Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 384

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 384

384: สองพี่น้อง
สามสิบลี้ทางตะวันตกของภูเขาเมฆหยกนั้นมีทะเลสาบใหญ่จรดเส้นขอบฟ้า แสงอาทิตย์อัสดงสะท้อนอยู่ที่ผิวทะเลสาบ มันเป็นภาพอันงดงาม พื้นที่เกือบสองร้อยหมู่รอบ ๆ นี้นั้นถูกเรียกขานเป็นทะเลสาบเยี่ย
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ แต่กลับไม่ได้มีของวิเศษใดมากนัก มันเป็นบริเวณอันไร้ซึ่งทรัพยากรใด เพราะว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้ฝึกตนหลายคนอาศัยอยู่ที่นี่ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ได้เก่งกาจอันใดนั้นก็เริ่มเข้ามายึดครองพื้นที่และผุู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในพวกเขาก็เป็นเพียงอู่จงขอบเขตเปิดชีพจรเท่านั้น
“ทายาทคนสุดท้ายของท่านอาจารย์น่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่? ครั้งหนึ่งอาจารย์เคยใช้เคล็ดวิชาลับเปลี่ยนสายเลือดของเขา ดังนั้น ต่อให้เป็นคาทานายของจ้าวแห่งฝันหรือว่าคาสาปแช่งสายเลือดของเขาก็ย่อมไม่กระทบกับทุกอย่างที่นี่!”
ฟางหยวนเปลี่ยนมาขี่ม้าและยังสวมชุดแบบผู้ฝึกยุทธ์สีเขียว เขาแขวนดาบยาวเอาไว้ที่ข้างเอวและปรับลักษณะภายนอกให้คล้ายกับเป็นผู้ฝึกตนโดดเดี่ยว
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่กล้ามาที่นี่เพราะพื้นเพของข้าและข้ายังกลัวว่าจ้าวแห่งฝันเสียสติจากไป๋เจ๋อซานจะติดตามข้ามาตลอดทาง แต่ตอนนี้ ข้าบรรลุสู่จุดสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์แล้วและยังได้รับร่างสวรรค์แท้จริง ตอนนี้
ข้าสามารถปกปิดร่องรอยทั้งหมดของตัวเองให้กลายเป็นตรวจสอบไม่ได้ได้แล้ว ในที่สุดข้าก็สามารถมาที่นี่ได้โดยไม่ต้องกังวลอันใด”
ในสายตาของผู้ทานายฝันระดับสูง แม่น้าแห่งชีวิตและชะตานั้นสามารถจาแนกออกไปคล้ายกับการใช้หวีสางเส้นผม
เมื่อคนผู้หนึ่งกลายเป็นผู้ทรงพลังแล้ว คนผู้นั้นก็จะกลายไปเป็นเหมือนหลุมดา ดูดซับสายใยชีวิตและชะตา ดังนั้น จึงสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบได้
“เพิ่งผ่านมาสิบปีเท่านั้น น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรนัก!”
ฟางหยวนสะบัดแส้ม้า ม้ากรีดร้องเสียงดังลั่นแล้วเริ่มควบเร็วขึ้น
เมืองสี่ธาตุ
เมืองนี้นั้นเล็กกว่าเมืองเมฆหยก กาแพงเมืองเตี้ยกว่าและบางส่วนก็พังทลายลงไปแล้ว เกราะของพวกทหารยามล้วนเก่าและกะรุ่งกะริ่ง แต่ทุกอย่างจากในเมืองกลับแผ่บรรยากาศแห่งความตายและชั่วร้ายออกมา
เพราะความจาเป็นในการอยู่รอด พวกเขาถูกบีบคั้นให้ทางานจนถึงขีดจากัดของพวกตนไม่ว่าจะมีทรัพยากรแค่ไหน ซึ่งทาให้พวกเขาต้องดาเนินชีวิตแบบหมาป่าหิวโหย
สภาพแวดล้อมอันยากลาบากทาให้ผู้คนต้องแข็งแกร่งขึ้น
“หยุดก่อน ค่าเข้าเมืองหนึ่งเหรียญเงิน!”
ฟางหยวนถูกรั้งเอาไว้ทันทีที่เข้าประตูเมืองไป
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมีสีหน้าละโมบขณะกวาดตามองเสื้อผ้าของเขา ม้า และถุงของมีค่า และสุดท้ายก็ดาบยาวที่ข้างเอวของเขา เมื่อเห็นทีท่าของเขาแล้ว ทหารยามที่ประตูก็รีบพุ่งมายืนอยู่ตรงหน้าฟางหยวนและตะโกน
“นี่ขอรับ!”
ฟางหยวนยิ้มแสยะและโยนเงินชิ้นหนึ่งออกไป
“หลบไปให้พ้นทางข้า!”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าและสั่งให้เปิดทาง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถเรียกร้องเงินมากกว่านี้ แต่เจ้าหน้าที่รู้จากประสบการณ์ว่าผู้ฝึกตนโดดเดี่ยวที่พกพาอาวุธเช่นนี้นั้นไม่สามารถเข้าไปวุ่นวายด้วยได้
ในเมื่อยังมีคนอื่นอีกตั้งมากให้เขาเลือกได้ เหตุใดจึงต้องเอาตนเองเข้าไปเสี่ยงทาให้คนผู้นี้โกรธเกรี้ยวและทาให้ชีวิตตนเองต้องประสบอันตราย?
ในเมือง มีคนน้อยมาก บรรยากาศโดยรวมนั้นเหมือนทั้งเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย
“โอ้ ใช่แล้ว ความวุ่นวายในอาณาจักรเริ่มต้นขึ้นแล้ว…”
จู่ ๆ ฟางหยวนก็พบว่าหลังจากอาศัยอยู่ที่ผืนดินมั่งคั่งและเทือกเขาเก้าสุดยอดเป็นเวลานาน เขาก็หลงลืมไปว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องเดินทางไปที่ต่าง ๆ เช่นคนทั่วไป
หลังจากการเป็นพันธมิตรกันของห้าสานักยิ่งใหญ่ โลกของผู้ฝึกตนก็ตกอยู่ในความปั่นป่วน ทั้งเก้าสิบเก้ารัฐของต้าเฉียนนั้นล้วนไม่ถูกยกเว้น และเมืองที่ไม่มีผู้ฝึกตนก็ล้วนต้องเผชิญกับช่วงเวลาอันปั่นป่วนเช่นกัน
สิบห้าปีก่อน อู่เยว่จากรัฐหยงนาทหารพร้อมเกราะกว่าสามพันคนก่อกบฏ พวกเขาโจมตีเมืองแล้วเมืองเล่าและตอนนี้ เขาก็ยกตนเองเป็นราชาหยงปกครองเหนือสองรัฐ!
ในปีเดียวกัน ยังเกิดการกบฏจากทางใต้เช่นกัน พวกเขารวบรวมทหารเรือกว่าสองหมื่นเข้าควบคุมการเดินเรือและสังหารทหารจากต้าเฉียน หัวหน้าก็คือจางจิ้น เขาเป็นที่รู้จักในนาม ‘แม่ทัพฟ้า’ ที่มีสิบแปดเมืองและแม่น้าหลายสายทางใต้อยู่ใต้การปกครอง จากัดการเดินทางและการค้าตลอดลาน้าเหล่านั้น
ที่สาคัญที่สุด ใกล้กับเมืองอวี้ก็มีการก่อกบฏเช่นกัน และการต่อสู้ก็ลากยาวไปจนถึงศูนย์กลางของรัฐกลาง ส่งผลกระทบต่อเมืองอวี้ที่เป็นเมืองหลวง!
นี่คือสามกองกาลังกบฏอันทรงอิทธิพลของอาณาจักร และยังมีกลุุ่มกบฏเล็ก ๆ อีกราวสิบกลุ่มก่อการจราจลในรัฐต่าง ๆ ถึงแม้ว่าอิทธิพลจะยัง
กาจัด แต่พวกเขาก็ยังสามารถก่อปัญหาและทาให้ชาวบ้านยากที่จะดาเนินชีวิตอย่างสงบสุข
“พอคิดเรื่องนี้… เหล่ากองกาลังกบฏที่ประสบความสาเร็จล้วนได้รับการสนับสนุนจากจ้าวแห่งฝัน…”
ฟางหยวนหาที่นั่งในเหลาอาหารแห่งหนึ่ง สั่งเนื้อและผักหลายจาน และยังสุราอีกสองกาก่อนที่จะเริ่มดื่มด่ากับมื้ออาหารของตน
“ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทุกแห่งหนภายในค่ายกลทาลายหกพิภพ ต้าเฉียนนั้นไม่สามารถควบคุมมังกรดินเอาไว้ได้แล้วส่งผลให้ปราณแห่งผืนดินแพร่กระจายออกไป… ชีพจรมังกรไร้ความมั่นคงนาไปสู่ความวุ่นวายภายหน้า รวมทั้งการผงาดขึ้นของเหล่ามังกรและอสรพิษ”
ถึงแม้ว่าโลกนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเฟิงฉุย (ฮวงจุ้ย) ฟางหยวนก็ยังสามารถอธิบายด้วยเรื่องกรรมและยังชิ้นส่วนปริศนาที่ปรากฏขึ้น นี่แสดงให้เห็นว่าถึงแม้จะอยู่คนละโลกและอาณาจักร แต่ทั้งหมดนั้นสุดท้ายแล้วก็เหมือนกัน
ตาแหน่งของร้านอาหารนั้นอยู่ที่ใจกลางและยังเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะเก็บเกี่ยวข้อมูลต่าง ๆ
ความสามารถในการทาอาหารของพวกเขายังดีมากเช่นกัน เนื้อนั้นผ่านการหมักและย่างเพียงผิวนอก แต่ว่ายังเหนียวนุ่มและส่งกลิ่นหอม หลังจากกินเนื้อไปหลายคาฟางหยวนก็วางตะเกียบลงจิบสุราขณะฟังเรื่องราวต่าง ๆ รอบตัว
เพราะเจตจานงเวทย์อันทรงพลังของเขา ทุกอย่างในเหลาอาหารแห่งนี้ล้วนไม่สามารถปิดบังเขาได้
“โลกนี้ตกอยู่ในความวุ่นวายแล้ว เมื่อวานนี้ ญาติของข้าหนีออกมาจากลี่หยาง เขาบอกว่าที่นั่นเต็มไปด้วยทหาร และยังเป็นทหารของแม่ทัพฟ้า…”
“เฮ่ย การต่อสู้ที่แม่น้าหลานก็ทาเอาทหารเรือจากราชสานักตายกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครจากทางใต้ป้องกันทัพของแม่ทัพฟ้าได้… ข้าเกรงว่าอาณาจักรต้าเฉียนจะถึงกาลพินาศแล้ว!”
“ใครจะไปสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับต้าเฉียนกัน ต่อให้เปลี่ยนราชา พวกเราชาวบ้านก็ต้องเชื่อฟังพวกเขาแล้วก็จ่ายภาษี ราชาองค์ใหม่คงไม่บีบเราจนถึงตาย เหตุใดต้องเอาตัวเองไปเกี่ยวกับในเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ด้วย? ดื่ม ๆ!”

คนส่วนใหญ่ในร้านอาหารแห่งนี้กาลังพูดคุยกันเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้และยังพูดกันเบา ๆ หลังจากหลายประโยค พวกเขาก็หยุดคุยแล้วเริ่มดื่มซึ่งทาให้ฟางหยวนผิดหวัง
ในตอนนี้เอง ผู้ฝึกตนที่ปลอมตนเป็นผู้ฝึกยุทธ์สองคนเดินเข้ามา กระตุ้นความสนใจของฟางหยวนขึ้น
ชายหนุ่มสองคนนี้สะพายดาบยาวเอาไว้แล้วยังมีรูปโฉมงดงาม พวกเขาเปล่งประกายอย่างผู้กล้ารุ่นเยาว์ออกมาขณะร้องขอให้จัดโต๊ะมุมส่วนตัวและสั่งอาหารสุรามากมาย
“ศิษย์พี่ การต่อสู้ระหว่างเจ้าสานักฉากับจ้าวฝ่ามืออสนี ผู้อาวุโสฮั่น ต้องน่าสนใจยิ่งนัก!”
ชายหนุ่มที่ดูอายุน้อยกว่าสวมชุดสีเขียวและมีท่าทางตื่นเต้น “หลายปีก่อน ผู้อาวุโสฮั่นนาทั้งตระกูลของเขาไปเมืองสี่ธาตุและแผ่อิทธิพลในเมืองนั้นด้วยฝ่ามือสายฟ้ายิ่งใหญ่ของเขาก่อนที่จะขึ้นครองเมือง ในสิบปีมานี้ ผู้อาวุโสยังคงแข็งแรงดีไม่ต่างไปจากเมื่อหลายปีก่อนเลย! แต่ว่า สานักฉาก็ร้ายกาจและมุ่งมั่น พวกเขาเองก็เป็นสานักที่มีประสบการณ์ ตอนนี้เจ้าสานักฉานั้นให้ความสนใจในสมบัติของตระกูลฮั่น การต่อสู้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว!”
“ศิษย์น้อง เจ้าพูดมีเหตุผล!”
ชายหนุ่มที่ดูอายุมากกว่านั้นอายุราวสิบห้าปีเท่านั้น เขาสวมชุดสีน้าเงิน เขาถือจอกสุราอาไว้ รอยยิ้มฝืดเฝื่อน “อาจารย์สั่งให้พวกเราลงเขามาฝึกฝนแต่ไม่ได้อนุญาตพวกเราเข้าไปวุ่นวายเรื่องเหล่านี้ พวกเราควรรู้ว่าสิ่งใดควรทาแล้วจดจาให้มั่น! ตลอดการเดินทางนี้เจ้าก่อปัญหามากมายให้ข้าพอแล้ว หากเจ้ายังทาเช่นนี้ต่อไป ข้าจาต้องแจ้งอาจารย์เรื่องนี้แล้ว”
ฟังน้าเสียงเขาแล้วก็ชัดเจนว่าเขาเกรงว่าศิษย์น้องของเขาจะก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นและเอ่ยเตือนไว้ก่อน
“อ้ะ ศิษย์พี่ ให้อภัยข้าด้วย! ข้าจะไม่ทาแล้ว!”
ชายหนุ่มชุดเขียวดูจะได้สติขึ้นมาเพราะว่าหวาดกลัวอาจารย์ของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง
“เอาละ หลังจากมื้อนี้ พวกเราก็ไปตระกูลฮั่นแล้วชมดูเรื่องราวกัน!”
ชายหนุ่มชุดน้าเงินสรุป “เจ้าสานักฉา ฉาลี่เฟยและผู้อาวุโสฮั่นแห่งตระกูลฮั่นนั้นเป็นอู่จงผู้เก่งกาจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่บรรลุขอบเขตเปิดชีพจร พวกเขาก็ยังเปี่ยมประสบการณ์และการต่อสู้ในครั้งนี้ย่อมต้องน่าสนใจนัก…”
“แต่ว่าพวกเขาทั้งคู่ล้วนไม่ใช่คู่มือของท่าน!”
ชายหนุ่มชุดเขียวหัวเราะ
“นั่นก็บอกยากแล้ว อย่างไรเสีย ในเมื่อพวกเรามีระดับการฝึกตนเทียบเท่ากัน เคล็ดวิชาของพวกเรา กระบวนท่าลับ และประสบการณ์การต่อสู้ล้วนมีผล…”
ชายหนุ่มชุดน้าเงินยิ้มอย่างมั่นใจ “แต่ว่า หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว ข้าก็ยังพอมั่นใจอยู่”
“ฮึ่ม เจ้ามั่นใจเกินไปแล้ว!”
ได้ยินที่ชายหนุ่มชุดน้าเงินพูด พี่น้องคู่หนึ่งที่นั่งอยู่อีกโต๊ะก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา คนพี่นั้นตบโต๊ะดังปังใหญ่ “เจ้ากาลังพูดว่าอะไร? เจ้ายังเยาว์
และไม่รู้อันใดทั้งนั้น เจ้าจะมารู้ซึ้งถึงพลังของฝ่ามือสายฟ้าของตระกูลข้าได้อย่างไร?”
“เจ้ามาจากตระกูลฮั่น?”
ชายหนุ่มชุดเขียวประเมินพวกเขาก่อนที่จะเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ศิษย์พี่ ข้ามิได้เป็นคนก่อเรื่องนะ”
“ใช่ พวกเราไม่ได้เป็นคนเริ่ม!”
ชายหนุ่มชุดน้าเงินกลอกตา เขาไม่คิดว่าจะขัดแย้งกับตระกูลฮั่นได้ด้วยเพียงคาพูดประโยคเดียว
แต่ว่า ตระกูลฮั่นนั้นก็อาศัยอยู่ที่นี่มากว่าสิบปีแล้วและอิทธิพลของพวกเขาก็แผ่ขยายไปไกล ดังนั้น ก็เป็นเรื่องปกติที่อาจจะเจอเข้ากับคนของตระกูลฮั่นได้
“ฮึ่ม! ข้าคือฮั่นจิงเฟยแห่งตระกูลฮั่น ขอโทษข้า หรือไม่งั้น…”
ชายหนุ่มจากตระกูลฮั่นเหยียดมือขวาออกมาแล้วทุบไปบนโต๊ะ พอเขารวมพลัง โต๊ะที่ดูมั่นคงอย่างมากจู่ ๆ ก็แตกเป็นสองส่วน เป็นการอวดโอ่ความแข็งแกร่งของเขาออกมา จากที่มองด้วยสายตา ฟางหยวนเดาว่าคนผู้นี้น่าจะอยู่ที่ระดับสี่ประตูสวรรค์ และยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา
อย่างไรเสีย ฟางหยวนตอนนี้ก็อยู่ในระดับที่สังหารอู่จงไปแล้วนับไม่ถ้วน ผู้ที่อยู่ต่ากว่าขอบเขตการใช้พลังธาตุล้วนไม่นับเป็นกระไรกับเขาทั้งสิ้น!
แต่ว่า…
มองสองพี่น้องของตระกูลฮั่นแล้ว ฟางหยวนก็กลับไปประเมินชายหนุ่มสองคนนั้น หนึ่งในนั้นคืออู่จง และอีกคนนั้นอยู่ที่ระดับสูงสุดของสิบสองประตูทอง ฟางหยวนอึ้งไป ‘เชื้อสายของท่านอาจารย์จะเย่อหยิ่งและประเมินตนสูงเกินไปแล้ว!’
“ท่านพี่!”
แม่นางน้อยผู้หนึ่งดึงแขนเสื้อฮั่นจิงเฟย “กลับบ้านกันเถิด ไม่อย่างนั้นบิดาจะโกรธเอาได้”
“หลิงเอ๋อร์รอที่นี่ ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าโง่สองคนนั่นสักครั้ง!”
ฮั่นจิงเฟยคารามออกมา
เถ้าแก่ร้านอาหารย่อมจาฮั่นจิงเฟยได้และรู้ว่าเขาเป็นผู้ที่มักจะก่อเรื่องขึ้นมาตลอด แต่ว่า เขากลับยืนยิ้มอยู่ที่ด้านข้างไม่มีความคิดที่จะเข้าไปห้ามการต่อสู้แต่อย่างใด
“ไอ้หยา… ข้าล่ะกลัวจริง ๆ!”
ชายหนุ่มชุดเขียวหยิบไม้ท่อนหนึ่งขึ้นมา เมื่อเขากระชับมือเข้า ที่ร่วงหล่นลงมาจากระหว่างนิ้วกลับกลายเป็นขี้เลื่อยกองหนึ่ง
“เอ๋?”
ฮั่นจิงเฟยอึ้งไป
ถึงแม้ว่าเขาจะวู่วาม แต่เขาก็ดูออกว่าผู้ใดเป็นผู้ฝึกยุทธ์เก่งกาจ เพียงแค่การแสดงกระบวนท่าเล็ก ๆ เขาก็รู้แล้วว่าศัตรูของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเขามากและดังนั้นจึงได้แต่รู้สึกจนปัญญา
‘ชายหนุ่มสองคนนี้อายุเท่า ๆ กับข้าเท่านั้น แล้วใครจะไปคิดว่าระดับการฝึกตนของพวกเขากลับสูงส่งกว่าข้าได้? หาศิษย์น้องยังทรงพลังเพียงนี้ แล้วศิษย์พี่ของเขาจะมิใช่อู่จงเลยหรือ?’
เหงื่อเริ่มผุดที่หน้าผากของฮั่นจิงเฟย เขาไม่ยินดียอมแพ้ ใบหน้าของเขาแดงก่าขึ้นมาเมื่อสถานการณ์เกินจะควบคุมได้แล้ว
“พี่!”
ใบหน้าของฮั่นหลิงเอ๋อร์ซีดเผือดขณะนางเรียกให้พี่ชายดูรอบ ๆ
มองดูสองคนนั้นเป็นกระต่ายไร้ทางสู้ ชายหนุ่มชุดเขียวก็ร่าเริงขึ้นมา “ลืมมันไปซะ… ข้าจะไม่พูดถึงที่เจ้าไม่เคารพพวกเรา ตราบใดที่เจ้าส่งน้องสาวของเจ้ามาเทสุราให้ข้าสามจอกเป็นการขออภัย พวกเราจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น ว่าอย่างไร?”
“!”
ฮั่นจิงเฟยเงียบอยู่ ชายหนุ่มชุดน้าเงินก้มหน้าลงและรู้สึกว่าในที่สุดศิษย์น้องของเขาก็เติบโตขึ้นแล้ว

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ