382: แผนการทั้งหมด
ในอาณาจักรแห่งฝัน หอสัมฤทธิ์
“อะไรนะ? ฟางหยวนได้ร่างสวรรค์แท้จริงแล้ว?”
ผู้อาวุโสนักหลอมถือยันต์ส่งข่าวเอาไว้ในมือขณะที่ความรู้สึกตกใจนั้นปรากฏอยู่เต็มใบหน้าของเขา “ถึงแม้ว่าข้าจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องต้องเกิดขึ้น แต่ข้าก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้และยังสังหารชางซวนเชิงด้วย!”
ชางซวนเชิงนั้นมีชื่อเสียงในต้าเฉียนว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับร่างสวรรค์แท้จริงของสานักจินติ่ง
ตอนนี้เมื่อเขาถูกสังหารโดยผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่งได้ร่างสวรรค์แท้จริงมา ชื่อของฟางหยวนก็แพร่ไปไกล
“ชิงมู่และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ คงกระวนกระวายมากแล้วตอนนี้ เหอเหอ…”
ผู้อาวุโสนักหลอมลูบคาง เขารู้สึกภาคภูมิใจเล็ก ๆ แต่ว่าก็พูดไม่ออกไปด้วยในเวลาเดียวกัน “ใครจะคิดว่าจ้าวแห่งฝันผู้มีพรสวรรค์ของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรจะสามารถฝึกวิทยายุทธ์จนแข็งแกร่งยิ่งกว่าฝึกตนในฐานะจ้าวแห่งฝันเสียอีก…”
“ผู้อาวุโส เฟิงซินจื่อขอเข้าพบ!”
จ้าวแห่งฝันผู้หนึ่งมาถึงที่ประตูทางเข้าหอ เป็นเฟิงซินจื่อ
“เข้ามา!”
ผู้อาวุโสนักหลอมโบกมือ เขาเปิดประตูหอออกด้วยท่าทีสงบ
“คารวะผู้อาวุโส!”
เฟิงซินจื่อเดินเข้ามาแล้วคารวะลงอย่างนอบน้อม เพิ่งไม่นานมานี้เองที่เขานอบน้อมและดูขลาดกลัวยิ่งขึ้นต่อหน้าผู้อาวุโสนักหลอม เป็นเพราะความหวาดกลัวใช่หรือไม่?
“อืม เจ้ารู้หรือยังว่าฟางหยวนสร้างร่างสวรรค์ได้สาเร็จและตอนนี้ก็ได้ร่างสวรรค์แท้จริง ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับพวกเราผู้ทรงพลังแล้ว?”
เห็นท่าทีของเฟิงซินจื่อแล้วผู้อาวุโสนักหลอมก็หัวเราะ
ไม่ว่าเฟิงซินจื่อจะจงรักภักดีเพียงใด เทียบกับพลังการต่อสู้ที่ร่างสวรรค์แท้จริงนามาให้ได้แล้วทุกคนก็รู้ดีว่าควรจะเลือกอะไร
“อะไรนะ?”
ข่าวนี้ช่างน่าตกใจและเฟิงซินจื่อก็นิ่งอึ้งไป “เป็นไปได้อย่างไร?”
“ข่าวนี้ได้รับการยืนยันโดยผู้อาวุโสสองคนจากลัทธิบัวสวรรค์ว่าเป็นความจริง… น่าเสียดายที่ครั้งหนึ่งเจ้าเคยสนิทสนมกับฟางหยวน แต่ว่าตอนนี้เจ้าทั้งคู่กลับแตกหักกันเสียแล้ว…”
ผู้อาวุโสนักหลอมส่ายหน้า
“ผู้อาวุโส!”
ได้ยินข่าวนี้แล้วก็ราวกับผู้อาวุโสนักหลอมราดน้าเย็น ๆ ถังหนึ่งใส่เขา เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและทันใดนั้นก็มองขึ้นไปหาผู้อาวุโสนักหลอม “ผู้อาวุโส… ให้โอกาสข้า! ให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง!”
“เจ้าสมควรแล้ว!”
ผู้อาวุโสนักหลอมส่ายหน้า “เหล่าผู้อาวุโสปรึกษากันเรื่องนี้แล้ว พวกเราจะลดระดับสิทธิ์ของเจ้าเป็นผู้ฝึกตนบรรณที่สามและเนรเทศเจ้าไปทาหน้าที่ที่หุบเขายะเยือกห้าสิบปี!”
“ผู้อาวุโส!”
เฟิงซินจื่อนิ่งงันไป “ข้าภักดีต่อท่านและสมาพันธ์ ท่านทาเช่นนี้กับข้ามิได้!”
“เจ้าเสียสติไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสนักหลอมมีสีหน้าจริงจังขึ้นและยังแผ่รังสีสังหารออกมา
เขารู้ว่าเฟิงซินจื่อแอบลงมือจัดการกับฟางหยวนด้วยตนเอง แต่ว่า ในเมื่อเขาลงมืออย่างลับ ๆ ตราบใดที่ไม่ถูกเปิดเผยออกมา ผู้อาวุโสนักหลอมก็สามารถปล่อยเขาไว้ได้
แต่ว่า ฟางหยวนตอนนี้นั้นเป็นร่างสวรรค์แท้จริงแล้ว! นอกจากนี้ ในช่วงเวลาอันตึงเครียดเช่นนี้และมีเพียงผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่จะได้รับการยอมรับ ถึงแม้ว่าเฟิงซินจื่อจะยังมีข้อต่อรองด้วยความสัมพันธ์เก่าแก่ที่มีกับฟางหยวน ผู้อาวุโสนักหลอมก็ยังสงสัยว่ามันจะใช้การได้มากน้อยเพียงใด
‘น่าเสียดาย… หากเพียงแต่เฟิงซินจื่อสามารถอดกลั้นความริษยาเมื่อตอนนั้นเอาไว้แล้วสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฟางหยวน อย่างนี้เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น! นอกจากนี้ เขายังจะมีศักยภาพพอที่จะได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวนเพื่อเพิ่มพูนระดับการฝึกตนของตนเอง ตอนนี้เมื่อทุกอย่างมาถึงระดับนี้แล้ว เขาจะยังทาอันใดได้อีก?’
“กลับไปเสีย!”
มองท่าทีขลาดเขลาของเฟิงซินจื่อ ผู้อาวุโสนักหลอมก็โบกมือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใด
เฟิงซินจื่อยังงุนงงอยู่ขณะเดินออกจากหอสัมฤทธิ์แล้วหายตัวไป
“พวกเด็ก ๆ อยู่ที่ไหน?”
ผู้อาวุโสนักหลอมส่งคาสั่งลงไป
“นายท่าน!”
เด็กมังกรเพลิงก้าวออกมาคารวะลง
“นาของขวัญไปในนามของข้าและเดินทางไปยังผืนดินมั่งคั่งจินหยางเพื่อแสดงความยินดีกับเขา!”
ไม่ว่าอย่างไร ฟางหยวนก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายเขา ตอนนี้พวกเขาได้ร่างสวรรค์แท้จริงเพิ่มมา ฝักฝ่ายของพวกเขานี้ก็แข็งแกร่งขึ้นและดังนั้นมันก็คุ้มค่าที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฟางหยวนเอาไว้
ก้าวแรกก็คือการเนรเทศเฟิงซินจื่อ และก้าวที่สองย่อมเป็นการแสดงความยินดีต่อฟางหยวน
“ขอรับนายท่าน!”
เด็กมังกรเพลิงถอยออกไปแล้วหายลับไป
…
ในผืนดินมั่งคั่งจินหยาง
เห็นฟางหยวนกลับมาอย่างปลอดภัย เมิ่งเทียนและเมิ่งกวงก็ยินดียิ่งนัก
อย่างไรเสียฟางหยวนก็ปฏิบัติกับพวกเขาเป็นอย่างดีและยังส่งข้าววิญญาณกลับมาที่ผืนดินมั่งคั่งเป็นประจา เขายังชี้แนะพวกเขาเรื่องวิทยายุทธ์ มันยากมากที่จะมีเจ้านายที่ดีอย่างฟางหยวนผ่านเข้ามา
ผืนดินมั่งคั่งจินหยางนั้นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้สลักสาคัญและยังไม่ดึงดูดความสนใจของราชวงศ์ ดังนั้น ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมันก็ยังค่อนข้างสงบสุข
ดังนั้น เมื่อฟางหยวนเข้ามาในค่ายกลแล้ว เขาก็ค้นพบด้วยความตกใจ
ข้าวรวงทองทั้งหกหมู่นั้นพร้อมให้เก็บเกี่ยวแล้ว
ตอนนี้ ความคิดของฟางหยวนนั้นต่างออกไปแล้ว
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตร่างสวรรค์แท้จริง ตอนนี้เขาก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ทรงพลังในต้าเฉียน ดังนั้น เขาย่อมสามารถรักษาความลับเกี่ยวกับข้าวรวงทองของเขาเอาไว้ได้
ดังนั้น เขาจึงสั่งยกเลิกค่ายกลและสั่งเมิ่งเทียนเริ่มกระบวนการเก็บเกี่ยว
ชายร่างล่าสันจ้องมองไปที่ข้าวรวงทองทั้งหกหมู่อย่างไม่อยากเชื่อและฟางหยวนก็ยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าโง่งมของพวกเขา
หากอู่จงทั้งสองรู้ว่าเขาสร้างร่างสวรรค์แล้ว ใครจะรู้ว่าสีหน้าของพวกเขาจะเป็นอย่างไร
“ร่างสวรรค์แท้จริง โดยเฉพาะร่างอินทรีผานกู่ของข้า ทาให้ข้าเป็นหนึ่งในผู้ทรงพลังที่สุดของอาณาจักรต้าเฉียน ตอนนี้ข้าสามารถปกปิดตัวตนจากการทานายของผู้อื่นได้และยังเรื่องอื่น ๆ อีกมาก!”
ฟางหยวนดวงตาเป็นประกาย
ศัตรูของอาจารย์ของเขานั้นร้ายกาจ ถ้าเขาดึงดูดความสนใจมากเกินไปและยังถูกนักทานายฝันผู้อื่นทานายถึงได้ ศัตรูก็อาจจะบุกมาสังหารฟางหยวนที่นี่ได้
ก่อนหน้านี้ เขาไม่กล้ากระทั่งคิดถึงการแก้แค้นให้อาจารย์ของเขา
แต่ว่า หลังจากได้เป็นร่างสวรรค์แท้จริง ในที่สุดเขาก็สามารถคิดถึงเรื่องนั้นได้
“การได้เป็นผู้ทรงพลังนั้นหมายถึงว่ากระทั่งจ้าวแห่งการทานายฝันในระดับสวรรค์มายาขั้นที่เก้าก็ทานายเรื่องเกี่ยวกับตัวข้าได้ไม่ชัด… ไม่ต้องพูดถึงว่าข้ายังสามารถลงมือกับจ้าวแห่งการทานายผู้นั้นได้
ด้วย นอกจากนี้ ข้ายังไม่เคยได้ยินว่ามีจ้าวแห่งการทานายฝันคนใดบรรลุระดับปราชญ์ได้…”
ฟางหยวนนั่งลงขัดสมาธิ ประกายแสงปรากฏที่มือของเขาขณะที่ไข่มุกมังกรน้าปรากฏขึ้น
ไข่มุกนี้โปร่งใสและยังมีประกายลึกลับสลัวรางอยู่ด้านใน แต่ว่า หมอกที่รอบ ๆ นั้นเบาบางลงกว่าก่อนหน้า
นี่คือมรดกของปราชญ์ฉางหลี ก่อนหน้านี้ ระดับการฝึกตนของเขานั้นต่าเกินไปและเขาก็ถูกจากัดเอาไว้แค่ข้อมูลที่ด้านนอก
“ตอนนี้ ด้วยตัวตนระดับร่างสวรรค์แท้จริงของข้า ข้าน่าจะสามารถทาลายข้อจากัดนั้นได้!”
ฟางหยวนเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นและก็มีเงาสีม่วงแวบผ่านขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
“โฮก! โฮก!”
ที่ด้านหลังเขา รูปเงามายาของยักษ์ปรากฏขึ้น กล้ามเนื้อของมันนั้นละเอียดชัดและยังมีรอยประทับรูปอินทรีอยู่บนผิว พลังที่สัมผัสได้จากยักษ์นั้นก็ราวกับจะแยกสวรรค์ได้
หมอกสีเขียวปรากฏขึ้นแล้วเข้ามารวมตัวกันเกิดเป็นรูปขวานเล่มหนึ่ง ยักษ์ตนนั้นยกขวานขึ้นแล้วตวัดเข้าใส่ไข่มุกมังกรน้า
“แกร่ก!”
หลังจากเสียงแก้วแตกดังมา ประกายสลัวในไข่มุกก็ระเบิดออกแล้วข้อมูลกลุ่มหนึ่งก็ลอยออกมาเกิดเป็นรูปอักขระเวทย์
“ตอนนี้แหละ!”
ฟางหยวนดวงตาเป็นประกาย เจตจานงเวทย์อันน่าตื่นตระหนกก่อตัวขึ้นเป็นสะพานนาเอาอักขระเวทย์ข้ามมา
“โฮก! โฮก!”
ในไข่มุกมังกรน้า มังกรน้าสีเขียวเหลือบทองตัวเล็กปรากฏขึ้นราวกับมันกาลังช่วยให้กระบวนการดาเนินไปได้ด้วยดี
ในที่สุด ด้วยความกดดันจากทั้งสองฝั่ง อักขระเวทย์สีทองจานวนมากที่ดูไม่ให้ความร่วมมือในตอนแรกก็เริ่มก่อตัวเป็นแม่น้าสีทองสายเล็ก ๆ ไหลเข้าสู่หน้าผากของฟางหยวน
“อ๊าก!”
ฟางหยวนกรีดร้องออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนสมองสั่นระริก
ข้อมูลมากมายไหลเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน ทุก ๆ ชิ้นนั้นล้วนมีพลังของตนเอง หากไม่เพราะว่าฟางหยวนสามารถสร้างร่างสวรรค์ได้แล้ว สมองที่รับข้อมูลมากไปของเขาอาจจะกลายเป็นเสียสติไปได้
“ต้าเฉียน… แหล่งธรรมชาติของจ้าวแห่งฝัน… ค่ายกลทาลายหกพิภพ… ตาข่ายล่องหน…”
การส่งข้อมูลนั้นช้ามากและเสร็จสิ้นลงเมื่อผ่านไปเป็นครึ่งวัน
ในช่วงระหว่างความมึนงง ฟางหยวนก็ตรงเข้าไปนั่งสมาธิ หลังจากสามวันสามคืน ในที่สุดเขาก็จัดเรียงข้อมูลที่ได้รับมาใหม่และเรียงลาดับความสาคัญตามความสนใจของเขา
“ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าค่ายกลที่สมาพันธ์แห่งอาณาจักรร่ายก็คือค่ายกลทาลายหกพิภพ มันสามารถคงอยู่ไปจนชั่วฟ้าดินสลายและยังเต็มไปด้วยพลังอันลึกล้า! จุดประสงค์พื้นฐานที่สุดเลยของมันก็คือการบูชายัญ แทนที่จะจัดการกับราชสานักของต้าเฉียน! อย่างแรกเลยมันจะสร้างจิตสานึกของโลกต้าเฉียนขึ้นมาใหม่ก่อนที่จะรับเอาพลังเพื่อสร้างเป็นขุมกาลังแข็งแกร่งที่สุดในโลกเพื่อให้โลกกาเนิดของจ้าวแห่งฝันเข้ามาได้!”
ฟางหยวนมีสีหน้าเคร่งขรึมและพึมพากับตัวเอง “ช่างลงทุนนัก! ลงทุนมากมายยิ่งนัก!”
ฟางหยวนตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อคิดถึงว่าสวรรค์นั้นอาจจะสังเกตเห็นเขาแล้ว
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นคนของโลกนี้ หากพวกเราทาเช่นนี้กับโลกของตนพวกเราย่อมถูกรังเกียจและอาจจะถูกสังหาร… แน่นอนว่า เพราะเหล่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนั้นเป็นคนที่นี่ที่ได้รับการปกป้องจากรัศมีพลังของพวกตนเอง พวกเขาย่อมยังไม่สังเกตเห็นในตอนนี้ แต่ว่า สวรรค์ของต้าเฉียนย่อมต้องสนับสนุนราชสานักของต้าเฉียน!”
ฟางหยวนดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น
มันก็ไม่น่าประหลาดที่กระทั่งจ้าวแห่งฝันของห้าสานักยิ่งใหญ่ร่วมมือกันแล้วก็ยังไม่สามารถเอาชนะราชสานักได้
ราชสานักและองครักษ์มังกรซ่อนนั้นเป็นเหมือนตัวแทน ศัตรูแท้จริงของจ้าวแห่งฝันก็คือโลกนี้นั่นเอง! โลกต้าเฉียน!
“นี่ยังน่ากลัวยิ่งกว่าอาณาจักรโบราณเสียอีก นี่เป็นโลกที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา!”
ฟางหยวนเริ่มพึมพากับตัวเอง “หากไม่เพราะว่าอันที่จิงแล้วพวกเราก็นับเป็นคนของอาณาจักรนี้ พวกเราก็คงถูกสายฟ้าฟาดตายไปนานแล้วและกระทั่งมิติถ้าของปราชญ์ก็คงถูกทาลาย!”
“ต่อให้พวกเราไม่ทาอะไรเลยตอนนี้ เมื่อแผนการของพวกเราเริ่มต้นขึ้นแล้ว มันก็เป็นคายืนยันสุดท้ายว่าพวกเราจะสู้กับโลกใบนี้ พวกเราย่อมพ่ายแพ้แน่นอนแล้ว!”
“จ้าวแห่งฝันเหล่านี้ล้วนเป็นคนเสียสติจริงแท้!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาล้วนเป็นผู้ข้ามฝัน ฟางหยวนก็ยังชื่นชอบโลกที่เขาอาศัยอยู่และเติบโตขึ้นมา
แต่ว่า เจ้าสานักของห้าสานักยิ่งใหญ่ พวกปราชญ์ กลับมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตนิรันดร์ด้วยการทาลายโลกใบนี้ทั้งใบ!
การกระทาของพวกเขาช่างไร้หัวใจ และฟางหยวนก็รู้ว่าเขาไม่เคยเป็นเช่นนั้น
“ส่วนต่อไปนั้นเป็นส่วนสาคัญ!”
เขาลูบคางตัวเองแล้วกระตุกยิ้มเยาะเย้ยออกมา “ข้าจาเป็นต้องเข้าร่วมกับเหล่าจ้าวแห่งฝันที่บ้าคลั่งเหล่านี้จริง ๆ น่ะหรือ? หรือว่าข้าแค่ช่วยโลกใบนี้? ข้าสังหรณ์ใจว่าหากข้าลงมือขัดแย้งกับเหล่าจ้าวแห่งฝันตอนนี้ ข้าก็จะสามารถได้รับการปกป้องจากโลกนี้และยังอาจจะสร้างจิตวิญญาณแห่งพลังขึ้นมาได้!”
ฟางหยวนผลักเรื่องนี้ทิ้งไปก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องสมาธิ
“นายท่าน!”
เมิ่งเทียนและเมิ่งกวงรออยู่ข้างนอกนานแล้ว “มีผู้ส่งสารมากมายอยู่ที่ด้านนอก… พวกเขาอ้างว่าจะมาแสดงความยินดีที่ท่านบรรลุร่างสวรรค์แท้จริง!”
พวกเขาทั้งคู่กลืนน้าลายและยังมีทีท่าไม่อยากจะเชื่อ
อย่างไรพวกเขาก็กาลังพูดถึงการเป็นร่างสวรรค์แท้จริงเชียว
มันคือหนึ่งในระดับสูงสุดของการฝึกตนในต้าเฉียน แล้วอารักษ์ของพวกเขาจะบรรลุระดับนั้นโดยง่ายได้อย่างไร?
พวกเขาทั้งคู่คิดว่าฟางหยวนนั้นเป็นจ้าวแห่งฝันระดับกลางธรรมดา ๆ ผู้หนึ่งเท่านั้น
“ผู้ส่งสาร?”
เขากวาดเจตจานงเวทย์ออกไปแล้วก็ตรวจพบรัศมีพลังของหลายคนที่ด้านนอกค่ายกลยิ่งใหญ่เก้าสิบเก้าตะวัน คนเหล่านี้นั้น่น่าจะได้รับคาสั่งมาจากเหล่าผู้ทรงพลังจริง ๆ แต่คนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ กลับกัน กลับเป็นเพียงกลุ่มคนรับใช้เท่านั้น
อย่างไรเสีย ในช่วงที่กาลังจะเกิดสงครามเช่นนี้ ใครก็คงไม่มีเวลามากพอที่จะมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองใช่หรือไม่? นอกจากนี้ มันก็นับว่าดีมากแล้วที่ฟางหยวนได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เมื่อคิดว่าเขายังไม่บรรลุระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดด้วยซ้า