Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 377

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 377

377: มังกรสื่อสาร
กลางดึก
ฟางหยวนจู่ ๆ ก็ชะงักขณะกาลังฝึกวิทยายุทธ์ ดวงตาของเขาเบนไปทางหนึ่งขณะพึมพา “ในที่สุดก็มา?”
“เมิ่งเหลียน… ขออนุญาตเข้าพบท่าน!”
ครู่ต่อมา น้าเสียงนุ่มนวลก็ดังมาจากด้านนอกประตูนามาซึ่งความรู้สึกไม่สบายนัก
“เข้ามา!”
ฟางหยวนโบกมือแล้วประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นเงาร่างเย้ายวนของเมิ่งเหลียน
ดูเหมือนว่าเมิ่งเหลียนจะตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ ริมฝีปากสีแดงเจิดจ้า และยังสวมใส่เสื้อผ้าที่บางเบายิ่งกว่าไหมเผยให้เห็นผิวขาวกระจ่าง
เมื่อนางก้าวเข้ามา แสงจันทร์ก็ส่องอยู่ที่เบื้องหลัง ทาให้ดูราวกับนางเป็นเทพธิดาจากดวงจันทร์
“ข้าโง่เง่ายิ่งนักที่ทาให้ท่านขุ่นเคืองเมื่อครั้งก่อน ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิดท่านผู้สูงส่ง…”
เมื่อนางเข้ามาในบ้าน นางก็คารวะลงอย่างเขินอายที่ตรงหน้าฟางหยวนและเอ่ยขอร้อง “หากท่านต้องการลงโทษ ข้าก็ยินดีรับโทษทุกอย่าง…”
“เจ้ายินดีรับโทษ?”
ฟางหยวนลูบคาง ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนาขณะชาเลืองมองทั่วร่างของนางอย่างกระหายซ้าแล้วซ้าเล่า
“เจ้าค่ะ ข้ายินดีรับการลงโทษทุกอย่าง!” เมิ่งเหลียนตอบอย่างนุ่มนวล
เมิ่งเหลียนมองต่าลงอย่างเขินขาย ขณะผิวของนางเริ่มแดงเรื่อขึ้น
“เหอเหอ…”
ฟางหยวนหัวเราะทั้งที่ไม่รู้สึกขาเมื่อได้ยินคาตอบของนาง
เขารู้ว่านางพยายามบอกใบ้สิ่งใด แต่ว่า ผู้หญิงจากลัทธิบัวสวรรค์นั้นเล่นด้วยไม่ได้
จากประสบการณ์ของเขากับหลิวเมิ่งเหมย ฟางหยวนนั้นเข้าใจดีว่าธิดาเทพเหล่านี้นั้นเก่งกาจในด้านล่อลวงเหล่าผู้ชายโดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่คิดร้ายต่อพวกนาง
นอกจากนี้ เมิ่งเหลียนยังเป็นธิดาเทพตัวสารอง เคล็ดวิชาของนางย่อมมีพลังมากทีเดียว หากนางยินยอมมอบร่างกาย นางย่อมต้องมีวิธีการมัดใจจ้าวแห่งฝันระดับสูงจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรและย่อมหาประโยชน์จากการนั้นได้อย่างมาก
“เช่นนั้นก็ดี!”
หลังจากฟางหยวนหัวเราะ เขาก็สั่งออกไปทันที “อย่างแรกเลย… เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของเจ้า ข้าต้องการให้เจ้ายกคะแนนภารกิจในอาณาจักรแห่งฝันทั้งหมดของเจ้าให้ข้า!”
“เจ้า…”
รอยยิ้มบนใบหน้าเมิ่งเหลียนเปลี่ยนเป็นเกร็งแข็งขึ้นมาทันทีขณะที่นางบังคับให้ตนเองตอบกลับอย่างอบอุ่น “ท่านพูดเล่นกระมัง?”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
จากสายตาครุุ่นคิดของฟางหยวน ในที่สุดนางก็รู้สึกตัวและเข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้หวั่นไหวไปกับความงามและความเย้ายวนของนางเลยสักนิด นางอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ แต่ว่าก็เป็นเพราะความโกรธ ไม่ใช่อาย!
“ฟางหยวน!”
เมิ่งเหลียนลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเหมือนลูกแมวกาลังกางเล็บขู่ “เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
“ดูจากที่เจ้าพูดแล้ว เจ้าเป็นคนที่เริ่มต้นก่อน! และเมื่อครู่ก็เป็นเจ้าที่มาเพื่อขออภัย แล้วตอนนี้เจ้ายังมาถามว่าข้าต้องการอะไรอีก?”
ฟางหยวนนั่งขัดสมาธิขณะมองนางโกรธจนควันแทบจะพวยพุ่งออกมา ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะพูดต่อ ”นอกจากนี้… ข้ายังเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาพูดเรื่องไร้สาระกับข้าโดยไร้ความ
เคารพต่อผู้ที่มีอานาจเหนือและไร้ความเคารพต่อกฎ! ธิดาเทพแห่งลัทธิบัวสวรรค์เป็นเช่นนี้เองหรอกหรือ? หืม?”
“ครืน!”
ขณะที่ฟางหยวนออกปากด่า เงาร่างขนาดยักษ์ก็ผุดขึ้นที่ด้านหลังเขา มันมีประกายของทองและโลหะ และยังส่งผลต่อสภาพรอบตัวก่อให้เกิดพลังเวทย์มหาศาลหอบหนึ่งกระแทกเข้าที่ร่างของเมิ่งเหลียน
สีหน้าของเมิ่งเหลียนเปลี่ยนไปทันทีขณะถอยหลังไปหลายก้าว
ตอนนี้ นางทาได้เพียงยอมรับว่าบุคคลที่นางกาลังเผชิญหน้าด้วยนั้นนาหน้านางไปไกลแล้วและยังเป็นผู้ที่มีอานาจอย่างแท้จริงผู้หนึ่งในห้าสานักยิ่งใหญ่
ใบหน้าของเมิ่งเหลียนเปลี่ยนเป็นซีดเผือดขณะนางกลอกตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นและในที่สุดก็ตอบออกไปด้วยกริยาประหลาด “ได้! ข้ายังมีคะแนนอยู่อีกหนึ่งพัน ข้าจะมอบทั้งหมดให้เจ้า!”
“โอ้ ข้ายังมีเงื่อนไขอื่นอีก! แต่ว่ายังไม่ได้คิดเอาไว้ในตอนนี้ ข้าจะบอกเจ้าเมื่อข้าคิดได้”
ฟางหยวนโบกมือ “ตอนนี้… เจ้าออกไปได้และอย่ารบกวนการนั่งสมาธิของข้าอีก”
“เมิ่งเหลียนขอตัว!”
หากสายตาฆ่าคนได้ ฟางหยวนคิดว่าเขาคงจะตายไปเป็นพันครั้งแล้วตอนนี้
เมื่อเมิ่งเหลียนกลับออกไป รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะคิด “นางอยากประนีประนอม? และยังใช้กลเม็ดเช่นนั้นตั้งแต่แรก? นางไม่ได้คิดอย่างที่แสดงออกสักนิด!”
ฟางหยวนจู่ ๆ ก็คาดหวังให้ราชสานักโจมตีพวกเขาขึ้นมา
ระหว่างความวุ่นวาย ถ้าพวกเขาสักหลาย ๆ คนจะตายไปแล้วอย่างไรเล่า?

แต่ว่า ความปรารถนาของเขากลับไม่เป็นจริง
ครึ่งเดือนผ่านไปราวกับแค่กะพริบตา
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนได้รับความเสียหายมากมายจากการพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ หรืออาจจะเพราะพวกเขาเกรงกลัวการร่วมมือกันของห้าสานักยิ่งใหญ่ ราชสานักและองครักษ์มังกรซ่อนนั้นไม่ได้โจมตีพวกเขา พวกเขาไม่กระทั่งลาดตระเวนมาทางพื้นที่นี้ทาให้ฟางหยวนค่อนข้างผิดหวัง
“ดูเหมือนข้าคงทาได้แค่ปล่อยเมิ่งเหลียนไปง่าย ๆ แล้วคราวนี้…” ฟางหยวนคิด
ยืนอยู่ข้างในหลุม ฟางหยวนตรวจดูชีพจรดินที่ส่องประกายสีม่วงระยิบระยับเรืองรอง “แล้วก็… ค่ายกลนี้ หลังจากอ่านทั้งหมดในมรดกของปราชญ์ฉางหลีแล้ว ในที่สุดข้าก็เข้าใจมันได้ ห้าสานักยิ่งใหญ่มีความตั้งใจแอบแฝงอยู่ ความทะเยอทะยานของพวกเขาช่างมากมายนัก…”
“แต่ว่า มันก็เป็นแผนการที่ดาเนินไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในตอนนี้… สิ่งเดียวที่ข้าสามารถคาดหวังได้ในตอนนี้ก็คือวันที่เมืองอวี้จะพลิกผันไป!”
ขณะที่ฟางหยวนคิดกับตัวเอง เขาก็โบกมือ แล้วลาแสงลาหนึ่งก็พุ่งเข้ามาและหายเข้าไปในชีพจรดินในทันที
“ท่าน!”
เมื่อกลับขึ้นมาด้านบน จ้าวแห่งฝันหลายคนก็คารวะให้ฟางหยวนแล้วยกน้าชาวิญญาณกับผลไม้วิเศษมาให้
ฟางหยวนกินลงไปอย่างสบายใจก่อนที่จะกลับไปฝึกตนต่อที่ห้องของตัวเอง
ทุกอย่างล้วนหลอกลวง มีเพียงพลังของตนเองเท่านั้นที่เป็นของจริง
ทั้งร่างของเขาเปล่งรัศมีสีทองคาเหลือบโลหะขณะที่เคล็ดวิเศษบรรลุเก้าชีพจรใกล้จะสมบูรณ์แล้ว
“เมื่อข้าสร้างมันขึ้นมาได้แล้ว ข้าก็สามารถบรรลุชีพจรที่เก้าได้และยังทะลวงผ่านสู่ร่างสวรรค์ได้โดยตรง!”
ถึงแม้ว่าการสร้างร่างสวรรค์ของผู้ฝึกยุทธ์นั้นจะเป็นจุดสาคัญยิ่งของอู่จงชีพจรที่เก้า แต่ในสายตาฟางหยวนแล้วมันก็ไม่มีอะไรมากนัก
ฟางหยวนมองค่าสถานะของตนเอง
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 96
พลังลมปราณ: 76
พลังเวทย์: 61
สายวิชา: ผู้ป้องฝัน
การฝึกตน: สวรรค์มายา (ขั้นที่ 4), อู่จง (ชีพจรที่ 8)
วิทยายุทธ์: [เคล็ดวิเศษบรรลุเก้าชีพจร (???)], [ค่ายกลดาบแปดประตู (ดาบที่ 5)(10 ใน 100 ส่วน)]
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)], [เนตรเพลิงสีทอง (ระดับ 1)]”
“ข้าต้องการค่าประสบการณ์อีกเพียงไม่มากสาหรับเคล็ดวิเศษบรรลุเก้าชีพจรของข้า!”
การฝึกวิทยายุทธ์ทาให้ฟางหยวนรู้สึกถึงขีดจากัดบางอย่าง เขาต้องการอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นก็จะบรรลุระดับได้แต่กลับไม่สามารถย่างเท้าก้าวนั้นได้
นี่เป็นเพราะว่าก้าวนั้นไม่ได้ง่ายดายเหมือนตอนบรรลุระดับชีพจรที่เก้า มันเป็นการสร้างร่างสวรรค์ของผู้ฝึกยุทธ์โดยตรง!
“ข้าไม่อยากเชื่อว่าวิทยายุทธ์ของข้าในที่สุดจะมาถึงระดับนี้ได้!”
ฟางหยวนอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นความก้าวหน้าของค่ายกลดาบแปดประตูของตน
เป็นความก้าวหน้าที่ฟางหยวนไม่ได้คาดคิดไว้มาก่อนแต่เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง อย่างไรเสีย ค่ายกลดาบแปดประตูก็เป็นค่ายกลลับที่ไม่สามารถเปิดเผยออกมาต่อหน้าผู้อื่นได้โดยง่ายก่อนที่เขาจะสามารถแก้แค้นครั้งใหญ่ได้ แต่ว่า การเผยระดับวิทยายุทธ์ของตนออกไปนั้นไม่ได้มีข้อกริ่งเกรงใด
“นอกจากนี้… เมื่อข้าสร้างร่างสวรรค์ได้ ข้าก็จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์แท้จริง ดังนั้น เมื่อต้าเฉียนเข้าสู่ความวุ่นวายอย่างแท้จริง ก็จะมีผู้มีความสามารถและน่าเกรงขามมากมายปรากฏตัวขึ้นและข้าก็จะมีคุณสมบัติที่จะลงมือแก้แค้น!”
ฟางหยวนนั้นซาบซึ้งในตัวอาจารย์ของเขาเป็นที่สุดและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นก็แข็งแกร่ง ฟางหยวนไม่เคยลืมความกระหายการล้างแค้นเลยสักอึดใจเดียว
แต่ว่า ผู้ที่มีความสามารถเหล่านั้นย่อมชาญฉลาด และยังอาจจะทานายเหตุการณ์เบื้องหน้าได้ ดังนั้น ฟางหยวนจึงไม่เคยพูดถึงความตั้งใจของตนออกมาเลยกสักครั้ง
แต่เมื่อฟางหยวนสร้างร่างสวรรค์แท้จริงแล้ว วิทยายุทธ์ของเขาย่อมเหนือกว่าคนอีกมากและยังสามารถป้องกันตนเองจากการพยากรณ์ของผู้อื่นได้โดยธรรมชาติ
“แล้วก็ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถจัดเตรียมหนทางหนีเอาไว้ได้มากนัก แต่มีไว้สักทางหนึ่งก็ยังดีกว่า!”

ในห้องลับแห่งหนึ่งที่ด้านนอกเทือกเขาเก้าสุดยอด
นักพรตเต๋าชราผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ลุกขึ้นยืนและมองไปที่หม้อทองแดงที่มีมังกรสีทองแปดตัวสลักอยู่บนนั้น ใบหน้านิ่งเฉยขณะมองตรงไป
ที่บนพื้น ปากกว้างของคางคกทองแดงนั้นเต็มไปด้วยทองแดงลูกกลมมากมายที่บ่งบอกถึงลางไม่ดี
“ข้าควบคุมมังกรดินของต้าเฉียนแต่ว่า ชะตาของทั้งต้าเฉียนและลมหายใจแห่งผืนดินกลับไม่สามารถเอาชนะพลังชะตาของจ้าวแห่งฝันได้…”
นักพรตเต๋าชรากาหมัดแน่นจนมือซีดขาว ดวงตามีเส้นเลือดปรากฏขึ้นหลายสาย เขาเกือบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
“ในต้าเฉียนมีชีพจรดินมากกว่าหนึ่งพันแห่ง ถึงตอนนี้ กว่าครึ่งล้วนตกอยู่ในมือของศัตรู ถึงแม้ว่าตอนนี้ผลสะท้อนกลับจะยังไม่เด่นชัดนัก จ้าวแห่งฝันย่อมต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปเร็ว ๆ นี้!”
นักพรตเต๋าชราเช็ดสีแดงที่มุมปากก่อนจะเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องลับขณะพึมพา “จ้าวแห่งฝันล้วนแต่เหลือทนนัก… ถึงแม้ว่าพวกเราจะฝึกองครักษ์มังกรซ่อนมาสู้กับพวกเขา พวกเขาก็เพียงแค่สามารถรับมือกับสานักยิ่งใหญ่สานักเดียวได้เท่านั้น ที่เหลือล้วนมีร่างสวรรค์และผู้ใช้พลังธาตุที่แท้จริงของราชสานักต้านทานเอาไว้!”
นอกจากหัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนแล้ว ราชสานักก็สามารถพึ่งพาได้เพียงร่างสวรรค์และผู้ใช้พลังธาตุที่แท้จริงของพวกเขาในการรับมือกับผู้ที่อยุู่ในระดับสวรรค์สูงสุด
แต่ว่า ถึงแม้ร่างสวรรค์แท้จริงและผู้ใช้พลังธาตุที่แท้จริงล้วนเป็นผู้มีพลัง แต่พวกเขาก็เพียงเทียบเท่าจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นสูงเท่านั้น ผู้ที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาก็มีพลังเท่ากับจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เก้า
อย่างไรก็ตาม ต้าเฉียนยังคงมีชะตาฟ้าและราชวงศ์ยังครอบครองเคล็ดวิชาลับที่สามารถรวมพลังชะตาและลมหายใจแห่งผืนดินเข้าสู่ร่างกายของอู่จงและนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้ นี่เป็นคาอานวยพรจากฟ้าและภายในอาณาจักรต้าเฉียนที่พวกเขาสามารถดูดซับมันได้อย่างอิสระ พวกเขาย่อมมีพลังเทียบเท่าปราชญ์ผู้หนึ่ง!
นี่เป็นข้อได้เปรียนที่ทาให้ต้าเฉียนสามารถยืนหยัดอยู่ได้จนกระทั่งถึงวันนี้!
นอกจากนี้แล้ว ในตอนนี้ จ้าวแห่งฝันล้วนแตกหักกับต้าเฉียนหมดแล้ว พวกเขากล้าขัดแย้งกับสวรรค์และยังรบกวนชีพจรดิน ถึงแม้ผู้อาวุโสและราชสานักจะต่อสู้กันมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์
นี่เป็นผลลัพธ์ของการที่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นสู้เหล่าจ้าวแห่งฝันไม่ได้ แผนการมากมายเท่าใดก็เปลี่ยนแปลงเรื่องนั้นมิได้
“ช่างโฮ่ว เป็นอย่างไร?”
ที่ในห้องลับ เงาร่างผอมบางร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ภาพที่เห็นราวกับดวงดาวเริ่มก่อตัวขึ้นและสลายไป เป็นหัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อน!
“สิ่งต่าง ๆ ดาเนินไปไม่ดีนัก…”
นักพรตเต๋าชราช่างโฮ่วส่ายหน้าและพูดต่อ “ข้าเป็นบุตรมังกรแห่งต้าเฉียนและยังมีฝึกตนในฐานะจ้าวแห่งฝัน ข้าโชคดีฝึกฝนได้ถึงระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดและยังอยู่ในตาแหน่งของหนึ่งในแปดมังกรส่งสารซึ่งจับตาดูชีพจรทั้งหมดให้ราชสานัก แต่ว่า ตอนนี้ข้าพ่ายแพ้แล้ว! ก่อนหน้านี้ข้าได้เคยเห็นค่ายกลที่จ้าวแห่งฝันร่ายออกมาที่ในมรดกของปราชญ์ฉางหลี มันคือค่ายกลทาลายหกพิภพ! ทั้งหมดในต้าเฉียนมีหนึ่งพันสองร้อยเจ็ดสิบห้าชีพจร และการมีอยู่ของมันนั้นทาให้ฟ้าและดินรุุ่งเรือง ตราบใดที่ชีพจรกึ่งหนึ่งคงอยู่ พวกมันก็ยังคงประสิทธิภาพไว้ได้!”
“ตอนที่พวกเราโจมตีพวกมันก่อนหน้านี้พวกเราทาลายการจัดเตรียมของพวกมันไปได้ไม่กี่จุด และยังกลายเป็นการเร่งกระบวนการของพวกมันขึ้นมา ตอนนี้ ค่ายกลก่อตัวขึ้นแล้วและพวกเราก็ทาอันใดไม่ได้แล้ว…
ท่านไม่ต้องส่งคนไปสังหารพวกมันแล้ว แค่เตรียมตัวรับสงครามที่กาลังจะเกิดก็พอ! โลกกาลังจะวุ่นวายแล้วในไม่ช้า! แค่ก แค่ก…”
ช่างโฮ่วกระอักไอต่อเนื่องเลือดเปรอะที่บนเสื้อ
หัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนทาได้เพียงเงียบเสียงลง
ร่างกายของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายานั้นแข็งแรง พวกเขาไม่เจ็บป่วยได้โดยง่ายและโดยปกติแล้วยังไม่ได้อ่อนแอ แต่ว่า ผู้อาวุโสผู้นี้นั้นรับหน้าที่จับตามองชีพจรดินและสถานการณ์ปัจจุบันไม่เข้าข้างเขาเลยเมื่อชีพจรมากมายถูกทาลายไป ดังนั้น ความอาฆาตแค้นที่เขาเก็บกักเอาไว้ในที่สุดก็ระเบิดออกทาให้เขาแทบทนรับไม่ไหว
อายุขัยของเขาน่าจะหดสั้นลงหลังจากนี้
“ช่างโฮ่ว ท่านฝึกฝนอย่างสงบเถิด! ยังมีที่ราชครูอีกหลายคนและยังมีข้าคอยดูแลอาณาจักรแห่งนี้!”
หัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนปลอบประโลมช่างโฮ่ว “อ้ะ… ในฐานะหลานของจักรพรรดิ ข้าย่อมหลีกหนีจากสงครามนี้ไม่ได้!”
ผู้อาวุโสช่างโฮ่วยิ้มและจู่ ๆ ก็คว้ามือหัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนเอาไว้ “จ้าวแห่งฝันที่ตามข้ามาในครั้งนี้ล้วนเป็นเพราะมรดกของฉางหลี ข้าเห็นแก่นกลางของมัน ถึงแม้ว่าจะแค่ส่วนเดียว แต่ความลับที่ข้าค้นพบจากในนั้นก็เพียงพอให้พวกเราใช้งานและได้เปรียมขึ้นมา! พวกเราย่อมไม่สามารถต้านรับจ้าวแห่งฝันและฟื้นฟูพลังชะตาของพวกเราได้ แต่พวกเรายังสามารถตายตกไปพร้อมกับพวกมันได้! ท่านจะช่วยข้าหรือไม่?”
“ท่านกาลังจะบอกว่า…”
หัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนโบกมือแล้วเขตกีดกันอันทรงพลังก็ก่อตัวขึ้นทันที ดวงตาของเขาส่องประกายสว่างจ้า

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ