371: ผลพลังธาตุ
ครึ่งวันผ่านไป ที่ไกลจากค่ายกลหินประมาณหนึ่งร้อยลี้
ฟางหยวนเดินเคียงไปกับโจวเทียนและมีอู่จงตามหลังมาอีกสองคน
“ที่นี่แหละ ก่อนหน้านี้ข้าส่งมุสิกล่าสมบัติออกไปและก็เป็นที่นี่ที่มันพบร่องรอยของผลพลังธาตุ!”
โจวเทียนโค่นต้นไม้หลายต้นลงขณะพูด
ทันทีที่พวกเขาได้ยินชื่อผลไม้ หัวใจทุกดวงล้วนหวั่นไหว
ผลพลังธาตุนั้นเป็นของวิเศษระดับดิน แต่ว่า มันไม่เหมาะสมกับการฝึกตนเป็นจ้าวแห่งฝัน กลับกัน มันเป็นของวิเศษที่ใช้เพิ่มความแข็งแกร่งในด้านวิทยายุทธ์
นี่ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับอู่จงในขอบเขตแยกธาตุ เพราะมันจะช่วยให้พวกเขาเริ่มการทะลวงด่านถัดไปได้
“ตามที่มุสิกล่าสมบัติส่งมา ที่นั่นมีผลพลังธาตุอยู่มากมายทีเดียว มันน่าจะเพียงพอที่จะช่วยให้อาหลงและอาหู่บรรลุระดับและก้าวสู่ชีพจรที่เจ็ดได้!”
พลังของอู่จงในระดับชีพจรที่หกนั้นต่างจากอู่จงชีพจรที่เจ็ดมาก อย่างน้อยที่สุด ก็ยังมีเงื่อนไขต่าสุดคือบรรลุระดับการสร้างร่างสวรรค์
ฟางหยวนเหลือบมองอาหลงและอาหู่เร็ว ๆ ครั้งหนึ่งก็พบว่ารัศมีพลังของพวกเขานั้นต่างออกไปจริง ๆ พลังธาตุของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง และ
นี่ก็แสดงให้เห็นว่าโจวเทียนนั้นลงทุนลงแรงในตัวคนคู่นี้มากทีเดียว หากพวกเขาสามารถบรรลุระดับได้ พวกเขาย่อมมีความหวังเล็ก ๆ ที่จะไปถึงระดับร่างสวรรค์แท้จริงได้ต่อไป
แต่ว่า ก็ยังมีความยุ่งยากที่โจวเทียนเจอ “ข้าดูในแผนที่ ตาแหน่งของผลพลังธาตุน่ะไม่ได้อยู่ในเขตปลอดภัย ดังนั้นพวกเราอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการกีดกันและอันตรายไปตลอดทาง!”
“นี่ทาให้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า น้องฟาง!”
โจวเทียนตบหน้าอกตัวเอง “แน่นอนว่า หลังจากพวกเราได้ผลไม้นั่นมา ข้าจะไม่ลืมน้าใจของเจ้าเลย”
“อืม ท่านแบ่งผลพลังธาตุให้ข้าสักหน่อยก็ใช้ได้แล้ว และข้าก็อยากได้รากของมันด้วย!”
ฟางหยวนเสนอเงื่อนไขของตน
“ท่านต้องการพืชวิญญาณชนิดนี้? ได้สิ ไม่มีปัญหาเรื่องนั้น!”
โจวเทียนตกลงทันที เขาไม่ได้สนใจในพืชวิญญาณที่ต้องใช้เวลานับร้อยปีในการเติบโต
“เช่นนั้นก็ตกลง!”
ฟางหยวนดีใจมาก ด้วยทักษะการดูแลพืชของเขา เขารู้ว่าเขาสามารถลดระยะเวลาเติบโตของพืชวิญญาณได้ อย่างนั้นแล้วเขาย่อมมีผลพลังธาตุให้ใช้ได้อย่างเหลือเฟือ!
ต่อให้เขาไม่ต้องการมันอีกแล้ว เขาก็ยังสามารถใช้ผลไม้นี่ฝึกคนรับใช้ของเขาขึ้นมาได้
หมอกเริ่มหนาขึ้น
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านหุบเขาเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง สายลมแรงก็กรรโชกมาจากทั้งสองด้าน พลังวิญญาณส่องเรืองขึ้นปกคลุมทั่วท้องฟ้าและยังแผ่กลิ่นอายน่าหวาดเกรง
“จี๊ด!”
โจวเทียนดึงสัตว์วิญญาณที่หน้าตาคล้ายมุสิกออกมาตัวหนึ่ง “ต้องพึ่งเจ้าแล้ว มุสิกล่าสมบัติ!”
ฟางหยวนมองสัตว์ตัวนั้นอย่างสนใจและพบว่ามันใหญ่แค่ฝ่ามือของเขาเท่านั้น มันมีจมูกสีแดง ดวงตาสีเขียว ขนเป็นประกาย และยังมีขนสีม่วงเป็นแถบหลายแถบที่กลางหลัง
หลังจากกินเมล็ดพืชไปนิดหน่อย มุสิกตัวนั้นก็นอนหมอบลงกับพื้นทันที จมูกกระดิกไปมาก่อนที่จะออกวิ่งไปในทิศทางหนึ่ง
“ไปกัน!”
โจวเทียนตื่นเต้นขึ้นมาและโบกมือ
คนรับใช้ของเขา คนที่เรียกว่าอาหลงนั้นเป็นอู่จงระดับชีพจรที่หกนาทางไป จ้าวแห่งฝันสองคนตามไปด้านหลังและมีอาหู่คอยดูแลคุ้มกันด้านหลัง
ทั้งสี่คนเดินทางต่อและไปถึงส่วนลึกของหุบเขา พวกเขามองเห็นทะเลสาบที่ดูสงบนิ่ง ทะเลสาบนั้นเล็ก ขนาดเพียงไม่ถึงหมู่ แต่ว่า มันดูลึกมาก ผิวน้าเป็นสีดา
ที่ริมตลิ่ง มีเถาวัลย์เลื้อยอยู่รอบ ๆ บนเถาวัลย์เหล่านั้นมีผลไม้สีเขียวขนาดราวผิงกั่วอยู่ และยังมีกลิ่นหอมลอยออกมา
“เป็นผลพลังธาตุจริง ๆ!”
โจวเทียนดีใจมาก “เป็นโชคดีของพวกเราแล้วมาพบเข้า!”
“แต่ว่า ตามกฎแห่งธรรมชาติแล้ว ย่อมต้องมีสัตว์วิญญาณคอยปกป้องอยู่ในบริเวณนี้ ทุกคน ระวังตัวด้วย!”
ฟางหยวนมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะมองไปที่ทะเลสาบลึก
เขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น
“อาหลง!”
โจวเทียนเลียริมฝีปาก
อาหลงเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง ไปถึงที่ริมทะเลสาบแล้วก็ยื่นแขนออกไปเพื่อเด็ดผลไม้
“ซ่า!”
น้าในทะเลสาบเริ่มกระเพื่อมขณะที่มีน้าแตกกระจายออกมาโครมใหญ่ จากนั้นก็มีเงาดา ๆ ที่ว่องไวมากพุ่งออกมาก่อนจะลงมือ
“ปัง!”
อาหลงเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว เขาถอยออกมาอย่างไม่ลังเล ด้วยความคล่องแคล่วอย่างน่าแปลกใจ เขากระโดดกลับเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยที่ด้านหลัง
“วิชาตัวเบาของเจ้าไม่เลวเลย!”
ฟางหยวนกล่าวชมเขาก่อนจะหันกลับไปสนใจเงาดานั่นอีกครั้ง
มันเป็นงูยักษ์ที่ตัวหนาราวกับถังน้าและยังยาวกว่ายี่สิบหลา มันมีเกล็ดเล็ก ๆ ที่ดูราวกับหยกสีดาและยังมีประกายสีม่วงจาง ๆ รอบตัว เมื่อมันยกหัวขึ้น ดวงตาสีเงินของมันก็มองลงมาอย่างเย็นชา
นอกจากนี้ ยังมีก้อนเนื้อโตอยู่บนหัวของมันที่ดูราวกับเป็นเขา
“นี่คือ… อสรพิษดาเนตรเงิน? เหตุใดมันจึงมีขนาดใหญ่โตเช่นนี้… และยังก้อนเนื้อที่บนหัวของมัน…”
“ดูเหมือนว่าผลพลังธาตุจะเป็นผลไม้ต้องห้ามของมันแล้ว” โจวเทียนสรุป
“ฟ่อ! ฟ่อ!”
งูยักษ์นั้นไม่มีเหตุผลให้ต้องปรานีพวกเขา เมื่อการลอบโจมตีเมื่อครู่ล้มเหลว มันก็เปลี่ยนไปเป็นดุร้ายและตวัดหางออกมา
“ฮึ่ม! น้า ไป!”
โจวเทียนคารามและน้าในทะเลสาบก็เริ่มยกสูงขึ้นเกิดเป็นกาแพงน้าอยู่กลางอากาศขัดขวางวิถีการโจมตีของงูยักษ์
“ผัวะ!”
แค่มันสะบัดหางกาแพงน้าก็แตกเป็นช่องให้งูยักษ์เริ่มเลื้อยผ่านเข้ามาได้
“เป็นสัตว์ร้ายทรงพลังเสียจริง… น้าแข็ง!”
โจวเทียนคารามออกมาอีกครั้ง รอบด้านเริ่มเย็นลงและน้าก็เริ่มแข็งตัว!
“ซู่!”
สายลมเย็นเยียบพัดผ่านมา กาแพงน้ากลายเป็นกาแพงน้าแข็งและในเวลาเดียวกันยังกักงูยักษ์เอาไว้ด้านใน
‘คาถาเวทย์ร่ายออกเพียงแค่คิดเท่านั้น นักสะกดฝัน?’
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายเมื่อรู้เบื้องหลังของโจวเทียน เป็นนักสะกดฝันซึ่งนับว่าพบได้เป็นส่วนมากในหมู่จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายา
ว่ากันว่าจ้าวแห่งฝันเหล่านี้นั้นสามารถใช้คาถาเวทย์ได้เพียงแค่เคยพบเห็นสักครั้งเท่านั้น และยังสามารถเปลี่ยนมันเป็นวัตถุจริงได้ นักสะกดฝันทุกคนล้วนเชี่ยวชาญคาถาเวทย์ทั้งห้าชนิดและยังอาจจะกลายเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจได้ กระทั่งนักรบศักดิ์สิทธิ์ในระดับแยกธาตุยังต้องยอมนอบน้อมต่อพวกเขา มีเพียงนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับใช้พลังธาตุที่แท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะนักสะกดฝันได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างนักสะกดฝันและนักรบศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอย่างไร
“อืม งูนี่ดุร้ายมาก ดูเหมือนจะมีพลังเทียบเท่ากับอู่จงชีพจรที่เจ็ด!”
โจวเทียนยิ้มอย่างใจเย็น “อาหลงและอาหู่น่าจะไม่สามารถเอาชนะมันได้!”
ขณะที่รอยแตกเริ่มปรากฏขึ้นบนผิวน้าแข็ง แทนที่จะกังวล โจวเทียนกลับตื่นเต้น “น้องฟาง กินเนื้องูย่างเป็นมื้อเย็นเป็นอย่างไร?”
เขาพลิกมือ เปลวไฟพุ่งขึ้นพร้อมกระแสลมแรง ตอนที่งูดานั่นกาลังจะเป็นอิสระจากน้าแข็ง มันก็เริ่มถูกไฟเผา จากนั้นมันก็กลายไปเป็นคบเพลิงขนาดยักและบิดตัวไปมาอย่างเจ็บปวด
โจวเทียนสามารถควบคุมธาตุได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือ!
กระทั่งในเทือกเขาเก้าสุดยอด จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ก็ยังมีพลังเพียงนี้
เห็นโจวเทียนรับมือกับงูยักษ์ อาหลงและอาหู่ทาได้เพียงก้มหัวลงอย่างยอมรับนับถือและยังเป็นการตักเตือนพวกมันอีกครั้งว่าเจ้านายของมันนั้นทรงพลังเพียงใด
ต่อให้พวกมันได้เป็นอู่จงระดับชีพจรที่เจ็ดก็ยังคงเป็นได้เพียงคนรับใช้ของโจวเทียน!
เห็นอย่างนี้แล้วโจวเทียนก็รู้สึกพึงพอใจ ขณะที่งูดาหล่นลงพื้น เขาก็เริ่มออกคาสั่ง “พวกเจ้าทาอันใดอยู่? รีบไปเก็บเกี่ยวผลพลังธาตุ! แล้วก็ น้องฟางต้องการรากวิเศษของต้นไม้นี่ด้วย ระวังอย่าทาให้เสียหาย!”
“ขอรับนายท่าน!”
อู่จงทั้งสองรับคาและออกไปทางานที่ได้รับมอบหมายให้สาเร็จ
“ข้า… ข้าจะสมควรได้รับได้อย่างไร…”
ฟางหยวนดูนอบน้อม อย่างไรก็เป็นโจวเทียนและคนของเขาที่ลงมือเก็บเกี่ยวผลพลังธาตุนี่ และฟางหยวนยังไม่ได้ทาสิ่งใดที่เป็นการช่วยเหลือพวกเขา
“ฮ่าฮ่า… ทาไมจะไม่เล่า?”
โจวเทียนนั้นใจกว้าง อย่างไรฟางหยวนก็สามารถบรรลุระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ได้ในตอนที่อายุน้อยเพียงนี้และยังเป็นถึงผู้ฝึกตนบรรณที่ห้า ดังนั้น มันก็คุ้มค่าที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาเอาไว้
แล้วในตอนนี้เองก็เกิดบางอย่างขึ้น
ขณะที่อาหลงและอาหู่มาถึงที่ริมทะเลสาบและกาลังจะเด็ดผลไม้ออกมา แสงสีม่วงก็พุ่งวาบผ่านไป
อาหู่รีบถอยออกห่างแล้วก็อึ้งงันไป
“น้อง?”
เมื่อเห็นสีหน้าอึ้งงันของเขาอาหลงก็กังวลและเดินตรงเข้าไปหา
“หึหึ!”
ในตอนนี้เอง ดวงตาของอาหู่ก็กลายเป็นแดงก่าและมีเส้นเลือดสีม่วงขยายลามขึ้นที่ใบหน้าของเขา ขณะที่เขาตะโกนออกมา เขาก็ตวัดหมัดออกไปสุดแรง
สถานการณ์พลิกผัน!
อาหลงทาได้เพียงยกมือขึ้นป้องกัน เขาปลิวถอยหลังไปและยังกระอักเลือดออกมาคาใหญ่ กระดูกหลายท่อนแตกหัก
“เอ๋? สิ่งชั่วร้ายใดกัน?”
ด้วยสายตาอันเหนือธรรมดาของฟางหยวน เขามองเห็นแสงสีม่วงสายหนึ่งเข้าไปในร่างของอาหู่ก่อนที่จะเข้าควบคุมร่างกายเขา
แรกเลย มันก็น่าตกใจที่อาหู่ถูกจัดการได้โดยง่ายดาย เมื่อคิดถึงว่าทั้งคู่นั้นเป็นอู่จงระดับชีพจรที่หกและยังมีเกราะพลังธาตุและชีพจรศักดิ์สิทธิ์ปกป้องอยู่
อย่างที่สอง ตัวตนประหลาดนั่นสามารถใช้งานพลังธาตุของอาหู่ได้ในทันทีที่มันเข้าควบคุมเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุมเขาราวกับเป็นหุ่นเชิด
“งูชักใย? อาหู่นับว่าตายไปแล้ว! รีบเผาเขาซะ!”
ดูเหมือนว่าโจวเทียนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที เขาโบกมือแล้วพายุเพลิงสองลูกก็ก่อกาเนิดขณะที่สายลมเพิ่มความแรงของเพลิงขึ้น ไฟลามไปทั่ว
“หึหึ!”
อาหู่ยังส่งเสียงต่าลึก ทันใดนั้น ชีพจรทั้งหกก็เริ่มก่อตัวขึ้นที่รอบตัวเขา สร้างเป็นเกราะวิญญาณรอบตัว จากนั้นก็พุุ่งเข้าหาโจวเทียน
“ฝุบ!”
เขาเร็วมากและยังก่อให้เกิดสายลมรุนแรง เขาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไฟแยกออกเป็นสองด้านเกิดเส้นทางสายหนึ่งขึ้น
“บ้าชะมัด! ตอนนี้ข้ามีพลังธาตุฝันจากัด…”
โจวเทียนดูจะลาบากแล้ว
เขาพยามยามโอ้อวดมากไปตอนสังหารงูยักษ์ ดังนั้นจึงใช้พลังธาตุฝันไปมากเกิน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟื้นฟูพลังธาตุฝันของตัวเองภายใต้สุดยอดการกีดกันของเทือกเขาเก้าสุดยอด
“ให้ข้าจัดการเอง!”
ฟางหยวนก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง สีหน้านิ่งเฉย เขาพลิกมือแล้วดาบตัดอัสนีก็พุ่งออกไป!
“ฝุบ!”
สายฟ้าสั่นระริกอยู่รอบ ๆ ดาบ อาหู่ตะโกน พลังวิญญาณมารวมตัวกันรอบ ๆ หมัดขวาของเขา จากนั้นเขาก็ตวัดหมัดลง
“ปัง!”
ดาบตัดอัสนีสั่นและเบี่ยงทิศไปเล็กน้อย แต่ว่ามือของอาหู่ตอนนี้ก็ไหม้ดาจนเห็นกระดูก
“อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่ร่างจริงของเจ้าเอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าจะไม่สนใจมันนัก…”
ฟางหยวนดีดนิ้วอีกครั้งแล้วดาบธาตุลมก็ก่อตัวขึ้น “สายลมและสายฟ้า สังหาร!”
“ชี่! ชี่!”
ปราณดาบถูกปล่อยออกมาและดาบธาตุลมและสายฟ้าก็เริ่มก่อตัวเป็นมายาสองภาพสีเขียวและม่วง มันเข้าไปล้อมอาหู่เอาไว้ ทิ่มแทงและกรีดผ่านร่างของเขา
หลังจากนั้นครู่เดียว ดาบทั้งสองก็ชะงัก อาหู่ที่อยู่ตรงกลางกลายเป็นไม่ขยับ ทันใดนั้น เนื้อชิ้นหนึ่งก็หลุดออกจากร่างของเขา
“ฝุบ!”
จากร่างกายแหลกเละ แสงสีม่วงบินหนีไป
“ข้ากาลังรอเจ้าอยู่เลย!”
ฟางหยวนยิ้มขณะที่ดาบธาตุไฟปรากฏขึ้นในมือของเขา จากนั้นเขาก็ตวัดดาบไปข้างหน้า
“ชี่!”
ดาบธาตุไฟส่องสว่าง งูสีม่วงรูปร่างบางเพรียวหล่นลงพื้นร่างกายแยกออกเป็นสองซีก
“มันเป็นงูชักใยจริง ๆ และยังฝึกฝนจนกลายเป็นสีม่วง! กระทั่งพวกเราก็อาจจะตกอยู่ใต้การควบคุมของมันได้…”
โจวเทียนมีสีหน้าไม่ดีนัก อาหู่ตายและอาหลงยังได้รับบาดเจ็บสาหัส การเดินทางตามหาผลพลังธาตุนี้ราคาแพงมากสาหรับเขา
แต่ว่า เขาก็ยังเค้นรอยยิ้มขึ้นมาบนหน้าได้ “ขอบคุณสาหรับความช่วยเหลือของเจ้า น้องฟาง”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด!”
ฟางหยวนเดินตรงไป เก็บผลพลังธาตุขึ้นมาและยังดึงเอารากของมันมาด้วย จากนั้นก็เก็บทุกอย่างลงไปในไข่มุกภูผานทีก่อนที่จะไปตรวจดูการบาดเจ็บของอาหลง
ชายคนนี้ถูกน้องชายตัวเองลอบทาร้ายและยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาต้องถูกส่งตัวกลับไปที่ค่ายพักเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
แต่ว่าในตอนนี้เองจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น!