Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 369

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 369

369: วิชาสกัดซาก
“ท่านมัวมองอันใดอยู่? รีบส่งสัญญาณเรียกท่านสิงมาที่นี่!”
ถึงแม้ว่าฟางหยวนจะสามารถจัดการกับยุงพวกนั้นได้ด้วยตนเอง แต่เขาก็ไม่ต้องการลงมือทา ดังนั้นจึงตะคอกใส่เทพธิดาสีชมพูที่ยังนิ่งงันอยู่
“ข้าทราบแล้ว!”
เทพธิดาสีชมพูได้สติขึ้นมาและรีบใช้หยกชิ้นหนึ่งทันที “ท่านสิง ข้าเทพธิดาสีชมพู พวกเราพบชีพจรทางทิศตะวันออกของทะเลสาบ! ตอนนี้พวกเราถูกสัตว์กลายพันธุ์โจมตี โปรดส่งคนมาช่วย!”
“โอ้? พวกเจ้าพบแล้วหรือ!?”
น้าเสียงตื่นเต้นของสิงอวิ๋นจื่อดังมาจากหยกในมือนาง “กัดฟันทนอีกสักนิด ข้าจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”
‘น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว!’
ฟางหยวนเหลือบตามองจ้าวแห่งฝันในกลุ่มของเขา
นอกจากเทพธิดาสีชมพูที่เพิ่งตกอยู่ในอันตรายไป คนที่เหลือที่ตายไปส่วนมากแล้วเป็นอู่จง
ยุงโลหิตเหล่านี้ดูจะชมชอบเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้น เมื่อไม่มีการปกป้องจากจ้าวแห่งฝัน ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้จึงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพวกยุง
“ซ่า! ซ่า!”
เมื่อเห็นว่าพวกมันไม่สามารถที่จะโจมตีไปมากกว่านี้ได้ ยุงโลหิตก็เริ่มบินด้วยกระบวนทัพที่ต่างออกไป เกิดเป็นรูปที่คล้ายใบหน้าบิดเบี้ยวของมนุษย์ มันมีสีหน้าเจ้าเล่ห์และจู่ ๆ ใบหน้านั่นก็ส่งเสียงโหยหวนออกมา
“อ๊า! อ๊า!”
เสียงร้องแหลมของสตรีดังออกมา มันราวกับเสียงครูดเล็บกับผลึกแก้วสักอย่างหนึ่ง ทุกคนพากันขนลุกหนังศีรษะชาหนึบ
“นี่มันอะไร…”
ทันทีที่ฟางหยวนตั้งสมาธิ เขาก็มองเห็นการสั่นสะเทือนปล่อยคลื่นไร้รอยกระจายออกมา พร้อมกับการสั่นสะเทือนนั้นก็เป็นแรงมหาศาล และจ้าวแห่งฝันที่อยู่ใกล้ ๆ ล้วนได้รับผลกระทบ ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวและเลือดเริ่มไหลออกจากหู บางคนนั้นล้มลงกับพื้นไปแล้วและยังไม่รู้ว่าอยู่หรือตาย
ที่สาคัญไปกว่านั้น การป้องกันของพวกเขาจู่ ๆ ก็แตกกระจายออกในทันทีที่พลังมหาศาลนั้นคืบคลานมาถึง!
“ซ่า! ซ่า!”
ในตอนนี้ ใบหน้าของหญิงผู้นั้นก็เริ่มสลายไป ฝูงยุงเริ่มกระจายตัวออกไปสู่เหยื่อที่ไร้การป้องกันของพวกมันราวกับหมาป่าหิวโหยพบชิ้นเนื้อวางไว้ตรงหน้า
“สายฟ้า โจมตี!”
ฟางหยวนส่ายหน้า เขาโบกมือ สายฟ้าหลายสายก็ปรากฏขึ้นทั่วบริเวณ ตวัดผ่านอากาศ ขี้เถ้ามากมายเริ่มร่วงสู่พื้น
“ชี่! ชี่!”
หมอกเลือดระเบิดออก เขาใช้พลังธาตุฝันที่สะสมเอาไว้หมดไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่เลว… ข้าเกรงว่ากระทั่งจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ยังไม่สามารถจัดการกับมันได้!”
ฟางหยวนคิดก่อนที่จะตวัดดาบอื่นออกไป “ดาบสายลม ไป!”
“ซู่! ซู่!”
พายุเริ่มเพิ่มความเร็วและยุงโลหิตที่รอบตัวเขาก็ถูกพัดออกไปสูญเสียการควบคุมทั้งมวล
อันที่จริง ยุงเหล่านี้นั้นดูจะรู้แล้วว่าเหยื่อที่พวกมันเจอในคราวนี้นั้นไม่ใช่เพียงเหยื่อธรรมดา พวกมันไม่มีโอกาสดูดเลือดและยังเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย แต่ว่าถึงอย่างไร ฟางหยวนก็ไม่ต้องการเปิดเผยร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างไม่ปกติของตนออกไป
ในตอนนี้สถานการณ์กาลังพลิกกลับนั้นก็ปรากฏลาแสงหลายสายขึ้น เป็นสิงอวิ๋นจื่อ โจวเทียน และอีกหลายคนมาถึงแล้ว
“ใครจะรู้ว่าที่นี่จะมียุงล่าโลหิตมากถึงเพียงนี้?”
สิงอวิ๋นจื่อยืนอยู่ข้างหน้า ขณะประเมินสถานการณ์ตรงหน้าเขาก็กางมือออก
พลังอันไร้รอยเริ่มแข็งแกร่งขึ้น และจู่ ๆ ฟางหยวนก็รู้สึกราวกับร่างกายหนักขึ้น
“ปัง!”
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!”
ยุงโลหิตที่รอบ ๆ เริ่มร่วงลงพื้นราวกับฝน
“ฮ่า!”
สิงอวิ๋นจื่อตะโกนขณะส่วนศีรษะของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ตอนนี้เขามีปากแหลมยื่นออกมาและยังมีลิ้นสีแดงยาว จากนั้นเขาก็ตวัดลิ้น
“ฝุบ!”
ยุงโลหิตที่บนพื้นถูกเก็บกวาดเอี่ยม
“นี่คือ… ตัวกินมดหรือ?”
ฟางหยวนอึ้งไป
บนเทือกเขาเก้าสุดยอดนี้มีค่ายกลสุดยอดการกีดกันติดตั้งเอาไว้ ดังนั้น ผู้ใดที่ต้องการเข้ามาจึงต้องมีร่างกายอันแข็งแกร่งสุดยอด จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้พิทักษ์ที่นี่จะเป็นนักสะกดสัตว์
อย่างไรเสีย ต่อให้พวกเขาใช้พลังธาตุฝันของตนไปจนหมด เขาก็ยังคงอาศัยการเปลี่ยนร่างไปเป็นสัตว์เอาชีวิตรอดอยู่ได้อีกเป็นนาน
สิ่งที่สิงอวิ๋นจื่อทาเมื่อครู่นี้คือการเปลี่ยนร่างบางส่วนซึ่งเป็นเคล็ดวิชาระดับสูง
อย่างไรเสีย สัตว์เวทย์ที่เขาเปลี่ยนร่างไปนั้นก็มีความสามารถในการเก็บกินยุงโลหิตทั้งหมด เพื่อที่จะจัดการกับยุงโลหิตที่ในท้องของเขา เขาก็ต้องเปลี่ยนกระเพาะอาหารให้ไปเป็นของสัตว์เวทย์– เหวินคง ด้วยเช่นกัน!
แน่นอนว่า ฟางหยวนย่อมรู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อมองสิงอวิ๋นจื่อ
“ผู้อาวุโสสิง ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”
อย่างไรเขาก็ทาได้เพียงเก็บงาความคิดของตนเองเอาไว้ สิงอวิ๋นจื่อนั้นเป็นจ้าวแห่งฝันที่แข็งแกร่งที่สุดของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรที่อยู่ที่นี่ ดังนั้น ต่อหน้าเขาฟางหยวนย่อมต้องนอบน้อม
“อืม! ใครเลยจะคิดว่าจะมีรังของยุงโลหิตอยู่ที่นี่!”
สิงอวิ๋นจื่อเปลี่ยนกลับมาเป็นมนุษย์ขณะเลียปากตัวเอง “เสียใครไปบ้าง?”
“ตายไปหกหรือเจ็ดคน ที่เหลือได้รับบาดเจ็บจากการคลื่นเสียงแหลมสูง…”
ฟางหยวนรายงานอย่างตรงไปตรงมา
“ยิ่งยุงล่าโลหิตมีกันเยอะเท่าใด คลื่นเสียงแหลมสูงก็จะยิ่งทรงพลังเท่านั้น พวกเราทาอันใดไม่ได้ในเรื่องนี้!”
มองไปที่หลุมพวกนั้นแล้วสิงอวิ๋นจื่อก็พยักหน้า “ใครจะไปคิดว่าจะมีเขตกีดกันอยู่เหนือชีพจรนี้ โจวเทียน เผิงซวน ฟางหยวน ตามข้าเข้าไปในหลุมนั่น ส่วนพวกเจ้าที่เหลือ เตรียมตั้งค่ายพักที่นี่และติดตั้งค่ายกลป้องกัน!”
ตอนนี้ยุงล่าโลหิตล้วนถูกกาจัดไปหมดแล้ว ทุกคนมองเห็นหลุมนั่นได้อย่างชัดเจนว่ามันอยู่ที่ตรงกลางค่ายกลหินระเกะระกะ
หมอกสีดาที่ลอยออกมาจากในหลุมนั้นอย่างต่อเนื่องราวกับปากของสัตว์ประหลาด เหมือนมันเตรียมที่จะกลืนกินคนลงไปทั้งเป็น
“มันดูน่ากลัว!”
ตอนที่โจวเทียนไปถึงที่ด้านข้างหลุม เขาก็ตรวจดูปากหลุมกว้างและอึ้งไป “ข้าเกรงว่ามนุษย์ธรรมดาหรือกระทั่งจ้าวแห่งฝันยังอาจจะได้รับผลกระทบหลังจากเข้าไปสัมผัสกับหมอกกัดกร่อนนี่!”
“ไปกันเถิด!”
สิงอวิ๋นจื่อสร้างเกล็ดสีเหลืองชั้นหนึ่งขึ้นมาคลุมรอบร่างกายเพื่อปกป้องจุดชีวิตของตนเองไว้ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เขานาทั้งกลุ่มเข้าไปในหลุม
หลุมนั่นกว้างมากและอุโมงค์ก็ลึกลงไปอีก หลังจากเดินไปได้หลายจั้ง ทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นมืดสนิท
ในเวลาเดียวกัน ก็ปรากฏแสงสว่างเรืองขึ้นจากเหรียญโบราณในมือของพวกเขา ส่องสว่างทั่วทั้งบริเวณ นี่เป็นสัญญาณว่าพวกเขาเข้าใกล้จุดชีพจรดินเข้าไปเรื่อย ๆ แล้ว
กาแพงนั้นไม่ได้ทาจากดินหรือหิน กลับกัน มันเป็นกาแพงผลึก และในผลึกเหล่านี้ยังมีประกายสีแดง
“นี่คือ…”
ฟางหยวนก้าวไปหากาแพงสองสามก้าวแล้วเริ่มตรวจดู
“เหอเหอ… เจ้าคงรู้แล้ว นี่ก็คือตัวอ่อนของยุงล่าโลหิต ทั้งอุโมงนี้ อันที่จริงก็คือรังของยุงโลหิต… ไม่แปลกที่พวกเราจะสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายอยู่ในทุกที่”
โจวเทียนถอนหายใจ ในตอนนี้ หมอกหนาสีดาเริ่มล้อมรอบตัวพวกเขาแล้วและยังมองเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นด้วย
สิ่งที่ทาให้ฟางหยวนประหลาดใจก็คือไม่มีอันตรายอะไรเลยระหว่างทางในอุโมงค์ ทั้งสี่คนไปถึงปลายอุโมงค์อย่างราบรื่น ที่ปลายอุโมงค์เป็นบ่อน้าขนาดใหญ่ ที่ตรงกลางบ่อนั้นมีของเหลวสีดาสนิทที่มีฟองอากาศผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย
“อ๋า จุดชีพจรนี้อยู่ในดินแดนมรณะจริง ๆ ด้วย!”
สิงอวิ๋นจื่อส่ายหน้าและเริ่มสารวจรอบด้าน
ตรงกันข้าม ฟางหยวนมองไปที่บ่อน้าสีดาและเหม่อลอยไป
ร่างกายของเขานั้นกาลังเข้าใกล้กับระดับการฝึกตนที่หนึ่งร้อย และหากลงไปว่ายอยู่ในน้านี่ก็ยังไม่น่าเป็นอะไรไปได้ ตรงกันข้าม ในกระบวนการฝึกตนนั้น เขายังต้องการพิษหลายชนิดที่มีอยู่แต่ในหลุมเช่นนี้เพื่อที่จะไปให้ถึงระดับที่หนึ่งร้อย
“เจ้ากาลังคิดอะไรอยู่? เจ้าสนใจน้าพิษพวกนี้งั้นหรือฟางหยวน?”
เผิงซวนเหลือบมองมาด้วยสายตาสงสัยราวกับพบบางคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน “บ่อน้าสีดานี่เป็นหนึ่งในน้าที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกนี้และกระทั่งพลังธาตุก็ยังอาจถูกมันกัดกร่อนได้ แต่ว่า มันก็เป็นแหล่งทรัพยากรที่ดีในการสกัดซาก! ต่อให้ที่ข้าโยนลงไปในบ่อจะเป็นแค่ซากศพธรรมดา ข้าก็ยังอาจจะได้รับยักษากลับมาได้!”
“สกัดซาก?”
โจวเทียนดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมา เขาดึงแขนเสื้อฟางหยวน “ข้านึกอะไรออกแล้ว นักพรตเต๋าเผิงซวนผู้นี้นั้นมีฉายานาม ‘ราชาแห่งซากศพ’ ว่ากันว่าเขาไปเจอเข้ากับเคล็ดวิชาสกัดซากอันทรงพลังเข้าในอาณาจักรเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แล้วเขาก็กลายเป็นหลงใหลในมัน เขาปรับปรุงเคล็ดวิชาและยังสกัดซากโลหะและซากทองคามาเป็นผู้คุ้มกัน แต่โชคร้าย…”
ฟางหยวนรู้ว่าทาไมโจวเทียนถึงถอนหายใจก่อนจะพูดจบ
ซากทองแดงและซากโลหะนั้นทรงพลังและยังอาวุธไม่กล้ากลาย แต่ว่า มันก็เทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ๆ อันที่จริงแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ยังคล่องแคล่วกว่าศพด้วย
เมื่อมีอู่จงเป็นคนรับใช้แล้ว ใครจะยังต้องการสกัดศพอีก?
“นั่นไม่จริง! ไม่จริง!”
เผิงซวนสะบัดแส้ปัด “เคล็ดวิชาสกัดซากนั้นตัวมันคือการศึกษา กระทั่งการสกัดซากทองคายังเป็นเพียงระดับเริ่มต้นเท่านั้น หากข้าสามารถสกัดซากยักษาได้จริง อย่างนั้นข้าก็จะเชี่ยวชาญมากขึ้น อย่างไรเสียซากทองคาก็มีจิตใจที่ไม่ซับซ้อนแต่ว่าซากยักษานั้นเทียบได้กับมนุษย์ผู้หนึ่ง หากข้าโชคดีและสามารถสร้างสัตว์ร้างแล้งขึ้นมาได้ละก็ คิคิ… มันก็จะก่อให้เกิดความแห้งแล้งทุกหย่อมหญ้ารัศมีถึงสามพันลี้ และข้าก็ไม่ได้พูดปด!”
“ฝันน่ะสิ!”
โจวเทียนกลอกตา “เจ้าคิดว่าสัตว์ร้างแล้งที่เจ้าพูดถึงคืออะไรกัน? มันมีเพียงแค่ในเรื่องเล่าปรัมปราเท่านั้น…”
“ไม่จริง! สัตว์ร้างแล้งมีอยู่จริง…”
เผิงซวนมีสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่คิดว่าข้าจะบรรลุระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดได้ในชีวิตนี้ แต่ว่า หากข้าสามารถกลับมาเกิดเป็นสัตว์ร้างแล้งได้้ ข้าก็จะสามารถยืดอายุขัยของข้าได้จนยาวนานกว่าปราชญ์ด้วยซ้า!”
“ลืมไปเสียเถอะ! เจ้าเล่าเรื่องนี้ให้กับทุกคนที่เจ้าพบฟัง และเจ้าก็ยังคงพยายามหลอกลวงคนใหม่ ๆ!”
โจวเทียนขัดขึ้นทันที “ฟางหยวน อย่าไปฟังคาพูดของเขา ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นเพียงแค่จินตนาการ ในโลกของเรา พวกเราอย่างมากก็สกัดได้เพียงซากทองคา!”
“ก่อนหน้านี้มันเป็นเพราะข้ามีทรัพยากรจากัด!”
เผิงซวนมองไปที่บ่อน้าสีดาดวงตาเป็นประกาย “หากข้าสามารถใช้สถานที่อันล้าเลิศนี้ได้ ข้าแน่ใจว่าจะสกัดซากยักษาได้!”
“พอแล้ว!”
สิงอวิ๋นจื่อที่ตรวจดูรอบ ๆ นี่หันกลับมา “อย่าทาเสียงดังเอะอะนัก… ตราบใดที่คราวนี้พวกเราทาสาเร็จ ต่อไป ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยากอยู่ที่นี่นานเท่าใดก็ไม่เป็นปัญหา!”
จากนั้นเขาก็ดีดเหรียญโบราณสีม่วงลงไปในบ่อ
เหรียญโบราณทาจากทอง แต่ว่าเหรียญนี้กลับแตกต่างออกไป มันโปร่งใสราวกับผลึกและทันทีที่มันตกลงไปในบ่อน้าสีดา มันก็จมหายไปในน้าที่แตกกระจายออก
เมื่อฟางหยวนเพ่งมอง เขาก็มองเห็นเงาสีม่วงลอยอยู่ที่ก้นบ่อ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มันก็หยุดอยู่ที่จุดจุดหนึ่ง
“ตรงนั้น!”
สิงอวิ๋นจื่อดูตื่นเต้นมาก “ไปกันเถอะ!”
เขาโบกมือ แล้วแสงสีม่วงลาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ในแสงนั้นมีเข็มเล่มยาว เข็มนั่นลอยเข้าไปในน้าและสอดผ่านรูที่ตรงกลางเหรียญที่นอนอยู่ที่ก้นบ่อ
“ครืน!”
มันราวกับเกิดภาพมายาว่าทั้งหลุมนี้สั่นสะเทือนขึ้นมาในตอนนี้เข็มแทงผ่านรูเหรียญ!
‘นี่คือการใช้เคล็ดฝังเข็ม มังกรจับชีพจร เพื่อค้นหาแกนกลางของชีพจรดิน…’
ฟางหยวนเริ่มคิด ‘หลังจากนี้ พวกเราก็จะสร้างแทนบูชาขึ้นมาเหนือจุดนี้เพื่อให้มันอยู่ภายใต้การควบคุมและยังตรวจสอบมันได้ ใช่หรือไม่?’

ในเวลาเดียวกัน
ที่ด้านนอกเทือกเขาเก้าสุดยอด ในห้องแยกแห่งหนึ่ง
ห้องนั้นกว้างใหญ่มากและยังมีเตาหลอมโอสถสีทองแดงอยู่ที่กลางห้อง บนเตาหลอมนั้นมีมังกรสีทองแปดตัวหันหน้าออกไปแปดทิศทาง
“ผัวะ!”
ในตอนนี้เอง มังกรตัวหนึ่งอ้าปากออก พ่นไข่มุกสีทองเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากของคางคกทองคาที่ด้านล่างง
“ชีพจรดินมีการเปลี่ยนแปลงงั้นหรือ?”
หนึ่งในนักพรตเต๋าชราที่คอยปกปักษ์ที่นี่อยู่ลืมตาขึ้นและขยับนิ้วไปมาเพื่อทานาย “มันเกิดขึ้นที่เทือกเขาเก้าสุดยอด… ในเมื่อชีพจรมังกรได้รับความเสียหาย พวกเราก็ต้องแก้ไขมันภายในเก้าวัน ไม่อย่างนั้นความหวังทั้งมวลก็จะสลายไปสิ้นแล้ว!”

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ