือน!”
ฟางหยวนประกบมือเข้าด้วยกันและเก็บหัวงูเข้าแขนเสื้อไปก่อนที่จะตรวจสอบดูรอบตัว
จ้าวแห่งฝันหลายคนที่รอบข้างล้วนเป็นจ้าวแห่งฝันที่เก่งกล้าของสมาพันธ์แห่งอาณาจักร พวกเขาได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วหลังจากการถูกลอบโจมตี กาจัดงูสีเขียวทั้งหมดและเริ่มตรวจนับความเสียหายของพวกตน
“ท่านสิงอวิ๋นจื่อ พวกเราเสียชีวิตไปห้าคน ในนี้มีสองคนเป็นจ้าวแห่งฝัน หลี่ไป๋และเซี่ยรั่ว!”
พวกเขาระบุการตายได้อย่างรวดเร็วมาก และก็ทาให้ฟางหยวนตกใจ
“หลี่ไป๋!”
ฟางหยวนเดินไปข้างหน้าหลายก้าว จริงเสียด้วย มีศพของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีรอยเขี้ยวอยู่ที่หน้าผาก เขามีสีหน้าไม่ยินยอมปรากฏบนใบหน้าที่ดูผิดธรรมชาติไป
“เก็บศพมารวมกันแล้วฝังเสีย!”
สิงอวิ๋นจื่อไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว
เหล่าจ้าวแห่งฝันที่เต็มไปด้วยประสบการณ์เหล่านี้ล้วนคุ้นเคยกับการตายและไม่ได้มีท่าทีอะไรมากนัก
โดยเฉพาะเมื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังหลี่ไป๋เองก็ตายไปแล้ว ตอนนี้หลี่ไป๋เองก็มาตายตกลงที่นี่ ตระกูลหลี่ย่อมต้องตกต่าลงเป็นแน่เพราะว่าไม่มีผู้มีพลังอยู่ในตระกูลแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงแค่ฝังเขาเอาไว้แล้วทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง
สิงอวิ๋นจื่อมีสีหน้ากังวลที่กลุ่มของพวกเขาประสบกับการสูญเสียในทันทีที่เข้ามาบนเทือกเขานี่
“เฮ่ย… พวกเจ้าจัดการกับศพของหลี่ไป๋เสีย ข้าจะแจ้งคนอื่น…”
เห็นอย่างนี้แล้วโจวเทียนก็ถอนหายใจขณะสั่งให้คนรับใช้จัดการกับความวุ่นวายทั้งหมด
เมื่อเห็นฟางหยวนเหลือบมองมา โจวเทียนก็พยายามอธิบาย “อย่างไรเสียพวกเราก็มีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับปู่ของเขา หลี่ฉิน แต่ก็เท่านั้นแหละ…”
สิ่งที่โจวเทียนหมายถึงก็คือเขาไม่อยากจะเป็นศัตรูกับฟางหยวน
“พวกเขาล้วนตายไปหมดแล้ว แล้วข้ายังต้องสนใจอันใด? พี่โจว ท่านคิดมากไปแล้ว!”
ฟางหยวนยิ้มอย่างใจกว้าง
อย่างไรตระกูลหลี่ก็ขึ้นอยู่กับหลี่ฉินและยังฝากความหวังไว้กับหลี่ไป๋ ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะตายไปแล้วแต่ตระกูลหลี่ก็ยังมีทรัพยากรอีกมาก หลายคนจึงยังพยายามรักษาความสัมพันธ์กับตระกูลนี้เอาไว้ อีกอย่าง ความสัมพันธ์อันไม่เปิดเผยนักระหว่างโจวเทียนกับตระกูลนี้ก็ไม่ได้ยังประโยชน์อะไรให้เขานัก อันที่จริง ถ้าตระกูลนี้ยังไม่ระมัดระวังตัว พวกเขาก็จะจบลงที่กลายเป็นอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ
ดังนั้น เขาจึงไม่สนใจอะไรมากนักและคุยกับโจวเทียนต่อ
“มันเคยมีสมบัติมากมาอยู่บนเทือกเขาเก้าสุดยอด แต่ตอนนี้ จ้าวแห่งฝันมากมายได้ทาการสารวจไปแล้วและจานวนของสมบัติที่สามารถใช้การได้ที่นี่ก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้น จานวนจ้าวแห่งฝันที่มาที่นี่เพื่อสารวจก็ลดน้อยลงไปด้วย… อันตรายใหญ่หลวงที่สุดสองอย่างก็คือสัตว์ป่าและการกีดกันของเทือกเขานี่! เมื่อพูดถึงการกีดกัน สมาพันธ์ก็ได้ทาการตรวจสอบดูแล้วและพบทางลัดและทาแผนที่ขึ้นมาและยังใช้
ประโยชน์จากจุดที่การป้องกันอ่อนลง แต่ว่า ตาแหน่งของสัตว์ป่านั้นเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และนั่นเป็นอะไรที่เป็นปัญหาที่สุดแล้ว…”
สิงอวิ๋นจื่ออธิบายอย่างใจเย็น
สัตว์เหล่านี้ล้วนไม่ใช่สัตว์ธรรมดา พวกมันเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่สร้างขึ้นโดยผู้มีพลัง! พวกมันครอบครองความสามารถอันโดดเด่นและพิเศษไป รวมกับอันตรายของเทือกเขาเก้าสุดยอดแล้ว หากจ้าวแห่งฝันไม่ระมัดระวังตนก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
แต่ว่า หลังจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่แล้ว เหล่าจ้าวแห่งฝันที่เหลืออยู่ตอนนี้ล้วนตื่นตัว พวกเขาไม่เจอกับอะไรอีกและในที่สุดก็มาถึงที่ริมทะเลสาบ
“ตรงนี้แหละ!”
สิงอวิ๋นจื่อถือของวิเศษหน้าตากลมเกลี้ยงชิ้นหนึ่งเอาไว้และเริ่มยืนยันข้อสงสัยของตัวเอง “จุดชีพจรที่สมาพันธ์ของพวกเรามองหาอยู่ก็คือที่นี่! เมื่อพวกเรากาหนดจุดที่เป็นชีพจรได้แล้วพวกเราก็แค่ต้องทาแผนที่ของบริเวณนี้ ข้าจะรบกวนให้ทุกคนสารวจทุกมุมของทะเลสาบแห่งนี้”
จากนั้นเขาก็เริ่มแจกจ่ายของวิเศษหน้าตาเหมือน ๆ กันให้ฟางหยวนและจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่คนอื่น ๆ “ให้พวกเจ้าเป็นคนนากลุ่ม พวกเราจะกาจัดโอกาสที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายได้ เลือกทิศและเริ่มลงมือได้!”
“เป็นของสิ่งนี้นี่เอง!”
ฟางหยวนพิจารณาเหรียญโบราณที่ในมือ
เหรียญนั่นเป็นรูปกลมและยังทามาจากทองคาบริสุทธิ์ มันถูกใช้เป็นเงินตราแลกเปลี่ยนโดยคนธรรมดาทั่วไปและยังเปล่งรัศมีอย่างวิเศษออกมา
“นี่คือเงินตราหลวงที่ถูกทาขึ้นเป็นของวิเศษโดยการรวมเต๋าของมนุษย์ พลังมังกร และทองคาบริสุทธิ์เข้าด้วยกัน ดังนั้น มันจึงสามารถสัมผัสถึงวัตถุที่อยู่ใต้ดินได้…”
หลังจากเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้จากมรดกของปราชญ์ฉางหลี ประสบการณ์และความรู้ของฟางหยวนนั้นก็มากกว่าจ้าวแห่งฝันทั่ว ๆ ไปและยังแทบจะเข้าใจที่นี่มากกว่าสิงอวิ๋นจื่อเสียด้วยซ้า
“จุดชีพจรนี้ถูกบันทึกเอาไว้ในมรดกของปราชญ์ฉางหลี แต่ว่า มันอยู่ในมรดกส่วนที่ข้ามีอยู่ ดูเหมือนว่าสมาพันธ์แห่งอาณาจักรจะคาดเดาถึงจุดชีพจรนี้จากตาแหน่งของชีพจรอื่น และยังไม่แน่ใจถึงตาแหน่งของชีพจรแถวนี้นัก!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกาย
สิงอวิ๋นจื่อนั้นมอบหมายให้เขาไปในทิศตะวันตกซึ่งเป็นตาแหน่งชีพจรพอดี!
“ในเมื่อข้าโชคดีถึงเพียงนี้ข้าก็คงต้องสารวจดูเสียหน่อย!”
ดังนั้นเขาจึงนากลุ่มคนรับใช้ออกไปและเริ่มการสารวจ
เพราะว่ามีสัตว์กลายพันธุ์อยู่มากมายในเทือกเขาเก้าสุดยอดและยังมีการกีดกันอยู่ที่นี่ จ้าวแห่งฝันจึงถูกมัดมือเท้าอย่างสมบูรณ์!
ฟางหยวนและพวกเดินไปตามทะเลสาบไปทางทิศตะวันตกอยู่หลายลี้ หมอกจากรอบด้านก็เริ่มหนาขึ้นจากัดการมองเห็นของพวกเขา
“ท่าน! ดูเหมือนจะมีเขตกีดกันอยู่ด้านหน้าแล้ว!” จ้าวแห่งฝันคนอื่นมีระดับการฝึกตนที่ระดับสวรรค์มายาขั้นที่สาม ดังนั้นฟางหยวนจึงกลายเป็นหัวหน้าไปโดยปริยาย หนึ่งในจ้าวแห่งฝันเหล่านั้นมีสีหน้าคาดหวัง
“เข้าไปดู!”
ฟางหยวนก้าวนาไปสองสามก้าวและหมอกก็เริ่มสลายไป เผยให้เห็นค่ายกลจากก้อนหินที่เรียงไว้อย่างยุ่งเหยิง ที่ด้านข้างนั้นไม่มีอะไรนอกจากพื้นที่ว่างกระแบะหนึ่ง และที่กลางอากาศยังมีแสงสีเหลืองจาง ๆ ซึ่งหมายถึงว่ามีเขตกีดกันอยู่ที่นี่
“น่าจะมีอะไรสักอย่างถูกผนึกเอาไว้ในนี้ แต่ว่า ดูเหมือนจะมีคนอื่นเอามันไปแล้ว!”
จ้าวแห่งฝันอีกคนก้าวเท้าออกไปอีกก้าวหนึ่งและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเสียดาย
“ถูกเอาไปแล้ว?”
ฟางหยวนเพ่งมองไป ประกายสีทองแวบขึ้นในดวงตาของเขา
จ้าวแห่งฝันคนอื่น ๆ นั้นไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากเห็นฟางหยวนใช้ความสามารถของตนออกไป อย่างไรเสีย จ้าวแห่งฝันนั้นก็ข้ามฝันสู่โลกอื่น ๆ มากมายและยังเคยเห็นเคล็ดวิชาอันประหลาดแตกต่างไปหลายชนิด นี่ก็คงเป็นเคล็ดการมองพื้นฐานสักอย่างหนึ่ง
ด้วยเนตรเพลิงสีทองของเขา ฟางหยวนมองเห็นมากกว่านั้น
ตอนที่เขารู้สึกว่าดวงตาของตัวเองร้อนขึ้น เขาก็สามารถมองผ่านหมอกไปได้ เกิดคลื่นกระเพื่อมขึ้นบนค่ายกลหินและความจริงก็เผยออกมา
บนพื้นที่ว่างเปล่านั้นมีหลุมหลายหลุมให้เห็น หมอกสีดาเริ่มกระจายออกมาจากในนั้นและทาให้ฟางหยวนกังวล บนค่ายกลหินที่ด้านนอกนั้นตอนนี้มีผนึกที่ดูเก่าแก่ แสงสีเหลืองเริ่มก่อตัวเป็นอักขระเวทย์มากมายและยังรวมตัวเข้าด้วยกันเกิดเป็นโซ่เส้นหนึ่งกักหมอกสีดาไว้ภายใน
“ปราณแห่งผืนดินนั้นมีที่ดีและเลวร้าย หากเป็นปราณดีแห่งผืนดิน อย่างนั้นที่นี่ก็จะกลายเป็นผืนดินมั่งคั่ง หากเป็นปราณปิศาจ ก็จะทาให้ที่นี่กลายเป็นแดนอันตราย?”
ชีพจรนี้ทาให้ฟางหยวนรู้สึกไม่ดีนักและยังคาดเดาได้ว่าปราณแห่งผืนดินที่นี่นั้นเป็นปราณปิศาจ
“ท่าน? ท่านพบอะไรหรือไม่?”
จ้าวแห่งฝันหญิงผู้หนึ่งเดินตรงเข้าไปและมีสีหน้ากังวล
นางมีรูปโฉมค่อนข้างน่ารักและยังเริ่มมีน้าตาเอ่อคลอนัยน์ตา น้าเสียงนุ่มนวลของนางฟังแล้วราวกับได้รับการเยียวยา
‘บ้าจริง! เทพธิดาสีชมพูตั้งใจจะทาอันใดกันแน่…’
จ้าวแห่งฝันคนอื่น ๆ ล้วนพูดไม่ออกและบางคนยังเริ่มริษยานาง
อย่างไรเสีย ในเวลายากลาบากเช่นนี้ ก็ย่อมเหมือนมีหลักประกันความปลอดภัยให้ตนเองหากสามารถเอาชนะใจผู้ที่มีพลังมาก ๆ ได้!
ชีวิตนั้นสาคัญกว่าศักดิ์ศรีและเกียรติภูมินัก!
“อืม ข้ามองเห็นเขตกีดกัน พวกท่านทั้งหมด รวมพลังกันและทาลายเขตกีดกัน ระวังตัวด้วย!”
ฟางหยวนลงมือและมองตรงไปที่พื้นดิน “เหรียญโบราณนั้นมีการตอบสนองอันผิดธรรมดากับที่ตรงนั้น นี่น่าจะเป็นตาแหน่งของชีพจรแล้ว!”
“ข้าเข้าใจแล้ว! พวกเราลงมือ!”
เมื่อเขาสั่ง จ้าวแห่งฝันคนอื่น ๆ ก็ส่งพลังธาตุฝันของตนออกไปและโจมตีเขตกีดกันเหนือค่ายกลหิน
“ครืน!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังยั้งมือเอาไว้และใช้พลังธาตุฝันของตนเพียงส่วนเดียว แต่เมื่อพวกเขารวมพลังกันมันก็เพียงพอให้เขตกีดกันนั้นสั่นสะเทือนเผยให้เห็นหลุมที่ปล่อยหมอกสีดาออกมา
“ท่านหามันพบแล้ว!”
เทพธิดาสีชมพูกะพริบตาและกล่าวชื่นชมฟางหยวน
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะทาลายเขตกีดกันได้ แต่พวกเราก็ยังต้องลงมือขั้นสุดท้าย!”
ฟางหยวนบอกได้ว่าถึงแม้ว่าเขตกีดกันจะมีไว้เพื่อป้องกัน แต่ว่าการป้องกันของมันก็แข็งแกร่งมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทาลายลง
ถึงแม้ว่าจ้าวแห่งฝันหลายคนจะรวมพลังกันเพื่อทาลายมันลง มันก็ยังฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ก่อเกิดสถานการณ์ค้ายันกันเอาไว้– สถานการณ์เช่นนี้นั้นเป็นการท้าทายความอึดของเหล่าจ้าวแห่งฝันซึ่งเป็นสิ่งที่จ้าวแห่งฝันล้วนต้องการหลีกเลี่ยง
‘สุดยอดการกีดกันและยังการฟื้นฟูไม่จากัด? เป็นการจับคู่ที่ยอดเยี่ยมนัก!’
ฟางหยวนคิดกับตัวเองขณะโบกมือ ดาบธาตุน้า ไฟ และสายฟ้าปรากฏขึ้น ด้วยพลังของค่ายกลดาบสามสามารถ ฟางหยวนก็โจมตีใส่เขตกีดกันอย่างแรง
“ครืน!”
ทั่วบริเวณสั่นสะเทือน แสงสีเหลืองอ่อนแตกกระจายและหมอกสีดาเริ่มพุ่งสูงขึ้น
‘เขาเป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ที่แกร่งกล้ามาก แต่ว่า ใช้พลังธาตุฝันของตนเยอะเพียงนี้ เขาไม่กลัวว่าในภายหลังอาจจะเผชิญหน้ากับอันตรายอื่นเลยหรือ?’
จ้าวแห่งฝันหลายคนรวมทั้งเทพธิดาสีชมพูล้วนตกใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่งพลังชั่วร้ายก็ปรากฏออกมาให้สัมผัสได้ พวกเขารู้สึกถึงสันหลังเย็นยะเยือกขึ้นมา
ในเวลาเดียวกัน เหรียญโบราณในมือฟางหยวนก็เริ่มส่งเสียงประหลาดดังก้องออกมาราวกับว่ามันสามารถระบุตาแหน่งชีพจรได้แล้ว
“ซ่า!”
“ซ่า!”
“เสียงอะไรน่ะ?”
ที่กลางหมอกมีเสียงซ่าดังออกมาและยังรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือน นกมากมายกระพือปีกขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
เทพธิดาสีชมพูอึ้งงันไป ครู่เดียวนางก็มองเห็นหมอกสีแดงเข้มลอยขึ้นจากในหลุมและยังเริ่มกระจายตัวออกมา
“นั่นอะไรน่ะ?”
ฟางหยวนนั้นมีสายตาที่ดีเหนือธรรมดาและมองเห็นในทันทีว่าหมอกสีแดงนั้นคือกลุ่มของยุงโลหิตและแต่ละตัวยังใหญ่เท่านิ้วหัวแม่มือ ตัวของ
มันโปร่งใสราวกับถูกสลักขึ้นจากหยก ปากดูดของมันนั้นใหญ่และดูน่ากลัว เป็นหลักฐานว่ายุงโลหิตเหล่านี้นั้นมีการกลายพันธุ์ไป
ถึงตอนนี้ ยุงก็รวมฝูงและบินตรงมาที่กลุ่มของจ้าวแห่งฝัน
“ฝันดุจปุยเมฆ!”
เทพธิดาสีชมพูนั้นอยู่ใกล้กับฝูงยุงที่สุด นางโบกมือเรียกหมอกหนานุ่มสีชมพูออกมาปกป้องตนเองไว้
“เผียะ! เผียะ!”
เมื่อยุงกระทบกับหมอก หมอกก็สั่นอย่างรุนแรงและยุงก็ระเบิดตัวเองกลายเป็นละอองเลือด
เมื่อละอองเลือดเหล่านั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ หมอกป้องกันที่รอบตัวเทพธิดาสีชมพูก็เริ่มบางลง ใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความกลัว
“อ๊า!”
จ้าวแห่งฝันนั้นป้องกันตนเองได้ดีแต่ว่าอู่จงที่มากับพวกเขานั้นกลับล้มลงกับพื้นแล้วกรีดร้องเสียงดัง แค่ครู่เดียว พวกมันก็กลายเป็นศพแห้งกรัง!!
เป็นการตายอันน่าสยดสยองเมื่อศพถูกสูบเลือดเนื้อออกไปจนแห้ง กระดูกเหลือเพียงหนังบาง ๆ หุ้มอยู่
“โอ้…”
เมื่อเห็น ฟางหยวนก็พูดไม่ออก “งูทะลวงธาตุนั้นสามารถทะลวงผ่านเกราะพลังธาตุของจ้าวแห่งฝันและนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้ ตอนนี้ยังมียุงโลหิตที่สามารถก่อความเสียหายให้กับพลังธาตุและยังทะลวงผ่านเกราะป้องกันของอู่จงได้… มีสัตว์กลายพันธุ์อีกเท่าใดกันที่ปราชญ์ผู้นี้สร้างเอาไว้?”
เขาดีดนิ้ว แล้วปราณดาบธาตุสายฟ้าก็หายวับไปในทันทีและกระทั่งยุงที่อยู่รอบ ๆ ก็หายไปเช่นกัน เขาจึงช่วยชีวิตเทพธิดาสีชมพูเอาไว้ได้ด้วยการนี้
“ขอบพระคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้!”
เทพธิดาสีชมพูยังไม่ทันได้สติครบถ้วนก็วิ่งไปหลบอยู่หลังฟางหยวนก่อนจะแสดงความซาบซึ้งออกมา
มันเป็นตาแหน่งที่ดีในการหลบ อย่างไรเสีย ยุงที่เข้ามาใกล้ล้วนถูกสายฟ้าที่รอบ ๆ กรีดผ่านและกลายเป็นเถ้าไป จ้าวแห่งฝันชายคนอื่น ๆ เริ่มรู้สึกอิจฉานาง แต่ว่า พวกเขาก็ทาได้เพียงกัดฟันแล้วยอมรับความจริงที่ตนเองล้วนเป็นชายเอาไว้

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ