Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 370

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 370

370: สงบสุข
ภายในค่ายกลหิน เทือกเขาเก้าสุดยอด
แท่นบูชารูปสี่เหลี่ยมถูกสร้างขึ้นที่เหนือทางเข้าหลุม
ที่ใกล้ ๆ นั้นมีค่ายกลหลายอันล้อมแท่นบูชาอยู่ อักขระเวทย์มากมายหมุนวนอยู่รอบ ๆ มันเปล่งรัศมีดุร้ายและสง่างามออกมา
ที่ด้านในแท่นบูชา สิงอวิ๋นจื่อนั่นอยู่ตรงกลาง เขามีสีหน้าเรียบเฉย “แท่นบูชาก็สร้างขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกเราก็แค่คอยปกป้องมันเอาไว้เก้าวันแล้วภารกิจก็นับว่าสาเร็จ หลังจากนั้น พวกเราก็แค่ต้องพาคนมาตรวจสอบเป็นครั้งคราว!”
ฟางหยวนและโจวเทียนมองหน้ากันแล้วพยักหน้า
ไม่จาเป็นที่ฟางหยวนและโจวเทียนจะต้องหาข้ออ้างหรือว่าแย่งชิงที่จะอยู่ที่นี่ต่อ จากสายตาของเผิงซวนแล้ว เขาย่อมเป็นผู้ที่จะอยู่เฝ้าที่นี่ต่อ
“แล้วก็ ภายในเก้าวันนี้ พวกเราอาจจะถูกจ้าวแห่งฝันของต้าเฉียนลอบโจมตีได้! พวกเราห้ามประมาท…” สิงอวิ๋นจื่อเตือนอย่างจริงจัง จากนั้นเขาก็มอบหมายให้ฟางหยวนและคนที่เหลือรับหน้าที่เฝ้าระวังและผลัดกันไปพัก
“ไม่ เดี๋ยวสิ… เทือกเขาเก้าสุดยอดนี่เป็นพื้นที่ของห้าสานักยิ่งใหญ่ แล้วคนของลัทธิบัวสวรรค์กับสานักเทพปิศาจเล่า?”
ตอนที่ฟางหยวนเดินออกจากแท่นบูชา ความคิดหนึ่งก็วาบเข้ามาในใจเขา “ดูเหมือนว่า… จะมีชีพจรมากกว่าหนึ่งจุดที่เทือกเขาเก้าสุดยอดนี่ หรือไม่พวกเขาก็แอบอยู่ในความมืด เตรียมตัวลอบโจมตีราชสานัก?”
สมาพันธ์แห่งอาณาจักรได้รับความสูญเสียจากองครักษ์มังกรซ่อนก่อนหน้านี้ พวกเขาย่อมต้องหาวิธีแก้แค้น
ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่คือเหยื่อล่อหรือไม่
ฟางหยวนนั้นไม่กลัวที่จะคาดเอาไว้ถึงเจตนาอันเลวร้ายที่สุดของเหล่าเบื้องบน
“พวกเราสร้างบ้านหลายหลังไว้ที่ใกล้ ๆ นี่แล้ว! เชิญเข้าไปพักผ่อนก่อน”
เทพธิดาสีชมพูนั้นอยู่ที่ด้านนอกแท่นบูชา และทันทีที่นางเห็นฟางหยวนและคนที่เหลือ ดวงตาของนางก็สว่างวาบขึ้น นางเดินตรงเข้าไปและเชิญพวกเขาไปที่บ้านหลายหลังนั้นและในเวลาเดียวกันก็มองไปที่ฟางหยวนหลายครั้งอย่างไม่ตั้งใจ
“ฮ่าฮ่า… ดี!”
โจวเทียนหัวเราะและส่งสายตาให้ฟางหยวนก่อนจะเดินจากไป จ้าวแห่งฝันนั้นมีพลังและยังไม่มีปัญหาถ้าจะปล่อยตัวปล่อยใจเสียหน่อย นอกจากนี้ ฟางหยวนยังหนุ่มและมีกาลังวังชา อะแฮ่ม…
“ดี!”
ที่ด้านข้างแท่นบูชา บ้านเล็ก ๆ หลายหลังสร้างจากอิฐเรียงรายเป็นแถว ฟางหยวนเข้าไปในบ้านของเขาและลงนั่งขณะมองเทพธิดาสีชมพูที่ตามเข้ามา “ข้ารู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่และรู้ว่าท่านต้องการให้ข้าปกป้องท่าน แต่ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ที่ฝึกตนขึ้นมาอย่างยากลาบาก ข้าไม่สนใจเรื่องรักใคร่หรือความความรู้สึกชอบพอ ตราบใดที่ท่านเชื่อฟังข้าเมื่ออยู่ในเทือกเขาเก้าสุดยอด ข้าก็จะปกป้องท่านเท่าที่ทาได้!”
“เจ้าค่ะ ท่าน!”
แก้มของเทพธิดาสีชมพูเปลี่ยนเป็นสีแดงจาง ๆ ขณะตอบ “ข้าจะพยายามตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ และเก็บข้อมูลมารายงานท่านทุกวัน!”
“อย่างน้อยที่สุดนางก็ฉลาด!” ฟางหยวนคิด
อันที่จริงแล้ว ความใคร่ก็ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามของฟางหยวน มันก็แค่เขาได้รู้เห็นมามากตอนอยู่ที่แผ่นดินเดิมและเบื่อหน่ายกับเนื้อหนังมังสาไปแล้ว
ตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเทพธิดาสีชมพู แต่เพราะว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นจ้าวแห่งฝันคนหนึ่ง มันคงไม่ดีถ้าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับจ้าวแห่งฝันคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างช่วงที่สงครามกาลังจะเกิดขึ้น ทาไมฟางหยวนจะต้องเปลืองความคิดไปกับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับนางด้วย?
“ดีมาก ข้าไม่เคยปฏิบัติกับคนของข้าไม่ดี!”
ฟางหยวนยิ้มและเปิดไข่มุกภูผานที ข้าวรวงทองหลายถุงหล่นออกมาจากนั้นฟางหยวนก็พูดต่อ “ข้าไม่คุ้นเคยกับการกินข้าวหยาบ ๆ เจ้าปรุงอาหารแล้วยกมาให้ข้าเป็นมื้อ แล้วเจ้าเก็บที่เหลือเอาไว้ได้!”
“ข้าวรวงทอง?”
เทพธิดาสีชมพูสูดลมหายใจเฮือกใหญ่และรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
ถึงแม้ว่าไข่มุกภูผานทีและข้าวรวงทองจะหายาก แต่มันก็เป็นไปได้กับตาแหน่งและสถานะของฟางหยวน ดังนั้น เทพธิดาสีชมพูจึงไม่ได้คิดไม่ดีใดในเรื่องนี้
แต่พอเห็นว่าฟางหยวนร่ารวยเพียงใด ความตั้งใจจะหาเขาเป็นที่พึ่งพิงของนางก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
ฟางหยวนนั้นเป็นชายหนุ่มผู้ร่ารวยและยังมีการฝึกตนสูงส่ง เทพธิดาสีชมพูคงเป็นคนโง่แล้วหากไม่ใกล้ชิดกับเขาให้มากสักหน่อย… แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้สนใจในความงามของนางเลย
ดังนั้นเทพธิดาสีชมพูก็ได้แต่ขุ่นเคืองในเรื่องนั้นเล็กน้อย

เจ็ดวันต่อมา
ที่ใกล้ ๆ กับแท่นบูชานั้นเงียบสงบดี ไม่มีกระทั่งการโจมตีจากสัตว์ร้าย ทาให้เหล่าจ้าวแห่งฝันล้วนรู้สึกโล่งอก
ที่ด้านในห้องทาสมาธิ ฟางหยวนนั่งขัดสมาธิอยู่และวิเคราะห์แผนที่ชีพจรดินที่ปราชญ์ฉางหลีทิ้งเอาไว้ในทะเลแห่งจิตสานึก
“ในต้าเฉียนมีจุดชีพจรกว่าพันจุดและห้าสานักยิ่งใหญ่ก็จัดการส่วนใหญ่ไปแล้ว เป็นไปได้ว่าต้าเฉียนนั้นไม่ได้สนใจชีพจรจุดนี้…”
หลังจากหลายวันที่ผ่านมานั้นสงบสุขดีฟางหยวนจึงเริ่มรู้สึกเช่นนี้
“เพียงแต่… ข้าไม่คิดว่าสมาพันธ์แห่งอาณาจักรจะก่อกวนชีพจรจุดนี้ได้อย่างเรียบง่าย…”
ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อเห็นบันทึกที่ปราชญ์ฉางหลีเขียนเอาไว้
“จ้าวแห่งฝันล้วนมีพลังอานาจสูงส่งและสามารถสร้างวัตถุใด ๆ ได้ นี่ล้วนเป็นไปได้ในโลกที่มีแหล่งพลังธาตุฝันตามธรรมชาติอยู่ ต่อให้เป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาก็ไม่สามารถเป็นอิสระจากสิ่งนี้ได้… ดังนั้น จึงเป็นร้อยปีแล้วที่เหล่าจ้าวแห่งฝันล้วนไล่ตามหาที่มาของพลังธาตุฝัน แต่ว่า ไม่มีใครเคยทาสาเร็จมาก่อน ดังนั้นจึงมีปราชญ์หลายคนสรุปว่าในโลกต้าเฉียนนั้นมี ‘ตาข่ายล่องหน’ อยู่ นี่เป็นเพราะชะตาและปราณดินในต้าเฉียนนั้นแข็งแกร่งเกินไปและเป็นตัวถ่วงการค้นหาของจ้าวแห่งฝัน… อันที่จริงแล้ว นี่เป็นเพียงเหตุผลเล็ก ๆ และไม่ใช่เหตุผลหลัก!”
บันทึกของปราชญ์ฉางหลีล้วนเขียนด้วยอักษรโบราณที่คล้ายกับยันต์ หลังจากฟางหยวนใช้คะแนนไปจานวนมากซื้อหนังสือจากสมาพันธ์แห่ง
อาณาจักรที่วิเคราะห์ตัวอักษรเหล่านี้ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจมันได้ในภาษาของเขา
“ตามที่ปราชญ์ฉางหลีอนุมานเอาไว้ การรบกวนจากโลกต้าเฉียนนั้นเป็นเพียงเหตุผลเล็ก ๆ เท่านั้น ที่สาคัญที่สุดก็คือโลกกาเนิดนั้นน่าจะอยู่ไกลเกินไป และอาจจะกระทั่งไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกัน! กระทั่งจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์สูงสุดอันทรงพลังยังทาได้เพียงรับพลังที่มันแผ่ออกมาและไม่สามารถค้นหาแหล่งกาเนิดได้เพราะว่าพลังของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ!”
“ดังนั้น การค้นหาแหล่งกาเนิดของจ้าวแห่งฝันและการเป็นอิสระจาก ‘ตาข่ายล่องหน’ นั้นเป็นแค่เหตุผลพื้น ๆ เท่านั้น สิ่งที่สาคัญที่สุดก็คือใช้พลังจากแหล่งกาเนิดที่สามารถทาลายทุกอย่างได้!”
สีหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขณะคิดถึงการจัดการของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรกับชีพจรดิน
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าแค่ทาลายชีพจรดินเพื่อทาลายต้าเฉียน แต่ตอนนี้ ด้วยการคานวณของปราชญ์มากมาย มันคาดเดาไม่ได้จริง ๆ
“พลังไม่เพียงพอที่จะทะลวงมิติ?”
ฟางหยวนพึมพา “ข้าเดาว่าการรับเอาพลังจากอาณาจักรอื่นนั้นไม่เพียงพอ แต่… หากเป็นแหล่งพลังของต้าเฉียนเองแล้ว มันอาจจะเพียงพอก็ได้…”
โลกต้าเฉียนนั้นเป็นโลกที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฟางหยวนเคยเห็น พลังธรรมชาติของมันนั้นหนาแน่นและยังหาที่เปรียบไม่ได้ กระทั่งอาณาจักรโบราณก็ยังหมองลงเมื่อเอามาเทียบด้วย
ดูเหมือนว่าปราชญ์ทั้งห้าในเหล่าจ้าวแห่งฝันย่อมไม่ยอมพลาดขุมสมบัตินี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการพัฒนาตัวเองไปอีก
“หายนะกาลังจะเกิดขึ้น… ในโลกนี้…”
เมื่อฟางหยวนหมดข้อสงสัยแล้ว เขาก็รู้สึกถึงความหมายที่ทั้งลึกซึ้งและเลือดเย็นเบื้องหลังทั้งหมดนี้
จ้าวแห่งฝันนั้นอยู่เหนือผู้อื่น พวกเขาบุกรุกและปล้นชิงจากโลกและอาณาจักรอื่น ๆ มากมาย ในสายตาของพวกเขา กระทั่งต้าเฉียนก็เป็นเพียงจุดพักชั่วคราวเท่านั้น
เพื่อที่จะพัฒนาต่อไปและยังตามหาแหล่งกาเนิด พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะสละทั้งโลกนี้!
เหล่าคนบ้าคลั่งจากสานักหยวนซูย่อมต้องทาได้แน่นอน
กระทั่งปราชญ์จากไป๋เจ๋อซานก็ยังไม่ปฏิเสธ
ภายใต้สวรรค์ ทุกชีวิตล้วนเท่าเทียม ในสายตาของเหล่าปราชญ์ คนธรรมดาล้วนเหมือนกัน
ในเมื่อพวกเขาล้วนเหมือนกันไปหมดและในเมื่อโลกและอาณาจักรอื่นยังเสียสละได้ เหตุใดต้าเฉียนจึงจะไม่ได้?
“ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ข้าได้กลายมาเป็นฝ่ายตรงข้ามพวกเขาแล้ว…”
ฟางหยวนยิ้มแสยะดวงตาเป็นประกาย “ถึงอย่างนั้น วิธีการที่แท้จริงล้วนอยู่ในแก่นของมรดก… หากข้าสามารถได้รับมรดกลับทั้งหมดของปราชญ์ฉางหลี ข้าย่อมไปได้เหนือกว่าทุกคน!”

“ท่าน?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เป็นเทพธิดาสีชมพู
“เข้ามา!”
สีหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนกลับไปเป็นอ่อนโยนขณะมองเทพธิดาสีชมพูถือกล่องอาหารเข้ามาด้วยสีหน้าประจบประแจง
“เชิญรับอาหารเจ้าค่ะ!”
นางมองมาที่ฟางหยวนที่กาลังตักอาหารแล้วก็เริ่มรายงานสถานการณ์ “วันนี้ตอนเช้าตรู่ กลุ่มลาดตระเวนเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งถูกงูทะลวงธาตุโจมตี จ้าวแห่งฝันหนึ่งคนกับผู้กล้าสามคนเสียชีวิต…”
“ฉิงหยวนกับจ้าวแห่งฝันคนอื่น ๆ แอบเข้าไปสารวจการเคลื่อนไหวในเขตกีดกันใกล้ ๆ นี่และข้าได้ยินมาว่าเขาพบบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะเป็นพวกเขาพบ แต่พวกเขาก็นับเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา แต่ถึงแม้สิงอวิ๋นจื่อจะรู้เรื่องนี้เขากลับไม่ได้พูดอะไร…”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ขณะที่ฟางหยวนรับรู้อย่างสงบ ความเย็นเยือกอีกสายก็ปรากฏขึ้นในใจเขา
พฤติกรรมการลงมือทาธุระส่วนตัวขณะอยู่ในหน้าที่ส่วนรวมนั้นอันที่จริงแล้วนับเป็นการละเลยหน้าที่ของตนแบบหนึ่ง แต่ในเมื่อสิงอวิ๋นจื่อกลับไม่พูดอันใดเรื่องนี้ มันก็เท่ากับอธิบายว่าเหตุใดจึงทาเช่นนี้
“ภารกิจนี้นั้นไม่ใช่แค่เข้ามาครอบครองพื้นที่ แต่กลับยังเป็นเหยื่อล่อให้องครักษ์มังกรซ่อนและราชสานักลงมือด้วยใช่หรือไม่? เพื่อให้ทั้งสี่สานักที่เหลือลอบสังหารและทาลายพวกเขาเสีย?” ฟางหยวนคิด
แผนการที่แท้จริงนั้นยังไม่ล่วงรู้ได้ ทั้งกลุ่มนี้มีเพียงสิงอวิ๋นจื่อที่น่าจะรู้เหตุผลและแผนการที่แท้จริง
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่คาดหวังอันใดมากนัก แต่พฤติกรรมเช่นนี้ก็ยัง… น่าผิดหวังนัก!” ฟางหยวนคิดกับตัวเอง
เมื่อเห็นเช่นนี้ เทพธิดาสีชมพูก็รู้สึกหัวใจเย็นเยียบราวกับนางได้เผยบางอย่างออกไป ท่ามกลางเหล่าจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ มีเพียงฟางหยวนที่ทาให้นางรู้สึกถึงความลึกลับและคาดเดาไม่ได้

“ฮ่าฮ่า… น้องฟางหยวน!”
ในตอนนี้เอง เสียงของโจวเทียนดังมาจากข้างนอก จากนั้นเขาก็เอ่ยล้อเลียน “ข้ามาขัดจังหวะหรือไม่?”
“ไม่หรอก ท่านเข้ามาสิ!”
ฟางหยวนโบกมือแล้วพลังที่มองไม่เห็นก็เปิดประตูออก โจวเทียนเดินเข้ามาแล้วเหลือบมองเทพธิดาสีชมพูไว ๆ ครั้งหนึ่งก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปเป็นแบบที่ผู้ชายด้วยกันจะเข้าใจ
“ข้าขอตัวก่อน!”
แก้มของเทพธิดาสีชมพูเรื่อขึ้นขณะนางคารวะลงและเดินออกไป
“ฮ่าฮ่า ข้ามาขัดจังหวะเจ้ากับแม่นางผู้นั้นหรือไม่?” โจวเทียนถามอย่างล้อเล่น
“เอ้า ท่านไม่รู้หรือว่าระหว่างข้ากับนางมิได้มีอันใดกัน?”
ฟางหยวนกลอกตาและพูดต่อ “แล้วนี่ท่านมีอันใดพาท่านมาถึงที่นี่ได้?”
ใช่แล้ว นอกจากจ้าวแห่งฝันระดับต่าแล้ว โจวเทียนก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ลอบออกไปเช่นกัน
“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง”
โจวเทียนพับขานั่งลงสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ข้ากับอู่จงสองคนออกไปตรวจดูที่รอบ ๆ นี้ในช่วงหลายวันมานี้และพวกเราก็พบเขตกีดกันที่ยังเหลืออยู่! ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!”
โจวเทียนหว่านล้อมฟางหยวนด้วยส่วนแบ่งรางวัล
ส่วนเผิงซวน?
ตั้งแต่สิงอวิ๋นจื่ออนุญาต ราชาแห่งซากศพผู้นี้ก็อยู่แต่ในหลุมตลอดหลายวันนี้ คนด้านนอกไม่เห็นแม้เงา
“ตกลง!” ฟางหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตกลง
จากนั้นเขาก็มองโจวเทียนอย่างพิจารณา “ในภารกิจนี้ คนอื่นนอกจากสิงอวิ๋นจื่อและอีกไม่กี่คน คนที่เหลือล้วนเชื่อถือไม่ได้อย่างเราและยังอ่อนแอ ความตั้งใจจะใช้ผู้อื่นกาจัดศัตรูนั้นก็จะไม่ชัดเจนเกินไป… เฟิงซินจื่อ ผู้อาวุโสนักหลอม!”
ถึงแม้ว่าฟางหยวนจะรู้สถานการณ์นี้และทั้งหมดก็น่าจะเกิดจากความริษยาของเฟิงซินจื่อ แต่หากผู้อาวุโสนักหลอมไม่เห็นด้วย เรื่องย่อมไม่เป็นไปเช่นตอนนี้
สายตาของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขณะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ