Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 374

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 374

374: พ่ายแพ้
“เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้เฟิงซินจื่อ?”
ฟางหยวนหันไปสนใจเฟิงซินจื่อและยิ้ม
“ข้าได้รับคาสั่งจากสมาพันธ์ให้มาดูเจ้า…”
อย่างไรเสีย อันที่จริงแล้ว ห้าสานักยิ่งใหญ่นั้นวางกับดักเอาไว้และเฟิงซินจื่อนั้นก็เป็นตัวแทนของสมาพันธ์แห่งอาณาจักร เขาเดินทางมาที่นี่โดยเฉพาะเพื่อดูว่าฟางหยวนจบชีวิตลงอย่างไรแต่ทว่า เขากลับเจอกับผลลัพธ์อันน่าประหลาดใจ
“โอ้ ขอบคุณมาก!”
ฟางหยวนยิ้มราวกับเชื่อคาพูดของเฟิงซินจื่อ “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ภารกิจของพวกเราก็สาเร็จแล้ว ข้าจะขอตัวกลับไปที่ผืนดินมั่งคั่งได้แล้วใช่หรือไม่?!”
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”
โจวเทียนเสริมโดยไม่ลังเล
อันตรายที่เขาได้ประสบมาในภารกิจนี้ทาให้เขานึกถึงช่วงเวลาอันสงบสุขของตนก่อนที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“ข้าเกรงว่าพวกเราต้องพูดคุยกันเรื่องนี้ก่อน!”
เฟิงซินจื่อคัดค้านขึ้นขณะสิงอวิ๋นจื่อออกปากพูด “แค่ก แค่ก… ถึงแม้ว่าพวกเจ้าทั้งคู่จะสังหารศัตรูเก่งกล้าได้ แต่ความ
จริงที่หลุมถูกทาลายและแท่นบูชากลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว จึงนับว่าภารกิจยังไม่สาเร็จ”
“อะไรนะ?”
โจวเทียนมีสีหน้าโมโห “พวกเราสังหารอู่จงชีพจรที่เก้าสามคนและยังนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เก้าอีกหนึ่งคน ตอนนี้พวกเราหมดแรงแล้ว พลังและพลังธาตุฝันของพวกเราล้วนถูกใช้หมดไป แล้วพวกเราจะสามารถหยุดการทาลายนี่ได้อย่างไร? ท่านโหดร้ายเกินหน่อยหรือไม่ ท่านสิง?”
“ในเมื่อนี่คือจุดประสงค์ของภารกิจ ข้าจะพูดอันใดได้?”
สิงอวิ่นจื่อโบกมือ ในดวงตามีแววเจ้าเล่ห์
“เฟิงซินจื่อ ท่านว่าอย่างไรเล่า? ท่านจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยหรือไม่?”
ฟางหยวนไม่สนใจสิ่งที่สิงอวิ๋นจื่อพูดแต่กดดันหาคาตอบจากเฟิงซินจื่อแทน
“ตามความเห็นของข้าแล้ว… พวกเรายังควรทาตามกฏที่สมาพันธ์แห่งอาณาจักรตั้งเอาไว้ ดังนั้น พวกเราคงต้องทาตามคาแนะนาของสิงอวิ๋นจื่อแล้ว”
เฟิงซินจื่อตอบอย่างใจเย็น ไม่รู้ตัวเลยว่าเขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ศีรษะอันเละเทะที่บนพื้นและสีหน้าสงบของฟางหยวน
“เอาละ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็จะรอให้สมาพันธ์ตัดสิน!”
ฟางหยวนพูดตามตรง ทันทีที่เขาบีบให้เฟิงซินจื่อระบุจุดยืนได้ เขาก็โบกมือ แล้วเขากับโจวเทียนก็เปลี่ยนไปเป็นลาแสงสองเส้นพุ่งขึ้นฟ้าไป
เหลือเพียงความเงียบอันน่ากระอักกระอ่วน
หลังจากนั้นเป็นนาน สิงอวิ๋นจื่อก็พูดขึ้น “คนผู้นี้สามารถสังหารอู่จงระดับชีพจรที่เก้าได้ ความสามารถของเขานั้นสูงกว่าข้าและเขายังมีพลังเทียบเท่ากับผู้อาวุโสคนหนึ่ง… หลานข้า การขัดแย้งกับเขานั้นดูไม่คุ้มค่าแล้ว!”
“ข้ารู้แล้ว!”
มองศีรษะมากมายที่บนพื้น เฟิงซินจื่อก็หัวเราะ “ข้าควบคุมความริษยาของตนเองไม่ได้ อย่างไรเสีย… ข้าก็ได้รับความรอบรู้ระดับสามและยังเริ่มฝึกตนในฐานะจ้าวแห่งฝันขั้นที่ห้า ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็คือจิตใจอันไร้วุ่นวาย ข้าคิดว่าบรรลุถึงแล้ว แต่ว่าตอนนี้ ข้ากลับถูกความริษยาเข้าครอบงาอีกครั้ง”
“ตอนที่ข้าพบเขาครั้งแรก เขาเป็นเพียงจ้าวแห่งฝันที่เพิ่งเลื่อนขึ้นมาสู่ระดับสวรรค์มายาเท่านั้น ข้ากระทั่งเคยคิดจะช่วยเหลือเขา ตอนนี้เขากลับบรรลุสวรรค์มายาขั้นที่สี่ ข้านั้นเต็มไปด้วยความริษยาในตัวเขา และยังมากขึ้นไปอีกตอนนี้…”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคอยมองรุ่นเยาว์ไต่เต้าขึ้นสูงกว่าตนเองในด้านการฝึกตน
“นอกจากนี้… ที่ข้าขัดแย้งกับเขานั้นก็เพื่อสานัก ไม่ใช่เพื่อกิจส่วนตัวของข้า!”
ขณะที่เขายังให้เหตุผลต่อ เสียงของเขาก็ดังขึ้น “สมาพันธ์ต้องการผู้มีความสามารถ คนผู้นั้นเห็นได้ชัดว่ามีความสามารถแต่ว่าเขากลับเลือกที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ เขากระทั่งทิ้งหน้าที่ของตนเองแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้มีความภักดี!”
แต่อย่างไรเขาก็ไม่ได้พูดถึงว่าเขาได้วางแผนส่งฟางหยวนมาที่นี่เพื่อเป็นเหยื่อผู้หนึ่ง
“ด้วยการกระทาอันไม่สมควรเช่นนี้ ยิ่งเขามีอานาจมากยิ่งขึ้น พวกเราก็ยิ่งปล่อยเอาไว้ไม่ได้!”
ดวงตาของเฟิงซินจื่อเป็นประกายขณะพูดด้วยท่าทางชอบธรรมเต็มที่
ที่ด้านข้างเขา สิงอวิ๋นจื่อพูดไม่ออก
เขาช่างมีพรสวรรค์ในการบิดเบือนความจริงจนถึงระดับนี้เลย!

ที่อีกฟากหนึ่ง
ลาแสงสองเส้นพุ่งออกมาจากหุบเขา
ทันทีที่พวกเขาหลุดออกมาจากเทือกเขาเก้าสุดยอด โจวเทียนก็โห่ร้องอย่างพึงพอใจที่ได้หลุดพ้นจากพันธนาการ
เขาไม่เคยต้องการประสบกับสภาพไร้ความสามารถในการใช้ทักษะของตัวเองภายใต้สุดยอดการกีดกันอีกเป็นอันขาด
“โจวเทียนพวกเราแยกกันตรงนี้ แล้วก็ท่านคิดอะไรอยู่?”
ฟางหยวนสูดลมหายใจลึกขณะพลังธาตุฝันในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของเขาค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาช้า ๆ ในไม่ช้า ค่ายกลดาบแปดประตูของเขาก็เริ่มส่องประกายขึ้นอีกครั้ง
“นี่… เอาละ ท่านได้โปรดวางใจได้ว่าข้าจะไม่เปิดเผยความลับของท่านออกไป!”
โจวเทียนพูดอย่างจริงจังขณะสาบานต่อสวรรค์
จ้าวแห่งความฝันล้วนเชื่อในสิ่งเหล่านี้และรู้ว่าพวกตนนั้นถูกผูกมัดด้วยคาสาบานที่พวกเขากล่าวออกไปในสักทางหนึ่ง
“นั่นก็แล้วแต่ท่านเถิด…”
ฟางหยวนอึ้งไป หากเขาต้องการให้โจวเทียนเอ่ยคาสาบานหรือปฏิญาณใด หรือต้องการลงมือทาสิ่งใดต่อโจวเทียน เขาย่อมลงมือตั้งแต่ตอนที่อยู่ในเทือกเขาเก้าสุดยอดแล้ว
ในเมื่อเขาไว้ชีวิตโจวเทียนแล้ว เขาย่อมไม่กังวลว่าโจวเทียนจะไปพูดจาเลื่อนเปื้อนที่ใด
มันก็ดีหากว่าโจวเทียนสามารถเก็บงาความลับที่ฟางหยวนเป็นผู้สังหารอู่จงชีพจรที่เก้าทั้งสามและยังนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เก้าอีกหนึ่งได้
แต่ว่า การทาตัวอ่อนแอนั้นไม่มีประโยชน์ใด
บางครั้งแล้ว มันดีกว่าหากฟางหยวนจะเผยพลังที่แท้จริงออกไปสร้างความกลัวขึ้นในใจผู้อื่น
อย่างไรเสีย ตอนนี้สงครามก็เริ่มร้อนระอุขึ้นแล้ว หากสมาพันธ์ยังปฏิบัติกับเขาเหมือนจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ทั่วไป เขาย่อมจะถูกส่งไปเป็นเหยื่อในที่อันตรายอื่น ๆ อีกครั้งเป็นแน่
ก่อนหน้านี้เขาปิดบังความสามารถที่แท้จริงเอาไว้ก็เพื่อปกป้องตนเอง ตอนนี้ที่เขาเผยความสามารถแท้จริงบางส่วนออกไปก็เพื่อปกป้องตนเองเช่นกัน
อย่างน้อยที่สุดหากทาเช่นนี้ เฟิงซินจื่อย่อมไม่สามารถดูเบาเขาได้อีก เขาย่อมต้องไปเจรจากับเหล่าผู้อาวุโส และนี่ก็เท่ากับซื้อเวลาให้ฟางหยวนแล้ว
และอีกอย่าง เมื่อคิดถึงวิทยายุทธ์ของฟางหยวน เขาก็นับได้ว่าเป็นกึ่งร่างสวรรค์แท้จริงแล้ว ความสามารถของเขานั้นนับว่าเป็นหนึ่งในเหล่าผู้แข็งแกร่งที่สุดในสมาพันธ์แห่งอาณาจักร
‘เมื่อมีสิทธิก็ต้องมีความรับผิดชอบตามมา! เมื่อมีวิทยายุทธ์ก็ย่อมได้รับความเคารพตามมา! ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อข้าได้รับมอบหมายหน้าที่เป็นอารักษ์และยังมีภารกิจ เมื่อคิดดูแล้วข้าก็ควรเผยความสามารถแท้จริงของข้าออกมา ข้าแน่ใจว่าสมาพันธ์จะไม่แตะต้องข้าโดยไม่มีเหตุผลดี ๆ ใด… นี่ก็เป็นหนึ่งในกฏของสมาพันธ์เช่นกัน! พวกเขาจะจัดการกับ
คนในสานักโดยไม่มีเหตุผลอันดีได้อย่างไร? พวกเขาไม่กลัวหรือว่าผู้อื่นจะคิดว่าพวกเขาไร้ศีลธรรม?’
‘ตอนนี้ข้าได้เผยพลังของข้าออกไปแล้วและยังแตกหักกับเฟิงซินจื่อ ข้าย่อมทาให้ผู้อาวุโสนักหลอมกังวล… หากเขายังวางแผนจัดการข้า ข้าก็จะมองหาฝักฝ่ายอื่น อย่างเช่น ชิงมู่!’
ด้วยทั้งหมดนี้ เขามีทั้งพื้นฐาน และยังมีเหตุผลให้ออกจากกลุ่มนั้นด้วย
เขายังสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพิ่มระดับการฝึกตนของตนไปอีกขณะที่สมาพันธ์ยังไม่มีเงื่อนงาเกี่ยวกับระดับการฝึกตนแท้จริงของเขา
นี่ย่อมไม่ใช่ศักยภาพสูงสุดของเขา เขาสามารถพยายามฝึกฝนจากผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์บรรลุสู่ร่างสวรรค์แท้จริงได้!
“ข้าเกรงว่าอู่จงอื่น ๆ ต่อให้อยู่ในระดับชีพจรที่เก้าก็ยังพบว่าการสร้างร่างสวรรค์นั้นยากมากเพราะว่าพวกเขานั้นไม่มีทรัพยากรเพียงพอ แต่ว่า หากข้าไม่สามารถสร้างร่างสวรรค์ได้ ข้าก็แน่ใจว่าผู้ฝึกยุทธ์อื่น ๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน!”
ร่างกายของเขาเองนั้นอ่อนแอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์เพียงไม่มาก นอกจากนี้ หลังจากได้รับมรดกจากพ่อมด เขาก็มีทรัพยากรและมีความรู้ และยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะสร้างร่างสวรรค์ได้
จากนั้น ในฐานะของร่างสวรรค์แท้จริงผู้หนึ่ง เขาย่อมรับมือกับผู้อาวุโสนักหลอมได้ มีเพียงระดับนั้นที่เขาจะมั่นใจได้ว่าตนเองจะรอดชีวิตจากภาวะวุ่นวายที่กาลังจะมาถึงและเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย!

“อะไรนะ? เจ้ากาลังบอกว่าเจ้าเด็กนั้นใกล้จะบรรลุระดับร่างสวรรค์แท้จริง?”
ภายในอาณาจักรแห่งฝัน เฟิงซินจื่อคุกเข่าอยู่บนพื้นและอธิบายทุกอย่าง ในที่สุด เขาก็ก้มหน้าต่า “ข้าไม่ได้พูดปด ด้วยศีรษะเหล่านี้ที่ได้รับความเสียหายรุนแรงและหลักฐานที่พบจากสถานที่ที่พวกเขาต่อสู้กัน คนผู้นั้นนั้นใกล้จะบรรลุระดับร่างสวรรค์แท้จริงแล้วจริง ๆ นอกจากนี้ เขายังอาจจะมีโอกาสที่จะรอดชีวิตต่อให้ต้องรับมือกับร่างสวรรค์แท้จริงสักคนที่ในเทือกเขาเก้าสุดยอดด้วย!”
ความแข็งแกร่งของร่างกายของฟางหยวนนั้นหมายถึงว่าเขาไม่จาเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพลังธาตุของผู้ฝึกยุทธ์ นี่ย่อมหมายความว่าเขาได้เปรียบเมื่ออยู่ในเทือกเขาเก้าสุดยอด เมื่อคิดเช่นนี้ ต่อให้เป็นร่างสวรรค์แท้จริงคนอื่นก็ยังนับว่าเสียเปรียบ
“หากเป็นเช่นนี้จริง… นี่ก็เป็นปัญหาแล้ว!”
ผู้อาวุโสนักหลอมขมวดคิ้ว เขาเริ่มมองเฟิงซินจื่อด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ด้วยใจอันสงบ มันก็สมเหตุสมผลดีที่ผู้อาวุโสนักหลอมจะสนิทชิดใกล้กับเฟิงซินจื่อเพราะว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน แต่ว่า ตอนนี้ในช่วงเวลาแห่งสงครามและนักสู้ทุกคนนั้นมีความสาคัญเท่า ๆ กันและยิ่งมีความสาคัญมากขึ้นหากเป็นนักสู้ที่มีความสามารถ! นี่อาจจะส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของสงคราม!
แต่ว่า พวกเขาพลาดโอกาสนั้นไปเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเคยคิดว่าฟางหยวนนั้นเป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ธรรมดา ๆ ผู้หนึ่งและยังพยายามบีบคั้นเขาถึงตายด้วย
ตอนนี้เมื่อเขาแสดงพลังสูงส่งเพียงนั้นออกมา นี่ย่อมหมายความว่าในสมาพันธ์นั้นมีเพียงแค่เหล่าผู้อาวุโสเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับเขาได้ หากพวกเขายังบีบคั้นเขาต่อไป เขาก็อาจจะไปเข้าร่วมกับศัตรูแล้ว!
หากฟางหยวนออกจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรไป เขาย่อมถูกเหล่าจ้าวแห่งฝันของสมาพันธ์ไล่ล่า เขาย่อมไม่โง่พอที่จะทาเช่นนั้น แต่ว่า เขาอาจจะแค่เปลี่ยนฝ่ายไปหาผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ได้
มันก็จะกลายไปเป็นโชคของฝ่ายอื่นที่ได้จ้าวแห่งฝันที่มีพลังอานาจไปเข้าร่วมอย่างง่ายดาย
หากเป็นเช่นนั้นจริง ผู้อาวุโสชิงมู่และคนที่เหลือก็คงเยาะเย้ยผู้อาวุโสนักหลอมแล้ว
“เกี่ยวกับเรื่องนี้… เจ้าจัดการมันได้แย่มาก!”
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสนักหลอมจะยังมีน้าเสียงเรียบเรื่อย แต่ในหูของเฟิงซินจื่อ มันราวกับสายฟ้าฟาดลงมา แข้งขาของเขาอ่อนยวบ
เฟิงซินจื่อรู้ว่าหากผู้อาวุโสลงมือ เขาคงต้องยินยอมสละตนเองแลกกับฟางหยวนแล้ว
จ้าวแห่งการแปรธาตุที่ระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่นั้นมีคุณค่าจริง ๆ
แต่ว่า จะเทียบกับจ้าวแห่งฝันที่กาลังจะบรรลุร่างสวรรค์แท้จริงได้อย่างไร?
‘นี่… ข้าไม่เชื่อ!’
เฟิงซินจื่อสามารถคาดเดาได้ว่านี่เป็นผลลัพธ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงเริ่มตระหนก “ผู้อาวุโส… ฟางหยวนนั้นมีวิทยายุทธ์ล้าเลิศแต่กลับไม่ยอมเปิดเผยออกมาตลอดเวลามานี้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขายังมีการปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้! นอกจากนี้… เขายังเป็นคนขี้ขลาดซ่อนตัวอยู่แต่ในผืนดินมั่งคั่ง และตลอดเวลามานี้ก็ไม่เคยยินดีที่จะลงมือช่วยท่านทาสงคราม!”
สิ่งที่เฟิงซินจื่อพยายามสื่อออกมานั้นก็คือแม้ว่าฟางหยวนจะเก่งกาจ แต่เขาก็มีแผนการของตนเองและยังมีความคิดแอบแฝงอื่น และดังนั้นจึงเทียบไม่ได้กับความภักดีและเต็มใจรับใช้ของเฟิงซินจื่อ
“อืม… เจ้าพูดก็ถูก!”
ผู้อาวุโสนักหลอมลูบหนวด “ถ่ายทอดข้อความให้เขา ให้มันฟังดูนอบน้อมสักหน่อย บอกเขาว่าข้าต้องการพบเขา!”
“ขอรับ!”
เฟิงซินจื่อออกไปจากห้องโถงอย่างไม่พอใจนัก เขารู้ว่าเขาโน้มน้าวผู้อาวุโสนักหลอมด้วยเหตุผลทั้งหมดไม่สาเร็จ
ในเวลาเดียวกัน ความริษยาที่ฝังลึกอยู่ก็เข้าครอบงาเขา

ที่ด้านนอกเทือกเขาเก้าสุดยอด ฟางหยวนยังไม่ได้จากไป เขาหาจุดเร้นลับจุดหนึ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ อาศัยผลพลังธาตุและฝึกวิทยายุทธ์ ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ยินข่าว
“ตามที่หลิวเมิ่งเหมยบอก ห้าสานักยิ่งใหญ่นั้นร่วมมือกันใช้พวกเราเป็นเหยื่อหลอกล่อราชสานัก แต่ว่า แผนการนั้นไม่สาเร็จ… ถึงแม้ว่าพวกราชสานักจะทาลายค่ายกลหินได้ จ้าวแห่งฝันที่เก่งกาจทั้งหมดล้วนหลบหนีและยังไม่สามารถจับตัวกระทั่งแค่จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นทีสี่ได้เลยสักคน กลับกัน พวกเขาเองก็ประสบกับความเสียหายมากมายเช่นกัน… แต่ว่า ราชสานักดูจะชนะการต่อสู้ที่บางจุดที่ด้านนอกเทือกเขาเก้าสุดยอด และยังชดเชยกับการสูญเสียที่ในเทือกเขาเก้าสุดยอดได้เช่นกัน!”
เขากัดผลพลังธาตุคาใหญ่ มองไปที่เทือกเขาเก้าสุดยอดในดวงตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น “นี่เป็นเขตแดนเป็นตายของจ้าวแห่งฝันและยังเป็นเขตอันตรายของนักรบศักดิ์สิทธิ์และอู่จง แต่ว่า มันดูเหมือนเป็นผืนดินมั่งคั่งผืนใหญ่สาหรับข้า!”
ทุกคนล้วนหวาดกลัวสุดยอดการกีดกันที่บนเทือกเขา แต่ว่า ร่างกายของฟางหยวนนั้นแข็งแกร่งถึงขีดสุดและยังไม่ต้องการการค้าจุนจากภายนอก ดังนั้น เขาย่อมไม่รู้สึกถึงการกีดกันใด ๆ ทั้งปวงบนเทือกเขานั่น

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ