379: โชคร้าย
“ไป๋เจ๋อซาน และพันธมิตรจ้าวแห่งฝัน ข้า ชางซวนเชิงจะสู้กับเจ้าไปจนตลอดชีวิตของข้า!”
ที่มุมหนึ่งของเมืองอวี้ ภายในห้องใหญ่ห้องหนึ่ง อู่จงผู้หนึ่งอ่านจดหมายแล้วร้องคารามออกมาขณะบดขยี้กระดาษในมือเป็นผง
ในตอนนี้ ใบหน้าของเขาแดงก่า เขาอ้าปากกระอักเลือดออกมาคาใหญ่
เลือดสีแดงคล้าเปรอะอยู่บนกาแพงขาวราวกับดอกบ๊วย
“ท่านซวนเชิง?”
ที่ด้านนอกมีเสียงร้องคราง จ้าวแห่งฝันที่ด้านนอกนั้นรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นและรีบแจ้งข่าวออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น ชายชราผู้หนึ่งก็เข้ามา
เขามีท่าทางสงบ สวมชุดคลุมยาวสีดา ผมของเขาเป็นสีเงินยวง และท่าทางยังเต็มไปด้วยพละกาลัง เขามองไปที่กาแพงแล้วก็ขมวดคิ้ว “ซวนเชิง ถึงแม้ว่าเจ้าจะหนีออกมาได้ เจ้าก็ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของ ‘เคล็ดกลืนกินเจ็ดอารมณ์’ เจ้าต้องควบคุมความคิดของเจ้า รู้ไว้ว่าการดีใจ โกรธ หรือเสียใจ ล้วนทาร้ายจิตวิญญาณของเจ้า ตอนนี้ เจ้าก็ให้ตัวเองอายุขัยสั้นลงไปอีกนับสิบปีแล้ว!”
เคล็ดกลืนกินเจ็ดอารมณ์นั้นเป็นผู้ทรงพลังจากสานักเทพปิศาจให้กาเนิดขึ้น กระทั่งราชสานักยังทาอันใดกับมันมิได้
“ข้ารู้… แต่ชีวิตจะมีความหมายอันใดหากข้าไม่สามารถล้างแค้นให้สานักได้? นอกจากนี้ ข้ายังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ผู้หนึ่ง!”
ผู้ฝึกยุทธ์นั้นถือดีนักในด้านพละกาลัง หากเขาต้องยั้งตนเองเอาไว้ แล้วเช่นนั้นเขาจะสามารถฝึกตนจนถึงขอบเขตร่างสวรรค์แท้จริงได้อย่างไร?
ชางซวนเชิงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วสงบใจลง “บอกข้า อีกนานเพียงใดข้าจึงจะออกไปได้?”
“อะแฮ่ม… หากเจ้ากลายเป็นพิการไป เช่นนั้นจะมีชีวิตยืนยาวไปเพื่ออะไร?”
ดวงตาของชายชราเป็นประกายขึ้นวูบหนึ่ง “แต่ว่า ดูจากสภาพตอนนี้ของเจ้าแล้ว หากเจ้ายินยอมพักฟื้นแล้วละทิ้งเรื่องด้านนอกนั้นไว้เสีย ร่วมกับการใช้สมุนไพรบางอย่าง เจ้าจะสามารถอยู่ไปได้อีกร้อยปี”
“แต่ว่า ในช่วงร้อยปีนั้น เจ้าไม่สามารถที่จะมีอารมณ์ความรู้สึกใดได้ และต้องควบคุมตนเองไว้ ห้ามมิให้ไปสู้กับผู้อื่น!”
ชางซวนเชิงหัวเราะ “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะต่างไปจากคนตายที่ใดกัน? ข้าตายเร็วกว่านั้นเสียยังดีกว่า”
เขามองชายชรา จู่ ๆ เสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “ข้าเชื่อว่าราชวงศ์ย่อมรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะดูแลคนที่ใช้การไม่ได้ใช่
หรือไม่? ในเมื่อข้าเองก็มีทายาทแล้ว และยังบันทึกวิทยายุทธ์เอาไว้ในหอวิชายุทธ์ของราชวงศ์แล้ว ข้าย่อมไม่มีคุณค่าใดเหลือ…”
“อะแฮ่ม…”
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป “ซวนเชิง อย่าได้คิดมากไป เจ้าช่วยราชสานักเอาไว้ และพวกเราก็จะดูแลเจ้าไปตลอดชีวิตที่เหลือ…”
“แล้วหากข้าไม่ต้องการให้ดูแลเล่า! ข้าแทบจะเรียกได้ว่าพิการไปแล้ว และต้องการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด อยู่ต่อไปก็มีแต่รบกวนพวกท่านทั้งหมด…”
ชางซวนเชิงนั้นกระจ่างดีว่าคาสัญญาของราชสานักนั้นไม่ได้มีค่าอันใดมาก พวกเขาอาจจะรักษามันไว้ได้สักปีหรือสองปี แล้วความร่วมมือที่เคยมีมาในอดีตก็จะถูกปัดทิ้งไป
นอกจากนี้ ใช้ชีวิตอยู่โดยไร้จุดมุ่งหมายจะมีประโยชน์อันใด?
“ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด? เจ้าตั้งใจจะทาอะไร?”
“ในฐานะหัตถ์เทวะแห่งราชวงศ์ ท่านสามารถคืนชีพให้แก่คนตายและฟื้นคืนเลือดเนื้อและกระดูกได้ ท่านคิดว่าท่านจะกดเคล็ดกลืนกินเจ็ดอารมณ์นี้ไว้ได้นานเพียงใด? อย่าบอกข้าว่าท่านไม่มีวิธี มีคนมากมายอยู่ในราชสานัก และท่านย่อมต้องเคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อนใช่หรือไม่?”
ชางซวนเชิงถามอย่างเยือกเย็น
“เจ้าพูดถูก… สานักเทพปิศาจนั้นไม่ลงรอยกับราชสานัก ดังนั้น มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะเคยพบเจอเคล็ดวิชานี้ที่ใดมาก่อนสักที่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษา แต่ก็ยังมี ‘โอสถเจ็ดมังกรดินสิ้นหวัง’ ซึ่ง อันที่จริงแล้วเป็นการใช้พิษต้านพิษ มันสามารถคืนวิทยายุทธ์ของเจ้า ให้เจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกตินานเจ็ดวัน แต่ว่า ทันทีที่พ้นเจ็ดวันไปแล้ว เจ้าจะตายโดยไม่มีหนทางช่วยเหลือได้อีก!”
ชายชราลูบหนวดยาว มันดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “เจ้าจะแก้แค้นได้อย่างไรภายในเจ็ดวันกัน? ถึงแม้ว่าราชวงศ์และองครักษ์มังกรซ่อนจะช่วยเหลือเจ้า แต่กาลังหลักก็ยังต้องอยู่ในเมืองอวี้เพื่อปกป้องเมืองเอาไว้ เจ้าไม่มีกาลังเสริมพอหรอก!”
“ข้าเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์แท้จริงเท่านั้น และคงไม่สามารถสร้างปัญหาแก่ห้าสานักยิ่งใหญ่ได้มากมายนักหรอก ข้าแค่จะสังหารพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่ข้าจะทาได้!”
ชางซวนเชิงมีสีหน้าประหลาด “ท่านมีบันทึกรายชื่อเหล่าจ้าวแห่งฝันในห้าสานักยิ่งใหญ่ที่มีระดับต่ากว่าสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดหรือไม่? ข้าต้องการข้อมูลทั้งหมดของพวกมันและที่อยู่! ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถแตะต้องจ้าวแห่งฝันระดับสูงได้ ข้าก็ยังสามารถสังหารศิษย์ของมันและทาให้กองกาลังของพวกมันอ่อนแอลงได้”
“ได้!”
ชายชราโค้งตัวลง “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะส่งข้อมูลทั้งหมดมาให้ในทันที!”
เป็นส่งมาในทันทีจริง ๆ
เพียงแค่ครู่เดียว องครักษ์มังกรซ่อนผู้หนึ่งก็เข้ามาพร้อมกับสีหน้าจริงจัง ยื่นถาดใบหนึ่งให้ชางซวนเชิง
บนถาดนั้นมีขวดหยกใสขวดหนึ่ง ในนั้นมียาเม็ดสีดาหนึ่งเม็ด ที่ข้างขวดเป็นกระดาษหนึ่งปึก
“นี่คือโอสถเจ็ดมังกรดินสิ้นหวัง มันทาขึ้นมาจากพิษร้ายเจ็ดชนิดและผสานด้วยพลังมังกร เป็นการใช้พิษต้านพิษ ทันทีที่เจ้ากินเข้าไปก็ไม่มีทางย้อนกลับคืนแล้ว”
น้าเสียงนุ่มนวลของชายชราดังมา “ข้อมูลนี้มีรายชื่อทั้งหมดของจ้าวแห่งฝันผู้มีพรสวรรค์ของห้าสานักยิ่งใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วอยู่ที่ขั้นที่สี่หรือสูงกว่า และยังท่องเที่ยวไปทั่ว…”
ผู้มีพลังนั้นแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามในการจัดการกับเหล่าผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้เลย เขาย่อมสามารถจบการต่อสู้กับจ้าวแห่งฝันเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทาให้กองกาลังในภายหน้าของจ้าวแห่งฝันอ่อนแอลงเช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว หากสามารถสังหารพวกมันได้มากสักหน่อยในเวลาอีกเจ็ดวันข้างหน้า มันก็เป็นการใช้ชีวิตที่เหลือของข้าอย่างคุ้มค่าแล้ว!”
ชางซวนเชิงยังคงมีสีหน้านิ่งเฉยขณะรับถาดมาจากองครักษ์มังกรซ่อน
“หลังจากนี้ ทั้งราชสานักและองครักษ์มังกรซ่อนคงไม่ได้ตามดูแลท่านอีกต่อไปแล้ว ได้โปรดถนอมตัวด้วย!”
ชายชราคารวะลงต่าอีกครั้ง
เขาทาได้เพียงลอบสังหารศิษย์ของเหล่าจ้าวแห่งฝันระดับสูงที่กระทั่งราชสานักก็ไม่ยินดีจะรับความเสี่ยงและลงมืออย่างเปิดเผย
อย่างไรเสีย หากราชสานักต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ห้าสานักยิ่งใหญ่ย่อมต้องตอบโต้กลับรุนแรงขึ้นเป็นสิบเท่า
หากมองจากมุมอื่นแล้ว ชางซวนเชิงก็เป็นคนของสานักจินติ่งซึ่งเพิ่งถูกกาจัดไป
มันจึงเป็นเหตุเป็นผลดีที่เขาจะเสี่ยงลงมือสังหารจ้าวแห่งฝันผู้มีพรสวรรค์บ้าง
ต่อให้จ้าวแห่งฝันของห้าสานักยิ่งใหญ่อยากจะตอบโต้คืนสิบเท่า พวกเขาก็ทาอันใดกับสานักจินติ่งที่ล่มสลายไปแล้วไม่ได้
“อืม!”
ชางซวนเชิงหยิบกระดาษทั้งปึกขึ้นมา กวาดตามองรอบหนึ่งและเผยสายตามาดร้ายออกมา
…
“ผู้อาวุโสนักหลอมก็ยังคงชาญฉลาดในเรื่องนี้นัก…”
ภายในเทือกเขาเก้าสุดยอด ฟางหยวนสะบัดชุดคลุมยาวแล้วลุกขึ้นยืน
เมื่อคิดดูแล้ว ภารกิจเสริมนี้นั้นผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากเกิดเรื่องขึ้นครั้งก่อน หน่วยสอดแนมของราชสานักก็ไม่ได้ตระเวนอยู่ในเทือกเขาเก้าสุดยอดต่อ ดังนั้น ฟางหยวนจึงทาภารกิจนี้สาเร็จโดยง่าย ทั้งหมดที่เขาต้องทาก็คือรอให้ตัวแทนจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรคนใหม่มารับหน้าที่ต่อจากเขา แล้วเขาก็สามารถกลับไปผืนดินมั่งคั่งจินหยางแล้วเก็บตัวต่อได้
แต่ว่า เขาก็ยังรู้สึกเสียดายเล็ก ๆ ที่ไม่มีโอกาสสังหารเมิ่งเหลียนตรง ๆ
“ท่าน!”
ในตอนนี้เอง จ้าวแห่งฝันจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรผู้หนึ่งก็ขอเข้าพบฟางหยวน อ้างว่ามีข่าวร้าย “ห้าสานักยิ่งใหญ่กระจายข่าวออกมาว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์แท้จริงกาลังลงมือเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง เขาสังหารจ้าวแห่งฝันจากไป๋เจ๋อซาน สานักเทพปิศาจ และลัทธิบัวสวรรค์ไปหลายคนแล้ว พวกเราต้องระวังตัวให้มากขึ้น!”
“ร่างสวรรค์แท้จริง? เขากล้าดีอย่างไร?”
ฟางหยวนสงสัยขณะยกมือขึ้นแตะข้างแก้ม
อืม ถ้าหากไม่สนใจด้านการฝึกวิทยายุทธ์ของฟางหยวน ความจริงที่ว่าฟางหยวนนั้นบรรลุระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ย่อมหมายความว่าร่างสวรรค์แท้จริงผู้นี้ก็อาจจะกาลังไล่ล่าฟางหยวนด้วยก็ได้
“เขากล้าสิ!”
จ้าวแห่งฝันจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรหัวเราะ “คนผู้นี้ก็คือชางซวนเชิง เขาเป็นผู้อาวุโสสานักจินติ่งในรัฐจิน… สานักของพวกเขาเพิ่งถูกทาลายและไม่มีใครรอดชีวิตไปได้เลย!”
ในเมื่อชางซวนเชิงไม่มีอันใดให้ต้องเป็นห่วงแล้ว เขาย่อมลงมือเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหดได้อย่างอิสระ
ฟางหยวนพูดไม่ออก “นี่มัน… เหตุใดจ้าวแห่งฝันระดับสูงถึงได้มองข้ามคนอันตรายเช่นนี้ไปได้!”
เมื่อรู้ว่าร่างสวรรค์แท้จริงผู้นี้เสียสติไปแล้ว มันก็นับว่าเป็นโชคร้ายสาหรับผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาแล้ว
“พวกเรารู้ที่อยู่ของเขาหรือไม่?”
“ไม่ ผู้อาวุโสหลายคนออกตามหาแล้ว แต่ว่าคนผู้นี้นั้นเจ้าเล่ห์นัก มันง่ายมากที่ร่างสวรรค์แท้จริงจะซ่อนเร้นร่องรอยของตัวเอง นอกจากเสียจากว่าจะเผชิญหน้ากันนั่นแหละ ดังนั้นมันยากยิ่งนักที่จะตรวจสอบพบ นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถเดินทางได้ไกลกว่าสามร้อยห้าสิบลี้ในวันเดียว ดังนั้นจึงยากเป็นที่สุดที่จะระบุตาแหน่งของคนคนเดียวได้!”
จ้าวแห่งฝันผู้นั้นมีสีหน้าไม่สบายใจนักขณะมองมาที่ฟางหยวน
“เอ่อ… หากเขาต้องการใช้พลังให้ได้ผลสูงที่สุด มันก็ดูเหมือนว่าเขาต้องเข้ามาในดินแดนอันตรายอย่างเทือกเขาเก้าสุดยอดนี่…”
ฟางหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง “ถ่ายทอดคาสั่งลงไปให้เพิ่มระดับการป้องกันขึ้นอีก!”
“ขอรับ!”
จ้าวแห่งฝันผู้นี้ระมัดระวังอย่างมากขณะถอยกลับออกไป เขาเกรงว่าฟางหยวนจะอารมณ์เสียและระบายอารมณ์ใส่เขา
“จริง ๆ เลยนะ…”
เมื่อเห็นกริยานั้นฟางหยวนก็รู้สึกกดดันขึ้นเล็กน้อย “นี่ข้าเป็นคนแบบที่จะเอาอารมณ์มาลงใส่ผู้อื่นหรือ? แล้วยัง… จ้าวแห่งฝันผู้มีพรสวรรค์คนอื่น ๆ ล้วนแต่หาวิธีป้องกันตนเอง แต่สาหรับข้าแล้ว ข้าคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทดสอบวิทยายุทธ์ของข้า”
ตอนนี้เมื่อเคล็ดวิเศษบรรลุเก้าชีพจรของเขาถึงระดับสูงสุดแล้ว เขาก็ต้องการโอกาสที่จะทะลวงสู่ระดับต่อไป
…
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จ้าวแห่งฝันหลายคนมารับตาแหน่งต่อจากฟางหยวนแล้ว
โชคไม่ดีนัก ฟางหยวนไม่พบกับร่างสวรรค์ผู้นั้น
เมื่อมองจ้าวแห่งฝันคนอื่น ๆ อย่างหวงหลง ลู่ซวนจื่อ แลกระทั่งเมิ่งเหลียนถอนหายใจโล่งอก ฟางหยวนก็ได้แต่รู้สึกผิดหวังขึ้นไปอีก “เป็นไปได้ไหมว่าชางซวนเชิงนั้นถูกจ้าวแห่งฝันระดับสูงสักคนจับตัวไปแล้ว ไม่อย่างนั้น ด้วยสภาพพื้นที่ได้เปรียบอย่างในเทือกเขาเก้าสุดยอด เหตุใดเขาจึงยังไม่มา?”
หากจ้าวแห่งฝันคนอื่น ๆ รู้ว่าฟางหยวนกาลังคิดอะไรคงจะพูดไม่ออกกันหมดเป็นแน่
พวกเขาส่วนมากแล้วล้วนหวาดกลัวว่าศัตรูเก่งกาจผู้นี้จะเข้าถึงตัวและไม่มีใครคิดว่าจะมีผู้อื่นรอคอยที่จะพบกับศัตรูเช่นนี้
“เอาละ การส่งมอบหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย!”
จ้าวแห่งฝันที่นาคนมารับหน้าที่ต่อนั้นเป็นเพียงจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ เขาพยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฟางหยวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง การจัดแจงที่จุดชีพจรนี้ก็สามารถเปิดใช้งานได้และจะคงอยู่ไปได้โดยไม่ถูกทาลายลงโดยง่ายอีกนาน ดังนั้น ตั้งแต่นี้ไป พวกเขาก็เพียงแค่ต้องส่งคนมาดูเป็นครั้งคราวเท่านั้น
“อืม!”
หลังจากได้รับคายืนยันว่าภารกิจของพวกเขาสาเร็จแล้ว จ้าวแห่งฝันหลายคนก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อนานไป พวกเขาทั้งหมดล้วนออกจากสถานที่ที่ราวกับนรกนี้อย่างรวดเร็ว
“ผืนดินมั่งคั่งผืนใหญ่… น่าเสียดายที่ต้องถูกซ่อนเอาไว้!”
ฟางหยวนตามจ้าวแห่งฝันเหล่านั้นไปขณะคิดกับตนเอง
บางที เขาอาจจะเริ่มวางแผนการเข้ามารับตาแหน่งอารักษ์แห่งเทือกเขาเก้าสุดยอดนี้หลังจากนี้อีกสักหลาย ๆ ปี
สาหรับเขาแล้ว นี่คือผืนดินมั่งคั่งที่งดงามที่สุดที่เขาจะสามารถร้องขอได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเช่นนี้ มันเป็นเหมือนเป็นสถานที่ปลอดภัย
เมื่อมีเขานาทาง กลุ่มของจ้าวแห่งฝันก็มาถึงทางออกอย่างรวดเร็ว
“เอาละ หลังจากผ่านตรงนี้ไปพวกเราก็จะออกไปจากเทือกเขาเก้าสุดยอดแล้ว ดูแลตัวเองด้วย!”
ฟางหยวนโบกมือ เจตจานงเวทย์ของเขาสั่นขณะแสร้งยิ้มออกมา
“ท่านก็ดูแลตนเองด้วย!”
ลู่ซวนจื่อและหวงหลงคารวะลงขณะที่เมิ่งเหลียนซึ่งมีความคิดบางอย่างอยู่หัวเราะอยู่ข้างในใจ ‘ยิ่งเจ้าปีนสูงขึ้นไปเร็วเพียงใด เจ้าก็จะยิ่งตกมาอย่างรุนแรงเท่านั้น พวกเราจะรีบออกไปจากที่นี่และทิ้งเจ้าเอาไว้
เพราะเจ้าอาจจะเป็นตัวปัญหา มันไม่ใช่เรื่องตลกหากพวกเราต้องเข้าไปพัวพันกับการสังหารโหดของร่างสวรรค์แท้จริงผู้นั้น’