Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 376

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 376

376: เคล็ดวิชาวิเศษ
TL note: ตอนที่แล้ว เนื้อหาด้านท้าย ๆ ถูกตัดออกไป หากใครอ่านไปแล้วรบกวนกลับไปอ่านส่วนท้ายราว ๆ ห้าหกย่อหน้าเพิ่มก่อน ทางผู้แปลต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วย
ภายในเทือกเขาเก้าสุดยอด สภาพแวดล้อมยังคงมีหมอกหนา
เขตแดนกีดกันมากมายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ก่อให้เกิดเป็นพื้นที่สุดแสนอันตราย
ถึงแม้ว่าจ้าวแห่งฝันจานวนมากจะสารวจเทือกเขานี้ไปแล้ว แต่สมบัติล้าค่าบางอย่างยังคงอยู่ แต่ร่องรอยของจ้าวแห่งฝันเหล่านั้นล้วนจางลงไป
ที่บริเวณหนึ่ง มีการสร้างแท่นบูชาขึ้น ค่ายกลส่องประกายระยิบอยู่รอบ ๆ ขณะที่จ้าวแห่งฝันหลายคนรวมตัวกันอยู่ในบริเวณที่มีค่ายกลคุ้มครองอยู่ พวกเขากวาดตามองรอบ ๆ อย่างหวาดกลัวและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
“ห้าสานักยิ่งใหญ่ของพวกเรานั้นเป็นพันธมิตรกัน ผู้ที่รับผิดชอบที่นี่นั้นเป็นจ้าวแห่งฝันผู้หนึ่งจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักร เหตุใดเขาจึงยังมาไม่ถึงอีก?”
ชายในชุดสีเหลืองจ้องไปที่แผนที่ค่ายกลของเขาเองและมีสีหน้ากังวล “เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใดหรือไม่?”
“ฮึ่ม! ไป๋เจ๋อซานมีจ้าวแห่งฝันขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายหนุ่มผิวขาวซีดและมีทีท่าชั่วร้ายก็โพล่งขึ้นมา
“ลู่ซวนจื่อ ในเมื่อสานักเทพปิศาจของเจ้าเก่งกาจนักเหตุใดเจ้าจึงไม่ออกไปดูเล่า?”
ชายในชุดเหลืองกลอกตาและแย้งออกมา
“คิคิ…”
ลู่ซวนจื่อแค่นเสียงและเงียบไป
ก่อนหน้านี้ ค่ายของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรถูกโจมตี ถึงแม้ว่าจะไม่มีจ้าวแห่งฝันระดับสูงได้รับบาดเจ็บ แต่จ้าวแห่งฝันธรรมดาล้วนถูกสังหารไป นอกจากนี้ แผนการของอีกสี่สานักยิ่งใหญ่ที่จะโจมตีกาลังเสริมของราชสานักยังไม่ราบรื่นนักและจ้าวแห่งฝันอีกมากก็ถูกสังหารไปในตอนนั้นเช่นกัน ปัจจัยทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดความกลัวในใจของเหล่าจ้าวแห่งฝันระดับล่างเหล่านี้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับการยืนยันแล้วว่าราชสานักถอนตัวออกไปแล้ว แต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่พวกมันสักหนึ่งหรือสองคนจะยังอยู่ในบริเวณเทือกเขาเก้าสุดยอดนี้!
พวกมันทั้งหมดล้วนได้รับมอบหมายภารกิจให้ปกป้องแท่นบูชานี้เอาไว้ มันก็เท่ากับรนหาที่ตายหากออกไปจากที่นี่!
“เหอเหอ… เหตุใดพวกเราถึงต้องเบาะแว้งกันเป็นการภายในด้วยเล่า?”
ทันใดนั้น เสียงกระดิ่งและกลิ่นหอมสายหนึ่งก็ตลบมา เงาร่างงดงามร่างหนึ่งลอยเข้ามาและเข้ามาอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ “ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกันแล้ว อย่าได้สู้กันเลย ดีไหม? พวกเจ้าจับมือคืนดีกันให้ข้าได้หรือไม่”
เมื่อแม่นางผู้นี้ยิ้มก็แผ่รัศมีเย้ายวนอย่างน่าตะลึงออกมา
“ในเมื่อเป็นคาของร้องของธิดาเทพข้าย่อมน้อมรับ!”
ลู่ซวนจื่อยอมอ่อนข้อลงให้ทันที แต่ว่า ชายในชุดเหลืองกลับมีสีหน้าไม่ดีนัก
ถึงแม้ว่าแม่นางผู้นี้จะไม่ใช่จ้าวแห่งฝันระดับสูง นางก็ยังเป็นธิดาเทพตัวสารองของลัทธิบัวสวรรค์ ดังนั้นนางจึงมีผู้ติดตามมากมายและยังมีผู้ให้การสนับสนุนอยู่ในค่ายนี้ด้วย ชายในชุดเหลืองนั้นเป็นจ้าวแห่งฝันจากไป๋เจ๋อซาน และดังนั้นจึงพบว่ามันเป็นการยากที่จะสื่อสารกับเหล่าคนจากสานักชั่วร้ายทั้งสองแห่งนี้
เขายังคงเงียบอยู่ อย่างไรเสีย การสร้างความสัมพันธ์การจ้าวแห่งฝันทั้งสองนี้ก็รังแต่จะนาปัญหามาสู่ตัวเขาเอง
‘โชคดีนัก อารักษ์ของที่แห่งนี้นั้นเป็นคนจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักร จ้าวแห่งฝันของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรนั้นเป็นกลางและดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์อันดีกับจ้าวแห่งฝันจากไป๋เจ๋อซาน!’
ชายในชุดเหลืองรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เขาได้รับข่าวว่าจ้าวแห่งฝันที่รับหน้าที่นี้คนใหม่น่าจะเป็นสิงอวิ๋นจื่อ แต่สมาพันธ์แห่งอาณาจักรกลับเปลี่ยนเขาออกในนาทีสุดท้าย
มันหาได้ยากยิ่งที่จะมีการเปลี่ยนคน หาได้ยากจนทาให้คนที่เหลือเริ่มกังวล
ลู่ซวนจื่อนั้นกาลังจะอ้าปากพูดแต่จู่ ๆ จ้าวแห่งฝันทั้งสามก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างกาลังมาจากที่ไกล ๆ
เงาร่างของมนุษย์ผู้หนึ่งปรากฏขึ้น ทุกก้าวย่างของเขานั้นยาวกว่าสามสิบวา แค่พริบตาเดียวเขาผู้นั้นก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“นั่นใคร?”
คนผู้นี้มีรัศมีพลังอันน่าตระหนกของผู้ฝึกยุทธ์และทาให้ทุกคนที่ค่ายรู้สึกไม่สบายนัก
“โจมตี!”
ลู่ซวนจื่อร่างเคล็ดป้องกันออกมาอย่างรวดเร็วและประกายสีเหลืองก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกค่ายกล
“ข้าเป็นอารักษ์ของที่แห่งนี้ เหตุใดพวกเจ้าที่นี่จึงไม่มีใครยินดีต้อนรับข้า?”
เงาร่างนั้นมีรัศมีพลังอันกดดันอย่างสุดแสนขณะดึงป้ายคาสั่งชิ้นหนึ่งออกมาอย่างง่าย ๆ
“ซ่า! ซ่า!”
ค่ายกลสั่นและราวกับมันสื่อสารกับป้ายคาสั่งได้ ทางเข้าช่องหนึ่งก็เปิดออก
“เป็นป้ายคาสั่งจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรจริง ๆ!”
ชายในชุดสีเหลืองถอนหายใจโล่งอก เขากับลู่ซวนจื่อและธิดาเทพล้วนคารวะลง “พวกเราคือหวงหลง ลู่ซวนจื่อ เมิ่งเหลียน คารวะผู้อาวุโส!”
“เมิ่งเหลียน?”
เงาร่างนั้นเข้ามาในค่ายกล เขาดูอายุน้อยและยังมีรัศมีพลังอันลึกลับและคาดเดาไม่ได้ เขามองเมิ่งเหลียนและรู้สึกขา
“อะ… เจ้านั่นเอง! ฟางหยวน!”
เมิ่งเหลียนเงยหน้าขึ้นและมองใบหน้าที่นางเกลียดชังยิ่งนัก นางพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ “เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเป็นจ้าวแห่งฝันระดับสูงที่จะมาช่วยพวกเรา!”
“โอ้?”
ลู่ซวนจื่อสบตากับหวงหลง มองใบหน้าซีดเผือดของเมิ่งเหลียนแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็กาลังคิดว่าเมิ่งเหลียนและฟางหยวนน่าจะเคยพบกันมาก่อน
“ทาไมจึงเป็นข้าไม่ได้?”
ฟางหยวนลูบจมูกและรู้สึกสนุกขึ้นมาเมื่อมองแม่นางที่ตรงหน้าเขา
หลังจากผ่านระยะเวลามาช่วงหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ก็มีระดับการฝึกตนสูงขึ้นและยังบรรลุระดับสวรรค์มายาแล้ว แต่ว่า เทียบกับเขาแล้ว การพัฒนาของนางนั้นไม่นับเป็นกระไรเลย
ที่ทาให้ทุกอย่างแย่ลงไปก็คือ ตอนนี้นางเป็นคนใต้บังคับบัญชาของฟางหยวนและฟางหยวนก็มีสิทธิ์ออกคาสั่งนาง
โชคชะตาเล่นตลกกับทุกคนแล้ว
“เมิ่งเหลียนขอคารวะท่าน ได้โปรดให้อภัยในสิ่งที่ข้าได้ทาผิดพลาดมาก่อนด้วย!”
นางฉลาดพอที่จะคารวะลงอย่างนอบน้อมในทันที
“ลืมมันไปเถิด ลุกขึ้นได้!”
ฟางหยวนพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ขณะโบกมือ “จากวันนี้ไป พวกเราต้องทางานร่วมกันเพื่อทาให้ภารกิจของพวกเราพันธมิตรสาเร็จลุล่วง นี่เป็นสิ่งที่สาคัญที่สุด!”
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้ เขาก็ไม่ได้จะลงมือสังหารผู้หญิงอย่างโจ่งแจ้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่จ้าวแห่งฝันรอบ ๆ
ล้วนรับรู้เรื่องการเผชิญหน้าที่ผ่านมาของพวกเขา แต่ว่า ฟางหยวนก็ตัดสินใจแล้วว่าถ้าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการลอบสังหารจากคนของต้าเฉียน เขาจะไม่ทาอะไรเพื่อช่วยเหลือนางและจะปล่อยให้นางตายไปซะ!
“ข้าจะพักผ่อนเสียหน่อยก่อน และค่อยทาความรู้จักกับพวกเจ้าในระหว่างมื้อค่าหลังจากนี้!”
ฟางหยวนสะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทางสง่างามและเข้าไปที่ใจกลางค่าย จ้าวแห่งฝันหลายคนของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรรอรับใช้เขาอยู่ในนั้นแล้ว
จ้าวแห่งฝันทั้งสามยังยืนอยู่ที่เดิมอย่างพูดไม่ออก
“อะไรกัน?”
ลู่ซวนจื่อมองเมิ่งเหลียนอย่างสงสัย “พี่เมิ่งเหลียน เหตุใดท่านจึงรู้จักกับผู้อาวุโสฟางได้?”
“โชคชะตาน่ะ!”
เมิ่งเหลียนกัดฟันแน่นความกลัวเต็มอยู่ในหัวใจ นางเริ่มตัวสั่น “ข้ารู้มาว่าคนผู้นี้เพิ่งเข้าร่วมสมาพันธ์แห่งอาณาจักรเพียงไม่กี่ปี ที่สาคัญที่สุด ตอนที่ข้าพบเขาครั้งแรก เขายังไม่ได้อยู่ในระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่”
“อย่างน้อยเขาต้องอยู่ในระดับสวรรค์มายาขั้นที่ห้าหรือหกถึงได้มาเป็นอารักษ์ที่นี่มิใช่หรือ?”
หวงหลงรู้สึกงุนงง “เหตุใดเขาจึงได้ก้าวหน้าเร็วถึงเพียงนี้? ต่อให้เขามีโอกาสอันงามมากมาย เขาก็ยังนับว่าเป็นผู้มีสวรรค์อันหายากนัก!”
เขาสบตากับลู่ซวนจื่อ ทั้งคู่ต่างรู้สึกตกใจ
“พี่เมิ่งเหลียน ข้านึกได้ว่ายังปรุงยาอีกชุดหนึ่งไม่เสร็จ ข้าต้องไปควบคุมระดับไฟในเตา ค่อยพบกันอีกที!”
ลู่ซวนจื่อขอตัวออกไป เมื่อเห็น หวงหลงเองก็เดินจากไปด้วยโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคา
ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพวกเขาตอนนี้คือฟางหยวน ต่อให้เมิ่งเหลียนมีผู้สนับสนุนแข็งแกร่งเบื้องหลัง คนผู้นั้นก็ไม่สามารถมาช่วยเหลือนางได้ทันเวลาอยู่ดีหากเกิดเรื่องใดขึ้น มันจะไม่น่าเสียใจแย่หรือหากว่าพวกเขาจะดันบังเอิญไปยืนอยู่ระหว่างความขัดแย้งสองฝ่ายแล้วได้รับบาดเจ็บขึ้นมา?
“บ้าจริง!”
แน่นอนว่า เมิ่งเหลียนก็เข้าใจพวกเขาได้ นางหน้าซีดลงไป “ตอนนี้ สงครามคือทุกอย่าง ต่อให้บิดาของข้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงภารกิจนี้ได้ พอคิดว่าข้าต้องรับใช้ภายใต้เขาแล้ว…”
พอคิดอย่างนั้น นางก็เต็มไปด้วยความเสียใจ

“นี่ที่มีชีพจรอยู่จริง ๆ เสียด้วย!”
หลังจากได้รับการนาทางเข้ามาในห้องโถงหิน ฟางหยวนก็ไม่ได้พักผ่อนทันที กลับกัน เขาเข้าไปในชีพจรดินเพื่อตรวจสอบ
ที่ตรงกลางนั้นเป็นสระน้าสงบนิ่ง มีประกายสีม่วงที่มีเสียงคารามเบา ๆ ของมังกร
“เป็นเข็มมังกรจับชีพจร! แล้วทั้งหมดนี่คือ…”
เงาสีทองวาบผ่านดวงตาของเขาและฟางหยวนก็พึมพากับตัวเอง
ในช่วงนี้ ฟางหยวนนั้นศึกษามรดกของปราชญ์ฉางหลีและยังคุ้นเคยกับการจัดเรียงเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ตอนนี้เขายังเข้าใจความละโมบของห้าสานักยิ่งใหญ่ดีขึ้นด้วย
“ราชสานักก็คงรู้สึกได้เช่นกัน แต่ว่าพวกเขานั้นเสียเปรียบอยู่! ต่อให้ทาลายชีพจรไปได้หลายจุดแล้วอย่างไร? มันก็ยังไม่มีผลต่อผลลัพธ์สุดท้าย…”
ฟางหยวนถอนหายใจ
จ้าวแห่งฝันนั้นมีความสามารถจริง ก่อนหน้านี้ เมื่อสานักเทพปิศาจร่วมมือกับลัทธิบัวสวรรค์ ก็เพียงพอที่จะทาให้องครักษ์มังกรซ่อนต้องจนมุม เหตุผลเดียวที่พวกเขาไม่ถูกกาจัดออกไปก็เพราะราชวงศ์ที่มีความขัดแย้งอยู่กับจ้าวแห่งฝันทั้งสองสานัก
แต่ว่าตอนนี้ เมื่อห้าสานักยิ่งใหญ่ตัดสินใจร่วมมือกัน ราชสานักก็ดูเหมือนจะไม่ได้ชะงักลงแต่อย่างใด
“แต่ว่า การจัดการที่นี่นั้นไม่ใช่แค่เพียงกักพลังแห่งผืนดินเอาไว้ในเวลาที่เหมาะสม…”
ฟางหยวนถอนหายใจ เขากลับไปที่ห้องของตนเองและเริ่มเข้าสู่ภวังค์การฝึกตน
เส้นทางการเป็นจ้าวแห่งฝันของเขานั้นชะงักอยู่ เมื่อไม่มีสิ่งใดสนับสนุน มันก็ยากมากที่เขาจะเพิ่มระดับการฝึกตน ตรงกันข้าม ความก้าวหน้าในด้านวิทยายุทธ์ของเขานั้นราบรื่นอย่างยิ่ง ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับการฝึกฝนวิทยายุทธ์ของเขา
อย่าไรเสีย หากเขาสามารถบรรลุระดับและสร้างร่างสวรรค์ได้ เขาก็จะกลายไปเป็นร่างสวรรค์แท้จริงในทันที เทียบได้กับพลังของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ด!
“ข้าใช้เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กถึงขีดจากัดสูงสุดของมันแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้หลอมรวมมันเข้ากับเคล็ดร่างทองคาร้อยพิษเพื่อบรรลุสู่ชีพจรที่เก้า!”
เคล็ดการหลอมรวมเคล็ดวิชานั้นเป็นสิ่งที่ฟางหยวนคิดถึงหลังจากได้อ่านบันทึกทั้งหมดของพ่อมด เทียบกับประสบการณ์ของปราชญ์ฉางหลี ฟางหยวนรู้สึกว่ามันเป็นไปได้ที่จะลงมือทาจริง
“อย่างไรเสีย ในเคล็ดวิชาทั้งสองนี้ หนึ่งนั้นเพ่งไปที่พลังลมปราณ อีกหนึ่งนั้นเป็นพลังกาย ทั้งสองนั้นไม่ขัดแย้งกันและกลับกัน ยังส่งเสริมกัน
และกันด้วย เมื่อคิดถึงร่างกายอันยอดเยี่ยมของข้า ข้าน่าจะสามารถทนรับแรงกดดันนั้นไหว!”
“ตามที่ข้าคาดเดาเอาไว้ เมื่อเคล็ดวิชาใหม่นี้บรรลุสู่ชีพจรที่เก้า ข้าก็จะสามารถสร้างร่างสวรรค์ได้ในทันที อย่างไรรากฐานก็ข้าก็แข็งแกร่งเพียงพออยู่แล้ว!”
ฟางหยวนยืนนิ่งไม่ไหวติง ทันใดนั้น เขาก็เริ่มเดินวนอยู่ในห้องและบางครั้งยังตวัดกรงเล็บออกไป
เมื่อคิดถึงวิทยายุทธ์และระดับการฝึกตนตอนนี้ของเขาแล้ว ถ้าเขาใช้แรงเต็มที่ เขาน่าจะทาลายทั้งค่ายนี้ลงได้เลย
ตอนนี้ เขาเพียงแค่ปล่อยกระบวนท่าออกไปเงียบ ๆ เท่านั้น
“หลังจากที่ข้าได้ลองดูแล้ว เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กยังคงเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดการฝึกลมปราณและมีคุณสมบัติของธาตุโลหะ แต่ว่า เคล็ดร่างทองคาร้อยพิษนั้นมีคุณสมบัติของธาตุทอง!”
เขาก้าวไปข้างหน้าอีกหลายก้าวแล้วร่างกายก็เริ่มส่องประกายออกมา รวมกับเสียงกรีดร้องของอินทรี ที่ผิวของเขาก็มีประกายเหลือบโลหะปรากฏขึ้น
นี่เป็นลักษณะของขั้นที่แปดของเคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็ก
ที่ด้านหลังเขา ชีพจรศักดิ์สิทธิ์มารวมกันเกิดเป็นรูปอินทรียักษ์ที่เชิดหน้าขึ้นแล้วกรีดร้องออกมา
ในเวลาเดียวกันก็มีเงาสีทองปรากฏขึ้น มันเริ่มผสานเข้ากับสีเหลือบโลหะ นี่เป็นเกราะปกป้องของร่างทองคาร้อยพิษและมันก็ถูกบีบให้หลอมรวมเข้ากับเคล็ดวิชาของฟางหยวน
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ขณะที่อินทรีกรีดร้องเสียงยาว ร่างเงาขนาดยักษ์ก็เริ่มพร่าเลือนไป
บนร่างฟางหยวน สีทองเริ่มผสานรวมเข้ากับสีโลหะ เกิดสีใหม่เป็นสีทองเข้ม
“อืม ในเมื่อเคล็ดวิชานั้นเกิดจากการหลอมรวมเคล็ดวิชายิ่งใหญ่สองอย่างเพื่อให้ข้าสามารถบรรลุชีพจรที่เก้าได้ ข้าจะเรียกมันว่า ‘เคล็ดวิเศษบรรลุเก้าชีพจร’ ซึ่งยังทาให้ผู้ฝึกสร้างร่างโลหะทองคาได้ด้วย!”
เพียงแค่คิด ค่าสถานะในหน้าต่างสถานะของฟางหยวนก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ภายใต้เคล็ดวิชา ชื่อเคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กและร่างทองคาร้อยพิษเริ่มรวมเข้าด้วยกันเปลี่ยนเป็นคาว่า ‘เคล็ดวิเศษบรรลุเก้าชีพจร’ และยังมีเครื่องหมาย ? อยู่ที่ด้านหลังชื่อวิชา
“หน้าต่างสถานะแสดงสิ่งที่ข้ารู้จริง ๆ เสียด้วย”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฟางหยวนก็เริ่มเหม่อคิดหลายอย่าง

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ